Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1977

Cover Renegade Immortal 1
BC

1977. จิตสังหารที่ซ่อนอยู่ในสายลมและหิมะ

“ผู้มีพระคุณ เป็นเจ้าจริงๆ! ข้าตามหาเจ้ามานาน เป็นเจ้าจริงๆ!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกมองไปยังฝูงชนรอบๆ จากนั้นก็มองหวังหลิน

C

“เจ้าอยู่ไหน? ท่านพี่ ผู้มีพระคุณของข้าคือคนใด?”

หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ เขาเห็นชัดเจนว่าเหลียนต้าวเฟยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขา หวังหลินถอนหายใจพลางลงมาจากท้องฟ้าและร่อนลงเบื้องหน้า

หวังหลินกระซิบ “คนบ้า…”

ชายหนุ่มเสื้อลายดอกจ้องมองหวังหลินและร้องคำราม “คนบ้า? เจ้านั่นล่ะคนบ้า เจ้ากล้าสาปแช่งข้าได้อย่างไร? ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง ข้าคือราชาที่ทรงพลัง!”

“เอ๋…หรือว่าเจ้าคือผู้มีพระคุณของข้า?” เหลียนต้าวเฟยลูบตาและหมุนรอบหวังหลินสองสามครั้ง ชายหนุ่มชุดเขียวไม่กอดขาไว้อีกแล้วและรออยู่ข้างๆ

“ก็ได้ สมมุติว่าเจ้าเป็นแล้วกัน ตอนนี้ข้าได้ทักทายผู้มีพระคุณแล้ว ขอถามเจ้าหน่อยว่าใครกันที่รังแกปู่ของน้องดอกไม้ข้า? เป็นเขาใช่หรือไม่!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกชี้ไปยังราชครูที่กำลังขมวดคิ้ว

จักรพรรดิเทพส่งเสียงโกรธเกรี้ยวออกมาจากอารามเต๋าเทพ “ต้าวเฟย หากเจ้าทำให้รอบด้านปั่นป่วน ข้าจะขังเจ้าอีกรอบ! นี่มันพิธีแต่งตั้งและลั่วกงก็ท้าประลองเขาแต่พ่ายแพ้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับราชครู ลงมาซะ!”

“หา?” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาสับสนและไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงหันกลับมาคว้าชายหนุ่มชุดเขียวจากด้านหลัง

“ช่วยข้าจัดการที ข้าสับสนนิดหน่อย…ถ้าปู่ของน้องดอกไม้ไม่ได้ถูกราชครูตบตี แล้วใครที่ทำ? เขาท้าประลองผู้มีพระคุณ? นี่มันน่าสับสน…รีบช่วยข้าวิเคราะห์สถานการณ์”

ชายหนุ่มชุดเขียวมีท่าทีขมขื่นพลางมองหวังหลินและจากนั้นเหลียนต้าวเฟยก็พูดขึ้น

“ท่านราชา เราไปกันเถอะ…อ้อ ข้าจำได้ว่าเรายังมีเตาหลอมยาที่กำลังหลอมอยู่ หากกลับไปช้า เม็ดยาจะสูญเปล่า มันเป็นเตาหลอมยาที่ท่านจะมอบเป็นของขวัญให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อไม่ใช่หรือ”

“เม็ดยา? ใช่แล้ว ข้ายังหลอมเม็ดยาอยู่!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกคล้ายกับจำอะไรบางอย่างได้และหันกลับมา แต่เขาก็หยุดชะงักและหันมาคำรามใส่ชายหนุ่มชุดเขียว

“มีบางอย่างผิดพลาด ปู่ของน้องดอกไม้ถูกตบตี ข้ายังจำได้! เจ้า…เจ้า…ฮึ่ม น้องแดง หยุดแกล้งตายได้แล้วและหาว่าใครเป็นคนกลั่นแกล้งปู่ของน้องดอกไม้ ข้าจะตบรางวัลให้เจ้า!”

ชายหนุ่มเสื้อลายดอกสะบัดพัดในมือพลางคำรามใส่ฉวี่ลี่กั๋วที่แกล้งทำเป็นตาย

ฉวี่ลี่กั๋วลืมตาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาเผยรอยยิ้มประจบประแจงและรีบวิ่งขึ้นไป สายตามองชายชราจากตระกูลลั่วที่มีรอยยิ้มขมขื่นและจากนั้นมองหวังหลิน

ทว่าพอสายตาสบกับหวังหลิน ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นเทา ความสั่นเทานี้ออกมาจากส่วนลึกของวิญญาณ เขาจ้องหวังหลินอย่างตะลึงงันคล้ายกับฝันไป ราวกับเขาเคยเจอหวังหลินมาก่อน คนผู้นี้ช่างดูคุ้นตานัก…

“อสูร…ร้าย…” ฉวี่ลี่กั๋วพึมพำออกมาจากความทรงจำบางส่วนที่กำลังจะตื่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทว่านาทีนั้นชายหนุ่มเสื้อลายดอกก็คว้าเอาไว้และเขย่า

การเขย่าทำให้ฉวี่ลี่กั๋วตื่นจากอาการสับสน ใบหน้าซีดเผือดพลางชี้หวังหลินและรีบถอย

“เขา เป็นเขา ท่านราชา เขาเป็นคนทำร้ายปู่ของน้องดอกไม้!”

“ดี เป็นเจ้าสินะ!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกร้องคำรามและหยุดโบกใบพัด เขาคว้าคอหวังหลินด้วยท่าทีดุร้าย

“ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย บีบคอเจ้าให้ตาย!”

หวังหลินหลับตาและซ่อนความเศร้าเอาไว้ เขารู้ว่าเหลียนต้าวเฟยไม่มีความทรงจำใดๆ ของโลกถ้ำ

“ต้าวเฟยไป ไปได้แล้ว!” เสียงโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากอารามเต๋าเทพและมีจักรพรรดิเทพเดินออกมา เขาสะบัดแขนพัดเหลียนต้าวเฟยที่กำลังบีบคอหวังหลินให้ปลิวออกไปเหมือนใบไม้แห้ง ชายหนุ่มชุดเขียวและฉวี่ลี่กั๋วรีบจากไปโดยไม่กล้าอยู่ที่นี่

จักรพรรดิเทพขมวดคิ้วและร้องคำราม “องครักษ์เกราะดำ ส่งเขาไปที่วังและอย่าให้เข้ามาได้!”

“เจ้ารอเดี๋ยว เจ้ากล้าทำร้ายปู่ของน้องดอกไม้ ข้าจะจำเอาไว้…” เสียงจากเหลียนต้าวเฟยค่อยๆ หายไป พอหวังหลินลืมตา เหลียนต้าวเฟยก็หายไปแล้ว เหลือเพียงแสงกะพริบจากค่ายกลเคลื่อนย้าย

“ต้าวเฟยเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่เขากลับมา บางครั้งความทรงจำก็เลือนลาง บางครั้งก็ชัดเจน บางทีเมื่อความทรงจำกลับมาคงจะจำเจ้าได้” จักรพรรดิเทพถอนหายใจ ตอนนี้เขาไม่ใช่มหาชั้นฟ้าหรือจักรพรรดิเทพ แต่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง

หวังหลินขบคิด เขามาที่เมืองหลวงเพื่อมาเจอเหลียนต้าวเฟย แม้อีกฝ่ายจะสูญเสียความทรงจำหวังหลินก็ไม่เสียใจ ตอนนี้เขาต้องการจากไปแล้ว

“ไม่จำเป็นต้องประลองต่อไปแล้ว หวังหลิน ในเมื่อเจ้าผ่านตำหนักระดับสิบเจ็ดของบททดสอบชั้นฟ้า ข้าจะขอมอบตำแหน่งผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนที่ 49 แห่งเผ่าเทพให้!”

“ในเมื่อเจ้ามีผมสีขาวและยังมีเส้นขนจากอสูรสิงโตสวรรค์ เช่นนั้นข้าจะขอมอบฉายาเจ้าว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!”

“เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนของเผ่าเทพมีโอกาสเข้าไปยังสถานที่ปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ ที่นั่นเจ้าจะได้รับโชควาสนาครั้งใหญ่และช่วยวางพื้นฐานต่อการเป็นมหาชั้นฟ้า!”

“แม้แต่ระดับบ่มเพาะก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย คนที่มีสายโลหิตราชวงศ์มีโอกาสเข้าไปที่นั่นได้เพียงแค่สามครั้งในชีวิตเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่มีสายโลหิตราชวงศ์มีโอกาสเข้าไปครั้งเดียวคือหลังจากบรรลุขั้นผู้สูงส่งชั้นเทวะ!”

“เรื่องนี้หาได้ยากยิ่ง หวังหลิน ระหว่างเราอาจมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกันและข้าก็หวังว่าเรื่องนี้จะถูกแก้ไข การบ่มเพาะจุดที่บรรพชนเทพปิดด่านบ่มเพาะถือเป็นเรื่องดี เพื่อที่เจ้าจะได้มุ่งมั่นเป็นตะวันดวงที่หกของเผ่าเทพ!”

“กลายเป็นเสาหลักของเผ่าเทพและแผ่กระจายอำนาจของเผ่าเทพต่อไป!” จักรพรรดิเทพมีสีหน้าจริงใจพลางมองหวังหลิน

“ข้ามีน้องชายคนเดียวเท่านั้น” จักรพรรดิเทพถอนหายใจ

“จงไปจุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ ข้าจะให้ต้าวเฟยไปที่นั่นด้วย บางทีเจ้าอาจสามารถฟื้นคืนความทรงจำเขาในอดีตได้ ตอนที่ข้าพบเขามีสตรีคนหนึ่งอยู่ข้างกันด้วย นางก็ตื่นขึ้นเช่นกันและกำลังทำความเข้าใจอยู่ที่จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ” จักรพรรดิเทพมองหวังหลินอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณมากท่านจักรพรรดิเทพ ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อพิธีแต่งตั้งเท่านั้น ตอนนี้มันก็จบลงแล้ว ข้าคงต้องจากไปก่อน หากข้ามาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ข้าจะมุ่งหน้ามาจุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชน” หวังหลินคำนับฝ่ามือและปฏิเสธรางวัลในการเข้าตำแหน่งปิดด่านบ่มเพาะ

จักรพรรดิเทพขบคิดเงียบๆ เขาพยักหน้าและไม่พยายามชักชวนหวังหลินอีก

พิธีแต่งตั้งจบลงในเวลาบ่าย ขณะที่เหล่าเซียนออกไปจากลานกว้าง หวังหลินก็จากไปเช่นกัน เขาปฏิเสธการเชิญชวนของจักรพรรดิเทพที่จะอยู่ในวังและออกไปผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย

หวังหลินหยุดอยู่คฤหาสน์ลี่เช่นกัน จากนั้นพามังกรสมุทรและหลิวจินเปียวกลับไปในโรงเตี๊ยมที่อยู่เมืองรองทิศตะวันออก

“ข้าเห็นเขา…แม้จะสูญเสียความทรงจำ ตอนนี้เขาดูมีความสุขมาก แค่นั้นก็พอ…” หวังหลินยืนอยู่ข้างหน้าต่างและทอดสายตามองออกไปในท้องฟ้ามืดมิด เขายืนไปตลอดทั้งบ่าย

‘ถึงเวลาจากไปแล้ว…ช่างมันเถอะ ข้าจะไปรับฉวี่ลี่กั๋วและออกไปจากเมืองหลวง…จากนั้นก็ไป…เผ่าโบราณ!’ หวังหลินถอนหายใจ เขาเหนื่อยมากเนื่องจากเจออะไรหลายอย่างในเผ่าเทพและตอนนี้เขาก็มีตำแหน่งและระดับบ่มเพาะขึ้นมาหลายขั้น กระนั้นก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับการสูญเสียความทรงจำของสหาย

‘บางทีข้าคงเข้าใจจักรพรรดิเทพผิดไป…’ หวังหลินนึกย้อนไปถึงพิธีการแต่งตั้ง ความจริงเขาไม่มีเหตุผลที่จะไปต่อต้านจักรพรรดิ แต่มันเป็นเพียงแค่สัญชาตญาณ

‘แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่สามารถไปที่จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพได้ ไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ ข้าไม่สามารถลดความระมัดระวังตัวเพียงแค่ได้ยินไม่กี่คำ’ หวังหลินขบคิดพร้อมกับมีหิมะเริ่มตกลงนอกหน้าต่าง หิมะลอยไปในแสงไฟ จากนั้นหายวับเข้าไปในความมืดมิด

สายลมและหิมะย่างกรายเข้ามาอย่างเงียบๆ เมื่อมันรุนแรงขึ้น เสียงเคาะเบาๆ ดังออกมาจากประตู

เสียงไม่ได้พูดช้าหรือเร็วนักและนางก็พูดเบาๆ

“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ” หวังหลินหันกลับมา ประตูถูกผลักเปิดเบาๆ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อยืนอยู่ตรงนั้น เรือนผมยาวปลิวไสวไปด้านหลัง บนเรือนผมมีเกล็ดหิมะที่ยังไม่ละลายดี ทำให้ความงดงามของนางเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง

“เจ้ามาที่เมืองหลวง ทำไมไม่มาภูเขาจักรพรรดิบ้าง…วันนี้ภูเขาจักรพรรดิไม่มีดอกไม้แดงแต่มีหิมะ หวังหลิน ข้ามาตามคำสั่งของอาจารย์เพื่อเชิญชวนเจ้าไปที่ภูเขาจักรพรรดิ”

“ในเมื่อมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้เชิญขวนช้า ข้าก็ต้องไปอยู่แล้ว” หวังหลินยิ้มบาง

แสงจันทราส่องลงมาผ่านสายลมและหิมะ หิมะกองสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่นานคนที่ผ่านก็น้อยลงด้วยเช่นกัน หวังหลินและไฮ่จื่อก้าวเดินไปบนหิมะ ทั้งสองทิ้งรอยเท้าไว้ทางยาวแต่ไม่นานก็ถูกหิมะปกคลุมอีกครั้ง

“นอกจากสถานที่พิเศษไม่กี่แห่งในเมืองหลวง เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายพริบตาได้ มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ห่างไปไม่ไกล ดังนั้นเราจะไปถึงภูเขาจักรพรรดิในเวลาไม่นาน”

“จากที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ เจ้าตั้งใจจะไปแล้ว นั่นเป็นเมื่อใด?” ไฮ่จื่อลอบถามเบาๆ พลางเดินมาข้างหวังหลิน

“หลังจากไปภูเขาจักรพรรดิ ข้าก็จะไปต่อ…” หวังหลินก้าวไปบนหิมะจนเกิดเสียงแตกร้าว

รอบด้านเงียบสงัดและเหลือเพียงเสียงหิมะ ราวกับเสียงสายลมหได้หายไป ถนนสายยาวแห่งนี้มีบ้านทั้งสองฝั่งมืดสนิทและดูสลัว ภายในหิมะคล้ายกับมีจิตสังหารซ่อนอยู่ในนั้น!

หวังหลินพลันหยุดเดินและมีแววตาเย็นเยียบ เขารู้สึกถึงอันตรายรุนแรง ไฮ่จื่อหยุดลงเช่นกันและหันไปมองรอบๆ

“มีผนึกผันผวน!”

“ไม่มีใครรู้ว่าข้ามาหาเจ้า!” ไฮ่จื่อรีบอธิบาย

หวังหลินขบคิดแต่แววตาเย็นเยียบรุนแรงยิ่งกว่า จากนั้นทอดสายตามองออกไปไกล

สายลมและหิมะกำลังรุนแรงมากยิ่งขึ้น…

………………………………………

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!