220. เม็ดยา
ลี่มู่หวานยกศีรษะขึ้นขณะมองไปที่หวังหลิน ใบหน้านางค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับพูดขึ้น “ท่าน…ท่านเข้ามาได้” นางขยับร่างออกไปจากประตูทางเข้า
หวังหลินไม่ได้กล่าวอะไรขณะเดินเข้าไป เมื่อเขาเดินผ่านลี่มู่หวาน กลิ่นหอมที่ทำให้หัวใจโบยบินพลันแตะจมูก หวังหลินหยุดและมองไปที่ลี่มู่หวาน ทั้งสองเข้ามาใกล้กันและกันมาก หวังหลินเห็นใบหน้าเธอชัดๆยิ่งกลายเป็นสีแดง แม้กระทั่งคอของนางก็เริ่มแดง
สายตาหวังหลินไม่เยือกเย็นอีกต่อไปขณะที่เขารวบแขนรอบเอวลี่มู่หวาน ร่างลี่มู่หวานอ่อนนุ่มขึ้นอีกครั้งและนางซบลงหน้าอกหวังหลิน หวังหลินสัมผัสถึงหัวใจลี่มู่หวานที่เต้นรัวอย่างเร็ว
ผ่านไปเวลานานลี่มู่หวานกัดริมฝีปากเล็กน้อยและผลักหวังหลินออกห่าง นางมองหวังหลินและถามขึ้น “ทำไมท่านถึงดูแตกต่างจากเมื่อก่อน?”
หวังหลินปล่อยมือลี่มู่หวาน เขาตรวจสอบห้องจากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ลี่มู่หวานรินน้ำชาให้จากนั้นนั่งลงรอคอยคำตอบ
หวังหลินยิ้มบางและกล่าวขึ้น “หม่าเหลียงเป็นร่างที่ข้าสิงร่าง ส่วนนี่คือร่างจริงของข้า”
ลี่มู่หวานกระพริบตาและถามรวดเร็ว “งั้นชื่อจริงของท่านคือหวังหลินหรือ? ทำไมระดับฝึกฝนของท่านแตกต่างจากที่ข้าเห็นเมื่อไม่นานมานี้เล่า?”
หวังหลินพยักหน้า หลังขบคิดชั่วขณะเขาจึงตอบออกมา “หวานเอ๋อร์ เมื่อใดที่มีเวลาข้าจะบอกเจ้า ตอนนี้ข้าต้องการจะถามว่ามีเม็ดยาที่ทำให้ขั้นพื้นฐานลมปราณบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดในสองเดือนไหม?”
ใบหน้าสุดสวยของลี่มู่หวานเผยแววครุ่นคิด นางกระซิบ “มีเพียงหนังสือโบราณบางเล่มบันทึกเม็ดยาที่ทำให้คนผู้หนึ่งบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดในเวลาอันสั้นได้ แต่สูตรเม็ดยาพวกนั้นส่วนใหญ่สูญหายหรือวัตถุดิบสูญพันธุ์ไปแล้ว และการหาวัตถุดิบทดแทนเป็นเรื่องยากมาก”
ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งแต่จิตใจตกต่ำ หากไม่มีเม็ดยาเช่นนั้นเขาจะบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดในสองเดือนได้เช่นไร? เรื่องนี้เป็นปัญหาเคร่งเครียดอย่างมาก
ลี่มู่หวานขมวดคิ้วค้นหาความทรงจำอย่างละเอียดพร้อมกับนั่งถัดจากหวังหลิน
หวังหลินไม่ได้รบกวนนาง เวลาสองร้อยปีไม่ได้ทิ้งรอยเหี่ยวย่นไว้บนตัวนางเลย นี่ทำให้หวังหลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นางไม่ดูมีอายุแต่กลับยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนยิ่งนัก อีกทั้งยังมีร่องรอยความเหย่อยิ่งแฝงไปด้วยความสง่างาม
สูตรยาและหนังสือหลากหลายเล่มแตกต่างกันผ่านในใจลี่มู่หวาน หลังผ่านไปเวลานาน ดวงตาของนางพลันสว่างขึ้นทัน นางรีบพูดขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงแห่งความสุข “ข้ากำลังคิดถึงหนทางหนึ่ง หากว่าขั้นพื้นฐานลมปราณตรงเข้าสู่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เมื่อนั้นแม้กระทั่งทั้งดวงดาวซูซาคุแห่งนี้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีเม็ดยาที่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่หากเราแบ่งปัญหานี้ออกไปจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกก็คือการเปลี่ยนจากขั้นพื้นฐานลมปราณเป็นแกนลมปราณ หลังจากบรรลุขั้นแกนลมปราณก็พยายามหาทางบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิด”
หวังหลินพยักหน้า
ลี่มู่หวานยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางกระพริบตาอันสวยงามไม่กี่ครั้งและเอ่ยขึ้น “หากเป็นการเพิ่มถึงขั้นแกนลมปราณ หวานเอ๋อร์มีเม็ดยาไม่กี่เม็ดที่ทำเช่นนั้น หม่า….พี่หวังทานเม็ดยาอะไรไปบ้างแล้ว?”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยจากนั้นเอ่ยขึ้น “ร่างอวตารนี้ไม่ได้ใช้เม็ดยามากนักนอกจากเม็ดยาเพ่ยหยวน และเม็ดยาสร้างพื้นฐานเท่านั้น”
“เม็ดยาสร้างพื้นฐานหรือ?” ดวงตาลี่มู่หวานเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่นางถามต่อ “หากมันแค่เม็ดยาเพ่ยหยวนก็นับว่าดี นอกจากนั้นมันเป็นเม็ดยาพื้นฐานที่นักปรุงยาส่วนใหญ่เรียนรู้เพื่อปรุงขึ้นมาใหม่ๆ แต่สำหรับเม็ดยาสร้างพื้นฐานนับว่าเป็นเม็ดยาวิญญาณ พี่หวังท่านปรุงขึ้นมาเองหรือ?” เช่นนั้นนางยิ้มอย่างเบาบางและพูดขึ้น “หืม ข้าจำได้แล้ว อาจารย์ของท่าน โจวหลินยังปิดประตูฝึกฝน ข้าเป็นอาจารย์บรรพชนของท่านตอนนี้นี่นา”
ใบหน้าหวังหลินมีสีแดงจางที่หาได้ยากแต่มันหายไปในไม่ช้า เขากระแอมและพูดขึ้น “เม็ดยาสร้างพื้นฐานข้าปรุงขึ้นมาเอง แต่มันผสมกับน้ำพลังปราณที่ข้ามอบให้เจ้าเมื่อก่อน”
ดวงตาลี่มู่หวานเผยความจริงจัง นางยืนขึ้น “ท่านมีน้ำพลังปราณอีกไหม?”
หวังหลินพยักหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
หน้าอกลี่มู่หวานกระเพื่อมขึ้นลงขณะที่นางสูดหายใจลึก “พี่หวัง ท่านมีน้ำพลังปราณเช่นนั้นเหลืออยู่อีกเท่าไหร่? มีมากไหม?”
ฝ่ามือขวาหวังหลินตบกระเป๋าขณะที่เขาวางขวดสีขาวลงบนโต๊ะ
ดวงตาลี่มู่หวานเผยความผิดหวังและพึมพำ “เช่นนั้นคงมีเหลือเพียงหนึ่งขวด เป็นไปได้ว่ามันเป็นสิ่งหายากที่เราจะเริ่มด้วย…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ อีกขวดหนึ่งปรากฎในฝ่ามือหวังหลิน เขาวางทีละขวดจนมีทั้งหมดแปดขวด
ลี่มู่หวานตกใจ หลังผ่านไปนานนางจึงตั้งสติได้ มองแปดขวดตรงหน้าจากนั้นหันไปมองหวังหลินก่อนจะถามขึ้น “พี่หวัง ขวดทั้งหมดพวกนี้เต็มไปด้วยน้ำพลังปราณบริสุทธิ์หรือมีอยู่เจือจางกัน?”
หวังหลินยิ้มบาง “ข้าไม่ได้เจือจางมันหรอก มันเหมือนกับที่ข้าให้เจ้าเมื่อก่อน หรือนี่ไม่พอ? หากเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเพิ่ม”
ใบหน้าลี่มู่หวานเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางจ้องหวังหลินและถามขึ้น “มีอีกหรือ?”
หวังหลินพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ไม่ว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่ ข้ามีให้”
หน้าอกลี่มู่หวานกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเร็ว นางเปิดหนึ่งขวดและมองดูข้างในอย่างระมัดระวัง จากนั้นนางมองหวังหลินด้วยสายตาไม่เชื่อ ผ่านไปนานในที่สุดจึงเรียบเรียงประโยคออกมาได้
“พี่หวัง ท่านรู้ผลลัพธ์ของน้ำพลังปราณนี้ไหม?”
หวังหลินไม่ซ่อนอะไรอีกและกล่าวขึ้นช้าๆ “ข้าใช้น้ำพลังปราณนี้แทนเม็ดยามาเสมอเพื่อเพิ่มระดับฝึกฝน ไม่นานมานี้ข้าสังเกตได้ว่าน้ำพลังปราณสามารถช่วยเพิ่มโอกาสการปรุงยาได้เช่นกัน”
ลี่มู่หวานตกตะลึงอีกครั้ง นางมองหวังหลินอย่างแปลกๆ ผ่านไปนานนางจึงหัวเราะ “พี่หวัง ท่านนี่…ทำสมบัติสวรรค์เสียของจริงๆ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าน้ำพลังปราณนี้มาจากที่ไหน หลังจากทดลองขวดที่ท่านทิ้งไว้ให้ข้า จึงพบได้ว่าหากท่านใช้น้ำพลังปราณระหว่างการปรุงยา มันจะสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างเม็ดยาได้ อีกทั้งหากท่านดื่มมันตรงๆ มันจะป้องกันไม่ให้ท่านแก่ชรา หลังดื่มไปเป็นเวลานานมันจะเพิ่มอายุขัยได้ หากดื่ใช้จำนวนมากเพื่อสร้างเม็ดยา มันจะสร้างเม็ดยาที่ทรงพลังและประสิทธิภาพมากกว่าที่ท่านดื่มหลายเท่า หากมีเพียงหนึ่งหยดไม่นับว่าดีมาก แต่หากมีมากกว่าสิบหยดมันสามารถขายเป็นราคาที่จินตนาการไม่ออกในโลกแห่งเซียนได้”
เมื่อหวังหลินได้ยินเช่นนี้ ดวงตายังสงบนิ่งขณะกล่าวขึ้น “โอ้ เช่นนั้นหากเจ้าใช้สร้างเม็ดยา มันจะเพิ่มโอกาสการบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดใช่ไหม?”
ลี่มู่หวานสูดหายใจลึกและกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ “หากไม่มีน้ำพลังปราณเช่นนั้นข้าไม่มีความมั่นใจที่จะช่วยท่านบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้ ทั้งหมดที่ข้าทำได้คือยกเม็ดยาจำนวนมากให้ท่านและหวังว่ามันจะได้ผลดีที่สุด แต่ด้วยน้ำพลังปราณนี้ ข้ามีมั่นใจสามในสิบส่วนที่จะนำท่านเข้าสู่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดในสองเดือน”
“สามส่วน…” หวังหลินขมวดคิ้วขณะพยักหน้า เขาสัมผัสกระเป๋าและนำเตาปรุงยาออกา เตาปรุงยานี้ได้มาจากหยุนเฟย
“หวานเอ๋อร์ เจ้าจดจำเตาปรุงยานี้ได้ไหม?”
ลี่มู่หวานเพียงมองหนึ่งครั้งและใบหน้านางเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเผยความไม่เชื่อ ผ่านไปนานนางจึงสูดหายใจลึกและถามขึ้น “พี่หวัง ที่ผ่านมาสองร้อยปีท่านไปไหนมากันแน่?”
หวังหลินยิ้มบางและถามขึ้น “อะไร? หรือนี่เป็นสมบัติ?”
ลี่มู่หวานพยักหน้ารัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ต่อต้านไม่ได้
“พี่หวัง เตาปรุงยานี้มีระดับสูงมาก ความจริงหากเทียบกับเตาปรุงยายักษ์ในสำนักเมฆาฟ้า หวานเอ๋อร์สงสัยว่าเตาปรุงยานี้กระทั่งดีกว่าเตาปรุงยาพวกนี้ หากท่านมองเส้นอันซับซ้อนเหล่านี้มันไม่เป็นธรรมชาติแต่เป็นร่องรอยของการปรุงยานับไม่ถ้วนจากเตานี้ สัญลักษณ์พวกนี้บางครั้งบ่งบอกถึงคุณค่าของเตาปรุงยา หากหวานเอ๋อร์เดาถูก สิ่งนี้คือสมบัติหลักของสำนักปรุงยา”
หวังหลินพยักหน้าเงียบๆ การวิเคราะห์ของเขาใกล้เคียงกับการคาดการณ์
ลี่มู่หวานมองกระดาษสีเหลืองด้วยแววตาชวนฝัน “แต่เมื่อเทียบกับเตาปรุงยานี้ เศษกระดาษสีเหลืองกลับล้ำค่ายิ่งกว่า มองไปที่ผนึกบนกระดาษ หวานเอ๋อร์เห็นเพียงร่องรอยสิ่งนี้ในหนังสือเก่าบางเล่ม กระดาษเหลืองเรียกกันว่าผนึกเม็ดยา หน้าที่ของมันคือดูดซับพลังปราณของโลก ขณะที่ผนึกเม็ดยามันจะช่วยหล่อเลี้ยงเม็ดยาในเวลาเดียวกัน วิชานี้เป็นของหายากในยุคโบราณกระบวนการสร้างผนึกเม็ดยาได้สูญหายไปนานแล้วหายากยิ่งกว่าก็คือผนึกเม็ดยาที่สมบูรณ์และมันยังทำงานอยู่กล่าวได้ว่าหากเม็ดยาธรรมดาถูกวางภายในผนึกเม็ดยา ผ่านไปไม่กี่วันมันจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า หากทิ้งไว้นานมาก ผลลัพธ์ของมันจะเพิ่มมากขึ้น”
“เล่าลือกันว่าเม็ดยาฝืนสวรรค์ในตำนานถูกสร้างขึ้นหลังจากวางทิ้งไว้ในผนึกเม็ดยาเป็นเวลาหลายร้อยปี ซึ่งนับได้ว่าผนึกเม็ดยาเป็นตัวการสำคัญในการสร้างเม็ดยาพวกนั้น”
หวังหลินตกตะลึงอย่างมาก เขามองไปที่กระดาษสีเหลืองโดยไม่คิดว่ากระดาษจะมีคุณค่ามากกว่าเตาปรุงยาเสียอีก เม็ดยาแบบไหนที่ถูกผนึกไว้ในเตาปรุงยาหายากนี้และถูกผนึกไปด้วยจะทรงคุณค่าขนาดไหนกัน?
ลี่มู่หวานสูดหายใจลึก นางมองเตาปรุงยาและพูดน้ำเสียงหวานต่อไป “พี่หวัง ท่านอาจจะเดาได้ว่าสมบัติของจริงไม่ใช่ผนึกเม็ดยาหรือเตาปรุงยา แต่เป็นเม็ดยาข้างใน เล่าลือกันว่ามีเพียงเม็ดยาฝืนสวรรค์เท่านั้นที่ถูกวางไว้ภายในเตาปรุงยาแบบนี้และใช้ผนึกแบบนี้ได้ ตอนนี้หวานเอ๋อร์อยากรู้อยากเห็นว่าเม็ดยาแบบไหนถูกผนึกไว้ข้างในกันแน่”