306. ตำแหน่งถ้ำ
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ข้ากลัวว่ามันจะยากมากที่เราสองคนจะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้”
ฉีหูยิ้ม “มันจะยากมากหากเพียงแค่เราสองคน แต่ข้าได้ถามอีกคนหนึ่งแล้ว หากเราสามคนเข้าไปข้ามั่นใจว่าเราจะเข้าไปที่นี่ได้”
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นพลันเอ่ยออกมา “ข้าไม่สามารถให้คำตอบท่านตอนนี้ได้ ขอข้าคิดอีกสักพัก”
ฉีหูพยักหน้า “ย่อมได้! เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร หากน้องเซิ่งตกลงให้เราเจอกันที่นี่ในอีกหนึ่งเดือน หากเมื่อนั้นเจ้ายังมาไม่ถึง ข้าจะไม่รอหรอกนะ” เช่นนั้นเขานำหินหยกอีกขิ้นออกมาและส่งมันไปให้หวังหลิน
หวังหลินรับหินหยกมาและรับรู้ได้ว่ามันเป็นสิ่งเดียวกันที่ได้มาจากหนึ่งในสมาชิกของสำนักต้าโหลว มันใช้เพื่อเคลื่อนย้ายไปรอบๆดินแดนสวรรค์ ทว่าไม่เหมือนกับสำนักต้าโหลวเนื่องจากมีเพียงชิ้นเดียวที่ส่องสว่าง
“เมื่อเจ้าเข้าไปในวังวนให้กระตุ้นหินหยกนี้และมันจะพาเจ้าเข้าไปในชิ้นส่วนที่ถูกต้อง น้องเซิ่งข้าจะรอเจ้าที่นั่น” สิ้นคำฉีหูยกมือคำนับและเดินเข้าไปในวังวน
หวังหลินเก็บหินหยกกลับไปและจากนั้นนั่งลงขัดสมาธิ เขานำธงกฎเกณฑ์ออกมาและให้มันล้อมรอบตัวเขา วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินลอยออกมาพร้อมกับเผยใบหน้าเจ็บปวด หินหยกขนาดเท่าเมล็ดข้าวถูกบังคับออกมาจากวิญญาณดั้งเดิม
หลังหินหยกนี้ถูกบังคับออกมาจากวิญญาณดั้งเดิมของเขา วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินอ่อนแอและดูเหมือนพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อขณะที่มันกลับเข้าร่างหวังหลินอย่างช้าๆ
เวลาผ่านไปพักใหญ่หวังหลินลืมตาขึ้นเผยท่าทางอ่อนแรง
เขามองหินหยกสวรรค์เบื้องหน้าก่อนจะเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋า
ด้วยระดับฝึกฝนของหวังหลิน เขายังไม่สามารถดูดซับพลังปราณสวรรค์ได้นับประสาอะไรกับหินหยกสวรรค์ มีเพียงเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายเท่านั้นที่สามารถลองดูดซับมันเพื่อทะลวงผ่านไปสู่ขั้นแปลงวิญญาณได้
กล่าวได้ว่าที่มีเซียนขั้นแปลงวิญญาณอยู่น้อยนิดเป็นเพราะไม่มีคนมากนักที่สามารถเข้าไปในดินแดนสวรรค์เพื่อได้รับพลังปราณสวรรค์กลับมาเพียงพอ
ในบางสำนักที่มีประวัติศาสตร์หลายหมื่นปี พวกเขาจะเก็บรักษาหินหยกสวรรค์เอาไว้แต่มีเพียงผู้อาวุโสหรือตำแหน่งหัวกะทิเท่านั้นที่สามารถใช้พวกมันได้
การขาดแคลนเซียนขั้นแปลงวิญญาณนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีเซียนเทวะอยู่น้อยนิด
หากมีคนพยายามดูดซับพลังปราณสวรรค์ก่อนที่จะบรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย มันจะไม่กลายเป็นคุณประโยชน์แต่กลายเป็นพิษแทน
หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่น วิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รับความเสียหายหนักแต่โชคดีที่เขามีวิญญาณเร่ร่อนจำนวนมาก หลังจากกินพวกมันไปบางส่วนจึงฟื้นฟูได้เล็กน้อย
พลันตบกระเป๋าและหินหยกสีขาวปรากฎบนฝ่ามือ เขาตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณและพบว่ามันเรียกกันว่าหินหยกสวรรค์ที่คล้ายคลึงกับหินวิญญาณ
ทว่าหินวิญญาณปลดปล่อยพลังปราณ แต่หินหยกสวรรค์ปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์
หวังหลินรู้ได้ว่าเมื่อฝึกฝนหลังจากขั้นแปลงวิญญาณ นอกจากการเพิ่มความรู้ความเข้าใจในเต๋าของตนเองแล้ว พลังปราณจากโลกไม่สามารถใช้ฝึกฝนได้
ยิ่งมีสิ่งนี้ยิ่งดีกว่า
หวังหลินรู้ว่าพลังปราณสวรรค์มีค่าแค่ไหน หากหินหยกนี้ตกอยู่ในดาวเคราะห์ซูซาคุมันจะทำให้เกิดการนองเลือด แม้กระทั่งแคว้นซูซาคุก็จะออกมาเพื่อชิงมันไป
หลังมองหนึ่งคราหวังหลินเก็บหินหยกกลับไป
แม้ว่าวิญญาณดั้งเดิมจะได้รับความเสียหายในการเดินทางครั้งนี้ สมบัติที่ได้รับมานั้นคุ้มค่าแน่นอน หวังหลินสูดหายใจลึกก่อนจะนำของอีกชิ้นออกมา มันเป็นเศษโลหะจากอกของโครงกระดูก
ซุนเล่ยกล่าวไว้ว่าเศษโลหะชิ้นนี้คือสมบัติสวรรค์รูปแบบป้องกันแต่เมื่อหวังหลินถือมันไว้เขารู้ว่าของชิ้นนี้ไม่ใช่สมบัติสวรรค์ได้เลย
ก่อนหน้านั้นมันยุ่งเกินที่จะตรวจสอบใกล้กแต่ตอนนี้หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด
ขณะที่สัมผัสวิญญาณเข้าไปในเศษโลหะ จิตใจของหวังหลินเริ่มวิงเวียนเมื่อข้อมูลเข้ามาในสมองเขา
หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่หวังหลินมีใบหน้าประหลาดใจและแววตาสว่างขึ้น หากข้อมูลที่เก็บในเศษโลหะนี้เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นมันก็มีค่ามากที่สุดในเหล่าของทั้งสามชิ้น
เศษโลหะชิ้นนี้คล้ายกับหินหยก มันบรรจุวิธีการหลอมที่เรียกกันว่า ราชรถสังหารเทพ
จากคำอธิบายของเศษโลหะ โครงกระดูกตัวนั้นเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อเทวดาสมบัติสวรรค์ หลังเขาเข้ามาในดินแดนสวรรค์จึงใช้เวลาทั้งหมดเพื่อหลอมสมบัติโดยไม่สนใจการฝึกฝนเซียนเลย
ความจริงเหตุผลที่เขาสามารถผ่านด่านจนเข้ามาในดินแดนสวรรค์ได้ก็เป็นเพราะมีความฝันว่าชั่วชีวิตของเขาต้องการจะสร้างสมบัติที่ทรงพลังที่สุดขึ้นมา
น่าเสียดายที่ความฝันนี้จบลงด้วยการทำลายล้างของดินแดนสวรรค์และราชรถสังหารเทพจึงไม่เคยบรรลุผลตามที่เขาต้องการและถูกผนึกไว้ในถ้ำ
ก่อนที่ดินแดนสวรรค์ถูกทำลายเขาได้ออกมาเพื่อหาวัตถุดิบไปสร้างงานของตัวเองต่อแต่น่าเศร้าที่เขาตายก่อนจะกลับมาถึงถ้ำ
เขาไม่ต้องการให้การทำงานทั้งชีวิตสูญเปล่าดังนั้นก่อนที่จะตายจึงทิ้งข้อมูลไว้ในเศษโลหะนี้เพื่อคนรุ่นหลังในอนาคตได้เห็น
ข้างในเศษโลหะ เขาได้ทิ้งข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับราชรถสังหารเทพที่เขาไม่เคยทำมันสำเร็จรวมไปถึงรายละเอียดวิธีการสร้างอื่นๆ อีกทั้งได้ทิ้งตำแหน่งของถ้ำตนเองและกระตุ้นให้คนท่ีพบมันเพื่อสืบสานการค้นคว้าของเขาเท่าที่เป็นไปได้
หวังหลินสูดหายใจลึก วิธีการสร้างราชรถคันนี้นับว่าซับซ้อนมาก วัตถุดิบส่วนใหญ่ที่จำเป็นได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้วดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่สร้างขึ้นมาอีกคัน
ทว่าจากรายละเอียดแล้วหวังหลินจึงบอกได้ว่าน่าจะมีราชรถสังหารเทพพวกนี้อยู่ในถ้ำทำให้หวังหลินตื่นเต้นอย่างมาก
หลังครุ่นคิดเล็กน้อยเขายืนขึ้น เก็บธงกฎเกณฑ์กลับไปและเดินเข้าหาวังวน
ผู้คนบนแท่นเห็นหวังหลินจึงถอยห่าง คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่มีระดับขั้นวิญญาณแรกกำเนิดดังนั้นจึงไม่เข้าไปในวังวน พวกเขาเพียงแค่หวังจะขโมยจากคนที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากหนีออกมาจากดินแดนสวรรค์เท่านั้น
หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองพวกเขาขณะกระโดดเข้าไปในวังวน
ข้างในวังวน ร่างกายหวังหลินจมลงไปอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนี้หวังหลินยังลืมตาอยู่ จากข้อมูลของเศษโลหะนั้น ตัวถ้ำอยู่ทางทิศตะวันตกของดินแดนสวรรค์
ทว่าดินแดนสวรรค์ในปัจจุบันอยู่ในสภาวะแตกสลายเป็นชิ้นส่วน ดังนั้นไม่ว่าถ้ำจะยังคงอยู่หรือไม่ ไม่แน่ว่ามันถูกคนอื่นๆค้นพบไปแล้ว
ร่างหวังหลินจมต่อเนื่องจนร่อนลงบนชิ้นส่วนทางทิศตะวันออก
เขามองไปรอบๆก่อนจะเหาะเหินขึ้นไปและกลับไปที่แท่นอีกครั้ง
จากนั้นเขาเข้ามาในวังวนอีกครั้ง หวังหลินทำแบบนี้หลายครั้งจนในที่สุดก็ร่อนลงบนชิ้นส่วนที่อยู่ด้านทิศตะวันตก
ตามรายละเอียดของเทวดาสมบัติสวรรค์ ถ้ำของเขาอยู่ในภูเขารูปทรงพยัคฆ์ หวังหลินมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นภูเขารูปทรงพยัคฆ์ใดๆเลย
เขาขบคิดเล็กน้อย แม้ว่ามันจะหายากยิ่งเขาก็ไม่ล้มเลิกความพยายามและมองไปรอบๆ ระหว่างนี้เขาเจอเซียนอีกสองคนแต่เพียงแค่มองกันและกันก่อนจะผ่านไป
หลายวันต่อมา หวังหลินยังไม่พบสิ่งใดดังนั้นจึงกลับไปที่แท่นและเข้ามาในวังวนอีกครั้ง ผู้คนบนแท่นเห็นหวังหลินกลับมาและเข้าไปในวังวนหลายครั้งแต่ไม่มีใครรู้ว่าหวังหลินกำลังทำอะไรหรือไม่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
วันนี้เองหวังหลินร่อนลงไปอีกครั้งและพบว่าเขาอยู่ฝั่งทิศตะวันออกของดินแดนสวรรค์ หวังหลินถอนหายใจหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกกี่ปีเขาถึงจะค้นหาชิ้นส่วนทั้งหมดทางฝั่งตะวันตกได้
ถ้ำของเทวดาสมบัติสวรรค์ผู้นี้ยากเกินจะหาพบจริงๆ
ขณะที่กำลังจะเหินบินขึ้นไปอีกครั้งเขาพลันสัมผัสแรงผันผวนจากมนต์ร่ายที่อยู่ห่างไกลได้ หวังหลินเห็นสองร่างกำลังเข้ามาทางเขา คนข้างหน้ามีก้อนเมฆสีดำล้อมรอบขณะคนข้างหลังเป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวประดับรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้า
ขณะนี้เองคนข้างหน้าก็สังเกตหวังหลินได้ เขาเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วพลันร้องตะโกน “สหายเซียน ช่วยด้วย!”
เซียนชุดคลุมขาวมีใบหน้ามืดมิดขณะเอาพัดออกมาโบกสะบัด ทันใดนั้นมือยักษ์ปรากฎขึ้นและยื่นออกไปหาคนข้างหน้า
ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีราวกับไม่สามารถหลบมันได้และจะถูกจับ ทว่าทันใดนั้นร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นแมลงขนาดเล็กนับไม่ถ้วนและหนีออกจากกำมือ
เขาปรากฎตัวเบื้องหน้าหวังหลินหนึ่งร้อยฟุต เมื่อสังเกตใกล้ๆแล้วหวังหลินจึงจดจำเขาคนนี้ได้เพราะเป็นชายหนุ่มดวงตากระหายเลือดจากซูซาคุ
หลังเขาปรากฎตัวกลับมีใบหน้ามืดมน เขาไม่ได้วิ่งหนีต่อไปแต่หันกลับไปมองชายหนุ่มชุดขาวที่ไล่ล่าตามหลังมา
ชายหนุ่มชุดขาวมองหวังหลินและคำนับ “สหายเซียนเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่าน โปรดหลีกทาง”
ชายหนุ่มรีบเอ่ยตอบ “สหายเซียน คนผู้นี้พยายามขโมยหินหยกสวรรค์ของข้า หากเจ้าช่วยข้าเราค่อยแบ่งกันก็ได้”
สายตาชายหนุ่มชุดขาวหรี่เล็กขณะเอ่ยขึ้น “เรื่องเหลวไหลอะไรกัน เจ้าต่างหากที่ขโมยจากข้าไป”
หวังหลินขมวดคิ้วเขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พลันถอยหลังและเหาะห่างออกไป
ชายหนุ่มใบหน้าเปลี่ยนสีขณะไล่ตามหลังหวังหลินและร้องตะโกน “สหายเซียนถือว่าเรามาจากดาวเคราะห์เดียวกัน ช่วยข้าสักครั้งเถิด!”
หวังหลินใบหน้ามืดมนขณะหันกลับมาและร้องตะโกน “ไปซะ! อย่าพยายามลากข้าไปเกี่ยวกับเรื่องของพวกเจ้าสองคน หากเจ้ายังตามข้ามาอีก เช่นนั้นอย่าดุด่าว่าข้าโหดร้าย!”
ชายหนุ่มเผยใบหน้าชั่วร้ายขณะนำหินหยกออกมาและโยนไปที่หวังหลินก่อนจะหนีห่างไป
“เมื่อเจ้าไม่เต็มใจช่วยข้า งั้นคงดีกว่าที่ข้านำปัญหาให้เจ้า ข้าไม่ต้องการหินหยกนี้อีกแล้ว!”
ดวงตาชายหนุ่มชุดขาวเรืองแสงขณะที่เลื่อนสายตาจากคนที่กำลังหนีไปที่หวังหลินและเหาะเหินเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองหินหยกสวรรค์ เขาสบัดแขนขวาและส่งหินหยกไปหาชายหนุ่มชุดขาว ชายหนุ่มชุดขาวตกตะลึงและคำนับ “ขอบคุณมาก! ข้าซือหม่าหยุนจากสำนักคุ่ยฉุ่ย เจ้าคือ?”
“เซิ่งหนิว!” หลังจากหวังหลินเอ่ยจบ เขาเหาะเหินห่างไปพลันตัดสินใจค้นหาสถานที่แห่งนี้จากนั้นค่อยเข้าวังวนอีกสองสามครั้ง หากยังไม่สามารถหามันเจอได้คงมีทางเดียวคือตัดใจ
ชายหนุ่มชุดขาวร้องตะโกน “สหายเซิ่ง ข้าค้นหาที่นี่มาแล้วไม่กี่วันก่อนและไม่มีพลังปราณสวรรค์หลงเหลืออยู่อีก ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีตำแหน่งค่ายกลเคลื่อนย้ายของชิ้นส่วนอื่นหรือไม่ เราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้”
หวังหลินหยุดเคลื่อนไหวพลันหันกลับมาและมองชายหนุ่มชุดขาว เขาเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นแต่วิชาที่แสดงก่อนหน้านี้ทรงพลังมาก
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะตบกระเป๋าและนำหินหยกจากสำนักต้าโหลวออกมา เขาใส่พลังปราณบางส่วนเข้าไปและแผนที่ดินแดนสวรรค์ปรากฎขึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่จะมืดมิดทว่ามีราวๆสามสิบแห่งที่ยังส่องแสง
ชายหนุ่มชุดขาวมองแผนที่เบื้องหน้าอย่างละเอียดก่อนจะนำหินหยกของตัวเองออกมา เขาส่งพลังปราณเข้าไปและแผนที่คล้ายกันที่มีชิ้นส่วนราวยี่สิบแห่งปรากฎขึ้น
หวังหลินมองมันหนึ่งคราและตื่นเต้นเพราะชายหนุ่มชุดขาวมีชิ้นส่วนห้าแห่งที่อยู่ทางทิศตะวันตก
ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยขึ้น “สหายเซิ่ง แผนที่ของข้ามียี่สิบเอ็ดแห่งและแปดแห่งในนั้นทับซ้อนกับเจ้า เราค่อยแลกเปลี่ยนกันหลังจากเจ้าล้างส่วนนั้นออกไปดีไหม?”
หวังหลินนำหินหยกเปล่าออกมาและทำสำเนาขึ้นมา จากนั้นล้างตำแหน่งที่ตรงกับชายหนุ่มชุดขาวก่อนจะมองหาเขา
ชายหนุ่มชุดขาวถือหินหยกเปล่าเช่นกันและทำสำเนา เมื่อเขาเสร็จสิ้นจึงโยนหินหยกให้แก่กันและกัน
“สหายเซิ่งหากมีโอกาสมาที่ดาวเคราะห์เงินกระจาย ข้าจะยินดีต้อนรับเจ้าแน่นอน”
หวังหลินพยักหน้า “ย่อมได้!”
“ข้าจะขอตัวก่อน! นับตั้งแต่ที่เจ้าสารเลวนั่นกล้าขโมยของข้า ข้าจะไม่ปล่อยมันไว้แน่นอน” หลังพูดจบเขาหายไปจากจุดนั้น
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเปิดหินหยกที่พึ่งได้รับมาและชี้ไปที่หนึ่งชิ้นส่วนที่อยู่ฝั่งทิศตะวันตก ทันใดนั้นค่ายกลหนึ่งปรากฎขึ้นและหวังหลินหายตัวเข้าไป
บนดินแดนสวรรค์ฝั่งทิศตะวันตก มีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่มีภูเขารูปทรงพยัคฆ์แต่ขณะนี้ภูเขาถูกแบ่งครึ่งออกจากกัน
หวังหลินลอยอยู่ในอากาศขณะมองภูเขาแห่งนี้อย่างสงบนิ่ง
ในที่สุดหวังหลินก็พบภูเขาทรูปทรงพยัคฆ์ในชิ้นส่วนแห่งที่สามที่เขาได้รับมาจากชายหนุ่มชุดขาว แม้ว่ามันจะไม่เหมือนกันซะทีเดียวจากรายละเอียดของเศษโลหะ ทว่ารูปร่างทั่วไปยังอยู่ครบ
ร่างหวังหลินเคลื่อนไหวและลอยเข้าหาภูเขา ณ ตีนเขาหวังหลินพบถ้ำของเทวดาสมบัติสวรรค์
หลังเห็นถ้ำ ใบหน้าหวังหลินมืดมนทันที
ผนังถ้ำแตกเสียหายไปแล้ว อีกทั้งมีสัญลักษณ์วิชาหลายอย่างติดอยู่บนถ้ำ ชัดเจนแล้วว่ามันถูกทำลายมาหลายปีก่อน หวังหลินลอยขึ้นไปในถ้ำอย่างช้าๆ
ตัวถ้ำไม่ได้ใหญ่มากและมันว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง หวังหลินยิ้มอย่างขื่นขม เขาใช้เวลาไปมากเพื่อหาถ้ำแห่งนี้แต่มันยังสายเกินไปก้าวนึง
แต่ขณะนั้นเองแววตาหวังหลินสว่างขึ้นทันที