Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 342

Cover Renegade Immortal 1

342. คนป่าเถื่อนผู้เหลือรอด

หวังหลินวางถ้วยชาและส่ายศีรษะอย่างเงียบๆ เขามองไปทางฉิวซื่อผิงและเอ่ยขึ้น “พี่ซิ่ว หากท่านยอมทุกอย่างและอยู่โดดอย่างเดี่ยว ท่านจะมีโอกาสรู้แจ้งหนทางแห่งสวรรค์ได้”

ฉิวซื่อผิงยิ้มอย่างบูดเบี้ยว เขารู้ว่าคงไม่อาจเก็บความจริงที่ตอนนี้เขากำลังติดตามผู้เฒ่าฮู่ไปได้ เขาเอ่ยขึ้น “บรรลุขั้นตัดวิญญาณ…เป็นเรื่องยากนัก”

ผู้เฒ่าฮู่หยิบถ้วยชาขึ้นและดื่มไปหนึ่งจิบ เขาตกตะลึงกับรสชาติ​“สหายหวัง ชานี่มัน….?”

หวังหลินยิ้ม “ชานี้ไม่ได้มาจากซูซาคุแต่มาจากดาวเคราะห์เซียนแห่งอื่น ข้าบังเอิญได้รับมาระหว่างทางไปดินแดนสวรรค์เมื่อหลายปีก่อน”

ผู้เฒ่าฮู่สูดหายใจลึก เขาจ้องหวังหลินสายตากลับแฝงไปด้วยความลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข่าวลือว่าน้องหวังไปดินแดนสวรรค์จนตัดแขนข้างหนึ่งมาจากผีเสื้อสีชาด หรือน้องหวังจะได้รับพลังปราณสวรรค์มาด้วย?”

วิธีที่เขากล่าวหวังหลินเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

หวังหลินมองผู้เฒ่าฮู่และเอ่ยตอบ “ข้าได้มาบ้างส่วนหนึ่ง”

ดวงตาผู้เฒ่าฮู่สว่างขึ้น เขามองไปยังหวังหลินและเอ่ยอย่างจริงใจ “ข้าสามารถจ่ายเท่าไหร่ก็ได้เพื่อพลังปราณสวรรค์ ข้าหวังว่าสหายเซียนหวังจะขายมันส่วนหนึ่ง”

หวังหลินยิ้มเบาบาง “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ เราสามารถรอจนกว่าจะถึงเวลาทะลวงผ่านขั้นแปลงวิญญาณก่อนก็ได้ ข้าสงสัยว่าสหายเซียนฮู่ไปสุสานอมตะเพื่อสิ่งใด?”

ผู้เฒ่าฮู่ลอบคิดว่าแม้หวังหลินจะไม่ได้ฝึกฝนเซียนมานาน เขาเป็นจิ้งจอกที่สามารถเปลี่ยนหัวข้อได้ง่ายๆ หลังได้ยินหวังหลินพูดเช่นนั้นเขาหัวเราะและเอ่ยขึ้น “นั่นก็จริง เช่นนั้นเมื่อตาเฒ่าคนนี้กำลังจะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ ข้าจะต้องมาหาและขอเจ้าบ้าง ส่วนสุสานอมตะนั้นเจ้าต้องถามสหายเซียนซื่อฉินให้นางอธิบาย”

แม่นางผ้าคลุมหน้ามองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “ท่านอาวุโส ข้างในสุสานอมตะมีต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ ผู้น้อยมีแผนที่ที่สามารถนำทางเราไปที่นั่นได้”

หวังหลินจิบน้ำชาอย่างสงบนิ่ง

แม่นางที่มาพร้อมกับผู้เฒ่าฮู่พลางรินน้ำชาอีกถ้วยให้หวังหลินอย่างเชื่อฟัง นางชำเลืองมองหวังหลินเป็นพักๆ

หลังฉิวซื่อผิงได้ยินคำว่า “ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่” สายตาเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา ซิ่วลั่วเผยใบหน้าเช่นเดียวกัน

แม่นางผ้าคลุมหน้ามองหวังหลินและพบว่าท่าทางเขาไม่เปลี่ยนไปเลยหลังจากได้ยินเรื่องต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ ท่าทางของเขาช่างคล้ายกับผู้เฒ่าฮู่ นางอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ หวังหลินเป็นตัวอันตรายอย่างยิ่งดังนั้นนางจึงไม่สามารถมองผ่านเขาได้เลย ดูเหมือนว่านอกจากความแข็งแกร่งแล้ว ชั้นเชิงของเซียนขั้นตัดวิญญาณนั้นห่างไกลเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดยิ่งนัก

ผู้เฒ่าฮู่มองทางหวังหลินและพบว่าใบหน้าท่าทางของหวังหลินไม่เปลี่ยนไป ตอนนี้เขาเชื่อข่าวลือเกี่ยวกับเซิ่งหนิวมากยิ่งขึ้นแล้ว

“การนั่งอยู่ใต้ต้นแห่งการเกิดใหม่จะทำให้เซียนผู้หนึ่งได้รับประสบการณ์ของวัฎจักรแห่งชีวิตเพิ่มเติม นี่เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับเซียนขั้นตัดวิญญาณเพราะมันทำให้เพิ่มความรู้ความเข้าใจของเขตแดนได้” นางมองไปทางหวังหลิน ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ถูกยั่วยวนเรื่องนี้

น่าเสียดายนางยังไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าหวังหลินเลย

หวังหลินยิ้มบาง เขามองไปทางผู้เฒ่าฮู่และเอ่ยขึ้น “น่าขันนัก เขตแดนของเซียนขั้นตัดวิญญาณเป็นสิ่งที่พวกเขารู้แจ้งด้วยตนเอง ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่นี้อาจจะให้ผลกระทบต่อเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายขั้นสูงสุดหรือไม่ก็เซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นที่ระดับฝึกฝนยังไม่เสถียร ข้าเชื่อว่าผู้เฒ่าฮู่มีเป้าหมายอื่นสำหรับการเดินทางครั้งนี้”

แม่นางผ้าคลุมหน้าพลันตกตะลึง นางมองไปทางผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำและเห็นได้ว่าเขากำลังขมวดคิ้ว

ผู้เฒ่าฮู่หัวเราะร่า เขาไม่พยายามซ่อนมันเลยแต่กลับเอ่ยออกมา “น้องหวังช่างเฉลี่ยวฉลาดจริงๆ ข้านับถือนัก เจ้าพูดถูก”

แม่นางผ้าคลุมหน้าขมวดคิ้วและมองไปทางผู้เฒ่าฮู่

ผู้เฒ่าฮู่หัวเราะ “สหายเซียนซื่อฉินอย่าตำหนิข้าเลย หากมันเป็นเพียงแค่ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ข้าคงไม่ติดตามเจ้ามาสุสานอมตะ สิ่งที่ข้าต้องการคือผลไม้แห่งการเกิดใหม่!” หลังเอ่ยจบเขามองไปทางหวังหลิน “หากไม่มีน้องหวังข้ามั่นใจโอกาสสำเร็จเพียงสามในสิบส่วนเท่านั้น แต่หากน้องหวังเข้าร่วมด้วยข้ามั่นใจถึงหกในสิบส่วน”

“ผลไม้แห่งการเกิดใหม่” แม้ว่าใบหน้าหวังหลินยังคงปกติแต่หัวใจสั่นไหว

เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ ความคิดหวังหลินก็เริ่มทำงานจากนั้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘ผลไม้แห่งการเกิดใหม่’ เขายิ่งมั่นใจยิ่งขึ้น หวังหลินขบคิดเล็กน้อยจากนั้นเอ่ยถาม “หรือผลไม้นั้นมีขนาดเท่ากำปั้นและเปลี่ยนสีทุกสี่ชั่วยาม?”

ดวงตาผู้เฒ่าฮู่ส่องสว่าง เขามองหวังหลินอยู่นานแล้วค่อยเอ่ยตอบ “น้องหวังมีความรู้มากเสียจริง! นั่นคือวิธีแยกแยะผลไม้ สำหรับเซียนขั้นตัดวิญญาณเช่นเรามันเป็นสมบัติล้ำค่า หากกินมันที่ระดับปลายจะเพิ่มโอกาสบรรลุขั้นแปลงวิญญาณถึงสามในสิบส่วน ข้าเพียงเห็นมันในบันทึกโบราณเท่านั้น”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อย จากความทรงจำของเทพโบราณมีผลไม้เพียงไม่กี่อย่างที่ดีเยี่ยมต่อเทพโบราณวัยเยาว์ เนื่องจากร่างกายของเทพโบราณ ผลไม้ส่วนใหญ่นับว่าไร้ค่า แม้กระทั่งผลไม้สวรรค์ก็เพียงเพิ่มพลังปราณได้เล็กน้อยเท่านั้น

มีเพียงผลไม้วิญญาณเพียงไม่กี่หยิบมือที่ส่งผล เมื่อไม่อาจเพิ่มระดับการฝึกฝนของตนเองได้พวกเขาจะป้ายผลไม้เหล่านั้นทั้งหมดบนร่างกาย มันจะเพิ่มรากฐานความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

วิธีนี้เรียกกันในหมู่เทพโบราณว่าการชำระร่างกาย

โดยปกติเทพโบราณที่เป็นผู้ใหญ่จะใฝ่หาผลไม้เพื่อชำระร่างกายเทพโบราณทารกก่อนจะโยนเข้าไปในแกนพลังดาวเคราะห์

เทพโบราณที่ได้ผ่านการชำระร่างกายมาจะมีเส้นชีพจรที่ซ่อนไว้ข้างในร่างกายอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความเร็วในการดูดซับพลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เส้นชีพปรากฎขึ้นอีกครั้งเมื่อตอนที่เทพโบราณบรรลุนิติภาวะ และเมื่อถึงจุดนั้นอันตราการดูดซับพลังปราณจะยิ่งมีระดับอันน่าสะพรึงกลัว

ในยุคโบราณกาล เทพโบราณทุกๆตนจะถูกสิ่งมีชีวิตทุกอย่างตามไล่ล่าก็เพราะที่ไหนที่มีเทพโบราณ ที่นั่นจะไม่มีพลังปราณหลงเหลือให้คนอื่นๆ ทว่าส่วนใหญ่แล้วพวกที่ตามไล่สังหารเทพโบราณคือการจบชีวิตตัวเองลง

มีเพียงหลังผ่านการชำระร่างกายเท่านั้นถึงจะทำให้ร่างหลักของหวังหลินนับได้ว่าเป็นเทพโบราณที่แท้จริง

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “สุสานอมตะ….”

ผู้เฒ่าฮู่เอ่ย “สุสานอมตะแห่งนี้นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังมีพลังอำนาจหนึ่งที่แม้แต่ซูซาคุยังหวาดหวั่น ทว่าตราบใดที่เราไม่เข้าไปลึกเกินเช่นนั้นไม่ควรจะเจอคนเถื่อนที่แข็งแกร่งมากเกินไป”

หวังหลินไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสุสานอมตะมากนัก เขาเพียงรู้จากแผนที่ว่าพื้นผิวของมันมีขนาดใหญ่มาก ทว่าใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่า

ไม่มีใครนอกจากซูซาคุที่จะรู้ว่าในสุสานอมตะมีกี่ชั้นกันแน่

“น้องหวังควรจะรู้ว่าเหล่าคนเถื่อนเป็นชนเผ่าพื้นเมืองของดาวเคราะห์ดวงนี้ เมื่อตอนที่ซูซาคุกลายเป็นแคว้นเซียนระดับหก พวกเขาได้รับดาวเคราะห์แห่งนี้เป็นของขวัญจากพันธมิตรเซียน จากนั้นจึงเกิดสงครามขนาดใหญ่กับคนเถื่อน เดิมทีดาวเคราะห์มีมีชีวิตชีวามากกลับได้ถูกกวาดล้างไประหว่างสงครามและเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์เสียหายไปครึ่งดวงจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็เพราะเหล่าคนเถื่อนพวกนั้น”

“ในระหว่างสงคราม คนเถื่อนเก้าในสิบส่วนถูกสังหาร ผู้รอดชีวิตนั้นได้หลบหนีเข้าไปในสุสานอมตะ ทุกร้อยปีซูซาคุจะส่งเหล่าเซียนนับไม่ถ้วนเพื่อสังหารพวกมันแต่ยังไม่สามารถกวาดล้างได้หมด”

“ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่เติบโตอยู่ใต้ดินและถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าคนเถื่อน อย่างไรก็ตามมันมีทั้งหมดเก้าต้นที่เรามีโอกาส”

“สำหรับผลไม้แห่งการเกิดใหม่ ตราบใดที่เราสามารถค้นหาต้นไม้ได้ข้ามีวิธีลับในการเด็ดผลไม้ภายในหกชั่วยาม”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อย เขามองไปทางแม่นางผ้าคลุมหน้าและเอ่ยถาม “ทำไมบิดาเจ้าถึงเข้าไปสุสานอมตะ?”

นางกระซิบ “เพื่อไปหาเศษไม้แห่งการกำเนิดใหม่ให้ข้า”

หวังหลินไม่ได้ถามคำถามอื่นอีก เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดคุยกับผู้เฒ่าฮู่ “ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้ตอนนี้”

ผู้เฒ่าฮู่พยักหน้า “ไม่มีปัญหา สุสานอมตะเป็นที่อันตรายอย่างยิ่ง ข้าลังเลเป็นเวลานานก่อนจะตัดสินใจเช่นกัน เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร เราจะรอท่านข้างนอกสุสานอมตะเป็นเวลาหนึ่งเดือน หากท่านไม่มาเราจะเข้าไปด้วยตนเอง”

หวังหลินพยักหน้า

ผู้เฒ่าฮู่ยืนขึ้นและเผยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป ข้าจะรอท่านอยู่ที่นั่น” เช่นนั้นเขาคำนับฝ่ามือและจากไป

ฉิวซื่อผิงและพรรคพวกรีบยืนขึ้นและเอ่ยกล่าวอำลา

แม่นางผ้าคลุมหน้ายืนขึ้น นางลังเลและกระซิบ “ซื่อฉินหวังว่าจะเห็นผู้อาวุโสที่นั่น” จากนั้นนางเหาะเหินและจากไป

ผู้เฒ่าเบื้องหลังนางคำนับฝ่ามือและติดตามนางไปด้วย

หลังจากทั้งหกคนจากไป หวังหลินหยิบถ้วยชาขึ้นและดื่มไปหนึ่งจิบ ดวงตาเป็นประกาย

“ผลไม้แห่งการเกิดใหม่นับว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อร่างหลัก หากข้าได้มันมาพลังของร่างหลักจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก…”

ขบครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตบกระเป๋า ไม้แกะสลักสามชิ้นปรากฎในฝ่ามือ

“ไม้แกะสลักเขตแดนแห่งกาลเวลาหกชิ้นถูกทำลายเหลือเพียงสาม ดังนั้นพลังของเขตแดนแห่งกาลเวลาจึงแสดงผลได้อ่อนลงมาก น่าเศร้าที่ไม่มีต้นไม้อายุร้อยปีเพื่อสร้างมันขึ้นมาอีกสักสองสามชิ้น”

หลังเก็บไม้แกะสลักกลับไป หวังหลินตรวจสอบกระเป๋าและนำแขนข้างหนึ่งออกมา

แขนข้างนี้อยู่ในสภาพที่ดี มีกระทั้งชั้นน้ำแข็งบางๆปกคลุมและปลดปล่อยรัศมีเยือกเย็น

“ซูซาคุไม่ได้ลงมือช่วยผีเสื้อสีชาดแต่ส่งสาส์นท้าประลองนี้แทน นับว่าประหลาดจริงๆ” หวังหลินครุ่นคิดเป็นเวลาพักใหญ่แต่เขาไม่รู้เหตุผลว่าทำไม

“ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับผีเสื้อสีชาดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตราบใดที่นางไม่อาจบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้ ข้ายังมีโอกาสชนะ” หวังหลินเหยียดยิ้มจากนั้นยื่นมือออกไป เก้าอี้หินลอยเข้ามาและร่อนลงเบื้องหน้าเขา

เก้าอี้ราวกับกำลังละลายแต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำ หวังหลินใส่แขนของผีเสื้อสีชาดเข้าไปจากนั้นสร้างผนึกและลำแสงสีดำปรากฎบนแขนเขา

หวังหลินชี้ไปที่แขนและแสงสีดำเข้าไปในแขนข้างนั้น

ต่อมาหวังหลินตบกระเป๋าและนำขวดเล็กๆหลายขวดออกมา ขวดพวกนี้คือสิ่งที่หวังหลินได้รับมาในระหว่างหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ พวกมันบรรจุพิษจากอสูรวิญญาณเอาไว้

เขาเปิดขวดและเทข้างในออกมา ของเหลวราวกับโลหิตสีแดงไหลออกและรวมเข้ากับท่อนแขน

จากนั้นดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาสร้างผนึกจนเกิดเป็นแสงน่ากลัวและกลายเป็นรูปทรงกะโหลกเข้าไปในท่อนแขน

หวังหลินไม่หยุดพัก เขาสร้างกะโหลกจนมากกว่า 99 หัวเข้าไปในท่อนแขนต่อเนื่องกันทีละหัว

สีผิวของท่อนแขนพลันเปลี่ยนจากสีขาวหิมะไปเป็นสีดำและสีแดง มันดูน่ากลัวและส่งกลิ่นเหม็นออกมาด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!