350. พลังของราชรถสังหารเทพ
หลังพายุสีดำกระจายหายไปกลายเป็นม่านหมอกดำขึ้นมาแทน
แม่เฒ่าเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและขณะที่กำลังจะเข้าไปในม่านหมอกดำ ใบหน้านางพลันเปลี่ยนไปทันทีและถอยร่นกลับมา
รอยแผลหนึ่งปรากฎบนร่างอันเหี่ยวย่นของนาง พลันร้องคำรามจากนั้นรอยสักปรากฎรอบกายและเริ่มหมุนคว้าง หลังร่ายคำสาปเล็กน้อยรอยสักที่ล้อมรอบนางเปลี่ยนไปเป็นบอลอัคคีพุ่งใส่สายหมอกดำ
หอกจำนวนมากพุ่งออกจากสายหมอกและปะทะเข้ากับบอลอัคคีเกิดเป็นแรงระเบิดสั่นสะทือนรุนแรงเขย่าสรวงสวรรค์
ในเวลาเดียวกันเคียวห้าเล่มลอยออกมาเข้าหาแม่เฒ่า ลำแสงสีม่วงลอยออกมาเบื้องหน้า เมื่อแสงจางหายไปปรากฎเป็นบุรุษวัยกลางคน
ร่างกายคนผู้นี้ล่ำสัน เขาคว้าจับเคียวหนึ่งเล่มไว้ในฝ่ามือและบีบมันจนถูกทำลายไป จากนั้นคว้าอีกเล่มและบดขยี้
เคียวที่เหลืออยู่สามเล่มรีบลอยกลับเข้าไปในหมอกดำและสูญหายไป
ร่างบุรุษสูงใหญ่มีรอยสักเต็มไปหมดทว่ารอยสักของเขาแตกต่างจากคนอื่นๆนิดหน่อย แทนที่จะลอยเหนือผิวกาย รอยสักของเขาสลักเข้าไปในผิวหนัง
หลังเขาปรากฎตัว แม่เฒ่าพ่นลมหายใจแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
บุรุษกำยำมองไปที่สายหมอก เขากำหมัดขวาแน่นและชกกำปั้นออกมาทันใด รอยสักบนร่างเคลื่อนไหวในวิธีอันลึกลับและมัดกล้ามบนร่างกายควบแน่นเข้าสู่แขนขวา สายหมอกดำถูกผลักแยกออกและเคียวที่เหลืออยู่สามเล่มซึ่งซ่อนอยู่ข้างในพลันแตกสลาย
ใบหน้าผู้เฒ่าฮู่บูดบึ้งพลันมองไปทางซิ่วลั่วและหยุนเมิ่งใต้ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ เมื่อสายตาตกลงบนซิ่วลั่ว ผู้เฒ่าฮู่กัดฟันกรอดและส่งพลังปราณสายหนึ่งเข้าไปในร่างของซิ่วลั่ว
ซิ่วลั่วกรีดร้องอย่างเจ็บปวด กระอักโลหิตและฟุบลงสู่พื้น ทว่าก่อนที่เขาจะฟุบลง รัศมีน้ำนมขาวจำนวนมากออกจากร่างกายและถูกต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ดูดซับไป
แววตาหวังหลินสว่างขึ้นและเขามองไปยังผู้เฒ่าฮู่ ผู้เฒ่าฮู่คนนี้โหดเหี้ยมนัก เขาจงใจใช้ศิษย์สำนักตัวเองเป็นเครื่องสังเวยเพื่อเพิ่มอันตราการเติบโตของผลไม้แห่งการเกิดใหม่ ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในสำนัก เขาไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวตามต้องการได้อยู่แล้ว
หลังร่างซิ่วลั่วกระทบกับพื้นดิน แสงสีเหลืองสามจุดบนต้นไม้แห่งการเกิดใหม่พลันเรืองแสงสว่างและเกิดเป็นรูปร่างอย่างช้าๆ
ผู้เฒ่าฮู่รู้ว่านั่นยังไม่เพียงพอและถอนหายใจ เขาชี้ไปที่หยุนเมิ่งทำให้นางกระอักโลหิตออกมา นางมองผู้เฒ่าฮู่ด้วยแววตาเศร้าโศกก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ
รัศมีสีขาวน้ำนมจำนวนมากพลันออกจากศีรษะนางและเข้าไปในต้นไม้แห่งการเกิดใหม่
ทันทีทันใด ผลไม้แห่งการเกิดใหม่สามผลได้งอกเงยขึ้น
หวังหลินและผู้เฒ่าฮู่เร่งรีบเข้าไปหาต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ในเวลาเดียวกัน ด้วยการที่พวกเขาอยู่ใกล้จึงมาถึงใต้ต้นไม้ในเวลาเดียวกัน หวังหลินรีบคว้าไปหนึ่งผล
ส่วนผู้เฒ่าฮู่คว้าใส่มือข้างละผลและรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว สายตามองทางหวังหลินด้วยความระมัดระวัง
หวังหลินใช้ฝ่ามือปะทะเข้ากับต้นไม้แห่งการเกิดใหม่โดยไม่ลังเล ต้นไม้หักออกจากลำต้นจากนั้นหวังหลินคว้ามันและถือไว้เหนือไหล่ จากนั้นสะบัดแขนและธงกฎเกณฑ์กลับคืนมา พลันรีบหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าฮู่ทำเช่นเดียวกันแต่ทิศทางที่ทั้งสองคนเลือกกลับตรงกันข้าม
ส่วนฉิวซื่อผิงเขาลืมตาขึ้น กัดฟันแน่นและติดตามไปด้านหลังหวังหลิน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่หมอกสีดำหายไป ซึ่งคนทั้งสามพุ่งออกไปแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน เหล่าคนเถื่อนรีบออกตามไปเพื่อหยุดพวกเขา
สายตาบุรุษกำยำจดจ้องบนหวังหลิน เขาขยับร่างอย่างรวดเร็วและป้องกันเส้นทางของหวังหลิน
ส่วนแม่เฒ่า สายตามุ่งไปที่ผู้เฒ่าฮู่พลันรีบติดตามไปด้านหลังเขา ชาแมนหกใบไม้คนอื่นๆสายตาตกลงบนฉิวซื่อผิง
ฉิวซื่อผิงรู้สึกราวกับกำลังถูกอสูรร้ายจดจ้อง ในไม่ช้าพลังลึกลับสายหนึ่งปกคลุมร่างกายเขาทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลย เขาเห็นเหล่าชาแมนหกใบไม้ยิ้มกว้างและจากนั้นวิสัยทัศน์มืดลงพร้อมกับสูญเสีย
บนหน้าผากเขา รอยสักลึกลับหนึ่งค่อยๆปรากฎขึ้นอย่างช้าๆ
การเผชิญหน้ากับบุรุษกำยำที่ปิดปั้นเขานั้น หวังหลินมีสีหน้ามืดมน เขารีบนำกระบี่สวรรค์ออกมาและตวัดลงไป บุรุษร่างกำยำหัวเราะและปะทะเข้กับกระบี่ด้วยแขนตัวเอง
ปัง!
ท่อนแขนของบุรุษกำยำถูกเปิดออกเป็นจุดจนเห็นถึงกระดูก ซึ่งมีบนกระดูกเขามีกระทั่งรอยสักบนนั้น เขาถูกส่งออกไปแต่สายตาเต็มไปด้วยแรงกระหายการต่อสู้ดังนั้นจึงรีบฟื้นฟูและพุ่งหาหวังหลินอีกครั้ง
หวังหลินสัมผัสได้ถึงคลื่นกระแทกออกมาจากกระบี่สวรรค์ เขายืมแรงนั้นเคลื่อนไหวไปด้านหลังและต้องการจะหนี
หวังหลินเดาได้ทันทีว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ชาแมนแต่เป็นนักรบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ชาแมนไม่สามารถรับแรงของกระบี่สวรรค์ด้วยกำลังอย่างเดียว
จังหวะที่หวังหลินถอยกลับไปเขาเห็นรอยสักบนหน้าผากฉิวซื่อผิง ใบหน้าเขาจมดิ่ง หวังหลินยื่นมือออกไปและคว้ากระเป๋าของฉิวซื่อผิงจากนั้นหนีออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
บุรุษกำยำร้องคำรามและไล่ล่าตามหลังหวังหลิน
ขณะนี้เองเหล่าชาแมนที่เหลือไม่กี่คนเข้ามาหยุดหวังหลิน เจตนาสังหารกระพริบผ่านนัยน์ตาหวังหลินและร้องตะโกน “ไปซะ!”
หวังหลินกวัดแกว่งกระบี่สวรรค์ขนานกับพื้นดินและผ่าคนเถื่อนสองคนออกเป็นครึ่งส่วน เหล่าคนเถื่อนคนอื่นๆจึงหยุดกึกเมื่อเห็นสิ่งนี้ หวังหลินใช้โอกาสที่มีเพื่อทำลวงผ่านพวกเขาไป
ใบหน้าบุรุษร่างกำยำมืดหม่นพลันรีบไล่ล่าตามหลังหวังหลิน
ทั้งสองคนต่างเร็วมาก ในพริบตาทั้งคู่หายวับเหนือเส้นขอบฟ้าไป
ส่วนชาแมนหกใบไม้คนที่ปรับแต่งฉิวซื่อผิงเสร็จสิ้น เขาถอนสายตาจากตำแหน่งที่หวังหลินจากไปและหันไปหาผู้เฒ่าฮู่ซึ่งตอนนี้กำลังต่อสู้กับแม่เฒ่าคนนั้น เขาเลียริมฝีปากและจ้องกระเป๋าของผู้เฒ่าฮู่ กระเป่ากำลังส่องแสงสีเหลือง ลำแสงนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่กระเป๋าก็มิอาจซ่อนไว้ได้
หวังหลินถือต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ไว้บนไหล่ ต้นไม้นี้ประหลาดมากไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าตนเองได้ ผลไม้แห่งการเกิดใหม่ที่อยู่ในกระเป๋าของเขาไม่อาจซ่อนแสงสีเหลืองที่กำลังส่องประกายออกมาได้เย
บุรุษกำยำเบื้องหลังเขาไล่ล่าหวังหลินมาอย่างรวดเร็ว เขามองแผ่นหลังของหวังหลินและแรงกระตุ้นการต่อสู้ปรากฎเต็มแววตา เขาเอ่ยกับหวังหลินในภาษาที่หวังหลินสามารถเข้าใจได้ “คนภายนอก เจ้าไม่สามารถหนีไปไหนได้ ทำไมเจ้าไม่ต่อสู้กับข้าเสียเล่า?!”
ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหารพลันสัมผัสสร้อยข้อมือบนแขน เขากวัดแหว่งกระบี่สวรรค์ไปที่บุรุษกำยำและเอ่ยขึ้น “ก็ดี ข้าจะต่อสู้กับเจ้าเอง!”
บุรุษกำยำหัวเราะ เขาไม่หลบเลี่ยงแต่นำแขนสองข้างกันไว้หน้าอกเพื่อป้องกันกระบี่ เกิดเสียงกระทบดังปัง เลือดเนื้อถูกเปิดออกแต่กระดูกในท่อนแขนไม่ได้รับความเสียหาย
แววตาเขากระตุ้นการต่อสู้เพิ่มขึ้นและเขาร้องตะโกน “ฉีมู่ นักรบหกใบไม้!”
แววตาหวังหลินเยือกเย็นและพลันเอ่ยขึ้น “หวังหลิน เซียนขั้นตัดวิญญาณ!”
ฉีมู่ก้าวไปข้างหน้าปลดปล่อยหมัดและคลื่นเสียงกระแทกพุ่งเข้าหาหวังหลิน หวังหลินตวัดกระบี่ลงและเกิดแรงระเบิดด้านหน้าเขาห่างไปสามสิบฟุต หวังหลินพลันสัมผัสถึงแรงชาๆที่แขน
“หากร่างหลักของข้าอยู่ที่นี่ ข้าสามารถสู้คนผู้นี้ได้แน่นอน” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขาโบกแขนขวาและกับดักอสูรลอยออกมา
ปัง! ราชรถสังหารเทพปรากฎเบื้องหน้าหวังหลิน อสูรที่ถูกราชรถตรวนไว้มองไปหาฉีมู่อย่างเยือกเย็นและร้องคำรามสั่นสะทือนฟ้าดิน
ฉีมู่ตื่นตะลึงและใบหน้าซีดเผือด
“ราชรถสังหารเทพ ให้ข้าดูว่าเจ้าคู่ควรกับชื่อนี้ไหม!” แววตาหวังหลินเยือกเย็น หากเขาไม่สังหารคนผู้นี้ในตอนนี้ เขาคงไม่อาจหนีรอดไปได้
อสูรบนราชรถหันหน้าเข้าหาหวังหลิน หลังชำเลืองมองหวังหลินมันร้องคำรามอีกครั้ง หนามแหลมบนราชรถเรืองแสงสีดำค่อยๆรวบรวมไปบนวิญญาณอสูร
ฉีมู่รู้สึกสัมผัสอันตรายที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน เขาไม่รอให้ราชรถสังหารเทพคันนี้กระตุ้นได้สำเร็จ พลันพุ่งเข้าหาทันทีและกวัดแกว่งหมัดออกมา
หวังหลินเยาะเย้ย เขาขยับกายและเฉือนกระบี่สวรรค์ลงมา เกิดแรงระเบิดห่างไปสามสิบฟุตอีกครั้งทำให้ฉีมู่ยกมือขึ้น เขาฝืนตัวเองให้หยุดลงก่อนจะพุ่งเข้าหาราชรถอีกครั้ง
หวังหลินตวัดกระบี่สวรรค์ลงอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่หยุดหลังตะวัดไปหนึ่งแต่ตวัดลงต่อไปเรื่อยๆนับสิบครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง!
ร่างฉีมู่ถูกกระแทกกลับและหน้าอกเกิดบาดแผลลึกถึงกระดูก รอยร้าวหลายจุดเริ่มปรากฎบนกระดูกใกล้หน้าอกแต่มันสมานตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยสักกระพริบถี่
เสียงร้องไห้ของฉวี่ลี่กั๋วดังออกมาจากข้างในกระบี่สวรรค์ เจ้าฉวี่ลี่กั๋วและเหล่าวิญญาณเร่ร่อนไม่อาจควบคุมกระบี่สวรรค์ได้เต็มที่ หากใช้มากเกินกว่านี้พวกมันจะสูญหายไป
หลังจากหวังหลินได้ยินเสียงร้องไห้ เขาหยุดใช้กระบี่สวรรค์ ขณะนั้นสวิญญาณอสูรได้ดูดซับแสงสีดำจากหนามแหลมจนเสร็จสิ้น ร่างของมันเติบโตขึ้น
โซ่ตรวนที่ห้ามปราบอสูรพลันหายไปและพลังอำนาจทำลายล้างสวรรค์ผุดออกมาจากราชรถและเข้าไปในวิญญาณอสูร
วิญญาณอสูรร้องคำรามและออกมาจากราชรถสังหารเทพ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนแม้แต่หวังหลินไม่อาจเห็นมันได้ชัดเจน มันเคลื่อนที่มาเบื้องหน้าฉีมู่ ฉีมู่หวาดกลัวและต้องการหลบหนีแต่ความเร็วห่างชั้นมากเกินไป
ร่างอสูรวิญญาณตัวนี้เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างขณะพุ่งผ่านฉีมู่ไป หวังหลินได้ว่าหลังเจ้าอสูรตัวนี้พุ่งผ่านฉีมู่ มีวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ข้างในปากของมัน
วิญญาณดวงนั้นดูเหมือนกับฉีมู่ไม่มีผิดเพี้ยน
รอยร้าวปรากฎบนหน้าผากฉีมู่และค่อยๆขยายไปทั้งร่างของเขา จากนั้นร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงและหายไป