Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 360

Cover Renegade Immortal 1

360. กำหนดการสิบปี

โจวลี่กำลังขับขี่พยัคฆ์ดำพร้อมกับกิ่งไม้ในมือ นางตีศีรษะพยัคฆ์ด้วยกิ่งไม้พร้อมกับลอบมองหวังหลินไปด้วย

เจ้าพยัคฆ์ไม่กล้าโกรธเกรี้ยว มันก้มศีรษะลงต่ำเดินไปรอบภูเขา

“เจ้าขาวน้อย เชิดหน้าขึ้น!” โจวลี่จ้องเจ้าพยัคฆ์

มันร้องคำรามเบาๆและยกศีรษะขึ้นอย่างเชื่อฟัง

“บรู๊วววว!”

มันก้มศีรษะลงอีก

“เชิดหน้าขึ้นมา!”

นางทำเช่นนี้มากกว่าสิบครั้งและเจ้าพยัคฆ์ก็เคยชินไปเรียบร้อย มันเพียงแค่หวังว่าบรรพชนน้อยบนหลังจะมีความสุขและวันหนึ่งจะปลดปล่อยมันเหมือนเจ้าหมีดำที่ถูกปล่อยเมื่อหลายวันก่อน

มันไม่กล้าขัดขืน ไม่ต้องกล่าวถึงบุรุษหนุ่มคนนั้นแม้กระทั่งผู้เฒ่าก็เป็นคนที่มันไม่สามารถทำให้ลำบากใจได้ มันไม่ใช่พยัคฆ์ธรรมดาแต่เป็นถึงพยัคฆ์มารที่บ่มเพาะมาหลายปี

บุรุษหนุ่มผู้นั้นไม่มีกลิ่นอายและให้ความรู้สึกราวกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ทว่าสิ่งที่มันกวาดกลัวบุรุษหนุ่มยิ่งก็คือตอนที่เห็นเหล่าเซียนแข็งแกร่งมากกว่าผู้เฒ่าได้เคารพบุรุษหนุ่มคนนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน

ด้วยสติปัญญาของมันจึงรู้ว่าไม่ควรทำให้คนผู้นี้โกรธเกรี้ยว

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันทำทุกอย่างที่บรรพชนน้อยร้องขอ ความจริงมันรู้สึกโชคดีมากเนื่องจากมันเห็นเจ้าหมีกรีดร้องโหยหวนเช่นไรตอนที่ถูกบรรพชนน้อยกลั่นแกล้ง

มันไม่เคยเห็นมีดำตัวไหนสามารถเดินด้วยฝ่ามือหรือใช้ตะเกียบกินข้าวมาก่อน หรือจะมีหมีดำตัวไหนที่ถอนเล็บมือและนวดได้

ทุกครั้งที่มันคิดเรื่องนี้มันจะสั่นเทาและหวาดกลัวบรรพชนน้อยบนหลังมากขึ้น

มันเป็นพยัคฆ์มารผู้สูงศักดิ์จึงไม่มีทางที่จะทำเรื่องเหล่านั้น แต่เพียงยกและก้มศีรษะยังเป็นสิ่งที่มันรับได้

หวังหลินนั่งใต้เจดีย์มองไปยังเจ้าพยัคฆ์ที่ถูกแกล้งและยิ้มบางๆ พยัคฆ์ตัวนี้บ่มเพาะมาสามร้อยปีแต่มีระดับฝึกเท่ากับเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น

เมื่อมันถูกโจวลี่พบเห็น นางสั่งเที่ยหยานให้จับมันและตั้งชื่อว่าเจ้าขาวน้อย

“สหายเซียนเซิ่งหนิว สัญญาสิบปีสิ้นสุดแล้ว ข้ามาที่นี่ภายใต้คำสั่งจากภูเขาซูซาคุเพื่อส่งสาส์นท้าประลองให้เจ้า” น้ำเสียงเฟิ่งอยู่ชานดังออกมาจากภายนอกหุบเขา

หวังหลินเลื่อนสายตาจากโจวลี่ไปนอกหุบเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยืนขึ้น

“เที่ยหยาน!”

เที่ยหยานตื่นจากการบ่มเพาะ เขายืนขึ้นและมาถึงเบื้องหน้าหวังหลินด้วยความเคารพ

หวังหลินเอ่ยกับเที่ยหยาน“ข้าจำเป็นต้องไปซูซาคุ ข้าไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหนแต่อย่างมากก็แปดปี ช่วงเวลานี้ดูแลโจวลี่น้อยให้ข้าด้วย”

โจวลี่ไม่ได้มองหวังหลินแต่โสตประสาทขยับเขยื้อน นางจับขนบนศีรษะเจ้าขาวน้อยทันทีและเอ่ยขึ้น “ลุงใจร้าย! ลุงใจร้าย!” ทุกครั้งที่นางเอ่ยจะคว้าดึงขนของเจ้าขาวน้อยออกมา

แม้ว่าเด็กสิบขวบจะไม่มีแข็งแรงมากนัก เจ้าขาวน้อยยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างตอนที่ถูกดึงขน นอกจากนั้นขนพวกนี้อยู่ใกล้กับผิวหนังของมัน ไม่สามารถโกรธได้จึงทำได้แต่เพียงคำรามเบาๆ

เที่ยหยานพยักหน้า เขาลังเลเล็กน้อยและพลางกล่าว “ผู้มีพระคุณของข้า แคว้นซูซาคุเป็นแคว้นหมายเลขหนึ่งบนดาวเคราะห์และเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ขอให้ท่านระมัดระวังตัวให้ดี”

ตอนที่เขาเริ่มติดตามหวังหลินหลังจากยอมแพ้ทุกอย่างอีกครั้ง เขาได้เปลี่ยนจากคำเรียกหวังหลินจากเจ้านายกลายเป็นเรียกว่าผู้มีพระคุณ หวังหลินได้ช่วยเขาเพื่อเข้าสู่เส้นทางขั้นตัดวิญญาณ สำหรับเขาแล้วมันเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดในชีวิต

หวังหลินพยักหน้า “ข้าจะทิ้งเจดีย์ไว้ที่นี่และเปิดเขตแดน ไม่มีใครยกเว้นเจ้าและโจวลี่จะเข้าใกล้ภายในรัศมีห้าสิบลี้ได้ เจ้าต้องดูแลลี่เอ๋อน้อยให้ดี”

เที่ยหยานรีบพยักหน้า “ผู้มีพระคุณสบายใจได้ ข้าจะทำให้ลี่เอ๋อปลอดภัยแน่นอน”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและตบกระเป๋า ลำแสงสีขาวผุดออกมากลายเป็นคางคกสายฟ้า

หลังโจวลี่เห็นคางคกสายฟ้า ดวงตาของนางสว่างวาบทันที เจ้าพยัคฆ์อ่อนระทวยและแทบทรุดตัวลง มันสัมผัสกลิ่นอายมารอันแข็งแกร่งที่ออกมาจากคางคกตัวนี้ได้

กลิ่นอายนี้ทำให้ขนของมันตั้งชันและทำให้มันนอบน้อมต่อผู้คนในภูเขาแห่งนี้มากขึ้น แม้มันจะต้องเดินด้วยสองขาหน้า กินด้วยตะเกียบหรือนวดให้บรรพชนน้อย มันจะไม่กล้าร้องบ่น

หวังหลินนั่งยองๆและเอ่ยเบาๆ “ลี่เอ๋อน้อย มานี่สิ”

โจวลี่บุ้ยปากและเมินเฉยหวังหลิน แต่หลังจากคิดชั่วครู่นางตบศีรษะเจ้าพยัคฆ์และแลบลิ้นใส่หวังหลิน “ลุงใจร้ายออกไปเล่นข้างนอกเองและไม่พาลี่เอ๋อน้อยไปด้วย!”

หวังหลินยิ้ม โจวลี่ซุกซนมากที่สุดขณะที่นางเติบโตซึ่งตรงกันข้ามกับลี่มู่หวานโดยสิ้นเชิง หากไม่ใช่ว่าเขาสัมผัสลี่มู่หวานที่อยู่ข้างในตัวนางได้อย่างเด่นชัด เขาคงสงสัยว่าถูกคนหรือไม่

ในหลายปีที่ผ่านมานี อสูรแข็งแกร่งทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงภูเขาต่างถูกนางกลั่นแกล้ง ทว่านางเพียงแค่แกล้งเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำร้ายพวกมัน บางครั้งนางยังขอให้หวังหลินช่วยสัตว์ที่บาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อไหร่ที่หวังหลินมองโจวลี่ หัวใจเขาพลันเจ็บปวด เพื่อให้นางอยู่ข้าง หวังหลินจึงนำช่วงเวลาที่นางต้องเล่นกับเด็กคนอื่นๆออกไปจนทำให้นางต้องเล่นกับเหล่าสัตว์ป่าแทน เขาเห็นแก่ตัวไปหรือไม่?

ทว่าความคิดพวกนี้เกิดขึ้นชั่วครู่เดียวก่อนที่เขาจะทิ้งไป เขาไม่ใช่คนเสียสละและเขาไม่รู้สึกสบายใจหากทิ้งโจวลี่ไว้กับคนอื่น การมีนางอยู่ข้างๆเขาทำให้รู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

หวังหลินยิ้ม “ลี่เอ๋อ ลุงเพียงแค่ออกไปไม่กี่วันเท่านั้น เมื่อกลับมาลุงจะจับพยัคห์ที่ตัวใหญ่กว่ามาให้”

โจวลี่ยังเป็นเด็กดังนั้นนางจึงหยุดโกรธทันทีหลังจากได้ยินเรื่องนี้ นางถามอย่างสนใจ “ใหญ่แค่ไหน? ใหญ่มากกว่าเจ้าขาวน้อยอีกหรือ?”

หวังหลินพยักหน้า “ใหญ่กว่าเจ้าขาวน้อย!”

โจวลี่ยักคิ้วและคิดชั่วขณะก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ แต่ท่านต้องกลับมาเร็วๆนะ”

หวังหลินลูบศีรษะโจวลี่และกล่าวอย่างจริงใจ “ข้าจะรีบกลับมา ลี่เอ๋อน้อยต้องเป็นเด็กดีตอนที่ข้าไม่อยู่ที่นี่นะ เจ้าไม่สามารถไปได้ไกลกว่าห้าสิบลี้ เข้าใจไหม?”

โจวลี่พยักหน้า “อย่าลืมพยัคฆ์ตัวใหญ่ของข้านะ!”

หวังหลินยิ้มบาง ยืนขึ้นและมองทางเที่ยหยานและเริ่มขบคิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเที่ยหยาน หวังหลินเข้าใจเที่ยหยานเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่เที่ยหยานติดตามเขา ทว่าโจวลี่สำคัญกับกับเขามากเกินไปดังนั้นการเชื่อใจง่ายๆจึงไม่เพียงพอ

ซึ่งจึงทำให้เขาทิ้งเจ้าคางคกสายฟ้าไว้ มีเจ้าคางคกอยู่ที่นี่มันจะหยุดเที่ยหยานหากมีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้น

ความจริงหวังหลินเพียงระมัดระวังมากเกินไป หลายปีที่ผ่านมานี้เที่ยหยานได้ล้มเลิกทุกสิ่งทุกอย่างและเหลือไว้เพียงแค่ความหวังในการบรรลุขั้นตัดวิญญาณ ตอนที่หวังหลินยื่นความหวังให้เขาหวังหลินก็กลายเป็นผู้กอบกู้ไปแล้ว

นอกจากนั้นเขาเฝ้ามองโจวลี่เติบโตจากเด็กทารกและติดนางเสียแล้ว แม้หวังหลินจะไม่เอ่ยขอ เขาก็รับรองความปลอดภัยของนาง

รวมถึงลี่มู่หวานได้สร้างโอสถช่วยเขาไว้มากมายนัก

หวังหลินบอกให้เจ้าคางคกสายฟ้าปกป้องโจวลี่ มันพองลมเพื่อตอบรับและเริ่มอาบแสงแดด

หวังหลินเชื่อมั่นเจ้าคางคกสายฟ้า บางครั้งชีวิตก็เป็นเช่นนี้ พวกสัตว์เชื่อถือได้มากกว่าผู้คน

เหนือทั้งหมดทั้งปวง หวังหลินยังมีฟางเส้นสุดท้ายของการป้องกันซึ่งก็คือร่างหลักของเขา เมื่อร่างหลักอยู่ที่นี่อันตรายทั้งหมดจะถูกแก้ไข

นี่คือเหตุผลจริงๆที่เขารู้สึกว่าการทิ้งโจวลี่ไว้จะปลอดภัย อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการเผยร่างหลักเว้นแต่จะต้องทำเท่านั้น มันคือไพ่ตายของเขา ซ่อนมันไว้ดีกว่าที่คนอื่นจะรู้ว่าเป็นเขา

หลังตรวจสอบปัญหาทั้งหมดนี้อย่างละเอียด หวังหลินเดินออกจากหุบเขา เขาไม่รู้อนาคตที่เขาจะเผชิญจะดีขึ้นหรือตกต่ำ

ทว่าด้วยประสบการณ์ห้าร้อยปี จิตใจของเขาตั้งมั่น เขาไม่เอนเอียงได้ง่ายๆและจะเดินสู่เส้นทางของเซียนตลอดไป

โจวลี่ยกศีรษะขึ้นและมองหวังหลิน นางคว้าขนของเจ้าขาวน้อย เจ้าขาวน้อยฉลาดมากและเริ่มวิ่งไล่ให้ทันหวังหลิน

หวังหลินหันกลับมา โจวลี่กระโดดออกจากเจ้าขาวน้อยและเอ่ยขึ้น “ท่านลุงก้มลง”

หวังหลินยิ้มพร้อมกับนั่งยองๆ “เจ้าจะเตือนให้ลุงไม่ลืมพยัคฆ์ตัวใหญ่หรือ?”

โจวลี่ส่ายศีรษะและจูบหน้าผากหวังหลิน “ท่านลุงต้องรีบกลับนะ ลี่เอ๋อจะคิดถึงท่าน”

หวังหลินจ้องโจวลี่ เขาพยักหน้าและพลางเอ่ย “ลุงจะกลับมาให้เร็วที่สุด”

สิ้นคำเขาสูดหายใจลึกพลันยืนขึ้นและเดินออกไปจากหุบเขา

โจวลี่มองร่างหวังหลิน “ท่านลึงไปแล้วและจะไม่เล่นกับข้าอีก เจ้าขาวน้อย เจ้าจะต้องเล่นกับข้าทุกวัน เข้าใจไหม?”

ร่างเจ้าขาวน้อยสั่นเทาและลอบก่นด่า มันร้องคำรามเบาๆเป็นการตอบสนอง

สายตาโจวลี่รื้นขึ้นและหยดน้ำตาไหลลงบนแก้ม

เจ็ดปีที่ผ่านมานี้นางไม่เคยแยกจากหวังหลิน ดังนั้นทั้งสองจึงพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่นจนเกิดความอบอุ่นในใจขึ้น ความรู้สึกที่ติดมานี้นางไม่ต้องการสูญเสียเขาไป

มีความบังเอิญเกิดขึ้นมากมายในโลกใบนี้ ตำแหน่งที่โจวลี่ยืนอยู่เป็นตำแหน่งที่หยดน้ำตาของลี่มู่หวานตกลงไปเช่นกัน

หยดน้ำตาเมื่อตอนนั้นอาจจะสร้างความเศร้าและความทุกข์ แต่ตอนนี้หยดน้ำตาได้นำพาพื้นที่แห่งความรักและความห่วงใยมาด้วย

โจวลี่ปาดน้ำตาและเอ่ยกับพยัคฆ์ “เจ้าขาว ยื่นมือขึ้นมา!”

มันคำรามอย่างเศร้าใจทันที

หนึ่งเดือนก่อนการต่อสู้ของหวังหลินและผีเสื้อสีขาด มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในสำนักมารยักษ์ หนึ่งในเหล่าบรรพชนได้พูดซับหยกสวรรค์ที่ฉีมู่นำกลับมาได้เพียงพอและบรรลุขั้นแปลงวิญญาณกลายเป็นสมาชิกขั้นแปลงวิญญาณคนแรกของสำนักมารยักษ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!