383. ศิษย์สายในของสำนักหลอมวิญญาณ
มนต์แห่งความตายถูกสร้างขึ้นจากเซียนโบราณผู้ศึกษาขอบเขตจวี่ แม้ว่ามันจะฝึกฝนได้ยากแต่มันควบคุมได้ง่ายกว่าขอบเขตจวี่ที่ไม่สามารถควบคุมได้เลย
เมื่อมันเสร็จสมบูรณ์ เพียงแค่เอ่ยคำว่า “ตาย” และผู้ที่เป็นเป้าหมายจะตายทันที
การฝึกฝนวิชานี้คือการรวบรวมรัศมีสามแบบเข้าเป็นหนึ่ง
รัศมีทั้งสามก็คือรัศมีแห่งความตาย รัศมีแห่งหยิน และรัศมีแห่งการสังหาร
รัศมีแห่งความตายมาจากพลังงานที่ดูดซับจากซากศพ แม้ว่ามันจะเป็นพลังงานหยินชนิดหนึ่งแต่มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายความตาย
ลำดับสองคือรัศมีแห่งหยินคือพลังหยินที่มาจากดวงวิญญาณของเหล่าสตรี รัศมีแห่งหยินนี้บรรจุชีวิตเอาไว้
หลังได้รับรัศมีทั้งสองแบบ เซียนผู้นั้นต้องผสมมันและรวมกลายเป็นรัศมีอย่างที่สาม รัศมีแห่งความตาย! หลังจากรวบรวมทั้งสามอย่างพวกเขาจะผ่านบททดสอบที่มีโอกาสรอดชีวิตเพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น ใครที่ผ่านมันมาได้จะสามารถเริ่มใช้มนต์แห่งความตายได้แล้ว เมื่อเริ่มฝึกฝนมนต์แห่งความตายจะประสบความเจ็บปวดแสนจินตนาการทุกวันและผ่านบททดสอบที่มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งในสิบทุกๆสามปี
หลังผ่านวงจรนี้หลายๆครั้งมนต์แห่งความตายจะบรรลุระดับแรก หากคนผู้นั้นฝึกฝนต่อไปโอกาสตายจะเพิ่มขึ้น มนต์นี้เป็นการพยายามเลียนแบบขอบเขตจวี่เท่านั้น
ทว่ามันอ่อนแอกว่าขอบเขตจวี่มากและอันตรายยิ่งกว่ามากนัก แม้ว่าความสามารถในการโจมตีจะอัศจรรย์นัก ในท้ายที่สุดมนต์แห่งความตายก็กลายเป็นวิชาที่หายไปพร้อมกับมีเพียงคนส่วนน้อยที่ฝึกฝน
ซือหม่าเพียงเอ่ยคำว่า “ตาย” และกระตุ้นมนต์แห่งความตาย พลังปราณผันผวนอันประหลาดเริ่มกระจายออกจากนิ้วที่เขากำลังชี้โดยทันที
ชั้นบรรยากาศราวกับบ่อน้ำสงบนิ่งที่ถูกโยนหินลงไป ระรอกลื่นนับไม่ถ้วนกระจายออกในอากาศ
สายตาหวังหลินเผยแสงอันลึกลับ เขามีประสบการณ์กับมนต์แห่งความตายจึงไม่ขยับเขยื้อนเลย จังหวะที่ซือหม่าชี้มาที่เขา หวังหลินสัมผัสเสี้ยวรัศมีแห่งหยินในร่างกายได้
รัศมีแห่งหยินนี้แตกต่างจากพลังหยินที่เขาใช้ฝึกฝนในวิถีเซียนนรก ขณะที่รัศมีแห่งหยินปรากฎ อีกรัศมีหนึ่งปรากฎภายในร่างกายเขา
การปรากฎตัวของรัศมีนี้ทำให้หวังหลินตกใจ หากมันปรากฎในร่างหลักของเขาจะไม่ตกใจอะไรนักแต่ร่างนี้ไม่ได้สังหารคนไปมากนักทว่ารัศมีแห่งการสังหารยังเกิดขึ้น
แม้ว่ารัศมีแห่งการสังหารจะบางเบา มันรวมเข้ากับรัศมีแห่งหยินเพื่อสร้างเป็นปลายมีดอันแหลมคมพุ่งตรงเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมของเขา
ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา หวังหลินทำลายพลังงานลึกลับนี้เพียงแค่คิดเท่านั้น วิญญาณดั้งเดิมของเขาแช่แข็งพลังงานี้ เนื่องจากความเข้าใจในขอบเขตจวี่หวังหลินจึงสามารถมองผ่านมนต์แห่งความตายนี้ได้ในทันที
แม้ว่ามนต์ห่งความตายจะทรงพลังทว่ามันยังห่างชั้นกับขอบเขตจวี่มากนัก
ขอบเขตจวี่คือการกลายพันธุ์ของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ มันสามารถสังหารที่มีขั้นเดียวกันได้ในทันที
มนต์แห่งความตายเป็นวิชาที่สามารถสังหารทุกคนที่มีระดับต่ำกว่าในครั้งเดียวแต่มีผลลัพธ์น้อยมากกับคนที่มีระดับฝึกฝนสูงกว่า
ยกตัวอย่างก็เช่นหากเซียนขั้นแกนลมปราณระดับกลางใช้มัน มันสามารถสังหารใครก็ตามที่มีระดับต่ำกว่า แม้จะต่อสู้กับเซียนในระดับเดียวกันก็มีโอกาสชนะได้และหากไม่ชนะก็ทำให้อีกฝ่ายตกใจได้แล้ว
ทว่าเมื่อเผชิญกับเซียนขั้นแกนลมปราณระดับปลาย วิชานี้ไร้ประโยชน์มากและหากผู้ใช้ไม่ระมัดระวังจะเกิดผลตีกลับอีก
ซึ่งเป็นเหตุผลที่มันอ่อนด้อยกว่าขอบเขตจวี่
หวังหลินส่ายศีรษะเบาๆ แม้ว่ามนต์แห่งความตายจะลึกลับซับซ้อนแต่มันไร้ประโยชน์สำหรับเขา เพียงแค่คิดพลังของมนต์แห่งความตายก็หายไปจากร่าง
จังหวะที่มันหายไป รูม่านตาซือหม่าหดเล็ก ร่างกายสั่นเทาและกระอักโลหิตออกมาจากปาก เขาไม่สามารถทนรับบาดเจ็บจากการตีกลับของมนต์แห่งความตายได้ดังน้นจึงตกลงบนพื้น
ขณะนี้เองพลังปราณอีกเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากภายในสำนักและลากร่างของซือม่าเข้าไปข้างใน
ไม่ต้องตัดสินใดๆ หวังหลินกลายเป็นผู้ชนะของการประลองนี้
ศิษย์สายในที่รับผิดชอบการต่อสู้พลันคำนับฝ่ามือหาหวังหลินและเอ่ยว่า “ข้าชื่อหวังเจิ้น(王震 Wáng zhèn) ครั้งหน้าที่เราพบกันข้าต้องท่านเจ้าว่าศิษย์น้องเสียแล้ว ฉิงมู่ตามข้าเข้าไปพบผู้อาวุโส”
หวังหลินพยักหน้าและยิ้มแย้ม เขาติดตามหวังจิ้นเข้าไปข้างในสำนักภายใน
พื้นที่ส่วนด้านในของสำนักหลอมสมบัติราวกับสรวงสวรรค์ ตอนที่เขาผ่านค่ายกลเข้าไปเขาเป็นภูเขาที่สูงเทียมสวรรค์อยู่สามลูก
ขณะที่พวกเขาเหาะเหินหวังเจิ้นอธิบายไปด้วย “ภูเขาทั้งสามลูกนี้คือสามกลุ่มภายในสำนักหลอมวิญญาณ พวกมันคือหลอมวิญญาณ แยกวิญญาณและผนึกวิญญาณ”
หวังหลินพยักหน้าและมองไปทางภูเขาทั้งสาม
ด้านหลังภูเขาทั้งสามลูกเป็นวงแหวนขนาดยักษ์สีทอง แต่ละอันมีจักรวาลของมันเองพร้อมกับส่องสว่างขึ้นทั้งสำนัก
“วงแหวนแสงสีทองทั้งเก้าเส้นคือตำแหน่งที่ผู้อาวุโสขั้นตัดวิญญาณทั้งเก้าฝึกฝน วันหนึ่งข้าจะบรรลุขั้นตัดวิญญาณและกลายเป็นวงแหวนทองเส้นที่สิบ!” น้ำเสียงหวังจิ้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
หวังหลินมองไปที่วงแหวนแสง จากตรงที่เขาอยู่สามารถสัมผัสวงแหวนสีทองที่ปลดปล่อยพลังปราณแข็งแกร่งได้ชัดเจน
“หากข้าสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ ไม่มีเซียนคนไหนในวงแหวนแสงทั้งเก้าตรงนั้นจะเอาชนะข้าได้!” หวังหลินคิดด้วยสายตาสงบนิ่ง
หวังจิ้นหันศีรษะและเอ่ยถาม “ฉิงมู่ เจ้ารู้จักเซิ่งหนิวหรือไม่?”
“เซิ่งหนิว?” หวังหลินพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ข้าเคยได้ยิน”
“สำนักหลอมวิญญาณของข้ามีเซียนขั้นตัดวิญญาณสิบคนแต่หนึ่งในนั้นถูกเซิ่งหนิวสังหารไป” แววตาหวังเจิ้นเต็มไปด้วยความยกย่อง “เขาคือเป้าหมายของข้า วันหนึ่งข้าจะกลายเป็นเซียนอันดับหนึ่งใต้เซียนขั้นแปลงวิญญาณบนดาวเคราะห์ซูซาคุ!”
“โอ้จริงรึ?” เขาคิดอยู่นานแต่ไม่อาจจดจำได้ว่าไปสังหารเซียนขั้นตัดวิญญาณจากสำนักหลอมวิญญาณตอนไหน
หวังเจิ้นเอ่ย “มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้ แม้ว่าบรรพชนขั้นตัดวิญญาณจะเดินทางไปแคว้นอื่นแต่ดันไปขัดแย้งกับเซิ่งหนิวและถูกเขาสังหารไป”
หวังหลินลูบจมูก เขาจำไม่ได้เลยจริงๆ
“เซิ่งหนิวผู้นี้หายตัวไปในเวลาที่เหมาะสมจริงๆ ตุ้นเทียน(遁天 Dùn tiān)แห่งสำนักหลอมสมบัติกำลังจะถามเขาเรื่องนี้แล้วเชียว” หวังเจิ้นถอนหายใจ
“บรรพชนตุ้นเทียน?” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะบอกเจ้าเมื่อเจ้าจะกลายเป็นศิษย์สายในอยู่แล้ว สำนักหลอมสมบัติของเขามีบรรพชนขั้นแปลงวิญญาณอยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือบรรพชนตุ้นเทียน”
หวังหลินเงยศีรษะขึ้น เขาเห็รกระแสรัศมีสีแดงโลหิตจางๆเบื้องหลังวงแหวนแสงสีทองทั้งเก้านั้น
ขณะที่พูดคุยกันไปพวกเขามาถึงภูเขาหลอมวิญญาณ บนยอดภูเขามีห้องโถงสร้างขึ้นจากหินสีเขียว หวังเจิ้นเอ่ยขึ้น “ฉิงมู่เข้าไปข้างใน ผู้อาวุโสจะเตรียมการไว้ให้เจ้า”
หวังหลินพยักหน้าและเดินเข้าห้องโถงอย่างเยือกเย็น
ทั้งห้องมืดสนิท ขณะที่เขาเข้าไป พลันรู้สึกแรงกดดันรอบกายซึ่งแรงกดดันเพียงแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไรต่อหวังหลิน เขาเผยใบหน้าที่ดูราวกับไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้และหยุดเดินลง
หลังจากนั้นไม่กี่วิ แรงกดดันถดถอยลงและน้ำเสียงชราภาพดังขึ้น “เข้ามา!”
หวังหลินเผยใบหน้าโล่งอกและเดินเข้าไป
ห้องโถงพพลันสว่างและแสงสีเขียวสว่างขึ้นรอบห้อง ใจกลางห้องโถงเป็นชายชราชุดสีเขียวนั่งอยู่ เขากำลังมองดูหวังหลิน
ระดับฝึกฝนของเขาได้มาถึงขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายสูงสุด เขาขาดเพียงแค่เขตแดนของตัวเองเพื่อบรรลุขั้นตัดวิญญาณ
ชายชราถอนสายตาจากหวังหลินและเอ่ยถามตรงๆ “เจ้าชื่ออะไร?”
หวังหลินคำนับฝ่ามือและตอบอย่างเคารพ “ศิษย์ชื่อฉิงมู่”
สายตาชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและถามขึ้น “เจ้าทำลายมนต์แห่งความตายของซือหม่าได้อย่างไร?”
หวังหลินตอบอย่างเยือกเย็น “ศิษย์ซ่อนระดับฝึกฝนของตัวเองไว้ ระดับฝึกฝนที่แท้จริงของข้าอยู่ที่ขั้นแกนลมปราณระดับปลายสูงสุด ดังนั้นมนต์แห่งความตายไม่สามารถทำอันตรายข้าได้เป็นธรรมดา”
ชายชราพยักหน้า จากมุมมองของเขาฉิงมู่คนนี้ไม่ได้กำลังโกหกและซ่อนระดับฝึกฝนไว้จริงๆ จากตอนที่เข้ามาชายชราก็รับรู้ได้แล้วว่าระดับฝึกฝนของเขาไม่ใช่ขั้นแกนลมปราณระดับกลางแต่เป็นระดับปลายสูงสุด
ชายชราเข้ามาถึงเบื้องหน้าหวังหลินในพริบตา นิ้วมือรวดเร็วดั่งสายฟ้ากดลงไประหว่างคิ้วของหวังหลิน
หวังหลินไม่หลบเลี่ยง จังหวะที่นิ้วมือสัมผัส พลังงานเยือกเย็นเข้าสู่ร่างกายแต่ด้วยวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินทำให้เขาไม่กังวลอะไรนัก
หลังจากนั้นไม่นานชายชราถอนนิ้วออกมา สายตาไม่เยือกเย็นอีกต่อไป “ข้าเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของภูเขาหลอมวิญญาณ เจ้าเข้าไปข้างภูเขาเพื่อรับเอาป้ายสิทธิ์และเสื้อผ้าได้ ตอนนี้เจ้าสามารถเข้าไปในหอคัมภีร์ของภูเขาหลอมวิญญาณเพื่อเลือกได้หนึ่งวิชา รวมถึงเจ้าสามารถเปิดถ้ำไหนก็ได้ที่เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาเพื่อบ่มเพาะ”
“ไม่มีอาจารย์สอนในสำนักหลอมวิญญาณ ทุกคนบ่มเพาะด้วยตัวเอง หากเจ้ามีคำถามใดก็มาถามข้า ตอนนี้ไปได้แล้ว”
หวังหลินพยักหน้าและจากไปอย่างสุภาพ
หลังเขาจากไปไม่นานนัก สัมผัสวิญญาณแข็งแกร่งสองสายปรากฎในห้องโถง
“ศิษย์น้อง คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ชายชราพ่นลมหายใจและเอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไรให้กังวล!”
“ศิษย์น้อง ในหลายปีที่ผ่านมานี้บรรพชนทั้งหมดปิดด่านฝึกตน เราต้องเข้มงวดและไม่ปล่อยให้คนที่มีเจตนาร้ายเข้ามาได้”
ชายชราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องตลกอะไร ไม่ใช่ว่าเราไม่มีผู้คนจำนวนมากในสำนักหลอมวิญญาณที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นไว้อยู่หรอกหรือ เพิ่มอีกคนไม่ได้มากเกินไปและน้อยไปหนึ่งคนก็ไม่น้อยไปหรอก ศิษย์ทั้งสิบคนที่อยู่ใต้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าต่างก็มีแรงจูงใจแอบแฝงไว้ทั้งนั้น ท่านควรจะจัดการภูเขาของตนเอง เรื่องภูเขาหลอมวิญญาณของข้าไม่มีอะไรให้ท่านต้องกังวล”
“ศิษย์น้องข้องใจนัก เจ้าเด็กที่มีสัญชาตญาณล่วงหน้าถูกข้าเลือกไป คนที่รู้จักมนต์แห่งความตายถูกศิษย์น้องที่รับผิดชอบภูเขาผนึกวิญญาณเลือกไป คนสุดท้ายที่เหลือเป็นผู้ชนะการประลอง หรือศิษย์น้องจะยังไม่มีความสุข?”
ชายชรามีใบหน้าน่าเกลียด “ไร้สาระ ทั้งคู่ต่างมีความสามารถพิเศษแต่คนผู้นี้เพียงแค่มีระดับฝึกฝนที่สูงกว่าเล็กน้อย! ข้าจะไม่ส่งให้ศิษย์พี่ทั้งสอง!”
สัมผัสวิญญาณทั้งสองหัวเราะเสียงดังและจากนั้นสลายไป
หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณออกมาขณะเดินไปตามทางบนภูเขา
“ขั้นตัดวิญญาณทั้งหมดและสูงขึ้นไปกำลังปิดด่านฝึกตนและสำนักหลอมวิญญาณถูกจัดการด้วยคนทั้งสามคนนั้น” หวังหลินครุ่นคิดพร้อมกับเดินตรงไปด้านข้างโถงใหญ่
หลังได้รับป้ายสิทธิ์และเสื้อผ้า หวังหลินสังเกตได้ว่ามันยังเป็นช่วงสายของวันดังนั้นจึงเดินไปที่หอคัมภีร์