403. เม่ยจี
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หวังหลินสนใจนั่นก็คือสมบัติรูปร่างกงล้อ
กงล้อนี้ไม่ได้ใหญ่มากมันมีรัศมีเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น
กงล้อเรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรประดับตกแต่งหรือแวววาวอะไร มีแม้กระทั่งสนิมอยู่บนนั้น
เหตุผลที่หวังหลินให้ความสนใจเป็นเพราะฉวี่ลี่กั๋วบอกว่ามีวิญญาณดวงนึงผนึกอยู่ข้างในและอ้อนวอนขอให้เขาปลดปล่อยวิญญาณดวงนั้น
คำพูดของฉวี่ลี่กั๋วทำให้หวังหลินระมัดระวังตัว เขาเข้าใจฉวี่ลี่กั๋วดีเพราะอีกทางหนึ่งเจ้าฉวี่ลี่กั๋วสร้างขึ้นมาจากเขา
ฉวี่ลี่กั๋วมีสติปัญญาที่เหล่าวิญญาณเร่ร่อนขาดไป ความจริงเขาเป็นเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดที่เปลี่ยนไปเป็นวิญญาณเร่ร่อนซึ่งมีส่วนของวิญญาณเร่ร่อนเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นสติปัญญาของฉวี่ลี่กั๋วค่อยๆฟื้นฟูจนกระทั่งมันกลายเป็นวิญญาณกระบี่ปิศาจในตอนนี้
นิสัยเจ้าฉวี่ลี่กั๋วเป็นเจ้าแมวน่ากลัวแต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความถือดีอยู่ด้วย รวมทั้งหมดแล้วทำให้มันกลายเป็นปิศาจที่ซับซ้อนมาก ดังนั้นการที่มันขอความเมตตาให้หวังหลินปลดปล่อยวิญญาณขนาดนั้นได้ทำให้หวังหลินระมัดระวัง
“น่าสนใจ!” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ หลังครุ่นคิดเล็กน้อยเขาจึงสามารถคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ บรรพชนเผ่ามารยักษ์ต้องใช้วิญญาณข้างในกงล้อเพื่อยั่วเจ้าฉวี่ลี่กั๋วเป็นแน่ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าฉวี่ลี่กั๋วยังคิดถึงมันหลังจากกลับมาหาเขา
หลังมองกงล้อเล็กน้อย เขานำกระบี่สวรรค์ออกมา เมื่อกระบี่ปรากฎเจ้าฉวี่ลี่กั๋วปรากฎตัวเช่นกัน มันส่งเสียงร้องขณะจ้องกงล้อด้วยแววตาเรืองรอง
ฉวี่ลี่กั๋วรีบพูด “นายท่าน นี่มันกงล้อสมบัติ มีวิญญาณอยู่ข้างใน ปลดปล่อยนางเร็วๆสิ!”
หวังหลินถามอย่างเยือกเย็น “เจ้ารู้เกี่ยวกับวิญญาณข้างในกงล้อสมบัตินี้ได้อย่างไรกัน?”
“บรรพชนเผ่ามารยักษ์เรียกนางออกมา…นายท่านรีบปลดปล่อยนางเข้า!” ฉวี่ลี่กั๋วมีสีหน้ากระวนกระวาย
หวังหลินมองเจ้าฉวี่ลี่กั๋วและถามขึ้น “วิญญาณดวงนี้มีระดับบ่มเพาะอะไร?”
เจ้าฉวี่ลี่กั๋วยิ่งกระวนกระวายมากเข้า ราวกับมันได้ยินเสียงเรียกของนางฟ้าตัวน้อยให้ช่วยนาง มันยิ่งใจร้อนและเอ่ยขึ้น “ไม่มีระดับบ่มเพาะ มันเป็นแค่ดวงวิญญาณ หากท่านไม่ช่วยนาง ข้าจะช่วยเอง!”
ฉวี่ลี่กั๋วราวกับลืมตัวหลังเห็นกงล้อนี้ ความหวาดกลัวต่อหวังหลินหายไปและน้ำเสียงเปลี่ยนโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นเล็กน้อยและยิ้มแย้ม “ไม่ต้องรีบ ข้าจะปลดปล่อยวิญญาณให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
สิ้นคำ ฝ่ามือหวังหลินสร้างผนึกและพุ่งออกไปเป็นลำแสงพลังปราณเข้าไปในกงล้อ อย่างไรก็ตามสมบัติกงล้อเรืองแสงสีเขียวและลำแสงพลังปราณจางหายไปอย่างรวดเร็ว
หวังหลินส่งเสียงประปลาดใจและมองดูใกล้ขึ้น ก่อนหน้านี้กงล้อไม่มีสิ่งใดให้เขาสนใจแต่ตอนนี้มันสามารถเรืองแสงสีเขียวที่ลบล้างพลังปราณของเขาได้ มันยิ่งน่าสนใจเต็มที่
ตอนที่แสงสีเขียวสว่างขึ้น หวังหลินรู้สึกว่าไม่มีความผันผวนพลังปราณออกมาจากกงล้อ เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะส่งพลังปราณออกไปอีกเส้นนึง
สายตายังคงสงบนิ่ง สัญลักษณ์ประหลาดขนาดเท่านิ้วโป้งปรากฎอย่างรวดเร็วและหายวับไป แสงสีเขียวเรืองรองออกมามากขึ้นและลบเลือนพลังปราณหายไป
“น่าสนใจ!” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ
ฉวี่ลี่กั๋วกลั้นใจถึงขีดสุด มันพุ่งออกมาจากกระบี่สวรรค์เข้าหากงล้อสมบัติ
หวังหลินมองฉวี่ลี่กั๋วด้วยแววตาเยือกเย็น การกระทำของฉวี่ลี่กั๋วแปลกประหลาดเกินไป มีบางสิ่งผิดปกติ
หวังหลินสังเกตได้ว่าจังหวะที่ฉวี่ลี่กั๋วเข้าใกล้กงล้อสมบัติ สัญลักษณ์ประหลาดปรากฎขึ้นอีก แสงสีเขียวเรืองรองอีกครั้งและจากนั้นฉวี่ลี่กั๋วร้องโอดโอยและกระเด็นกลับไปสิบฟุต
แววตาของมันแดงฉาน มันร้องคำรามและกำลังจะลองอีกครั้งทว่าหวังหลินชี้ไปที่มันและขังมันไว้กลางอากาศ
ฉวี่ลี่กั๋วหันกลับไปหาหวังหลินและร้องตะโกน “ท่านทำอะไร?! ปล่อยข้าไป! ข้าจะไปปลดปล่อยนาง!”
หวังหลินมองฉวี่ลี่กั๋วอย่างเยือกเย็น ร่างฉวี่ลี่กั๋วสั่นเทาและดูเหมือนจะฟื้นคืนสติได้เล็กน้อย มันมองกงล้อสมบัติอย่างหวาดกลัวและเอ่ยขึ้น “นายท่าน นายท่านอย่าดุด่าข้าเลย ทุกครั้งที่ข้าเห็นกงล้อสมบัติ ข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้”
หวังหลินเมินเฉยฉวี่ลี่กั๋วและจากนั้นคว้ากงล้อสมบัติ นิ้วโป้งซ้ายกดลงไปบนตำแหน่งที่สัญลักษณ์ประหลาดอยู่
เมื่อเขาทำเช่นนั้น สัญลักษณ์ประหลาดปรากฎและเริ่มกระพริบถี่รัวพร้อมกับกงล้อเรืองแสงสีเขียว หวังหลินร้องครวญแต่ยังคงกดลงไปราวับกำลังทำลายม่านพลังจนในที่สุดเขาก็กดลงไปบนกงล้อสมบัติตรงๆ
จากนั้นเกิดเสียงรอยแตกร้าวหลายชั้น รอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฎออกมาและปกคลุมกงล้อสมบัติ เสียงดังปัง กงล้อสมบัติแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อึดใจเดียว แสงสีแดงพร่ามัวพุ่งออกมาจากกงล้อแตกกระจายนั้น เสียงหัวเราะแจ่มใสออกมาจากแสงสีแดงเต็มไปด้วยพลังมารมากพอจะเขย่าหัวใจใครหลายคน
เสียงนี้เต็มไปด้วยพลังอันลึกลับ เป็นพลังที่กุมหัวใจฉวี่ลี่กั๋วราวกับน้ำแข็งละลายกลางแสงแดด ในไม่ช้าเจ้าฉวี่ลี่กั๋วจึงได้รับอิสระ
แววตาของมันเต็มไปด้วยความปรารถนาขณะลอยเข้าหาแสงสีแดงอย่างรวดเร็ว
แสงสีแดงเปลี่ยนไปเป็นสตรีเจ้าเสน่ห์น่าหลงใหล นางสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นเผยผิวขาวเนียนออกมา นางลำเชืองมองฉวี่ลี่กั๋วและยิ้มขึ้น “พี่ฉวี่ น้องเล็กรอท่านมานานมาก ทำไมท่านพึ่งมาช่วยข้า?”
เช่นนั้นนางยกมืออันละเอียดละออขึ้นชี้ฉวี่ลี่กั๋ว ใบหน้าของนางดูราวกับกำลังจุมพิศคนรักของนาง
ดวงตาหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ตอนที่สตรีคนนี้ปรากฎแม้กระทั่งจิตใจเขายังได้รับผลกระทบ โชคดีที่เขาได้ฝึกฝนวิชาผนึกวิญญาณซึ่งเชื่อมต่อวิญญาณตัวเองเข้ากับธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงทำให้เขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาตกใจ หากเขาใจลอยระหว่างต่อสู้คงจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่
“เจ้ากล้าใช้วิชามารเช่นนี้ต่อหน้าข้า?!” หวังหลินพ่นลมหายใจเยือกเย็น น้ำเสียงเข้าสู่โสตประสาทของฉวี่ลี่กั๋วและสตรีคนนี้และดังกึกก้องราวกับสายฟ้า
ร่างฉวี่ลี่กั๋วสั่นเทาและดวงตาพลันใสกระจ่างทันที มันเป็นปิศาจอยู่แล้วดังนั้นหลังจากถูกหวังหลินเรียกให้ฟื้นคืนสติสองครั้งมันจึงรับรู้สิ่งผิดปกติ น่าหวาดกลัวยิ่งนัก มันรีบถอยกลับอย่างรวดเร้ว
นางหันกลับมาและจ้องหวังหลินเล็กน้อยก่อนจะยิ้มงดงาม จังหวะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมืดมัวลงและรอยยิ้มของนางเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่
ขนตาของนางสั่นเทาเล็กน้อยและกระซิบบ่น “คนดุร้ายนี่เป็นใคร ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขัดท่านสักหน่อย…”
น้ำเสียงของนางมีพลังลึกลับแฝงอยู่ด้วย ตอนที่หวังหลินได้ยิน จิตใจเขาสั่นเทาอีกครั้ง
ร่างฉวี่ลี่กั๋วสั่นเทาและแววตาชัดเจนหายไปกลายเป็นความปรารถนาอีกครั้ง
นางยิ้มอย่างภูมิใจและลอยเข้าหาหวังหลิน นางมาถึงเบื้องหน้าเขาและยื่นมือเข้าหาหน้าผากของหวังหลิน
ทว่าขณะนั้นดวงตาหวังหลินใสกระจ่างและแฝงความดูถูกข้างในนั้น
นางร้องอุทาน ตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งผิดพลาดและพยายามจะถอยกลับ ทว่าหวังหลินนำธงวิญาณหนึ่งพันดวงซึ่งมีหลี่หยวนเฟิงรวมอยู่ด้วย
นางอุทานอีกครั้งและถอยกลับโดยไม่ลังเล
วิญญาณของหลี่หยวนเฟิงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและล้อมรอบนางพร้อมกับวิญญาณดวงอื่น ขณะที่พวกมันกำลังจะกลืนกินนาง พลังลึกลับออกมาจากดวงตาและนางยิ้มขึ้น “พวกพี่ๆ ทำไมท่านทั้งหมดต้องทำเช่นนี้? ข้าไม่ใช่ศัตรูของท่าน”
เพียงหนึ่งเสียงเดียวแม้กระทั่งวิญญาณของหลี่หยวนเฟิงยังตกตะลึงและดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน วิญญาณดวงอื่นๆยิ่งแย่กว่า พวกมันจ้องนางอย่างตะลึง
“เขาแกล้งข้า ช่วยข้าสังหารเขา ได้โปรดเถอะนะ..หลังสังหารเขาข้าจะใช้เวลาร่วมกับพวกท่านทั้งหมดเลย…” แก้มของนางแดงระเรื่อ
วิญญาณของหลี่หยวนเฟิงสั่นเทาและพุ่งเข้าหาหวังหลินพร้อมกับวิญญาณดวงอื่นๆ
สีหน้าหวังหลินยังคงสงบนิ่ง เขากระทั่งไม่มองเหล่าดวงวิญญาณและชี้ไปที่ด้านหลังพวกมัน ฉวี่ลี่กั๋วยังคงตกอยู่ภายใต้เสน่ห์ของนางและกำลังจะลอบโจมตีหวังหลินแต่มันบาดเจ็บเสียก่อน ควันสีดำรอบร่างมันเหือดหายไปและรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
สายตาคืนความชัดเจน คราวนี้ความหวาดกลัวต่อหวังหลินเอาชนะเสน่ห์ของนาง
มันลอบสาปแช่งในใจ ทำไมมันถึงมาโจมตีอสูรร้ายตัวนี้กันนะ? เอาเถอะ ตอนนี้ความน่าเชื่อถือทั้งหมดที่ได้มาจากการสังหารบรรพชนเผ่ามารยักษ์ก็หายไปหมดแล้ว
ยิ่งมันคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งโกรธขึ้นดังนั้นจึงตะโกนเข้าใส่นาง “เจ้าตัวร้าย ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าที่ยั่วยวนข้า!”
นางเผยใบหน้าเศร้าและกำลังจะพูด ทว่าวิญญาณของหลี่หยวนเฟิงกับเหล่าวิญญาณดวงอื่นๆพึ่งมาถึงด้านหน้าหวังหลิน หวังหลินชี้ฝ่ามือขวาและวิญญาณทั้งหมดส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนรวมถึงวิญญาณของหลี่หยวนเฟิงด้วย วิญญาณทั้งหมดต่างกระจัดกระจาย
“พอแล้ว! เจ้ามานี่!” หวังหลินยื่นมืออกไป นางอุทานและพยายามหลบหลีกแต่ถูกหวังหลินจับไว้ได้และลากมาข้างหน้า
หลังมองนางอย่างละเอียดเขาจึงเห็นความลับของนาง ภายในวิญญาณมีเขตแดน เขตแดนนี้แข็งแกร่งมากและสามารถทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในโลกลุ่มหลงได้นับไม่ถ้วน
“วิญญาณที่มีเขตแดน…น่าสนใจ!” ดวงตาหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“เจ้าชื่ออะไร?”
นางดิ้นรนอยู่พักใหญ่ จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างยั่วยวนพร้อมกับหายใจหนัก “ข้าไม่ได้เคียดแค้นท่าน ทำไมท่านไม่ปล่อยข้าไป?”
นางหายใจชวนหลงใหลไปด้วย
หวังหลินมองนางอย่างเยือกเย็นและชี้ไปที่คิ้วของนาง นางเผยอาการเจ็บปวดและเริ่มกรีดร้อง ควันสีดำหลายเส้นออกมาจากร่างนางราวกับสามารถสูญสลายไปได้ทุกเมื่อ
“เม่ยจี…ข้าชื่อเม่ยจี…” นางรีบพูดพร้อมกับมองหวังหลินด้วยแววตาหวาดกลัว