Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 404

Cover Renegade Immortal 1

404. โจวลี่

หลังนางรับรู้ความรู้สึก ทุกคนที่นางพบต่างก็หลงเสน่ห์นางเข้าเต็มเปา แม้กระทั่งบรรพชนเผ่ามารยักษ์ก็ไม่เว้น ถึงแม้ในที่สุดเขาเป็นอิสระจากนางไปได้แต่กลับไม่ทำร้ายนางอีกเลยและเพียงผนึกเอาไว้เท่านั้น

หลังจากนางถูกผนึกนึง นางยังคงหาทางหนีจากบรรพชนเผ่ามารยักษ์ วันหนึ่งพบกับฉวี่ลี่กั๋ว นางทำเสน่ห์ฉวี่ลี่กั๋วง่ายๆและในที่สุดเขาก็ช่วยนางไว้ได้

อย่างไรก็ตามนางไม่เคยจินตนาการว่าจะมีบุรุษเช่นนี้อยู่ด้วย ไม่เพียงแต่เสน่ห์ของนางจะไร้ประโยชน์ต่อเขาแต่ยังเกือบจะทำร้ายนางได้อีก

“เขตแดนนั้นเกิดอะไรขึ้นในร่างกายเจ้า?” หวังหลินไม่ได้ผลกระทบเพราะประสบการณ์ชีวิตและระดับบ่มเพาะวิชาผนึกวิญญาณ

ห้าร้อยปีของการฝึกฝนเซียน หวังหลินไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อนดังนั้นจิตใจเขาจึงหนักแน่นมากกว่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์

ในขณะเดียวกันวิชาผนึกวิญญาณก็เป็นวิชาที่น่ายกย่องมากที่สุดในสำนักหลอมวิญญาณ นอกจากการควบคุมธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงแล้ว วิธีใช้อีกอย่างหนึ่งก็คือทำให้วิญญาณของเขาไม่ได้ผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่าง

เป็นเพราะวิชานี้จึงทำให้เขาสามารถควบคุมวิญญาณหนึ่งล้านดวงและไม่ได้ผลสะท้อนกลับ

นางมองหวังหลินอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าใช้เขตแดนของตัวเองอีกและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร ตอนที่ข้าตื่น เขตแดนก็อยู่ตรงนี้แล้ว”

หวังหลินครุ่นคิด ระดับบ่มเพาะของนางเป็นเพียงขั้นแกนลมปราณเท่านั้นแต่เขตแดนทรงอำนาจพอที่ทำให้หลี่หยวนเฟิงได้รับผลกระทบได้ ซึ่งเรื่องเช่นนี้น่าประหลาดอย่างมาก

“สตรีคนนี้ต้องเกิดขึ้นจากการแบ่งวิญญาณดั้งเดิมผู้อาวุโสทรงพลังเป็นแน่ ซึ่งเป็นเหตุที่มันเป็นเสี้ยววิญญาณและอธิบายได้ว่าทำไมถึงมีเขตแดนแข็งแกร่งเช่นนี้ เขตแดนนี้ควรจะสัมพันธ์กับเสน่ห์ชวนหลงใหลหรือไม่ก็ราคะ” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ ฝ่ามือสร้างผนึกเพื่อวางกฎเกณฑ์บนตัวนางและดันนางเข้าไปในธงวิญญาณ

ฉวี่ลี่กั๋วยิ้มออกมาทันทีและเอ่ยอย่างระมัดระวัง “นายท่าน เรื่องนี้…หากไม่มีอะไรแล้วข้าจะขอกลับก่อน” สิ้นคำพูดมันกลับเข้าไปในกระบี่สวรรค์และไม่กล้าออกมาอีก

หวังหลินพบเรื่องสนุกๆและไม่ก่อกวนเจ้าฉวี่ลี่กั๋ว เขาตบกระเป๋าทำให้เจดีย์ลอยออกมาขยายขนาดจนใหญ่ขึ้นถัดด้านข้างเขา

เขตแดนของโจวยี่กระจายออกทันทีและครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมีห้าสิบลี้

เมื่อเจดียืปรากฎ​โจวลี่วิ่งออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นหวังหลินนางจึงบุ้ยหน้าทันที“ท่านลุงใจร้าย ท่านลุงใจร้าย! ข้าไม่ชอบท่านอีกแล้ว!”

เจ้าขาวน้อยออกมาด้านข้างโจวลี่พร้อมกับก้มหัวลงและนอนข้างๆนาง ไม่ผิดนักที่จะบอกว่ามันหิวโซแต่รับรู้ได้ยากไปหน่อยเพราะร่างเนื้อมันอยู่ในขนฟูๆ

“ข้าเป็นพยัคฆ์มารยังต้องกินผลไม้มาหลายเดือน ไม่เพียงแค่นั้นข้ายังไม่อาจกินได้อิ่มและกินแค่ผลเดียวต่อวัน ข้าไม่ได้กลิ่นเนื้ออะไรเลย น่าเศร้านัก…” เจ้าขาวน้อยร้องอย่างน่าสงสารและหยดน้ำตาไหลเอ่อล้นออกมา

มีโอกาสหลายครั้งตอนที่มันต้องการกินโจวลี่แต่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงว่ามันจะต่อกรหวังหลินอย่างไรหากทำลงไป ดังนั้นจึงล้มเลิกความคิดนี้

ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งสำคัญ มันรู้สึกถึงความหวาดกลัวค่อยๆเติบโตขึ้นข้างในโจวลี่ มันกังวลว่าก่อนที่จะเริ่มกินนาง เจ้าตัวแสบนี่จะกินมันเสียก่อน

“ลุงใจร้าย ดูสภาพเจ้าขาวน้อยสิ เราต้องกินแต่ผลไม้ไปหลายเดือน!” นางมองหวังหลินด้วยดวงตาไม่พอใจ ไม่เพียงแค่เจ้าขาวนาง แม้แต่นางเองก็ผอมลงไปเยอะ

หวังลินลูบจมูกตัวเอง เขาลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องกินต้องดื่มในสี่ร้อยปีที่ผ่านมาดังนั้นจึงลืมไปว่าโจวลี่ยังจำเป็นต้องกินอาหาร

โชคดีว่าตอนที่เขาส่งโจวลี่เข้าไปเจดีย์ เขาได้ให้ผลไม้ไปหลายอย่างเป็นของกินเล่น รวมถึงพลังปราณสวรรค์ในหอคอยนั้นหนาแน่นมาก ตราบใดที่ไม่ดูดซับมันตรงๆ มันจะยังทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องกินก็ได้

หน้าผากหวังหลินเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้ตอนเผชิญกับเหล่าอสูรเฒ่าขั้นแปลงวิญญาณยังไม่รู้สึกอึดอัดใจหรือน่าอายเช่นนี้ หลังได้ยินคำพูดของโจวลี่เขาจึงยิ้มอย่างขมขื่น

“อาา…นี่เป็นความผิดของลุงเอง ครั้งต่อไปลุงจะไม่ลืมแน่นอน!” หวังหลินรีบสัญญา

โจวลี่กรอกสายตาและบุ้ยปาก “สัญญาของลุงมีนับไม่ถ้วน ครั้งล่าสุดท่านสัญญากับข้าว่าจะเอาพยัคฆ์ตัวใหญ่มาด้วยและมันไม่เคยเป็นจริง ครั้งนี้ข้าจะไม่เชื่อท่านอีกแล้ว”

หวังหลินยิ้มบูดเบี้ยว “ก็ได้ โจวลี่น้อย ลุงจะพาเจ้าไปจับพยัคฆ์ตัวใหญ่ ข้าคิดว่าน่าจะมีพวกอสูรมารอยู่ที่นี่บ้าง”

โจวลี่เป็นเด็กดังนั้นเมื่อได้ยินเช่นนี้นางจึงยิ้มกว้างและปรบมือ “ครั้งนี้ลุงต้องรักษาสัญญานะ เราไปกันตอนนี้เลย!”

หวังหลินเผยใบหน้าอ่อนโยนและลูบศีรษะโจวลี่ “ไปกันตอนนี้เลย”

โจวลี่รีบพยักหน้า นางครุ่นคิดเล็กน้อยและจากนั้นเอ่ยขึ้น “ท่านลุง ข้าไม่รู้ว่าทำไมแต่ข้าหลับฝันทุกวัน ในความฝันนั้นข้าเห็นพี่สาวกับท่าน นางดูคุ้นเคยมาก น่าประหลาดนัก”

หัวใจหวังหลินสั่นเทา เขาก้มศีรษะลงมองโจวลี่ หลังจากนั้นชั่วขณะพลันถอยหายใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “หวานเอ๋อ อีกเพียงแค่หกปีเท่านั้นเจ้าก็จะตื่นได้แล้ว…”

โจวลี่มองหวังหลินและดวงตาแฝงร่องรอยความหวาดกลัวที่ตรวจสอบไม่ได้และบางเบา

โจวลี่กระซิบ “ท่านลุง ลี่เอ๋อน้อยเป็นปิศาจ…”

เจ้าขาวกำลังนอนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันรีบพยักหน้าและคิดขึ้น ‘ตามจริงเจ้าก็เป็นปิศาจน้อยอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นพยัคฆ์ร้ายเช่นข้าจะถูกเจ้ากลั่นแกล้งได้อย่างไร? ข้าถูกบังคับให้ออกจากภูเขาและทิ้งเสือสาวทั้งหมดไว้เบื้องหลัง…ช่างน่าสงสาร’

หวังหลินตกตะลึง เขามองลงไปและลูบหัวโจวลี่ “ลี่เอ๋อน้อยเกิดอะไรขึ้น?”

น้ำตาไหลรินจากดวงตาโจวลี่พร้อมกับที่นางเริ่มร้องไห้ “ลี่เอ๋อน้อยเป็นปิศาจ ท่านลุง ลี่เอ๋อน้อยเป็นปิศาจ ความจริงเมื่อหนึ่งปีก่อนข้ารู้สึกว่ามีคนตัวเล็กๆอยู่ข้างในข้า ท่านลุง ข้ากลัว!”

หวังหลินจ้องโจวลี่ เขาไม่อาจพูดอะไรได้สักพัก จนในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ลี่เอ๋อน้อยไม่ใช่ปิศาจ เจ้าไม่ใช่แบบนั้น”

โจวลี่กระโดดเข้ากอดหวังหลิน นางจับบนเสื้อผ้าเขาและเอ่ยขึ้น “ท่านลุง ข้ารู้สึกว่าคนตัวเล็กในร่างกายข้าเหมือน…เหมือนกับพี่สาวในความฝัน นางคือคนตัวเล็กคนนั้น ท่านลุง ลี่เอ๋อน้อยกลัว ท่านเอานางออกไปได้ไหม…” นิ้วมือเล็กๆจับเสื้อหวังหลินแน่นราวกับหากนางปล่อยมือ หวังหลินจะหายไป นางหวาดกลัว…และนี่เป็นวิธีเพียวที่นางรู้สึกปลอดภัย

ร่างหวังหลินสั่นเทา ตอนนี้เขารู้สึกราวกับถูกฟ้าฝ่าเข้าอย่างจัง

“ทำไมมันกลับกลายเป็นเช่นนี้…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ตอนนั้นวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานถูกหวังหลินวางเข้าไปในหญิงท้องคนหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้เป็นการครอบครองร่างอย่างหนึ่ง แต่เด็กทารกยังไม่มีวิญญาณและเป็นเพียงก้อนเนื้อเท่านั้น

ตามหลักการแล้วลี่มู่หวานคือโจวลี่และโจวลี่คือลี่มู่หวาน ดังนั้นทำไมเหตุการณ์ของโจวลี่ถึงปฏิเสธการปรากฎตัวของลี่มู่หวาน

“หรือมันเป็นตอนที่วิญญาณเซียนของลี่มู่หวานเข้าไปในท้องของหญิงตั้งครรถ์ เด็กทารกได้พัฒนาการจนมีวิญญาณของตัวเองไปแล้ว…” ร่างหวังหลินสั่นเทา ตอนนั้นเขากำลังต่อสู้กับผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์ดังนั้นจึงไม่สามารถมองดูชัดๆได้

“หากเรื่องนี้เป็นความจริง เช่นนั้นวิญญาณเซียนของลี่มู่หวานจะถูกวิญญาณของโจวลี่กลืนกินอย่างช้าๆและนางจะถูกโจวลี่มาแทนอย่างสมบูรณ์ตอนที่นางตื่นขึ้น” ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยความปั่นป่วน

โจวลี่เงยศีรษะขึ้น สายตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและกระซิบขึ้นมา “ท่านลุง ลี่เอ๋อน้อยกลัว ท่านรีบเอานางออกไปเร็วๆได้ไหม?”

“ข้าทำสิ่งไม่ถูกต้อง…” หวังหลินมองโจวลี่ เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ

“ลี่เอ๋อน้อยไม่ต้องกลัว แค่คิดว่าคนตัวเล็กในร่างเจ้าคือพี่สาว อย่ากังวลไปเลย” หวังหลินยิ้มขณะเฝ้าดูโจวลี่ ยิ้มของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน

“จริงหรือ? ท่านลุงไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม?” ดวงตาโจวลี่เผยความไร้เดียงสา บริสุทธิ์และใสซื่อ นอกจากนั้นหวังหลินยังสัมผัสความเชื่อในใจแววตาคู่นั้นด้วย

“จริงสิ…” หวังหลินยิ่งเจ็บปวดใจรุนแรงขึ้น เขารู้ว่าต้องเลือกแต่ในชีวิตแล้วการเลือกหนึ่งคนบางครั้งก็หมายถึงยอมอีกหนึ่งหายไปด้วย

“ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้…” ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

แม้ว่าโจวลี่จะยังเด็กแต่นางเป็นคนที่อ่อนไหวมาก นางมองหวังหลินขณะที่ศีรษะตัวเองอยู่ในอกเขา “ท่านลุงไม่ต้องเสียใจนะ ตอนที่ลุงเสียใจ ข้าก็เสียใจเช่นกัน คราวหน้าข้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ข้าเชื่อว่าหากท่านพูดว่าไม่เป็นปัญหามันก็ไม่เป็นปัญหา ท่านลุงจะไม่พาข้าไปจับพยัคฆ์ตัวใหญ่แล้วใช่ไหม?”

หวังหลินมองโจวลี่ เขาพยักหน้าและปาดน้ำตาจากขอบตาและเอ่ยขึ้น “ลุงจะพาเจ้าไปจับพยัคฆ์กัน!”

เช่นนั้นเขากอดโจวลี่และเหาะเหินเข้าสู่กลางอากาศ

โจวลี่ยิ้มแย้มแต่รอยยิ้มนี้ราวกับเป็นการร้องไห้เงียบๆในแววตาหวังหลิน

“ท่านลุงพาเจ้าขาวน้อยไปด้วย ฮึ่ม เจ้าขาวน้อยชอบดื้อ เมื่อท่านลุงจับพยัคฆ์ตัวใหญ่ให้ข้า ข้าจะดูว่ามันจะดื้ออีกต่อไปหรือไม่ หากมันยังดื้อต่อไปข้าจะให้พยัคฆ์ตัวใหญ่กัดเจ้าขาวน้อย”

ร่างเจ้าขาวน้อยสั่นเทาขณะร้องไห้อย่างน่าสงสาร มันคิดขึ้น ‘ข้าเป็นพยัคฆ์ร้าย…’ ก่อนที่มันจะทันคิดจบได้ถูกหวังหลินคว้าเอาไว้และหายตัวไปพร้อมกัน

ขณะที่ทั้งสามเหาะเหิน สายตาโจวลี่ยังตกลงบนหวังหลิน นางกลั้นน้ำตาและคิดขึ้นในใจอย่างเงียบๆ ‘ท่านลุง ลี่เอ๋อน้อยอายุสิบสามขวบแล้ว มีหลายสิ่งที่ข้าได้เข้าใจ ท่านแตกต่างจากปู่ไท่หยาน ตอนที่ท่านมองมาที่ข้า ท่านไม่ได้มองข้าแต่กลับเป็นคนตัวน้อยข้างในข้า แต่ว่าปู่ไท่หยานไม่เหมือนกัน สิ่งที่ปู่มองมาที่ข้านั้น…’

“ข้ารู้ว่าตอนที้ท่านช่วยข้ามาจากเซียนเลวคนนั้น ไม่ใช่เพราะข้าแต่เพราะพี่สาวข้างในตัวข้า…”

“พี่สาวที่ข้าเห็นในความฝันน่ารักมาก แต่เชื่อว่าเมื่อข้าเติบโตขึ้น ข้าจะน่ารักกว่า ท่านลุงอย่าทิ้งข้าไปเลยนะ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!