414. มั่งคั่ง
เหล่าเซียนทั้งหมดในสำนักเทียนต้าวกำลังตื่นเต้น พวกเขามองหวังหลินด้วยสายตาเคารพ
ชายชราผมขาวเดินออกมาจากฝูงชน เขาโค้งคำนับต่อหวังหลินและเอ่ยอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยเฉินเฟิงเซียวแห่งสำนักซวนต้าว ขอคำนับผู้อาวุโส”
“คำนับผู้อาวุโส!” เมื่อเขาพูดจบ เซียนทั้งหมดต่างคำนับหวังหลินด้วยเช่นกัน เสียงดังกระหื่มกระจายออกไปไกล
หวังหลินส่ายศีรษะ “ข้าไม่ใช่ผู้อาวุโสของเจ้า”
ชายชราสูดหายใจลึกและเอ่ยด้วยความเคารพ “ท่านกลายเป็นผู้อาวุโสของเหล่าเซียนทุกคนในแคว้นจ้าวตอนที่ท่านบรรพลุขั้นตัดวิญญาณเมื่อสองร้อยปีก่อนในสำนักเทียนต้าว ข้าหวังว่าท่านอาวุโสจะไม่ปฏิเสธนามนี้”
หวังหลินถอนหายใจและมองไปยังแผ่นดินแคว้นจ้าว ที่นี่คือที่ที่เขาเติบโตขึ้น ตอนนี้ผ่านไปมากกว่าห้าร้อยปี เขายังคงหวนรำลึกถึงวันวาน บางครั้งมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าห้าร้อยปีที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝัน
“ท่านบรรพชน หากท่านไม่เร่งรีบนักโปรดพักที่สำนักเทียนต้าวสักสองสามวันเพื่อให้เหล่าผู้น้อยแต่ละคนได้แสดงความเคารพ” ดวงตาชายชราเต็มไปด้วยความคลั่งใคล้และเคารพ
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย จังหวะนั้นหวังจัวถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “หวังหลินพักในแคว้นจ้าวสักสองสามวันเถิด ท่านไม่ต้องการเห็นลูกหลานของลุงสี่หรือ…”
ชายชรามองหวังจัวด้วยใบหน้าตกใจ หวังจัวเป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในสำนักเทียนต้าวดังนั้นจึงรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่กับสิ่งที่เขาพึ่งพูดไปนั้นประหลาดเล็กน้อย ชายชรามองใกล้ๆและพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ แม้ว่าหวังจัวจะดูเหมือนเดิม แต่สายตาไม่ใช่หวังจัวแห่งสำนักเทียนต้าวอีกต่อไปราวกับพึ่งข้ามผ่านกาลเวลากลับมา
หวังจัวยิ้มให้ชายชราและส่งคำพูดหนึ่งโดยใช้วิชาสื่อสาร ร่างชายชราสั่นเทาหลังจากได้ยินและมองหวังหลินไม่เชื่อสายตาตนเอง เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหกดังนั้นจึงยิ้มอย่างขมขื่นออกมาและเอ่ยอย่างเคารพต่อหวังจัว “ขอคำนับ ผู้อาวุโส….”
“เฉินเฟิงเซียว เจ้าเป็นศิษย์ที่ข้าพามาสำนักเทียนต้าวด้วยตัวเอง ตอนนั้นเจ้ายังเป็นหนุ่ม พริบตาเดียวหลายปีก็ผ่านไปเสียแล้ว…” หวังจัวถอนหายใจ
เฉินเฟิงเซียวยิ้มอย่างขื่นขม เขากำลังพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่หวังจัวพึ่งพูดออกไป
หวังหลินพำนักอยู่ที่สำนักเทียนต้าว
นอกจากคนไม่กี่คนจากแต่ละสำนัก เทียนที่เหลือทั้งหมดในแคว้นจ้าวต่างกลับเข้าสู่สำนักตนเอง
ในสำนักเทียนต้าว หวังหลินให้คำอธิบายเรื่องเต๋าแก่เซียนขั้นแกนลมปราณทุกคน เขาทิ้งเครื่องหมายแห่งเต๋าเหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดมากขึ้น
หวังหลินทำเช่นนี้กับเล่าเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดที่มีอยู่ไม่กี่คน เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ตอนที่กำลังจะบรรลุขั้นตัดวิญญาณให้ด้วย จากวันนี้ต่อไปพวกเขาจะไม่สับสนและเดินบนเส้นทางที่ชัดเจน
สามวันถัดมา หวังหลินและหวังจัวออกมาจากสำนักเทียนต้าว ก่อนที่จะจากไปหวังหลินวางค่ายกลให้กับสำนักเทียนต้าวซึ่งมันจะสามารถป้องกันเซียนขั้นตัดวิญญาณได้ทุกคน มีเพียงเซียนขั้นแปลงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถทำลายได้
สำหรับแคว้นระดับสามที่มีค่ายกลเช่นนี้นับว่าไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน ปกติแล้วมีเพียงแค่แคว้นระดับห้าเท่านั้นที่มีความสามารถพอจะใช้ค่ายกลป้องกันที่ทรงพลังได้
หลังทำเรื่องนี้เป็นสิ่งสุดท้ายเพื่อแคว้นจ้าว หวังหลินจึงไม่กังวลเรื่องแคว้นที่พาเขายกระดับขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ จากนั้นติดตามหวังจัวเพื่อออกไปหาลูกหลานตระกูลหวังอย่างเงียบๆ
จากนั้นในบ้านบรรพชน หวังหลินเห็นเยว่เอ๋อและครอบครัวของนาง เมื่อเห็นเยว่เอ๋อทำให้หวังหลินนึกถึงต้าหนิวและโจวลี่ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก เขารู้สึกหดหู่ใจทันที
หวังจัวรับเยว่เอ๋อเป็นศิษย์และส่งวิธีการบ่มเพาะให้กับนาง
ก่อนที่หวังหลินจะจากไป เขานำหินหยกขอบเขตจวี่ในบ้านบรรพชนออกมาและแทนที่ด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา
หวังจัวไม่ได้กลับสำนักเทียนต้าวแต่พักกับตระกูลหวังในเมืองหลวง สองร้อยปีก่อนเขาถูกนำไปใส่ไว้ในร่างหญิงตั้งครรถ์ในตระกูลหวังดังนั้นจึงใกล้ชิดกับตระกูลหวังทั้งในอดีตและปัจจุบัน ความรู้สึกที่เขามีต่อตระกูลนับว่าแข็.แกร่งยิ่งกว่าหวังหลิน
เขาตั้งใจจะอุทิศชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องลูกหลานตระกูลหวัง
จวบจนแคว้นจ้าวจะสูญสิ้น
ทว่าหวังหลินยังคงคิดถึงสำนักเหิงยั่ว สำนักที่พาให้เขาเดินเข้าสู่หนทางแห่งเซียน ก่อนที่เขาจะออกจากแคว้นจ้าวจึงตัดสินใจค้นหาพวกเขา
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ภูเขาและถ้ำหลากหลายแห่งปรากฎในใจ เพียงเคลื่อนไหวครั้งเดียวร่างกายเขาก็หายวับไป
ร่างหวังหลินปรากฎตัวด้านนอกภูเขาลูกหนึ่งที่เรียกกันว่าภูเขางูช้าง
หวังหลินมองไปรอบๆด้วยใบหน้าลำบากใจ มีค่ายกลแห่งหนึ่งที่นี่ เขาไม่ได้ทำลายมันแต่ทะลุผ่านเข้าไปในภูเขาแทน
ข้างในเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ตอนที่หวังหลินเข้าไปในถ้ำเขาเห็นเพียงแต่ฝุ่นผงจำนวนมาก
ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานานมาก
มีสามประโยคสลักเอาไว้บนหินหยกขนาดใหญ่ในห้องโถงหลัก
“สำนักเหิงยั่ว!”
หวังหลินถอนหายใจขณะกวาดฝุ่นออกและจ้องมันอย่างเงียบเชียบเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณและเดินไปด้านข้าง เขาทำลายค่ายกลที่ป้องกันประตูและเดินเข้าไปข้างใน มีชั้นวางหลายชั้นพร้อมกันหินหยกอยู่บนนั้นซึ่งกำลังปลดปล่อยแสงน่ากลัวจางๆ
มีร่างศพคนหนึ่งนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัวอยู่มุมห้อง กระดูกอยู่ในสภาพดีนั่นหมายความว่าคนผู้นี้ตายไปเนื่องจากอายุขัย
นิ้วชี้ขวาของร่างศพชี้ไปที่พื้น
หวังหลินเดินเข้าไปกวาดฝุ่นบนพื้นและเห็นประโยคที่สลักเอาไว้
“สำนักเหิงยั่วตายไปพร้อมกับข้า ข้าเป็นบรรพชนที่เหลวไหล…ข้าเป็นบรรพชนที่เหลวไหล…”
หวังหลินขบคิด เขาก้าวถอยหลังพลันโค้งคำนับอย่างเคารพและเอ่ยขึ้น “ศิษย์หวังหลินขอคำนับผู้อาวุโส…”
หลังถอนหายใจออกมา หวังหลินหยิบหินหยกขึ้นมาทีละชิ้นและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณของตนเอง ตอนที่หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หวังหลินพลันหยุดกึก
“พรสวรรค์ของชายชราคนนี้มีไม่มากพอจึงทำให้ระดับบ่มเพาะของข้าไม่สามารถบรรลุขั้นที่สูงขึ้นได้ แต่ข้ามีความรู้แจ้งในกระบี่อันแปลกประหลาด ราวกับว่าชีวิตข้าคือกระบี่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อสัมผัสวิญญาณของข้าเข้าไปในกระบี่ กระบี่เล่มนั้นพลันแตกสลายในเวลาเพียงหนึ่งลมหายใจ ไม่มีข้อยกเว้น…”
“คำพูดไร้ประโยชน์เป็นวิธีการอธิบายข้าคนนี้เป็นอย่างดี เมื่อข้ามิอาจใช้สัมผัสวิญญาณเพื่อควบคุมกระบี่ ข้าก็มิอาจใช้กระบี่ในการสู้รบได้ ข้าเป็นความอัปยศแก่อาจารย์”
“ตอนที่ข้าอายุแปดสิบ ข้าฝันว่าตัวเองเป็นวิญญาณกระบี่ในใต้หล้า ข้าเป็นราชาท่ามกลางเหล่ากระบี่มากมาย”
“หลังจากข้าตื่นขึ้น กระบี่จากความฝันยังคงสลักไว้ในใจข้าราวกับว่านั่นเป็นชีวิตที่ข้าใฝ่ฝัน ราวกับว่ามันเป็นชีวิตที่ผ่านมาของข้า…ข้าได้ล้มเลิกการทะลวงขั้นพื้นฐานลมปราณและมุ่งเน้นการสร้างกระบี่แทน!”
“ความคิดนี้ทรงพลังจนรู้สึกเหมือนข้าถูกควบคุม ข้ายึดมั่นในความคิดนี้ ข้าต้องสร้างกระบี่เล่มนี้ให้จงได้!”
“ผ่านไปสิบปี ข้าได้ขอวัตถุดิบเพื่อเอาไปสร้างกระบี่ ข้าสร้างไปหลายเล่มแต่ไม่มีเล่มไหนตรงกับที่ข้าต้องการ ดังนั้นข้าจึงได้แต่ยอมแพ้”
“ในปีนี้สำนักเหิงยั่วได้เผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ ศัตรูแข็งแกร่งโจมตีพวกเราจนทำให้สำนักกำลังจะถูกทำลาย”
“ข้าเกิดในสำนักเหิงยั่วและขอตายในสำนักเหิงยั่ว ข้าได้เปิดเตาหลอมครั้งสุดท้ายเพื่อสร้างกระบี่ ข้ามีเวลาอยู่น้อยมากดังนั้นจึงยอมใช้วัตถุดิบล้ำค่าและใช้โลหะธรรมดาจนสร้างกระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งขึ้นมาได้”
“หลังสร้างกระบี่ขึ้นมาได้สำเร็จ ข้ารู้สึกถึงสัญญาณจากสวรรค์ ดังนั้นจึงเคลือบกระบี่ด้วยทองคำและในไม่ช้ามันจึงส่องแสง”
“เมื่อมองกระบี่เล่มนี้ ความรู้สึกที่ข้าพบในความฝันได้พลันกลับมาหาข้าอีกครั้ง ในจังหวะนั้นข้าถูกกลับมาในความฝันและข้าเป็นจิตวิญญาณกระบี่เล่มนี้”
“มันเป็นความรู้สึกที่ข้าเฝ้ามองหา ข้าตั้งชื่อกระบี่ว่ามั่งคั่ง แม้ชื่อนี้จะไม่ได้หวือหวาอะไรแต่มันเป็นสิ่งที่กำลังรู้สึกจริงๆ”
“วิญญาณของข้าดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับกระบี่เล่มนี้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นข้าจึงพุ่งออกไปขจัดหายนะให้กับสำนักเหิงยั่ว จากนั้นแล้วข้าต้องจากไป ข้าทิ้งวิชากระบี่ไว้ในกระบี่เล่มนั้น ข้าหวังว่าเหล่าศิษย์ในอนาคตจะดูแลรักษากระบี่ไว้ได้อย่างดี”
หวังหลินวางหินหยกลงและหลับตา จิตใจกำลังสั่นสะเทือน แม้ว่าเหตุผลหลักที่เขามาที่นี่เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสำนักเหิงยั่ว อีกเหตุผลก็คือค้นหาเรื่องราวกับเกี่ยวกระบี่มั่งคั่ง
“วิญญาณกระบี่ในชาติก่อน…กระบี่เล่มนี้ช่างเหมือนกับกระบี่สวรรค์เสียจริง หรือวิญญาณผู้อาวุโสคนนี้จะมีเศษเสี้ยววิญญาณของกระบี่สวรรค์…”
หวังหลินลืมตา ดวงตาเปล่งประกาย
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่ร่างกายจะหายไปและออกไปจากพื้นที่แห่งนี้
เขาปรากฎตัวอีกครั้งด้านนอกหุบเขาจูหมิง ที่นี่คือตำแหน่งที่กระเป๋าของเขาถูกทำลาย ก่อนหน้านั้นเขาได้เข้าไปในรอยแยกอวกาศเพื่อค้นหากระเป๋าของเขาไปแล้ว
หลังจากสร้างรอยแยกอวกาศ หวังหลินเข้าไปข้างใน คราวนี้เป้าหมายของเขาคือกระบี่มั่งคั่ง
“กระบี่เล่มนั้นถูกสร้างขึ้นจากเหล็กธรรมดา ข้าไม่รู้ว่ามันสามารถเอาตัวรอดภายในรอยแยกอวกาศเป็นเวลาห้าร้อยปีได้หรือไม่ อีกทั้งข้าไม่รู็ว่ามันจะถูกทำลายไปพร้อมกับกระเป๋าด้วย น่าเสียดายระดับบ่มเพาะของข้าไม่สูงเพียงพอที่จะรับรู้วิชากระบี่ข้างในกระบี่ได้ ไม่เช่นนั้น…” หวังหลินถอนหายใจพร้อมกับกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา
ครึ่งเดือนถัดมา หวังหลินเดินออกมาจากรอยแยกอวกาศพร้อมกับคิ้วขมวด เขาไม่พบสิ่งใด
“ข้ากลัวว่ากระบี่เล่มนั้นถูกทำลายไปแล้ว…”
“ข้าต้องรีบกลับไปสำนักหลอมวิญญาณและค้นหาหินหยกสวรรค์เพื่อบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ!” เช่นนั้นหวังหลินหายตัวไป เขาปรากฎตัวอีกครั้งข้างในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณและหายตัวไปจากแคว้นจ้าว
ในแคว้นเซียนระดับสี่ทางด้านทิศตะวันตกของดาวเคราะห์ซูซาคุ แคว้นแห่งนี้ถูกเผ่าละทิ้งอมตะเอาไปและเหล่าเซียนทั้งหมดในแคว้นนี้ต่างกลายเป็นผู้รับใช้ของเผ่าละทิ้งอมตะ คนผู้หนึ่งสวมหมวกฟางยืนอยู่บนชายขอบแห่งแคว้น เขาปกคลุมร่างด้วยแสงสีทอง
“หวังหลินในที่สุดเจ้าก็กลับมา ผู้อาวุโสรู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องกลับมา ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง” คนผู้นี้ตบกระเป๋าและหินหยกปรากฎในฝ่ามือ
“เจ้าช่วยข้าสังหารหลี่หยวนเฟิงและผนึกแคว้นเฉว่ยี่เอาไว้ ข้าโจวหวู่ไท่ ไม่มีวิธีตอบแทนเจ้านอกจากให้หยกชิ้นนี้ หินหยกนี้บรรจุเขตแดนของหลิวเหมยที่ข้าใช้ทั้งชีวิตเพื่อได้มันมา ข้าหวังว่าเจ้าจะเติมเต็มความคาดหวังของผู้อาวุโสและกลืนกินจิตใจแห่งเต๋าของหลิวเหมย กลายเป็นซูซาคุคนถัดไป”
เขาก้าวหนึ่งครั้งและหายตัวไป
ณ ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณในแคว้นพิลู แสงสว่างเจิดจ้ากระพริบวาบและหวังหลินเดินออกมา เขาลอยขึ้นบนอากาศทันทีและพุ่งไปทางสำนักหลอมวิญญาณ