422. จูเซว่จื่อ
“ตุ้นเทียน!” จูเซว่จื่อสวมชุดคลุมสีแดงร้อนแรง เส้นผมปลิวไสวไร้แรงลม แม้เขาจะดูแก่ชราแต่ยังปลดปล่อยกลิ่นอายกดดันรุนแรง
ท้องฟ้ามืดมัวเมื่อเขายืนอยู่ที่นี่ แสงทั้งหมดออกมาจากผ้าคลุมร้อนแรงซึ่งแสดงถึงอำนาจเหนือดาวเคราะห์ซูซาคุอย่างสมบูรณ์
ไม่สามารถสัมผัสสายใยพลังปราณหรือกระทั่งพลังปราณสวรรค์ในร่างกายเขาได้ แต่สำหรับเหล่าเซียนขั้นเทวะระดับต้นยังถูกบังคับให้ล่าถอยและแม้แต่ขั้นเทวะระดับกลางยังต้องถอยโดยไม่คิด
เขาคือเซียนขั้นเทวะระดับปลายเพียงคนเดียวบนดาวเคราะห์ซูซาคุ
ผู้คุมกฎที่แท้จริงแห่งดาวซูซาคุ!
จูเซว่จื่อเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ตอนนั้นแคว้นซูซาคุของข้ามีข้อตกลงกับสำนักหลอมวิญญาณของเจ้า เมื่อแคว้นซูซาคุอยู่ในอันตราย เจ้าต้องให้เรายืมธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อยืมธงวิญญาณ ตุ้นเทียนส่งมันมานี่!”
“ไร้สาระ!” ตุ้นเทียนจับธงวิญญาณแน่นขณะจ้องจูเซว่จื่อและตะโกน “ทำไมข้าไม่เคยได้ยินข้อตกลงนี้จากบรรพชนคนไหนมาก่อน? เจ้าหัวขโมยจูเซว่ หากต้องการขโมยมันก็เข้ามา ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องน่าอายเช่นนี้”
จูเซว่จื่อมองตุ้นเทียนพลันส่ายศีรษะเบาๆและถอนหายใจ “เรื่องสำคัญเช่นนี้เป็นการตัดสินใจระหว่างซูซาคุรุ่นแรกและบรรพชนผู้ก่อตั้งของเจ้า เป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้เรื่อง แต่ข้าพบมันในบันทึกโบราณ วันนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขโมยแต่เพื่อมายืม!” เช่นนั้นเขายื่นมือออกมา ท้องฟ้าเปลี่ยนสีและแสงสีแดงรวมเข้าด้วยกันจากทุกทิศทุกทาง แสงสีแดงก่อกำเนิดเป็นแขนยักษ์แดงกดลงเข้าหาตุ้นเทียน
ตุ้นเทียนตะโกน “เจ้าโจรเฒ่า!” พลันโบกสะบัดธงโดยไม่ลังเลเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณทั้งหมดหนึ่งพันล้านดวง วิญญาณหลักทั้งสามสิบห้าดวงต่างก็ถูกส่งออกมาทั้งหมดยกเว้นวิญญาณดวงที่สี่
ทุกสิ่งภายในระยะหนึ่งร้อยลี้ถูกปกคลุมด้วยดวงวิญญาณ เสียงกรีดร้องและร่ำไห้ดังระงมทั่วบริเวณ
เสียงผสานของวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงนั้นทรงพลังมากกว่าสมบัติคนเสียงใดๆ พื้นดินภายในระยะหนึ่งร้อยลี้เริ่มสั่นเทาและภูเขารอบๆด้านพังทลาย
วิญญาณหลักทั้งหมดสามสิบห้าดวงฉีกกระชากแขนสีแดงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยใบหน้าดุร้าย จากนั้นล้อมรอบจูเซว่จื่อและจ้องเขาด้วยความโหดเหี้ยม
จูเซว่จื่อมองเหล่าวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงรอบๆ รูม่านตาหดเล็กลงเล็กน้อยขณะเอ่ยขึ้น “ตุ้นเทียน เมื่อเจ้ายังปากแข็ง ข้าจะลงโทษเจ้าในนามบรรพชนแทน ข้าแค่ต้องการยืมธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงเท่านั้นจากนั้นข้าจะคืนให้”
ตุ้นเทียนแกล้งหัวเราะ “ยืม? เจ้าต้องการจะยืมไปนานแค่ไหน?”
จูเซว่จื่อเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ให้แคว้นซูซาคุยืมสักหมื่นปี หลังจากหมื่นปีเราจะคืนให้แต่โดยดี”
“เจ้าโจรเฒ่าจูเซว่ สำนักหลอมวิญญาณของข้าพูดไว้ว่า หากธงอยู่ที่นี่สำนักยังคงอยู่ หากเจ้าต้องการมันก็เข้ามาเอามันไป!” ตุ้นเทียนสร้างผนึกขึ้นมาและชี้ไปที่จูเซว่จื่อ
“รวมร่าง!”
ดวงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงรอบด้านเริ่มรวมเข้าด้วยกันกับวิญญาณหลักทั้งสามสิบห้าดวงในทันทีและจากนั้นวิญญาณหลักเริ่มรวมเข้าด้วยกัน
ดวงตาจูเซว่จื่อส่องสว่าง เขาไม่ยอมให้การรวมร่างนี้ดำเนินต่อไปจึงยื่นมือออกมาและขนนกสีแดงปรากฎในฝ่ามือ
เขาส่งขนนกออกไปข้างหน้า จากนั้นเริ่มเผาไหม้ทันที ปลดปล่อยแสงชั่วร้าย
“เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งซูซาคุ!” น้ำเสียงแก่ชราของจูเซว่จื่อดังกระหึ่ม
ขนนกเผาไหม้จนสั่นเทาและแตกสลายทันที เปลวไฟพรั่งพรูเริ่มกระจายโดยมีขนนกอยู่ใจกลางและปกคลุมรัศมีหนึ่งร้อยลี้รอบด้าน
พลังของเปลวไฟนี้เหนือจินตนาการ ภูเขาทั้งสามลูกของสำนักหลอมวิญญาณเปลี่ยนเป็นของเหลวหนืดสีดำ ทว่าของเหลวนี้เปลี่ยนไปเป็นควันอย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งถ้ำที่หวังหลินอยู่ยังหายวับไปด้วยและหวังหลินหายไปพร้อมกับถ้ำนั้น
ทั้งสำนักหลอมวิญญาณหายวับไปจากดาวเคราะห์ซูซาคุ ศิษย์นับร้อยและกระทั่งผู้อาวุโสขั้นตัดวิญญาณทั้งสามคนที่ซ่อนอยู่ในวงแหวนทองทั้งสามวันต่างไม่อาจหนีรอดหายนะครั้งนี้ได้
วิญญาณหลักสามสิบห้าดวงกำลังจะรวมร่างกันได้ถูกเปลวไฟล้อมรอบ ควันสีดำกำลังลอยเหนือร่างพวกเขาและทั้งหมดมีใบหน้าเจ็บปวด
“เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งซูซาคุ…” ใบหน้าตุ้นเทียนน่าเกลียดมาก หินหยกโบราณสามชิ้นลอยรอบตัวเขา พวกมันป้องกันเปลวไฟเอาไว้
“ตุ้นเทียน ฟ้าดินเป็นพยาน เดิมทีข้าไม่ต้องการทำเช่นนี้แต่เจ้าบังคับให้ข้าทำ!”
ตุ้นเทียนสูดหายใจลึกแต่ปลายลิ้นพ่นโลหิตคำโตออกมาและนั่งลงในท่านั่งดอกบัว จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกพร้อมกับเอ่ยว่า “วิญญาณหลบหนี!”
ตุ้นเทียนไม่ใช่ชื่อเดิมของเขาแต่เป็นชื่อที่อาจารย์ตั้งให้ ครั้งหนึ่งเขาบอกหวังหลินว่าผู้ใช้ธงวิญญาณทุกคนมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันและวิธีพิเศษของเขาคือการหลบหนี
วิญญาณหลักทั้งสามสิบห้าดวงปลดปล่อยแสงสีเขียวและจากนั้นหายวับไปภายในเปลวไฟ พวกมันปรากฎตัวอีกครั้งเบื้องหน้าตุ้นเทียน
“นี่มันอะไรกัน?” จูเซว่จื่อตื่นตะลึง
“รวมร่าง!” ตุ้นเทียนพ่นโลหิตออกมามากกว่าเดิม คราวนี้โลหิตตกลงบนหนึ่งในวิญญาณหลัก จากนั้นวิญญาณหลักดวงอื่นอีกสามสิบสี่ดวงได้รวมเข้ากับวิญญาณดวงนั้นทันที
วินาทีนั้นกลิ่นอายเปรียบได้กับจูเซว่จื่อปรากฎขึ้น ท้องฟ้าดูเหมือนจะถูกแบ่งออกเป็นสองข้าง ด้านซ้ายเป็นสีแดงชุกโชนแสดงถึงจูเซว่จื่อ
ด้านขวาเป็นสีดำแสดงถึงวิญญาณขั้นเทวะระดับปลายซึ่งสร้างจากวิญญาณหลักสามสิบห้าดวงและดวงวิญญาณพันล้านดวง
จังหวะที่วิญญาณดวงนี้ปรากฎตัว มันสะบัดแขนผลักเปลวไฟทั้งหมดจากฝั่งขวาไปสู่ฝั่งซ้าย
ราวกับพื้นปฐพีและท้องนภาถูกแบ่งออกเป็นสีดำและแดง
รูม่านตาของจูเซว่จื่อหดแคบลง เขาจ้องดวงวิญญาณนั้นด้วยท่าทางน่าเกลียดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ไม่เลว ด้วยพลังเช่นนั้นมันถึงกลายเป็นสมบัติชั้นยอดของดาวซูซาคุได้”
ใบหน้าตุ้นเทียนซีดเผือดราวกับศพ เขาเหลืออายุขัยน้อยกว่าสองปีและตอนนี้ได้ใช้วิชารวมร่างของธงวิญญาณไปอีก เวลาแทบจะหมดสิ้นแล้ว เขาเอ่ยเบาๆ “สังหารมัน!”
วิญญาณขั้นเทวะระดับปลายไม่ได้พุ่งออกไปแต่กลับมือฝ่ามือขึ้น เสียงดังก้องขึ้นจากทุกทิศทางพร้อมกับก้อนเมฆควบรวมกันกลายเป็นรูปร่างมนุษย์คนหนึ่ง
ร่างที่สร้างจากก้อนเมฆเมื่อชำเลืองมองดูไม่แตกต่างไปจากคนธรรมดาเลย
วิญญาณขั้นเทวะก้าวไปข้างหน้าและรวมร่างดข้ากับร่างกายนั้น เขาลืมตาขึ้นเผยแววตาน่ากลัวและจ้องไปที่จูเซว่จื่อ
“สร้างร่างกายจากมวลก้อนเมฆ เซียนขั้นเทวะระดับปลายเท่านั้นถึงสามารถทำได้! แต่ว่าเจ้าสร้างมาจากการรวมร่าง ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน!”
จูเซว่จื่อกล่าวจบพลันโบกสะบัดแขน ลำแสงสีแดงปรากฎเบื้องหน้าและเปลี่ยนแปลงเป็นกระบี่แดง
เปลวไฟบนพื้นดินถูกดูดเข้าไปในตัวกระบี่
“กระบี่เล่มนี้โบราณมากและไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริงของมัน ซูซาคุรุ่นแรกได้มันมาและตั้งชื่อมันว่ากระบี่ซูซาคุ” จูเซว่จื่อชี้ปลายนิ้วไปที่กระบี่
กระบี่เหินเรืองแสงสีแดงในทันทีราวกับเติมเต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์ กระบี่เล่มนี้ไม่แตกต่างไปจากกระบี่สวรรค์เลย
กระบี่เล่มนี้เป็นสมบัติสวรรค์!
ดววตาร่างที่สร้างจากก้อนเมฆสว่างวาบและโบกแขนขวา ทั้งแขนขวาปลิวออกไปกลายเป็นกระบี่เช่นเดียวกับกระบี่ซูซาคุ นอกจากสีแล้วมันดูเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนแม้กระทั่งพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลยังเหมือนกัน
จากนั้นชี้ไปยังจูเซว่จื่อและกระบี่สั้นสีขาวพุ่งออกไป
กระบี่แดงและกระบี่ขาวพุ่งชนกันราวกับอุกกาบาต หลังการปะทะนั้นเห็นได้ชัดว่ากระบี่ขาวไม่อาจได้เปรียบและถูกผลักถอยกลับไป ทว่ากระบี่แดงปะทะกับพลังปราณสวรรค์รุนแรงของกระบี่ขาว มันจึงชะลอตัวช้าลง
ร่างกายที่สร้างจากก้อนเมฆจ้องมองจูเซว่จื่อและเผยรอยยิ้มบาง จากนั้นร่างของมันแตกสลายกลายเป็นกระบี่แบบเดียวกันถึงแปดเล่ม แต่ละเล่มบรรจุพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาล ทั้งแปดเล่มพุ่งออกไปในคราเดียว สามเล่มพุ่งตามหลังกระบี่ซูซาคุและที่เหลือห้าเล่มพุ่งเข้าหาจูเซว่จื่อ
จูเซว่จื่อถอยกลับไปหลายร้อยฟุต พลันสัมผัสกระเป๋านำน้ำเต้าออกมา “รวบรวม!”
กระบี่ห้าเล่มถูกพลังแข็งแกร่งสายหนุ่งล้อมรอบและในพริบตาเดียวมันก็ถูกขังไว้ในน้ำเต้า
สายตาจูเซว่จื่อสว่างวาบ เขากำลังจะใช้น้ำเต้าเพื่อเก็บกระบี่อีกสามเล่มแต่ขณะนั้นได้ยินเสียงแตกร้าวออกมาจากน้ำเตา วินาทีต่อมาเสียงดังราวกับสวรรค์พังทลายหลุดออกมา
น้ำเต้าแตกกระจายดังปัง กระบี่ห้าเล่มลอยออกมาแทงเข้าใส่จูเซว่จื่อโดยไม่ลังเล
ในเวลาเดียวกันกระบี่ที่กำลังสู้กับกระบี่ซูซาคูดูเหมือนได้รับคำสั่งทำให้มันละทิ้งกระบี่ซูซาคุและลอยเหินออกมาอย่างรวดเร็ว
ท่าทางจูเซว่จื่อเปลี่ยนไปมากและถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่ว่าเขาสู้ไม่ได้แต่ดวงวิญญาณที่สร้างจากธงวิญญาณกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายความตาย มันโจมตีเขาโดยไม่กังวลถึงความปลอดภัยของตนเอง แม้เขาจะมั่นว่าสามารถเอาชนะได้แต่ก็ได้รับบาดเจ็บแน่นอน เดิมทีแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักแต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีอายุขัยเหลือมาก หากบาดเจ็บที่นี่อายุขัยจะสั้นลงไปอีก
เรื่องสำคัญอีกอย่างก็คือการต่อสู้ครั้งที่สองกับเผ่าละทิ้งอมตะได้เริ่มขึ้นแล้ว หากเขาบาดเจ็บที่นี่นับว่าโชคร้ายโดยแท้