Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 463

Cover Renegade Immortal 1

463. ปล้น

ใบหน้าหยุนเซว่จื่อมืดดำขณะเยาะเย้ยใส่หวังหลินและถามออกมา “เจ้ามองข้าออกได้อย่างไร?”

เมื่อมองหยุนเซว่จื่อ หวังหลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นั่นไม่ใช่ผลึกดาวเซียน! รวมไปถึงท่านสามารถเคลื่อนที่พริบตาได้ ดังนั้นแม้ท่านจะบาดเจ็บก็คงไม่กล่าวเช่นนั้นแน่”

หยุนเซว่จื่อหัวเราะ แววตามีร่องรอยแห่งความชื่นชม “เจ้าสมควรแล้วที่เป็นหนึ่งสี่คนที่ข้าเลือก ถูกต้องแล้วนั่นไม่ใช่ผลึกดาวเซียน มันเป็นเพียงแค่เงาเท่านั้น ตราบใดที่สัมผัสมันจะสามารถเอาเสี้ยววิญญาณของตัวเองกลับคืนมาได้”

หวังหลินมีสายตาเยือกเย็น เขาไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแค่จ้องหยุนเซว่จื่อ ฝ่ามือจับแน่นบนธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง

“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า การดึงวิญญาณของเจ้ากลับมาผ่านเงาจำต้องจ่ายราคาอย่างหนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าขอให้เจ้าเอามันมาให้ข้า หากเจ้าทำมันข้าจะให้สมบัติแข็งแกร่งเป็นรางวัล ในส่วนลึกที่สุดของสุสานอมตะมีแท่นโบราณ มันเป็นจุดที่ท่านบรรพชนของเผ่าข้าได้รับพลังเพื่อบรรลุระดับสิบสองใบไม้”

“หากเจ้าช่วยข้านำผลึกดาวเซียนกลับไป ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเพื่อปล่อยให้เจ้าเพิ่มระดับบ่มเพาะทีละระดับ ว่าอย่างไร?” หยุนเซว่จื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หวังหลินเผยสีหน้าครุ่นคิด

หยุนเซว่จื่อดูกระวนกระวายเล็กน้อยและรีบพูดขึ้น “หวังหลินรีบไปเอาผลึกเซียนมา อย่าบังคับให้ข้าลงมือ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ต้องการสังหารเจ้า”

หวังหลินมองหยุนเซว่จื่อ “และหากท่านทำลายสัญญาเล่า? ส่งวิธีใช้หมวกฟางที่แท้จริงเป็นค่ามัดจำ!”

หวังหลินยังมีหมวกฟางที่หยุนเซว่จื่อให้เขา ทว่าหมวกฟางนั้นมีกฎเกณฑ์หลายอย่างและซับซ้อนอย่างมาก ดังนั้นหากไม่มีวิธีที่ถูกต้องเขาไม่อาจปลดปล่อยพลังเต็มที่ของมันได้

ดวงตาหยุนเซว่จื่อสว่างขึ้น จากมุมมองของเขาไม่มีหนทางให้หวังหลินหลบหนี ดังนั้นหวังหลินจึงต้องทำตามคำสั่งของเขา กระนั้นแล้วเขานำหินหยกออกมาใส่ข้อมูลเข้าไปและโยนให้หวังหลิน หวังหลินตรวจหินหยกโดยไม่เร่งรีบ หลังมั่นใจว่ามันเป็นของจริงจึงเก็บมันไป พลันล้อมรอบร่างตัวเองด้วยธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงและลอยเข้าหาหอคอยที่อยู่ใจกลาง

ในพริบตาเขาก็มาถึงด้านข้างซูซาคุรุ่นแรก หวังหลินมองผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกฎของดาวดวงนี้ เขาให้ความสนใจกับเงาเป็นพิเศษและท้ายที่สุดหันสายตาเข้าหาผลึกดาวเซียน

หวังหลินยืนอยู่ด้านข้างแสงสีม่วงแต่น่าแปลกนัก ไม่มีเงาของเขาเลย

ดวงตาหยุนเซว่จื่อส่องสว่างและรีบพูดขึ้นมา “วางแขนของเจ้าเข้าไปและเรียกขานชื่อข้า! อย่าพยายามเล่นตลก ไม่เช่นนั้นข้าสัญญาว่าข้าจะสังหารเจ้าซะ!”

หวังหลินสูดหายใจลึกจากนั้นก้มศีรษะมองไปทางหยุนเซว่จื่อและเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ครั้งหนึ่งข้าคิดว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้า แม้ข้าจะพบว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าละทิ้งอมตะข้าก็ไม่ต้องการอยู่ตรงข้ามท่าน ข้าเพียงต้องการไปจากดาวซูซาคุและค้นหาเต๋าของตัวเอง…”

“ผู้อาวุโส วันนี้ท่านต้องผิดหวังในตัวข้าแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเงานี้กระทำเหมือนที่ท่านกล่าวไว้หรือไม่ แต่ข้ารู้ว่าหากข้าทำตามสิ่งที่ท่านบอก ข้าจะตายทันที!”

ขณะที่หวังหลินกล่าวประโยคนั้น ใบหน้าหยุนเซว่จื่อเปลี่ยนไปและกำลังจะพุ่งออกมา

แต่หวังหลินโบกสะบัดธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงและล้อมรอบด้วยดวงวิญญาณทันที ขณะเดียวกันหวังหลินก็ถอยกลับและส่งเสียงคำราม ดวงวิญญาณทั้งหมดพุ่งเข้าหาเงาของซูซาคุรุ่นแรก

ซึ่งตอนนั้นเกิดเสียงแตกร้าวจากเก้าอี้ที่ซูซาคุรุ่นแรกนั่งอยู่ และในเวลาเดียวกันเสียงหัวเราะออกมาจากภายในเงาและแสงสีแดงเริ่มกระพริบออกมาอย่างบ้าคลั่ง เงาแตกสลายทันทีและชายชราเดินออกมาอย่างรวดเร็ว เจ้าลิงบนไหล่กลับเร็วกว่ามันพุ่งออกไปหาหยุนเซว่จื่อ

สีหน้าหยุนเซว่จื่อกลายเป็นมืดมนและเขาหยุดตัวลง ฝ่ามือขยับทีละล้าง รอยสักสีทองปรากฎจากความว่างเปล่าและล้อมรอบตัวเขาเป็นวงกลม

“สหายตัวน้อย ผนึกของเจ้านั้นยอดเยี่ยม ใช้กลิ่นอายจากร่างคนตายพร้อมกับระดับบ่มเพาะของตนเอง เจ้าสร้างผนึกเงาเพื่อมาผนึกข้า”

“ผนึกเงารูปแบบนี้หายากยิ่งนัก มันหายากแม้แต่ในยุคโบราณ การที่เจ้าสามารถควบคุมมันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย”

“หากร่างหลักของข้าอยู่ที่นี่มันคงทำลายด้วยกำปั้นเดียว แต่นี่เป็นแค่เสี้ยวสัมผัสวิญญาณของข้าที่ครอบครองร่างกายดังนั้นเจ้าขังข้าไว้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น การที่สามารถทำเช่นนี้ได้ในอายุขัยของเจ้านับว่าดีมาก เจ้าค่อยเอามาอวดในชาติหน้าแล้วกัน!” สายตาชายชราเริ่มเรืองแสงสีแดง

หยุนเซว่จื่อพ่นลมหายใจและรอยสักรอยตัวเขาลอยออกมา เป้าหมายไม่ใช่ชายชราแต่เป็นเจ้าลิงน้อย

หยุนเซว่จื่อตะโกน “เป็นหุ่นเชิดแท้ๆ ตราบใดที่ข้าทำลายจุดที่ซ่อนสัมผัสวิญญาณ ไม่ว่าร่างหลักของเจ้าแข็งแกร่งมากขนาดไหน เจ้าก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตอนนี้!”

ตอนที่สัมผัสวิญญาณหวังหลินกระจายออกมา เขารับรู้ถึงเงาด้านหลังเย่หวู่โยว เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ถัดจากแสงสีม่วงและเห็นว่าไม่มีเงาของตัวเองจึงสัมผัสได้ว่ามันประหลาดและตัดสินใจเสี่ยง

หากล้มเหลว เขาจะเข้าไปในมิติลูกปัดเพื่อซ่อนตัวทันที

เขาเชื่อว่าหยุนเซว่จื่อไม่ได้โกหกเรื่องผลลัพธ์ของเงาผลึกดาวเซียน แต่ราคาของการดึงเสี้ยววิญญาณออกมาคือหนึ่งชีวิต

ไม่เช่นนั้นหยุนเซว่จื่อคงเอามันมาเองแทนที่จะรออยู่ตรงนี้ แม้คนที่สามไม่ใช่หวังหลิน เขาก็ยังฝืนบังคับให้คนผู้นั้นเอาเสี้ยววิญญาณคืนมาอยู่ดี

ขณะที่ชายชราโผล่ออกมา หวังหลินสะบัดธงวิญญาณ ดวงวิญญาณล้อมรอบเขาและล่าถอยอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่ามันจะเป็นชายชราที่ต้าวเสินควบคุมอยู่หรือหยุนเซว่จื่อ ทั้งคู่ไม่ใช่คนที่หวังหลินจะตอแยด้วยตอนนี้ เขายืนยันได้แล้วว่าผลึกดาวเซียนไม่ได้อยู่ที่นี่จึงต้องจากไปให้เร็วเท่านั้น

แต่ชั่วขณะนั้นพระราชวังสั่นเทาทันที แรงสั่นสะเทือนนี้รุนแรงมากราวกับฟ้าดินถูกเขย่า รอยร้าวหลายจุดเริ่มปรากฎบนหอคอย

การล่มสลายของผลึกดาวเซียนได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

รอยร้าวเกิดขึ้นจากใต้หอคอยและเคลื่อนที่ตรงขึ้นไปราวกับมังกร

ท้ายที่สุดรอยร้าวก็พุ่งขึ้นสู่จุดยอดและมาถึงบัลลังก์ของซูซาคุรุ่นแรก

ขณะที่เกิดเสียงแตกร้าว บัลลังก์ที่เย่หวู่โยวนั่งอยู่พลันหล่นลงมา ส่วนร่างเย่หวู่โยวก็สั่นสะเทือนจากรอยแตก มันกลายเป็นฝุ่นผงและหายไป

รูม่านตาหวังหลินหดเล็กทันที

ตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เขาแต่หยุนเซว่จื่อ ชายชราและเจ้าลิงน้อยทั้งหมดหยุดต่อสู้กันและจ้องตำแหน่งที่เย่หวู่โยวสลายกลายเป็นฝุ่น

ผลึกสีขาวขนาดเท่าครึ่งกำปั้นลอยขึ้นจากฝุ่นที่เคยเป็นร่างเย่หวู่โยว

เมื่อหวังหลินเห็นผลึกสีขาว เขาสัมผัสการเชื่อมต่อทางวิญญาณของตัวเองได้ทันที

“ผลึกดาวเซียน!” หยุนเซว่จื่อสูดหายใจลึกและพุ่งออกมา แต่เจ้าลิงน้อยเร็วยิ่งกว่า มันพุ่งออกมาพร้อมชายชรา

ขณะนั้นเองหวังหลินไม่ได้อยู่ใกล้เพียงพอและไม่ได้เร็วไปกว่าสองคนนั้น ดังนั้นจึงกัดฟันแน่นล้อมรอบตัวเองด้วยธงวิญญาณและพุ่งเข้าหาห้องโถงที่อยู่ใกล้เคียง

หวังหลินรู้ว่าด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของตัวเอง เขาไม่อาจเปรียบได้กับหยุนเซว่จื่อหรือชายชราที่ต้าวเสินครองร่างอยู่ได้ ตามจริงแล้วแม้เขาจะได้มันมาเขาก็ไม่มีเวลาพอจะดึงวิญญาณของตัวเองแน่นอนและนั่นเป็นเพียงการเชิญชวนภัยพิบัติเข้าหาตนเองเท่านั้น

จึงถอนหายใจหนึ่งครั้ง หวังหลินเหาะเหินเข้าหาห้องโถงอย่างรวดเร็ว

ชายชราอยู่ใกล้กว่า เพียงกระพริบตาเขาก็คว้าผลึกและหัวเราะ “วันที่ข้าจะเป็นอิสระอยู่ข้างหน้านี้แล้ว!”

ทว่าในจังหวะที่เขาคว้าผลึก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เสียงหัวเราะหยุดลงและเผยใบหน้าไม่เชื่อสายตา เพียงเมื่อเขากำลังปลดปล่อยผลึกนั้น ร่างกายสั่นสะท้านและเริ่มละลายกลายเป็นควันเข้าสู่ผลึกสีขาว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ในพริบตาเดียวชายชราก็หายไป สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือหยดแสงสีแดงซึ่งรวมเข้ากับเจ้าลิงน้อยอย่างรวดเร็ว

เจ้าลิงน้อยร้องหัวเราะ ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นทันที พลังของมันตอนนี้เทียบเคียงจูเซว่จื่อแล้ว ซึ่งครอบครองพลังของเซียนขั้นเทวะระดับปลาย

แม้ว่าเจ้าลิงจะอยู่ใกล้ผลึกมาก มันลังเลเล็กน้อยและไม่ได้ยื่นมืออกไป

ขณะนั้นหยุนเซว่จื่อเข้ามาถึงและยื่นมือออกไป แต่เขากรีดร้องอย่างเจ็บปวดทันทีพร้อมกับควันสีขาวปรากฎบนร่างกาย เขารีบปล่อยผลึกไปด้วยความหวาดกลัว โชคดีที่เขาไม่ได้สัมผัสมันตรงๆไม่เช่นนั้นคงไม่อาจหนีรอดชะตากรรมอันโหดร้ายไปได้

การเปลี่ยนเปลงนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีอะไรแจ้งเตือนทำให้หยุนเซว่จื่อและเจ้าลิงน้อยติดอยู่ในสถานะยากลำบาก

จังหวะนี้ผลึกขาวพลันส่งเสียงหึ่งๆและพุ่งเข้าหาหยุนเซว่จื่อ หยุนเซว่จื่อเปลี่ยนสีหน้าและหลบมันทันที ผลึกดาวเซียนพุ่งผ่านหยุนเซว่จื่อและเข้าหาหวังหลิน

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายชราดังนั้นจึงเริ่มเหาะเหินเข้าหาห้องโถงเร็วยิ่งขึ้น หวังหลินล้อมรอบด้วยธงวิญญาณจึงทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่าธรรมดา

ห้องโถงไม่ใช่ทางตรงและมีส่วนโค้งบางจุดแต่เจ้าผลึกนี้ดูเหมือนจะมีชีวิตเป็นของตนเอง มันไม่ยอมล้มเลิกจนกว่าจะจับตัวหวังหลินได้

ใบหน้าหยุนเซว่จื่อเปลี่ยนเป็นหม่นหมองและรีบไล่ตามมันไป

ส่วนเจ้าลิงน้อยก็ตามหลังผลึกดาวเซียนด้วยเช่นกัน

ในพริบตาเดียวก็ไม่มีใครอยู่รอบหอคอย เพียงขณะนั้นลำแสงสีม่วงรวมตัวกันเหนือหอคอย ก่อเกิดเป็นรูปร่างคนสวมหน้ากากคล้ายกับด้านนอก

เขาเผยสีหน้าสับสนแต่ดวงตาแจ่มชัดในทันที “ผลึกดาวเซียนกำลังล่มสลาย จูเซว่จื่อคนนี้กล้าหาญจริงๆ…”

ส่วนหวังหลินที่กำลังหนี ผลึกสีขาวไล่ตามเขามาอย่างกระชั้นชิด

ผลึกเร็วขึ้นและใกล้ขึ้น เมื่อมันอยู่ภายในรัศมีสามสิบฟุต หวังหลินหันกลับมาทันที ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและใช้พลังปราณสวรรค์ที่มีอยู่เต็มร่างกายส่งสายลมกรรโชกเข้าหาผลึก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!