479. เต๋า
“น่าสนใจ! วิธีของเขาเหมือนกับศิษย์น้องซุนหยุน! แต่ว่าศิษย์น้องซุนหยุนกินเวลาถึง 67 วัน ข้าสงสัยจริงๆว่าเขาจะสามารถอยู่ได้กี่วัน!” ชายใบหน้าอ่อนโยนลูบคางตนเองและเผยใบหน้าที่ไม่อาจมองเห็นได้ผ่านรอยยิ้ม
สายตาเขาเยือกเย็นแต่ดวงตาแฝงไปด้วยแสงลึกลับหนึ่งกระพริบผ่าน
บททดสอบทั้งสามของสำนักชะตาสวรรค์ถูกสร้างโดยเทียนหยุนเป็นการส่วนตัว เขาปิดมิติว่างแบ่งส่วนออกมาสร้างมิติพิเศษสำหรับการทำสอบทั้งสามอย่าง
มีเพียงการผ่านบททดสอบทั้งสามเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นคนที่มีคุณสมบัติของการเป็นศิษย์สำนักชะตาสวรรค์ นี่เป็นกฎที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่แรกดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนมันได้
ตอนนี้ด้านในบททดสอบแห่งมนุษย์ มีผ้าคลุมหน้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ใจกลางพื้นที่มีสถานที่แห่งหนึ่งราวกับสรวงสวรรค์ตั้งอยู่
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ นกและต้นหลิว อีกทั้งยังมีเสียงเห่าจากสุนัขด้วยเช่นเดียวกันแต่แทนที่จะเงียบสงบกลับมีเสียงตะโกนจากคนที่ถูกปลุกให้ตื่น
สวรรค์แห่งนี้คือหมู่บ้านหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้มีชาวบ้านมากมายนัก พวกเขาทั้งหมดเคารพซึ่งกันและกันและเป็นไปได้ด้วยดี
บ้านหลังที่สามจากปลายสุดทิศเหนือของหมู่บ้านมีลานเป็นของตัวเอง แม้จะเรียบง่ายแต่มองดูคงคิดว่าน่าสะดวกสะบายเป็นแน่แท้ อีกหญ้าหางแหลมสีทองด้านหน้าประตูแสดงให้เห็นว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิ
มีกองฟืนขนาดใหญ่อยู่ในลานและมีเก้าอี้ไม้สองสามตัวอยู่ใกล้เคียงพร้อมกับโต๊ะไม้ บนโต๊ะมีกาน้ำชาและถ้วยชาวางอยู่ด้วย
ขณะนี้ชายชราเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นกำลังนั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้
แม้ว่าเส้นผมของเขาจะขาวโพลนไปเสียหมดแต่เขาดูไม่แก่เลย หลังดื่มน้ำชาจึงพลันเงยศีรษะขึ้นมองเข้าไปในบ้าน
ในบ้านเป็นเด็กหนุ่มถือมีดเล่มเล็กกำลังแกะสลักไม้สีแดง
ชายชราเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เขามองเด็กน้อยด้วยใบหน้าสงบเงียบ
หลังจากนั้นไม่นานนักจมูกเด็กชายก็ย่นลงพลันมองขึ้นไปที่ชายชราและวิ่งไปหาเขาทันที เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน “ท่านเป็นใครกันแน่?”
ชายชราวางถ้วยชา ลูบศีรษะเด็กชายและยิ้มออกมา “ข้าเป็นคนที่เจ้าอยากให้ข้าเป็น…”
เด็กชายกำลังจะเอ่ยขึ้นแต่ขณะนั้นน้ำเสียงเคร่งขรึมดังออกมาจากข้างในบ้าน “ฮู่ซืออย่าไปรบกวนปู่ กลับมาแกะสลัก!”
ด้วย้นำเสียงนั้นชายวัยกลางคนเปิดม่านและเดินออกมาจากบ้าน
เด็กชายไม่ได้หันกลับมา เขาถอนหายใจก่อนจะชำเลืองมองชายชราอย่างล้ำลึก จากนั้นกลับเข้าบ้านและเริ่มแกสะลักอีกครั้ง ทว่าในแววตาเขายังมีความสงสัย
ผู้เป็นบิดาเฝ้าดูเด็กชายเล็กน้อยจากนั้นนั่งลงถัดจากชายชรา รินน้ำชาและเอ่ยออกมา “ท่านพ่อ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปในภูเขานะ”
ขายชรายังคงมองดูเด็กชายอย่างอ่อนโยน หลังจากได้ยินเสียงชายวัยกลางคนเขาก็พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
“เจ้าจะเข้าไปในภูเขาเพื่ออะไร?” น้ำเสียงสตรีออกมาจากทางเข้า หญิงชราเส้นผมขาวโพลนถือตระกร้าผักเดินเข้ามา
ชายวัยกลางคนรีบลุกขึ้นไปรับตระกร้าและพลางกล่าว “ท่านแม่ ข้าได้ยินมาจากเอ้อหนิวของฝั่งตะวันตกในหมู่บ้านว่าอาจจะมีพยัคฆ์ในภูเขา ดังนั้นเราจึงไปด้วยกันอีกสองสามคนเพื่อดูมันว่ามีหรือไม่ หากโชคดีเราจะได้หนังพยัคฆ์มาทำเสื้อขนสัตว์ให้ท่านพ่อใหม่“
หญิวงชราอ้าปิดราวกับต้องการจะเอ่ยสักอย่างแต่นางมองไปที่ชายชราที่ยังจ้องหลานชายก่อนจะถอนหายใจและส่ายศีรษะในความเงียบงัน
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าแต่ชายวัยกลางคนยังไม่กลับมาหลังจากที่เขาออกไป…
หญิงชรารอคอยทั้งวันทั้งคืนแต่สิ่งที่ได้คืนกลับมาเป็นศพที่ไม่สมบูรณ์ นางเศร้าโศกเสียใจและไม่เคยตื่นขึ้นอีกครั้งเลยตั้งแต่นั้น
ตอนนี้เหลือเพียงปู่และหลานชายที่อยู่ในบ้านหลังนี้
เด็กชายยังคงเรียนรู้วิธีการแกะสลักและชายชรายังคงเฝ้ามองดูจากด้านข้าง…
วันหนึ่งชายชราเอ่ยถามขึ้นอย่างนุ่มนวล “เจ้าเรียนรู้การแกะสลักจบหรือยัง?”
เด็กหนุ่มเงยศีรษะขึ้นมองชายชราด้วยท่าทีสงบนิ่งและเอ่ยออกมา “ข้ายังได้ไม่ดี การแกะสลักยากเกินไป ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรดูเหมือนไม่สามารถเรียนรู้มันได้…”
ชายชราครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “เจ้าพยายามไปกี่ครั้งแล้ว?”
เด็กชายยกศีรษะขึ้น “นี่เป็นครั้งที่ 83 แล้ว ครั้งต่อไปอยู่ไม่ไกล”
ชายชราถอนหายใจ “ยังไม่จบสิ้นอีกหรือ?”
เด็กชายมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นไม่นานก็ส่ายศีรษะ “ทำไมมันต้องจบลง? ชีวิตเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้วนอกจากที่ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครเท่านั้น!”
“เจ้าทำวงจรนี้ซ้ำนับครั้งไม่ถ้วนและทุกครั้งสิ่งเหล่านั้นก็เกิดขึ้นไม่มีอะไรเปลี่ยน เจ้ารู้ว่าทุกคนที่จากไปจะไม่กลับมาเพราะเจ้าพบเจอประสบการณ์ทั้งหมดนี้นับครั้งไม่ถ้วน เจ้ายังมองไม่ออกหรือ? ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” ชายชรายกถ้วยชาและวางถัดจากปากแต่ไม่ได้ดื่มมัน
เด็กชายถอนสายตามองไปที่ไม้แกะสลักในมือและจากนั้นสักพักก็เอ่ยออกมา “ถึงเวลาจบแล้ว…ไม่ มันไม่ใช่…”
ข้างในสำนักชะตาสวรรค์ ใต้ต้นโพธิ์ ใบหน้าชายอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาจดจ้องความว่างเปล่าเบื้องหน้าและดวงตาดำมืด
“83 วัน…คนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน! แม้แต่ศิษย์น้องซุนหยุนก็อยู่ได้เพียง 67 วันเท่านั้น! แม้ทั้งสามบททดสอบเป็นเพียงการทดสอบ หากใครสามารถรู้แจ้งจากพวกมันนับว่าเป็นโอกาสแห่งสวรรค์! สามแบบทดสอบเป็นสิ่งที่แต่ละคนสามารถพบเจอได้เพียงหนึ่งครั้งในชั่วชีวิตและท่านอาจารย์ก็ใช้ความพยายามไปมากมายเพื่อสร้างมันขึ้นมา! หวังหลินคนนี้สามารถอยู่ได้ถึง 83 วันในบททดสอบแรก…คนผู้นี้…ให้อยู่ต่อไม่ได้!”
ใบหน้าเขาหมองหม่นและไม่อาจตัดสินใจได้ จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกและเกิดแสงสีรุ้งหลากสีขึ้น
“ศิษย์น้องในอนาคต ให้ข้าช่วยเจ้า!” เช่นนั้นเขาชี้ไปข้างหน้าและแสงสีรุ้งหลากสีหายวับออกไปไกล
ในบททดสอบแห่งมนุษย์ เด็กชายยังคงแกะสลักอยู่ทว่าพลันยกศีรษะขึ้นทันที ในท้องฟ้าปรากฎแสงสีรุ้งหลากสีหนึ่งเส้นปลดปล่อยลำแสงเจิดจ้าสว่างจนพร่ามัว
ลำแสงนี้ห้าวหาญอย่างยิ่ง ที่ไหนก็ตามที่มันส่องไปถึง พื้นที่แห่งนั้นจะหลอมละลายราวกับเหล็กร้อนที่ถูกวางในหิมะ
กลิ่นหอมของดอกไม้ไม่ปกคลุมพื้นที่อีกต่อไป
บ้านทั้งหมดในหมู่หายหายไปกลายเป็นควันสีขาวที่กำลังจางหายอย่างช้าๆ
บ้านหายไปทีละหลังภายใต้แสงจนกระทั่งมีเพียงบ้านหลังที่สามฝั่งเหนือสุดของหมู่บ้านหลงเหลืออยู่หลังเดียว
สายตาเด็กชายเผยประกายแสงลึกลับจากนั้นหยุดแกะสลักและสะบัดมีดในมือทันที ลำแสงสีเงินพุ่งออกมาเข้าใส่แสงสีรุ้งในท้องฟ้า
เสียงพื้นดินแตกกระจายออกมาจากท้องฟ้าจากนั้นเกิดคลื่นกระแทกผลักหมอกโดยรอบบริเวณทั้งหมดออกไป
แสงสีรุ้งเริ่มวูบวาบราวกับเทียนโดนสายลมพัด แต่ในไม่ช้ามันก็เริ่มเรืองแสงลึกลับและรวมตัวกลับมาด้วยกันอีกครั้ง ลำแสงสีรุ้งเปลี่ยนเป็นดวงตาหนึ่งคู่ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างและสายตาของมันจรดลงบนตัวเด็กชาย
ดวงตาเด็กชายแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นจากนั้นสะบัดแขนขวาและเศษไม้ทั้งหมดในลานพลันลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ฝ่ามือเด็กชายเคลื่อนไหวรวดเร็วส่งคลื่นแสงมหาศาลเข้าหาไม้แกะสลักที่ตกลงบนพื้น ในพริบตาเดียวบ้านแกะสลักและเหล่าชาวบ้านก็ปรากฎขึ้น
เด็กชายสะบัดมืออีกครั้งและไม้แกะสลักทั้งหมดส่องสว่างด้วยเปลวเพลิงปิศาจ แรกเริ่มเดิมทีเปลวเพลิงมีขนาดเล็กแต่มันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและแผ่กระจายออกไป
หมู่บ้าน ชาวบ้าน ดอกไม้ เหล่านกและอื่นๆทั้งหมดกลับคืนปรากฎอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้กลับมาเป็นสรวงสวรรค์ดังเดิม
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครแต่จงหายไปซะ!” แม้ว่าน้ำเสียงเด็กชายจะดูอ่อนนุ่มแต่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ดวงตาหนึ่งคู่กลางท้องฟ้าจดจ้องเด็กชายและในไม่นานหลังจากนั้นมันก็หายไป
ภายใต้ต้นโพธิ์ในสำนักชะตาสวรรค์ ดวงตาของชายหนุ่มใบหน้าอ่อนโยนพลันส่องสว่างขึ้นและพึมพำกับตัวเอง “เป็นไปได้อย่างไร เต๋าของเขาเกี่ยวพันธ์กับวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ไม่สงสัยเลยว่าเขาสามารถคงอยู่ได้ถึง 83 วัน ทุกวันที่เขาพบเจอวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่หนึ่งครั้งเมื่อนั้นการรู้แจ้งวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ของเขาจะเพิ่มขึ้น…”
ภายในบททดสอบแห่งมนุษย์ ชายชราถอนหายใจ ยืนขึ้นมองเด็กชายและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ครั้งที่ 84 กำลังจะเริ่มขึ้น เจ้ายังต้องการดำเนินต่อไปไหม?”
เด็กชายก้มศีรษะมองไม้แกะสลักที่ยังไม่สามารถทำมันให้เสร็จสมบูรณ์ได้หลังจากวัฏจักรที่ 83 การแกะสลักนั้นเป็นสตรีนางหนึ่ง
“ดำเนินต่อไป…นี่คือการค้นหาเต๋า…และความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังบททดสอบแห่งมนุษย์!”
ลึกเข้าไปข้างในสำนักชะตาสวรรค์
เทียนหยุนที่หลับตาและบ่มเพาะอยู่ใจกลางฐานสีดำภายในส่วนลึกของสำนักชะตาสวรรค์ เขาลืมตาขึ้นทันทีเผยรอยยิ้มพึงพอใจและเอ่ยออกมา “เด็กคนนี้เยี่ยมมาก!”
สิบวันต่อมาภายในสวรรค์ที่อยู่ในบททดสอบแห่งมนุษย์ คนผู้หนึ่งเดินออกมา เป็นครั้งแรกที่เด็กชายเดินออกมาจากลานในบ้าน ก้าวแรกเขายังเป็นเด็กชาย ก้าวที่สองเขาเป็นวัยเยาว์และก้าวที่สามเขาเปลี่ยนเป็นชายหนุ่ม!
เส้นผมของชายหนุ่มปลิวไสวโดยไร้แรงลม เขาสวมชุดคลุมสีขาวหิมะเดินออกมาจากสรวงสวรรค์ทีละก้าว ในฝ่ามือถือไม้แกะสลักอยู่หนึ่งชิ้น ในที่สุดการแกะสลักของเขาก็เสร็จสมบูรณ์…
สิ่งที่เขาแกะสลักนั้นเป็นสตรีผู้หนึ่ง อ่อนโยน งดงามราวกับนางฟ้า ปากของนางสร้างเป็นรอยยิ้มสว่างราวกับดวงอาทิตย์ ดวงตาของนางเผยประกายแห่งความสุข…
ชาวหนุ่มคนนี้คือหวังหลิน!
“ไม่น้อยกว่าร้อยรอบจะค้นหาเต๋าได้อย่างไรกัน? บ่มเพาะไม่น้อยกว่าพันปีจะค้นหาเต๋าจากสวรรค์ได้อย่างไรเล่า…บททดสอบแห่งมนุษย์นี้น่าสนใจยิ่งนัก!” สายตาหวังหลินตอนนี้เงียบสงบ บททดสอบนี้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างลึกลับ ทว่าเขาก็ซ่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ไว้อย่างดีเช่นกันดังนั้นมันจึงยากที่ใครจะสังเกตได้
ดวงตาเขาสดใสมากกว่าเมื่อก่อน ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
หวังหลินหายตัวไปจากมิติว่างและเดินออกมาจากบททดสอบแห่งมนุษย์
“บททดสอบปฐพีทำการทำสอบการบ่มเพาะ เจ้าพร้อมใช่ไหม? เจ้ากล้าเข้าไปหรือไม่?!”
“ทำไมข้าจะไม่กล้าเล่า?!” หวังหลินยิ้มบางและเงยศีรษะขึ้น