Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 561

Cover Renegade Immortal 1

561. เก็บเกี่ยว

ลำแสงระเบิดออก หวงปลินปรากฎตัวบนแท่นที่ที่ประตูหินเคยตั้งอยู่ วิญญาณปกป้องถ้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หากไม่ใช่ว่ามีร่องรอยโลหิตที่เหยาซีเชว่กระอักออกมาบนพื้น เขาคงจะสงสัยว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นในการเคลื่อนย้ายนี้

หวังหลินถือป้ายสิทธิ์ผลึกแก้วไว้ในมือ นอกจากบทร่ายเพื่อเข้าและออกจากถ้ำแล้วยังมีข้อมูลอื่นอยู่ด้วย หลังจากขบคิดเล็กน้อย ร่างหวังหลินพุ่งทะยานออกไปและเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางมังกรศักดิ์สิทธิ์

หวังหลินเคลื่อนผ่านแท่นทั้งสิบเอ็ดแห่งอย่างรวดเร็ว บนแท่นเหล่านี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและรูปปั้นหินยังคงอยู่ในผลึกของเหยาซีเชว่เหมือนเดิม

หลังเกิดเรื่องในถ้ำ ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้นมาถึงขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด ดังนั้นความเร็วจึงเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก หวังหลินทะยานออกไปราวกับสายฟ้าและใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนเพื่อกลับมาถึงแท่นแห่งแรก!

แท่นแห่งแรกนี้ว่างเปล่า แต่ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินตอนนี้และจากการทำลายกฏเกณฑ์อยู่สองเดือน หวังหลินจึงสังเกตเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ถูกบรรพชนโลหิตทิ้งเอาไว้ได้!

หวังหลินมองค่ายกลและนำกระเป๋าทั้งหมดที่เป็นของเหยาซีเชว่ออกมา หากเป็นก่อนหน้านี้หวังหลินคงเปิดได้ยากเนื่องจากเขาเปิดด้วยขึ้นแปลงวิญญาณระดับกลาง

ทว่าระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้นมาถึงระดับปลายสูงสุดและกระทั่งสูงกว่าของเหยาซีเชว่เล็กน้อย เพียงแค่คิด ฝ่ามือก็กวาดผ่านกระเป๋าทั้งสี่ใบและเกิดแสงสีแดงโลหิตระเบิดออกมาจากกระเป๋า แสงสีแดงโลหิตนี้หวงแหนอย่างมากและต่อต้านสัมผัสวิญญาณของหวังหลิน

หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น ปราณสวรรค์ในร่างเคลื่อนไหวไปพร้อมกับวิญญาณดั้งเดิม ด้วยแรงบีบคราเดียว แสงสีแดงรอบกระเป๋าก็แตกสลายทันที!

หวังหลินยื่นมือออกไปกระเป๋าอีกใบโดยไม่หยุดพัก แสงสีแดงโลหิตต่อต้านเป็นเวลาเพียงสามลมหายใจก่อนจะแตกสลายโดยทันที!

หวังหลินกวาดสัมผัสวิญญาณที่ประทับไว้บนกระเป๋าใบที่สามเหมือนที่ทำกับสองใบก่อนหน้า เขาทำเสร็จสิ้นทั้งหมดในครั้งเดียวและคว้ากระเป๋าใบสุดท้ายด้วยใบหน้าเปลี่ยนไป ฝ่ามือหยุดห่างจากกระเป๋าใบที่สี่อยู่สามนิ้ว

หวังหลินถอนมือออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและมองกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาได้รับกระเป๋ามา ระดับบ่มเพาะของหวังหลินไม่ได้สูงส่งเพียงพอ แต่เมื่อมองมันตอนนี้หวังหลินจึงพบเบาะแสบางอย่าง

มีเส้นสีม่วงบางๆภายในแสงสีแดงโลหิตซึ่งยากจะสังเกตได้หากไม่ระมัดระวังมากพอ มันพบด้วยสัมผัสวิญญาณเท่านั้นและหลบสายตาโดยสิ้นเชิง

“แม้กระเป๋าใบนี้จะดูธรรมดามากแต่ตอนที่ข้ากำลังลบเจ้าของ มันให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัว ข้ากลัวว่ากระเป๋าใบนี้ไม่ได้มีสัมผัสวิญญาณของเหยาซีเชว่ เป็นไปได้ว่าคือของพ่อนาง บรรพชนโลหิต…”

“โดยปกติแล้วจะไม่สามารถเปิดกระเป๋าได้โดยไม่กวาดสัมผัสวิญญาณของคนอื่นออกก่อน แต่ว่าระดับบ่มเพาะของบรรพชนโลหิตสูงส่งและฝึกฝนมานาน เขาอาจจะหาทางให้ลูกสาวใช้กระเป๋าของเขาโดยไม่กวาดสัมผัสวิญญาณออกไปได้ ซึ่งทำให้แม้จะมีคนนอกได้กระเป๋าใบนี้ไปและไม่ระมัดระวัง จะถูกสัมผัสวิญญาณสังหารโดยทันที…นี่เป็นกลลวงของบรรพชนโลหิตเป็นแน่!” หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณออกอย่างช้าๆ แสงสีแดงโลหิตบนกระเป๋าเลือนหายไปทันที

แม้ว่าหวังหลินจะไม่เคยเจอบรรพชนโลหิตแต่หลังจากเห็นวิธีที่เขากระจายข้อมูลผิดๆเรื่องเม็ดยาวิญญาณโลหิตและใส่สัมผัสวิญญาณไว้บนกระเป๋า ก็เหมือนกับเขาเจอบรรพชนโลหิตตัวเป็นๆ ขณะที่รู้สึกชื่นชมบรรพชนโลหิต หวังหลินก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆไปด้วย

หลังครุ่นคิดอยู่สักพัก หวังหลินเก็บกระเป๋าอย่างระมัดระวังและใช้สายตามองกระเป๋าสามใบก่อนหน้านี้

เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกด้วยจิตใจมั่นคง กระเป๋าใบแรกเต็มไปด้วยหินหยกสวรรค์!

มีหินหยกสวรรค์มากเกินเหลือประมาณ! หวังหลินตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณอย่างลวกๆ ในนั้นมีหินหยกสวรรค์มากกว่าที่นางให้เขาอย่างน้อยสิบเท่า!

“หินหยกสวรรค์ที่ต้องใช้ในการบรรลุขั้นเทวะถือว่ามากมายมหาศาล มากกว่าจำนวนทั้งหมดที่ต้องใช้มาถึงจุดปัจจุบันนี้ หากไม่มีเพียงพอระดับบ่มเพาะจะหยุดไว้ตรงนั้น แต่ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าข้าตอนนี้คือเงินจำนวนมหาศาลที่หามาได้ง่ายๆ!”

หวังหลินเผยรอยยิ้มบางขณะเก็บกระเป๋าและใช้สัมผัสวิญญาณเลื่อนไปยังใบที่สอง หวังหลินมองข้างในกระเป๋า สายตาส่องประกายตื่นเต้นทันที

กระเป๋าใบที่สองมีหินหยกสีแดงโลหิตไม่น้อยไปกว่าพันก้อน

ช่วงเวลาที่เขาใช้เวลาอยู่กับเหยาซีเชว่ หวังหลินสัมผัสถึงหินหยกโลหิตอันรุนแรงได้และหวาดกลัวพวกมันมาก เมื่อก้อนหนึ่งแตกเสียหาย แสงสีแดงโลหิตจะปลดปล่อยออกมาซึ่งมีพลังผนึกทรงพลังมาก!

นอกจากการผนึกแล้ว แสงสีแดงโลหิตสามารถใช้งานได้เหมือนกับวิชาป้องกันที่แข็งแกร่ง จากการวิเคราะห์ของหวังหลิน แสงสีแดงนี้น่าจะสามารถโจมตีได้เช่นกันแต่มันไม่อาจใช้งานได้หากไร้บทร่ายและวิธีที่ถูกต้อง

หวังหลินจับกระเป๋าพร้อมกับแววตาส่องสว่าง หินหยกโลหิตก้อนหนึ่งปรากฎในฝ่ามือ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะบดขยี้ให้มันแตกสลาย

ลำแสงสีแดงโลหิตออกมาจากหินหยกก้อนนั้นทันทีและลอยอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน

หลังจากตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ แสงสีแดงโลหิตก็เลือนหายไป ‘ข้าไม่มีวิธีใช้งานความสามารถการผนึก ดังนั้นข้าจึงสามารถใช้มันเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามเหยาซีเชว่อยู่ในกำมือข้า ข้าสามารถได้ทุกสิ่งทุกอย่าง!’

กระเป๋าใบที่สามเต็มไปด้วยสิ่งของหลายแบบ มีกระทั่งเสื้อผ้าสตรีที่มีกลิ่นหอม เพชรนิลจินดาและกระทั่งตุ๊กตา

หวังหลินเมินเฉยของเหล่านี้ขณะที่สัมผัสวิญญาณค้นต่อไป ดวงตาหรี่แคบเมื่อพบกับเม็ดยาวิญญาณโลหิตอีกมากกว่าสิบเม็ด!

เม็ดยาเหล่านี้ถูกวางติดกันอย่างประณีต มีสัญลักษณ์ส่องแสงสลัวแต่พวกมันไม่ได้กระพริบ

เม็ดยาวิญญาณโลหิตไม่ได้วางไว้ที่เดียวกันทั้งหมด มีอยู่หนึ่งเม็ดที่ถูกวางไว้ในมุมหนึ่งของกระเป๋า เม็ดนี้ไม่ได้ส่องแสงสลัวและสัญลักษณ์กระพริบบางเบา

นอกจากเม็ดยาวิญญาณโลหิตแล้วยังมีเข็มทิศอีกชิ้นหนึ่ง

เป้าหมายของหวังหลินคือเข็มทิศ!

หวังหลินจับกระเป๋าและของสองชิ้นปรากฏในฝ่ามือ มันคือเข็มทิศและเม็ดยาวิญญาณโลหิตที่วางไว้ในมุมกระเป๋า!

“เห็นได้ชัดว่าเหยาซีเชว่ไม่คิดว่านางจะถูกข้าจับได้และถูกเอากระเป๋าไป ดังนั้นตำแหน่งการวางของในกระเป๋าจึงมีข้อมูลบางอย่าง!”

“มีโอกาสถึงแปดในสิบส่วนที่เม็ดยาวิญญาณโลหิตที่วางแยกออกไปจะเป็นของจริง! ส่วนเม็ดอื่นๆข้าสันนิษฐานว่ามันเป็นของปลอมทั้งหมด! นอกจากหยกโลหิตแล้วไม่มีสมบัติวิเศษในกระเป๋าอีกสามใบของนาง ข้าคาดว่าของเช่นเดียวกันสมบัติวิเศษอยู่ในกระเป๋าสัมผัสวิญญาณของบรรพชนโลหิตทั้งหมด”

หวังหลินมองเม็ดยาวิญญาณโลหิตอยู่สักพักก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าของตนเอง ส่วนชิ้นที่เหยาซีเชว่ให้เขา หวังหลินนำมันออกมาและวางไว้ข้างในกระเป๋าของนาง

จากนั้นสายตาหวังหลินตกลงบนเข็มทิศ เข็มทิศนี้เป็นสีแดงโลหิตล้วนและถูกสร้างมาจากวัตถุดิบที่ไม่รู้จัก เมื่อถือมันไว้ในมือ หวังหลินสัมผัสคลื่นความหนาวเย็นแทรกเข้ามาในร่างกายได้

“ตอนนั้นเหยาซีเชว่ใช้เข็มทิศนี้เพื่อเข้ามาที่นี่ เข็มทิศต้องมีการเชื่อมต่อบางอย่างกับค่ายกล!” หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในเข็มทิศและพบว่าสัมผัสวิญญาณของเหยาซีเชว่ประทับไว้ข้างใน

หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอก หากเข็มทิศนี้มีสัมผัสวิญญาณของบรรพชนโลหิตอยู่ด้วย เขาคงต้องหาทางปรับแต่งค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อออกจากที่นี่แทน

มีค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อออกจากที่นี่ซึ่งอยู่ในถ้ำนั้นด้วยเช่นกัน หวังหลินรับรู้มาจากป้ายสิทธิ์ผลึกแก้ว ทว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นอยู่ตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือและค่อนข้างไกลจากตำแหน่งที่หวังหลินอยู่ ด้วยกฏเกณฑ์ระหว่างทางมันจึงยากมากในการเข้าไปที่นั่น

ไม่เช่นนั้นหวังหลินคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

หวังหลินกวาดสัมผัสวิญญาณของเหยาซีเชว่ออกไปจากเข็มทิศอย่างง่ายดายและประทับของตนเองเข้าไปแทน หวังหลินพบกับรูปแบบเล็กๆข้างในเข็มทิศ รูปแบบนั้นเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องราวกับหมุดบนเข็มทิศและไม่หยุดเลยสักครั้ง

“เข็มทิศนี้ก็มีค่ายกลด้วยจริงๆ ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านนอกและค่ายกลด้านในเข็มทิศต้องประสานกันไม่เช่นนั้นมันจะไม่เกิดผลอะไรขึ้น!” หวังหลินใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบเข้าไปในเข็มทิศและศึกษามันเล็กน้อย ขณะที่ยังไม่สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ทั้งหมด หวังหลินก็ยังพบเบาะแสบางอย่าง

เขาใช้เวลาสามวันเพื่อเปลี่ยนแปลงค่ายกลข้างในเข็มทิศ จากนั้นเปลี่ยนค่ายกลเคลื่อนย้ายบนแท่นซึ่งทำให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างมาก

แม้ว่าหวังหลินจะไม่ได้เปลี่ยนค่ายกลเคลื่อนย้ายมากนัก เขาเปลี่ยนแปลงเพียงแค่จุดสำคัญหนึ่งจุดซึ่งหากใครคนอื่นนอกจากเขาเข้ามาที่นี่ ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะส่งพวกเขากลับไปทันที การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ทำให้มิติบิดกระชากและคนคนนั้นจะถูกลากเข้าไปในมิติว่าง

“เพียงแค่ส่งเข้าไปในรอยแยกอวกาศไม่ได้หมายความว่าเขาจะตาย ดังนั้นข้าต้องเพิ่มของแถมเข้าไปอีก!” หวังหลินขบคิดก่อนจะเริ่มทำกับค่ายกลเคลื่อนย้าย

หวังหลินใช้เวลาสามวันเพื่อเปลี่ยนแปลงค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่ใช้เวลาสามสิบวันเพื่อเพิ่มกฏเกณฑ์จำนวนมากมายใส่เข้าไป ไม่เพียงแต่หวังหลินไม่ได้รีบเร่งตอนที่เพิ่มกฏเกณฑ์ เขายังรู้สึกค่อนข้างมีความสุข

“หากคนอื่นเข้ามาที่นี่จริงๆ…พวกเขาจะเจอเรื่องตื่นตะลึงแน่นอน!” สายตาหวังหลินส่องสว่างวาบพร้อมกับใช้สัมผัสวิญญาณเข้าไปในเข็มทิศเพื่อกระตุ้นมัน จากนั้นเกิดแสงสีแดงโลหิตล้อมรอบทั้งร่างหวังหลิน หลังผ่านไปเวลาไม่กี่ลมหายใจ แสงสีแดงโลหิตก็เลือนหายไปพร้อมกับหวังหลินด้วย

แสงสีแดงระเบิดออกมาบนภูเขาโบราณที่อยู่ห่างออกไปจากค่ายทหารหนึ่งพันลี้ หวังหลินปรากฏตัว!

แสงดวงอาทิตย์ส่องประกายเข้ารูม่านตาหวังหลิน เขามองรอบๆด้วยความรู้สึกคล้ายกับกำลังมองโลกอีกใบ โครงร่างเมืองปิศาจโบราณดูไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่เขาหายไปเลย

หวังหลินสูดหายใจลึกขณะเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปที่ค่ายทหาร ความเร็วของเขามากกว่าเมื่อก่อนมากดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นาน

ชั่วขณะนั้น จิตสังหารอันแข็งแกร่งพลันออกมาจากค่ายทหารและมุ่งเป้าไปที่หวังหลิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!