565. การกลับมาของท่านบรรพชน
ร่างของแม่ทัพปิศาจสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นรอบตัวเริ่มพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ในขณะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยประทับฝ่ามือยักษ์!
ขณะที่ประทับฝ่ามือปรากฎขึ้น มันตกมาจากท้องฟ้าทันที!
ความรู้สึกที่เขาไม่สามารถเอาชนะมันได้ ไม่สามารถต่อต้านได้ และกระทั่งไม่อาจหลบมันได้ปรากฎขึ้นในใจ ราวกับฝ่ามือนี้คือฟ้าดิน ฝ่ามือที่สามารถทำลายล้างโลกใบนี้และดับชีวิตสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ความรู้สึกเช่นนี้ก่อขึ้นในใจแม่ทัพปิศาจและร่างกายสั่นสะเทือนโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าประทับฝ่ามือยักษ์ยังไม่ได้ตกลงมาแต่ความกดดันของมันได้ทำลายความต้องการสู้ของเขาไปแล้ว!
แม่ทัพปิศาจพยายามดิ้นรนปล่อยเสียงคำรามและพลันเกิดความรู้สึกไม่ยอมแพ้ขึ้น ในขณะที่จ้องมองไปฝ่ามือที่กำลังตกลงมาอย่างรวดเร็วนั้น เจตจำนงการต่อสู้พลันปะทุขึ้นจากภายใน!
“แม้ว่าเจ้าคือสวรรค์ ข้าก็ต้องสู้กับเจ้า! แม้ว่าเจ้าจะสามารถทำลายโลกทั้งใบ ข้าก็ต้องสู้! แม้ว่าเจ้าสามารถทำลายทุกชีวิตแต่เจ้าไม่อาจทำลายความต้องการสู้ในใจข้าได้!”
ทั้งร่างตั้งตรงทันทีและส่งเสียงคำรามไม่อ่อนข้อออกมา คลื่นทะเลรอบตัวแม่ทัพปิศาจเปลี่ยนเป็นมังกรทะเลนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาท้องฟ้า
เมื่อประทับฝ่ามือร่อนลงมาถึง เจตนาการต่อสู้ของแม่ทัพปิศาจพุ่งขึ้นจุดสูงสุด ทว่าชั่วขณะนั้นเองสายลมอุ่นๆก็กวาดผ่านเขาไป ประทับฝ่ามือร่อนลงบนแม่ทัพปิศาจและไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
แม่ทัพปิศาจตกตะลึง ท่าทางเช่นนี้ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้ว สิ่งที่ตามมาหลังจากเดินผ่านประตูแห่งความตายคือความหวาดกลัวที่หลั่งไหลออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้
“เจ้าตายไปแล้ว!” หวังหลินร่อนลงมาจากท้องฟ้าและมองไปยังแม่ทัพปิศาจ
แม่ทัพปิศาจเกิดอาการสับสนขณะจ้องมองหวังหลินด้วยความสงสัย “นี่มันวิชาอะไร?!”
หวังหลินเอ่ยตอบด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ “วิชานี้ไม่มีชื่อ!”
แม่ทัพปิศาจครุ่นคิดเล็กน้อย คลื่นพลังปราณรอบตัวหายไปอย่างรวดเร็ว เขามองหวังหลินและกล่าวขึ้น “เจ้าไม่ได้เรียนรู้วิชานี้อย่างสมบูรณ์!”
หวังหลินไม่เปลี่ยนสีหน้าและเอ่ยขึ้นมาเพียงสิ่งเดียว “ท่านจะลองอีกครั้งก็ได้!”
แม่ทัพปิศาจรู้สึกไม่มั่นใจ แม้เขาจะสงสัยว่าหวังหลินสามารถสร้างการโจมตีลวงตาที่ไร้พลังจริงๆได้เท่านั้น แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อสงสัย ถึงแม้จะมั่นใจถึงเก้าในสิบส่วนว่าเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่เขาจดจำความรู้สึกช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายได้ซึ่งเขาไม่ควรจะเสี่ยง!
แค่คิดถึงฝ่ามือนั้นก็ทำให้จิตใจของแม่ทัพปิศาจสั่นสะท้าน!
แม่ทัพปิศาจครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมา “นี่คือไพ่ตายของเจ้า…”
หวังหลินไม่ได้อธิบายอะไร เพราะรู้ว่ายิ่งอธิบายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเผยตนเองมากเท่านั้น หวังหลินรู้ว่าวิชานั้นเป็นพลังเพียงภาพลวงตาเท่านั้นและทำให้ทุกคนสงสัยได้ ทว่าสงสัยก็คือสงสัย ซึ่งความสงสัยนี้เองที่ทำให้แม่ทัพปิศาจไม่แน่ใจ!
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่พูดและทำแค่เพียงมองแม่ทัพปิศาจอย่างสงบนิ่ง
แม่ทัพปิศาจถอนหายใจ เขายังไม่กล้าเสี่ยงเอาความความมั่นใจเก้าส่วนไปเสี่ยงกับความจริงหนึ่งส่วน เพราะหากมันเปลี่ยนเป็นจริงขึ้นมาเขาก็อาจตายได้!
“เป็นไปได้ว่าด้วยระดับบ่มเพาะของเขา หากต้องใช้พลังที่แท้จริงของวิชานี้ขึ้นมาเขาจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากมัน อาจกระทั่งถึงจุดที่ร่างกายไม่สามารถทนได้และเสี่ยงแตกสลาย เขาจึงใช้แต่เพียงภาพมายาเท่านั้น…” นี่เป็นเพียงคำอธิบายเดียวที่แม่ทัพปิศาจจะเชื่อได้
ความสงสัยของแม่ทัพปิศาจยังคงอยู่แต่เขาก็ต้องฝืนระงับเอาไว้
หวังหลินเอ่ยถาม “ฉือซานอยู่ไหน?”
“ข้ากำลังหลอมสมบัติวิเศษที่จำเป็นต้องใช้ร่างกายแข็งแกร่งสิบแปดคน คราวนี้ข้าต้องปิดด่านฝึกตนเพื่อหลอมสมบัติ ส่วนผู้ติดตามของเจ้านั้นอยู่ท้ายแถวจึงยังไม่ได้ถูกหลอม!”
จากนั้นแม่ทัพปิศาจค่อยๆเอ่ยขึ้น “ข้าสามารถพาเขากลับมาหาเจ้าได้เพราะเจ้าเป็นผู้บัญชาการของข้า แต่ที่เจ้าฆ่าทหารปิศาจหลายหมื่นและทำลายเมืองในรัศมีห้าลี้ เรื่องนี้ข้าไม่ยอมปล่อยง่ายๆแน่!”
หวังหลินไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไป “แล้วท่านต้องการอะไร!?”
“ในอีกสามเดือน ข้าต้องกลับเมืองหลวงเพื่อไปสอบสวน ระหว่างเวลานั้นจะมีการแข่งขันระหว่างแม่ทัพปิศาจ หากเจ้าสัญญาว่าจะช่วยข้า ข้าจะลืมเรื่องที่เจ้าฆ่าทหารปิศาจของข้าไป ไม่เช่นนั้นแล้วแม้ข้าจะตาย เจ้าก็จะไม่สามารถตั้งหลักในแคว้นแห่งนี้ได้!”
ตอนนี้เขาคิดว่าหวังหลินเท่าเทียมกัน ไม่นับเรื่องฝ่ามือมายา เพียงแค่เรื่องที่หวังหลินสามารถทำลายสิบพินาศของเขาและทนรับร้อยคลื่นทะลปิศาจได้ก็ทำให้ตำแหน่งในความคิดแม่ทัพปิศาจพุ่งทะยานขึ้นไปแล้ว!
“คนคนนี้มีระดับบ่มเพาะเท่ากันกับข้า หากไม่ใช่ว่าวิชาของเขาไม่สามารถเอาเปรียบข้าได้ การต่อสู้จะยากยิ่งกว่านี้!” เมื่อคิดถึงวิชาต่อสู้ เขาพลันนึกถึงฝ่ามือนั้นทันทีและความคิดที่วิชาของหวังหลินไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง!
“เทียบกับฝ่ามือนั้น วิชาของข้าสูญเปล่าไปเลย…ข้ากลัวว่ามีแต่เพียงจักรพรรดิปิศาจเท่านั้นที่สามารถประมือกับวิชาแบบนั้นได้…” แม่ทัพปิศาจถอนหายใจ
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยและพยักหน้า!
แม่ทัพปิศาจหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะช่วยลบล้างความไม่พอใจก่อนหน้านี้ทั้งหมด เขายิ้ม
และกล่าวต่อ “ดี! ตั้งแต่วันนี้ต่อไป ข้าแม่ทัพปิศาจปีกซ้าย หยุนลี่ไฮ่ ขอแต่งตั้งเจ้าเป็นรองแม่ทัพ! หากข้าสามารถขึ้นไปอยู่ในสามยอดแม่ทัพปิศาจได้ ข้าจะขอให้จักรพรรดิปิศาจแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพ!
“ถึงตอนนั้น เจ้าจะมีเมืองของตนเองและทหารปิศาจแสนนายรับฟังคำสั่ง เจ้าจะได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงมากกว่าคนต่างแดนส่วนใหญ่!” แม่ทัพปิศาจยื่นมือออกมาและสร้างวังวนสีดำขึ้น
มีประกายแสงหลายจุดอยู่ในวังวน แม่ทัพปิศาจชี้ลวกๆไปที่หนึ่งในจุดแสงทำมันให้แตกสลายไป จากนั้นร่างฉือซานลอยออกมาร่อนลงเบื้องหน้าหวังหลิน
คำพูดของเขาเพียงเพื่อเอาใจหวังหลินในตอนนี้และใช้ตำแหน่งแม่ทัพเพื่อทำให้หวังหลินยากจะปฏิเสธ ในขณะเดียวกันเขาไม่ได้ใช้ฉือซานมาขู่หวังหลิน การกระทำนี้แสดงให้เห็นว่าเขาทำต่อหวังหลินด้วยความจริงใจ!
ทว่าเป็นเพราะว่าแม่ทัพปีศาจเห็นถึงความแข็งแกร่งของหวังหลิน สัมผัสจากพลังฝ่ามือนั้นทำให้เขาเลือกปฏิบัติตนกับหวังหลินเช่นนี้!
สุดท้ายแล้วแม้แม่ทัพปีศาจจะสงสัยในพลังฝ่ามือของหวังหลิน แต่มันเป็นเพียงข้อสงสัยเท่านั้นและตราบใดที่ยังไม่แน่ใจว่าพลังนั้นเป็นของจริงหรือไม่ เขาไม่คิดจะเสี่ยง! ยิ่งคนที่ฉลาดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดเรื่องนี้ไว้มากเท่านั้น!
แม้ว่าแม่ทัพปิศาจจะเป็นคนเปิดเผย แต่การบรรลุระดับบ่มเพาะมาถึงขั้นนี้นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้โง่ ความจริงความฉลาดของเขาไม่ได้น้อยไปกว่าหวังหลินเลย
“ข้าจะกลับมาในสามเดือน!” หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกกวาดผ่านฉือซาน เขาพบว่าฉือซานไร้อาการบาดเจ็บและหมดสติเท่านั้น หวังหลินคว้าฉือซาน ก้าวเท้าขึ้นไปบนอากาศและหายตัวไปเหนือเส้นขอบฟ้า
แม่ทัพปิศาจไพล่ฝ่ามือไปด้านหลังขณะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและส่ายศีรษะ คนทั้งห้าคนที่มีระดับเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายรีบเร่งเข้ามา ตอนที่ทั้งห้าคนเฝ้าดูการต่อสู้ก่อนหน้านี้ จิตใจแต่ละคนถูกดึงดูดโดยสิ้นเชิงและพวกเขาไม่อาจดึงตัวเองออกมาได้เป็นเวลาพักใหญ่
ทั้งห้าคนฟื้นสติมาได้ตอนที่หวังหลินจากไปแล้ว
หนึ่งในห้าคนนั้นเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพปิศาจ ข้าเชื่อว่าการโจมตีฝ่ามือนั้นเป็นของปลอม หากท่านลงมือ ท่านสามารถฆ่าเขาได้แน่นอน!”
“แม้ข้าจะรู้ว่ามีโอกาสถึงเก้าส่วนที่ฝ่ามือนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง ข้าไม่สามารถพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงได้! แม้เขาจะรู้แต่วิธีใช้ภาพมายา ทว่าการทำให้ข้าลังเลขึ้นมานั่นหมายถึงเขาเป็นคนฉลาด! การทำให้มันดูคล้ายของจริงและปลอมทั้งที่เป็นของจริง คนแบบนี้…ไม่สามารถประเมินต่ำไปได้!”
“อีกทั้งหนึ่งปีก่อนตอนที่ต่อสู้กับหมัดสิบพินาศของข้า เขาต้องใช้วิชาลับเพื่อยืนต้านให้ถึงเจ็ดพินาศ ตอนนี้หนึ่งปีให้หลัง ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาและผู้บัญชาการเหยาหายตัวไปในเวลาเดียวกันและมีเขาเพียงคนเดียวที่กลับมา ต้องมีบางสิ่งซ่อนไว้ที่นี่! แต่มันไม่มีผลอันใดกับข้า!”
คำพูดของแม่ทัพปิศาจมุ่งตรงไปที่คนทั้งห้า แต่พวกเขาส่วนใหญ่กำลังพึมพำกับตนเอง
ทั้งห้าคนเงียบเสียครุ่นคิดพร้อมกับเงยศีรษะขึ้นมองจุดที่หวังหลินจากไป ความรู้สึกอันซับซ้อนปรากฏขึ้นในใจแต่ละคนโดยไม่รู้ตัว
หวังหลินลอยตัวกลางอากาศและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา เขาพบคุกมืดข้างในเมืองและปรากฏตัวด้านหน้าคุกพร้อมกับฉือซานที่ไร้สติ
คุกมืดแห่งนี้อยู่ใต้ดิน แม้ว่าจะมีกฏเกณฑ์วางไว้ทั่วบริเวณทว่าไม่มีอันไหนนอกจากส่วนที่ลึกสุดจะหยุดหวังหลินได้
ด้วยสถานะของฮัวเป่า เขาไม่ต้องมาถูกขังให้อยู่ส่วนลึกของคุก หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาแต่ไม่สามารถค้นหาร่องรอยของฮัวเป่าได้เลย เขาถอนหายใจจากนั้นหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย
หวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็วจนขีดสุด ตอนนี้ระดับบ่มเพาะเพิ่มมาถึงขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด ความเร็วของหวังหลินตอนนี้มากกว่าก่อนหลายเท่า แม้เขาจะถือฉือซานไปด้วยแต่มันไม่ได้ทำให้เขาใช้เวลานานในการกลับไปที่เผ่าหลอมวิญญาณ
หวังหลินปรากฏตัวในแสงกระพริบห่างจากเผ่าหลอมวิญญาณไปหลายสิบลี้ เบื้องหน้าเขาหวังหลินสามารถเห็นเผ่าหลอมวิญญาณอยู่ไม่ไกล!
แม้ว่าเผ่าหลอมวิญญาณจะไม่ได้เติบโตตลอดปีนี้ สมาชิกทั้งหมดของเผ่ายังคงฝึกฝนบ่มเพาะอย่างหนัก พื้นที่ระยะสิบลี้ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าหลอมวิญญาณ
มีหมอกสีดำหนาแน่นอยู่บนท้องฟ้าเหนือพื้นที่ระยะสิบลี้ บางครั้งเหล่าดวงวิญญาณก็เคลื่อนไหวภายในหมอกสีดำและบางครั้งก็มีเสียงภูติผีค่อยๆดังออกมาจากข้างใน
ผู้คนภายในเผ่าหลอมวิญญาณคุ้นชินกับเสียงกรีดร้องจากหมอกสีดำไปแล้ว ยิ่งเสียงครวญครางดังขึ้นก็ยิ่งมีดวงวิญญาณอยู่ข้างในมากขึ้น!
ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ของเผ่าหลอมวิญญาณกำลังฝึกฝนบ่มเพาะ ดวงวิญญาณแต่ละดวงทั้งหมดลอยออกมาจากธงวิญญาณและเข้าไปในหมอกสีดำ ในขณะเดียวกันดวงวิญญาณก็ออกมาจากหมอกสีดำและกลับคืนสู่ธงวิญญาณอยู่หลายผืน
หลังการปรากฎตัวของหวังหลิน เขาก้าวเท้าออกไปและพุ่งตรงไปที่เผ่าหลอมวิญญาณราวกับประกายสายฟ้า หวังหลินยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ถึงคนมากกว่าสิบคนที่อยู่ตำแหน่งแตกต่างกันกำลังสังเกตการณ์พื้นที่อย่างรอบคอบ
เขาคุ้นเคยกับคนพวกนี้ดี หน้าที่แต่ละคนคือยืนเฝ้าระวังด้านนอก!
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณและครอบคลุมพื้นที่ภายในระยะห้าสิบลี้ซึ่งมีคนแบบนี้มากกว่าร้อยคนเฝ้าระวังไว้!
หวังหลินใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเผ่าระยะหนึ่งพันฟุต ที่นี่เป็นจุดที่เขาหยุดลง หลังจากนั้นสายลมรุนแรงจึงติดตามเขามาและพัดมาที่เผ่า!
ในจังหวะนั้นมีบางคนได้เห็นหวังหลิน จึงเกิดอาการตกใจและดวงตาเต็มไปด้วยอาการตื่นเต้น
“ท่านบรรพชน!” เสียงตะโกนเต็มไปด้วยความตื่นได้ปลุกทุกคนจากการบ่มเพาะ สมาชิกเผ่าทั้งหมดยืนขึ้นแทบในทันที
โอวหยางฮัวเปลี่ยนกลายเป็นควันเมฆสีดำพุ่งทะลุผ่านในเผ่าออกมา เขาหยุดลงห่างเบื้องหน้าหวังหลินไปสิบฟุตด้วยใบหน้าตื่นเต้นและเอ่ยด้วยความเคารพ “ยินดีต้อนรับกลับท่านบรรพชน!”
ในเวลาเดียวกัน สมาชิกเผ่าทั้งหมดคุกเข่าลงหนึ่งข้างและกล่าวอย่างพร้อมเพรียง “ยินดีต้อนรับกลับท่านบรรพชน!”