568. คนรู้จัก
ขอเปลี่ยนจากหยุนลี่ไฮ่ เป็น โม่ลี่ไฮ่นะครับ
ณ เมืองปิศาจฟ้า!
เมืองนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของแคว้นปิศาจฟ้า ล้อมรอบไปด้วยภูเขาตัดสลับกันนับไม่ถ้วน หากมองจากบนฟ้าแล้วภูเขาเหล่านี้ก่อร่างเสมือนมังกรเก้าตัวขมวดกันล้อมรอบเมือง
เศียรของมังกรทั้งเก้าชี้ไปที่ทะเลสาบอันโดดเดี่ยวแห่งนี้เรียกกันว่าทะเลสาบมังกร!
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ของแคว้นปิศาจฟ้าคืออารามปิศาจโบราณซึ่งอยู่ในทะเลสาบมังกร!
ทะเลสาบมังกรเฝ้าระวังไว้อย่างแน่นหนา!
เมืองปิศาจฟ้าตั้งอยู่ด้านหน้าทะเลสาบมังกร!
กล่าวให้ถูกต้องก็คือเมืองแห่งนี้ก่อขึ้นมาจากเมืองเก้าเมืองที่มีขนาดคล้ายคลึงกับเมืองปิศาจโบราณ เมืองทั้งแปดแบ่งเป็นสามหัวมุมโดยมีวังหลวงอยู่ตรงกลาง!
มีแม่น้ำล้อมรอบวังหลวงโดยมีสะพานแปดเส้นเชื่อมต่อกันและกันสู่เมืองทั้งแปด! วังหลวงคือสถานที่ที่จักรพรรดิปิศาจพำนักและเต็มไปด้วยอารามอันประณีตงดงาม ส่วนอีกแปดเมืองต่างมีเขตและสไตล์เป็นของตนเอง
ยามเช้าตรู่ เมืองปิศาจฟ้าทั้งเมืองถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีเขียวจางๆซึ่งมาจากเทือกเขามังกร จักรพรรดิปิศาจเรียกมันว่า “พลังงานมังกร” และการบ่มเพาะพลังงานนี้สามารถเพิ่มระดับฝึกฝนได้
ทั้งเมืองปิศาจฟ้าราวกับอสูรตัวใหญ่ หมอกสีเขียวค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับเสียงผู้คนตื่นจากการหลับไหลช่างเหมือนกับอสูรยักษ์ค่อยๆตื่นขึ้นมาเช่นกัน
มีค่ายกลเคลื่อนย้ายนอกเมืองปิศาจฟ้าทั้งหมดสิบแปดแห่งและถูกทหารปิศาจเฝ้าระวังเอาไว้ตลอดทั้งปี แน่นอนว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายเหล่านี้ต่างถูกใช้โดยพลเรือนเช่นพวกพ่อค้าเพื่อท่องเที่ยวทุกหนแห่ง
มีอยู่สิบแห่งที่สามารถใช้ได้โดยต้องมีสถานะสูงส่ง เห็นได้ชัดว่ามีระยะห่างระหว่างชนชั้นอยู่ด้วย
ค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งที่สิบสี่ใช้สำหรับแม่ทัพปิศาจเท่านั้น ทุกครั้งที่มันถูกกระตุ้นจะมีแม่ทัพปิศาจปรากฏตัว!
แม่ทัพปิศาจถือได้ว่าเป็นผู้ทรงอำนาจในเมืองปิศาจฟ้า เป็นคนที่ควบคุมเหล่าทหารจำนวนมากและมีวิชาอันร้ายกาจ!
ในตอนนี้ท่ามกลางเหล่าทหารปิศาจนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งที่สิบสี่ เห็นได้ชัดว่ามีทหารปิศาจหนึ่งนายที่สวมชุดเกราะมีหลายเส้นมากกว่าคนอื่นๆ
ทหารคนนี้คลายไหล่และวางอาวุธลง จากนั้นถอดหมวกนั่งลงและหันกลับมา “เอ้อโกว มานวดไหล่ข้าด้วย!” หลังสิ้นเสียงตะโกน ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งออกมา เขาวิ่งมาอยู่ด้นาหลังด้วยใบหน้าเฉลียวฉลาดและเริ่มนวด “หัวหน้า แรงข้าดีไหม?”
หัวหน้าขยับไหล่ของตนเองยิ้มขึ้น “ดีแล้ว เยี่ยมมาก ท่ามกลางพวกเจ้าก็มีเจ้านี่แหละที่ควบคุมแรงได้ดีที่สุด”
“หัวหน้า ปกติแล้วค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้แทบจะเปิดเดือนละครั้ง ทำไมไม่นานมานี้มันถึงเปิดขึ้นบ่อยนัก? ดูเหมือนจะมีแม่ทัพปิศาจจำนวนมากมาที่นี่” เอ้อโกวใช้โอกาสถามคำถามที่ก่อกวนเขามาสักพัก
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะบอกเจ้าให้ฟัง!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น เหล่าทหารทั้งหมดเข้ามาใกล้ทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการอยากรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“พวกเจ้าต่างเป็นทหารใหม่ไม่เกินร้อยปีดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่รู้เรื่องนี้ ทุกสามร้อยปีจะมีการแข่งขันครั้งใหญ่ระหว่างแม่ทัพปิศาจเกิดขึ้นและจักรพรรดิปิศาจจะเข้าชมเป็นการส่วนตัว รางวัลนั้นบางครั้งก็เป็นสมบัติปิศาจไม่ก็วิชาปิศาจ! ถึงกระนั้นครั้งนี้การแข่งขันมีความหมายต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง!”
“เพราะเมื่อสองร้อยปีก่อนพวกเราประสบความสูญเสียอย่างหนักในการสู้รบกับแคว้นปิศาจอัคคี ซึ่งรวมถึงรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดสองคนด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านจักรพรรดิถึงได้เลือกรองผู้บัญชาการสูงสุดในการแข่งขันครั้งนี้!”
หลังกล่าวเช่นนั้น ดวงตาทหารปิศาจรอบด้านเบิกกว้างอันทั้งหมด ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยอาการตกใจ
แม้ว่าตำแหน่งแม่ทัพปิศาจและรองผู้บัญชาการสูงสุดจะห่างกันเพียงแค่ครึ่งก้าว ช่องว่างนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้ามผ่านไป! ในหลายปีนับไม่ถ้วนที่แคว้นปิศาจฟ้าคงอยู่ มีเพียงผู้บัญชาการสูงสุดแปดคนและรองผู้บัญชาการสูงสุดแปดคนเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้คงอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว!
ตำแหน่งรองผู้บัญชาการสูงสุดนั้นไม่ใช่ผู้ช่วยของผู้บัญชาการสูงสุดแต่เป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสายเดียวกันกับรองผู้บัญชาการสูงสุด มีเพียงรองผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้นที่สามารถท้าชิงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดได้!
ในแคว้นปิศาจฟ้า เมื่อผู้บัญชาการสูงสุดเสียชีวิต รองผู้บัญชาการจะเข้ามาแทนที่!
นั่นเป็นก้าวแรกของการกลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุดและการกลายเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุด!
เมื่อเห็นใบหน้าตกใจของทหารปิศาจรอบด้าน คนหัวหน้ารู้สึกภูมิใจ เขากระแอมออกมาและกล่าวต่อ “นั่นคือเหตุผลที่เหล่าแม่ทัพปิศาจทั้งหมดต่างมากันที่นี่ ด้วยเรื่องสำคัญนี้แม้แต่คนที่ไม่ได้มีเจตนาเข้าร่วมต่างก็มากันให้ควั่ก!”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งที่สิบสี่สำหรับแม่ทัพปิศาจเท่านั้น มันจึงวุ่นวายไปหลายวัน!”
ทหารปิศาจที่กำลังนวดไหล่ของเขากล่าวขึ้น “หัวหน้าคิดว่าท่านแม่ทัพปิศาจคนไหนที่จะชนะ?”
“นี่มัน…พูดไม่ง่ายเลย คนที่จะเป็นแม่ทัพปิศาจต้องมีวิชาอันแข็งแกร่ง แต่แม้กระทั่งวิชาก็ยังมีความแข็งแกร่งแตกต่างกัน ข้าเชื่อว่าท่านโม่เฟยที่ถือครองเมืองข้างๆปิศาจอัคคีจะสามารถขึ้นไปอยู่ในสามยอดแม่ทัพได้! รวมไปถึงยังมีท่านโม่ลี่ไฮ่แห่งเมืองปิศาจโบราณด้วย ระดับบ่มเพาะของเขายังถือได้ว่าสูงส่งท่ามกลางเหล่าแม่ทัพ…” เพียงหัวหน้าเอ่ยมาถึงตอนนี้ ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที เขายืนขึ้นและหมวกลอยขึ้นสู่อากาศและร่อนลงบนศีรษะ จากนั้นยื่นฝ่ามืออกไปคว้าอาวุธเข้าใส่มือ
เขาทำในเสี้ยววินาที
ทหารปิศาจทั้งหมดคุ้นชินกับการกระทำของหัวหน้า ตอนนี้แม้จะไม่ได้รับคำสั่งจากเขา ทั้งหมดต่างยื่นตรงและหันหน้าไปข้างหน้า
ชั่วขณะนั้นวงแหวนแสงปรากฏเหนือค่ายกลเคลื่อนย้ายและเกิดปราณปิศาจระเบิดออกมา สองร่างปรากฏข้างในค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างช้าๆและเพียงแค่พวกเขาปรากฏตัวต่างก็เดินหน้าออกมาคนละก้าว ทั้งคู่ก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายในเวลาเดียวกัน
โม่ลี่ไฮ่มองไปที่หัวหน้าด้านหน้าเขาก่อนจะสูดหายใจและเอ่ยให้กับคนด้านหลัง “น้องหวัง นี่มันก็มากกว่าสามสิบปีแล้วตั้งแต่ที่ข้ากลับมาเมืองหลวงครั้งก่อน!”
หวังหลินมองเมืองขนาดยักษ์เบื้องหน้า แม้ว่ามันจะใหญ่ก็ยังอยู่ในการคาดการณ์ของหวังหลิน นอกจากนั้นแล้วที่นี่คือเมืองหลวงของแคว้นปิศาจฟ้า!
“ขอคารวะ แม่ทัพโม่!” ขณะที่ทั้งสองเดินออกมา เหล่าทหารปิศาจด้านนอกทักทายพวกเขาทันที
โม่ลี่ไฮ่พยักหน้าเบาๆและยิ้มให้หวังหลิน “น้องหวัง ทางนี้!”
จากนั้นเขาก้าวเท้าออกไปและเคลื่อนร่างไปทางประตูตะวันตก หวังหลินติดตามไปอย่างรวดเร็วและทั้งสองก็เลือนหายออกไปไกล
หลังจากทั้งสองคนจากไป หัวหน้าผู้ดูแลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ทหารปิศาจที่อยู่ใกล้เขากระซิบ “หัวหน้า คนที่แม่ทัพปิศาจพามาด้วยเป็นใครกัน?” ตอนนี้แม่ทัพปิศาจหลายคนต่างพาคนแปลกหน้ามาด้วย
หัวหน้าจ้องนายทหารคนนั้นและเอ่ยขึ้น “การแข่งขันระหว่างแม่ทัพปิศาจครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญมากต่อแม่ทัพปิศาจทุกคน ดังนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะหาตัวช่วย คนที่ท่านแม่ทัพโม่เลือกมาต้องมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขาเป็นแน่ เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมากนักหรอก!”
เขามองไปทิศทางที่หวังหลินและโม่ลี่ไฮ่จากไปและคิดขึ้นมา ‘คนผู้นั้นถูกท่านโม่ลี่ไฮ่ยอมรับและพามาด้วย ดังนั้นระดับบ่มเพาะของเขาต้องไม่ธรรมดา! รวมไปถึงจากการที่โม่ลี่ไฮ่พูดกับเขาอย่างสุภาพ คนคนนี้ต้องไม่ใช่คนเรียบง่ายอย่างแน่นอน!’
โม่ลี่ไฮ่เป็นแม่ทัพปิศาจดังนั้นเหล่าทหารที่ประตูตะวันตกจึงเคารพนบนอบตอนที่เห็น เหล่าทหารนำพวกเขาเข้าไปในเมืองก่อนจะกลับมาที่จุดของตน
โม่ลี่ไฮ่มองหวังหลินและเอ่ยอย่างจริงใจ “น้องหวัง มีกองกำลังหลายแห่งในเมืองปิศาจฟ้าที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ โดยเฉพาะเหล่าแม่ทัพปิศาจที่กำลังรวมตัวกัน คงดีกว่าถ้าเจ้าจะไม่อยู่อาศัยในเมืองและมาที่คฤหาสน์ของข้าแทนจะว่าอย่างไร?”
มีอยู่สองเมืองที่เชื่อมต่อกับประตูตะวันตก เมืองแรกชื่อว่าเมืองซวนและเมืองที่สองชื่อว่าเมืองฮ่อง!
โม่ลี่ไฮ่กล่าว “เมืองปิศาจฟ้ามีทั้งสิ้นแปดเมืองอยู่ด้านนอก และทั้งแปดเมืองแบ่งออกเป็นวงแหวนชั้นในและวงแหวนชั้นนอก ฟ้า ดิน ซวน และเหลืองคือเมืองชั้นในสี่แห่ง ส่วนเมืองจักรวาล นิรันดร์ ฮ่อง และโดดเดี่ยวเป็นเมืองชั้นนอก”
“เมืองชั้นในสำหรับประชาชนและเมืองชั้นนอกสำหรับการทหาร ยังมีความแตกต่างที่ขึ้นอยู่กับสถานะอีก ข้าอาศัยอยู่ในเมืองฮ่อง!”
หวังหลินขบคิดและพยักหน้า “ข้าจะฟังคำพูดพี่โม่!”
โม่ลี่ไฮ่ยิ้มบางและพยักหน้าให้หวังหลิน จากนั้นก้าวเดินไปข้างหน้าซึ่งมีถนนทางแยกห่างออกไปพันฟุต ด้านซ้ายของถนนนำทางไปที่เมืองซวนและด้านขวานำทางสู่เมืองฮ่อง
หวังหลินทำตามคำแนะนำของโม่ลี่ไฮ่และเดินไปที่เมือง เมืองฮ่องเป็นเมืองที่กิจการรุ่งเรือง มีร้านค้าและผู้คนมากมาย ถนนหนทางมีชีวิตชีวาซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนเดินเข้าเดินออก
ถนนแห่งนี้กว้างมากแต่ฝูงชนเต็มถนัดสองข้างทาง เหลือทางเดินตรงกลางเพียงหนึ่งในสามของถนน เมื่อยืนอยู่ตรงกลางจะทำให้เห็นถนนทอดยาวออกไปไกล
โม่ลี่ไฮ่เห็นสายตาหวังหลินกำลังเปิดกว้าง เขาจึงยิ้มและอธิบายออกมา “ถนนแห่งนี้คือถนนทหาร คนธรรมดาไม่อนุญาตให้เดินเส้นนี้!”
ขณะนั้นเสียงคำรามออกมาจากถนนทหารที่อยู่ห่างออกไปไกล ในไม่ช้ากลุ่มม้าสงครามสีดำก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่ามีม้าทั้งสิ้นสิบเก้าตัวโดยมีทหารเกราะดำนั่งอยู่ด้านบน แต่ละคนมีระดับบ่มเพาะประมาณเซียนขั้นตัดวิญญาณปราณิปศาจที่ออกมาจากร่างแต่ละคนรวมเข้าด้วยกันด้วยวิธีการอันลึกลับ
มีปราณปิศาจกำลังหมุนวนบนท้องฟ้าเหนือพวเขาและก่อเกิดเป็นเงาอสูรยักษ์หนึ่งตน
ทั้งหมดสิบเก้าคนมุ่งตรงมาที่หวังหลินและโม่ลี่ไฮ่ หวังหลินมองโม่ลี่ไฮและพบว่าแม้ใบหน้าเขาจะเคร่งขรึมแต่ยังซ่อนรอยยิ้มเอาไว้
ทั้งสิบเก้าคนหยุดลงห่างจากพวกเขาไปประมาณสิบฟุต จากนั้นลงจากม้าของตน ก้าวมาคุกเข่าข้างหน้าและกล่าวเสียงดังฟังชัด “ขอคารวะ แม่ทัพโม่!”
โม่ลี่ไฮหัวเราะจากนั้นสะบัดแขน “พวกเจ้าทั้งหมดลุกขึ้น คนผู้นี้คือสหายของข้า รองแม่ทัพหวัง ในอนาคตเมื่อพวกเจ้าเห็นเขาก็จงทักทายแบบเดียวกับข้า!”
ทั้งสิบเก้าคนหันมาหาหวังหลินโดยไร้ความลังเลและกล่าวขึ้น “ขอคารวะ รองแม่ทัพหวัง!”
หวังหลินพยักหน้าเบาๆ
เสียงของทั้งสิบเก้าคนนี้และฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้ทุกคนสนใจ ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยอาการตกใจและถอยห่างออกไปไกล
“น้องหวัง ตามข้ามาที่คฤหาสน์ ข้าจะให้คนเตรียมเหล้าไว้ให้แล้วเราค่อยมาดื่มกัน!” โม่ลี่ไฮ่กระโดดขึ้นไปในม้าศึกตัวหนึ่ง
หวังหลินกระโดดขึ้นไปบนม้าศึกอีกตัวหนึ่งด้วยและหัวเราะ “เหล้ารสชาติเยี่ยมใช่ไหม?”
“แน่นอน มันเป็นเหล้ารสเลิศ!” โม่ลี่ไฮ่และหวังหลินมองหน้ากันเองก่อนจะหัวเราะ จากนั้นทั้งสองขี่ม้าออกไปด้วยกัน ส่วนคนสิบเก้าคนและม้าที่เหลือสิบเจ็ดตัวติดตามมาด้วย
ส่วนกลุ่มคนบนถนนทหารก็เคลื่อนตัวกลับมาทันทีที่เสียงม้าออกไปไกล ใบหน้าโม่ลี่ไฮ่จมดิ่งลงและแทนที่จะชะลอตัวเขากลับเร่งให้เร็วขึ้น!
สายตาหวังหลินส่องสว่าง เขาเห็นคนรู้จัก!!