65. อาลัยให้สำนัก
ฮวงหลงแตะกระเป๋าข้างเอวและมองไปยังสำนักเหิงยั่วด้วยใบหน้าซับซ้อนต้าวซิ่วที่ยืนด้านข้างพูดขึ้น “ท่านจ้าวสำนักยังพอมีเวลาที่เขาจะกลับไปภูเขาเหิงยั่ว”
ฮวงหลงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้น “กระบี่จันทร์ม่วงถูกยกให้ข้าจากบรรพบุรุษลิ่วเมื่อตอนที่ข้าได้เป็นจ้าวสำนักข้าบอกท่านบรรพบุษว่ากระบี่จะอยู่กับข้าตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้น่าเสียดาย..”
ผู้อาวุโสใบหน้าสีแดงที่ชื่อหม่าใบหน้าหม่นหมอง “ท่านจ้าวสำนักสำนักซวนต้าวเพียงแค่มีเซียนขั้นผลิดอกหนึ่งคนตามหลักเหตุผลแล้วการไม่สู้กับเขาคือสิ่งที่ท่านควรจะทำท่านไม่ควรจะรู้สึกสำนึกผิด โลกของผู้ฝึกเซียนมักจะเป็นแบบนี้เสมอกลับไปสำนักเหิงยั่วเมื่อเรามีพลังพอ พวกเราก็จะทำสิ่งเดียวกัน”
ฮวงหลงลอบถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรออกมา
หวังหลินนั่งขัดสมาธิมุมหนึ่ง มองไปยังภูเขาเหิงยั่วสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเกินไปจนเขายังรู้สึกตกใจไ่หายแต่ที่กังวลมากที่สุดคือครอบครัวของเขา
หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ เขาก็ยังไม่หายกังวลหวังหลินกลัวว่าศิษย์ของสำนักซวนต้าวจะออกไปหาครอบครัวของเขาเพื่อแก้แค้นคิดได้เช่นนี้แววตาของหวังหลินก็ฉายแววเย็นเยียบแม้ว่าเขาไม่ต้องการสังหารใครก็ตาม ถ้าหากพวกมันทำร้ายครอบครัวเขาหวังหลินก็คงอดไม่ได้ที่จะสังหารทิ้ง
ซือถูหนานโอ้อวดอย่างภูมิใจ “นี่เป็นทางที่ถูกต้องแล้วหวังหลิน ฮี่ฮี่เจ้าควรจะเจอเรื่องแบบนี้มานานแล้ว มันก็แค่การฆ่าคนจะเป็นเรื่องใหญ่อันใดกัน? ข้ามีเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้พวกมันตาย”
หวังหลินขมวดคิ้วและถามซือถูหนาน “การฆ่าคนไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาถ้าข้าฆ่าหนึ่งคนก็จะมีอีกหนึ่งคน เว้นแต่ข้าจะฆ่าศิษย์ทั้งสำนักซวนต้าว”
ซื่อถูหนานพยายามผลักดันเขาต่อ “มันจะยากอันใด? ข้าจะสอนวิชาหุ่นเชิดให้กับเจ้าเองจากนั้นเจ้าก็จับใครสักคนและสร้างมันเป็นหุ่นเชิดผู้ซื่อสัตย์กับเจ้าซะเป็นไงหล่ะ? เจ้าก็จะหายกังวลได้ซะที”
เช่นเดียวกันกับที่ซือถูหนานพูดจบชายร่างอ้วนจากสุสานวิญญาณกระบี่ก็เข้ามาหาหวังหลินและนั่งถัดจากเขาเขายิ้มขึ้น “พี่ใหญ่ ข้าชื่อฮวงต้าชาน ในอนาคตโปรดดูแลน้องคนนี้ด้วยเถิด”
หวังหลินเหลือบมองไปที่คนอื่น แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรศิษย์ชุดดำที่ชื่อจ้างได้เข้ามาหาและพูดขึ้น “ฮวงต้าชานถ้าเจ้ามีเวลานักเจ้าควรจะฝึกฝนมากกว่ามาถามคนอื่นให้ดูแลเจ้านะ”
ฮวงต้าชานยิ้มอย่างคึกคัก “สำนักก็ไปแล้ว หลงเหลือแต่ศิษย์สายในพี่ใหญ่หวังหลินเป็นคนแข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าข้าจะฝึกฝนยังไงข้าก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้ มันคงดีกว่าที่ข้าจะเป็นลูกน้องพี่ใหญ่”
พี่จ้างหันกลับไปมองหวังหลินเขาจดจำได้ว่าหวังหลินคือหนึ่งในศิษย์สามคนที่เขาพามาบนภูเขาเพื่อทดสอบเข้าสำนักเขาลอบถอนหายใจและพูดขึ้น “หวังหลินความก้าวหน้าของเจ้าเกินความคาดหมายจริงๆ ข้านับถือเจ้ายิ่งนัก”
หวังหลินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามักจะเคารพพี่จ้างอยู่เสมอศิษย์พี่จ้างคือหนึ่งศิษย์สายในไม่กี่คนในสำนักที่ไม่เพียงแต่ไม่เยาะเย้ยเขาแต่กลับส่งเสริมเขาอีก
ขณะนั้น หลิวโม่วเดินเข้ามาหาทั้งสามพร้อมขมวดคิ้วไปด้วย พลันถามขึ้น “จ้างเต๋อคุนเราไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้วและในที่สุดเจ้าก็เข้าถึงระดับหกเจ้ายังจำสัญญาเมื่อสิบปีก่อนได้ไหม?”
สายตาพี่จ้างหรี่ลง เขาจ้องหลิวโม่วและพูดขึ้น “แน่นอน ข้าจำได้”
หลิวโม่วถอนหายใจเขานั่งลงถัดจากหวังหลินจากนั้นตบบ่าหวังหลินพลันพูดขึ้นมา “หวังหลินสำนักเหิงยั่วหลงเหลือแต่เพียงชื่อ ข้าขอพูดอะไรน่าเกลียดสักหน่อยถ้าเจ้ายังอยู่สำนักซวนต้าว เจ้าคงมีอนาคตที่ดีกว่ามาที่นี่กับพวกเรา”
พูดเช่นนั้น เขายิ้มอย่างขมขื่นไปที่ศิษย์พี่จ้างและพูดอีก ”จ้างเต๋อคุนเจ้ายังปากแข็งเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนคำสัญญาสิบปีก่อนจะเป็นเช่นไรได้เมื่อสำนักไม่เหลืออยู่อีกแล้ว? เฮ้ออ”
หวังหลินมองที่หลิวโม่ว เขาเคลื่อนไหล่ให้ออกจากมือลิ่วโม่วและพูดขึ้น “พี่อาวุโสลิ่วโม่วก็ยังไม่อยู่ที่สำนักซวนต้าวไม่ใช่หรือ?”
หลิ่วโม่วส่ายหัวและพูดขึ้น “อย่าเรียกข้าพี่อาวุโส ตามกฎแล้วข้าควรจะเรียกเจ้าว่าพี่อาวุโส ฮี่ฮี่ถ้าข้าอยู่ที่นั่นข้าคงไม่มีอนาคตหรอกเพราะว่าข้าหาเรื่องไว้กับคนมากมายในสำนักซวนต้าว”
จ้างเต๋อคุนพูดอย่างเยือกเย็น “ไม่เพียงแต่เจ้าหาเรื่องกับคนสำนักซวนต้าว เจ้ายังหาเรื่องกับคนสำนักเหิงยั่วอีกมากมายด้วย”
หลิวโม่วยกหัวขึ้น เขามองไปที่จ้างเต๋อคุนและถอนหายใจ “น้องจ้างก่อนที่ข้าจะได้เป็นศิษย์หลักข้าเป็นคนที่ทุกคนเกลียดมากที่สุดแต่นั่นก็ผ่านมาแล้วพูดเรื่องนี้จะมีประโยชน์อันใด? ก่อนหน้านี้มีเพียงหนึ่งตำแหน่งในศิษย์หลักเท่านั้นในปีนั้นข้าขอแสดงความเสียใจต่อเจ้าด้วย น้องจ้าง”
ใบหน้าจ้างเต๋อคุณเหลือแต่ความเยือกเย็นและเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างการประลองเพื่อคัดเลือกตำแหน่งศิษย์หลักในปีนั้นเขาได้ทำความสัมพันธ์กับหลิวโม่วแตกสลาย ก่อนการต่อสู้หลิวโม่วได้ปรากฎตัวขึ้นและทำให้เขาบาดเจ็บด้วยเหตุนั้นเขาถึงพ่ายแพ้การประลอง
หลิวโม่วบอกเขาตอนนั้นว่าเขาไม่มั่นใจในการชนะ จากนั้นจ้างเต๋อคุณจึงหาหลิวโม่วเพื่อจะประลองกันอีกครั้งในอีกสิบปี
หลิวโม่วพูดอย่างตรงไปตรงมา “น้องจ้างข้าทำดีที่สุดแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนแต่ตอนนี้สำนักตกอยู่ในความยากลำบากดังนั้นศิษย์สายในควรจะจัดอันดับด้วยกันลืมเรื่องศิษย์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับห้า ระหว่างเราสี่คนฮวงต้าชานอยู่ระดับห้า จ้างเต๋อคุนอยู่ระดับหก และข้าอยู่ระดับแปดแล้วเจ้าอยู่ระดับเท่าไหร่หวังหลิน?”
หวังหลินเห็นทุกคนกำลังมองมาที่เขา จึงครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นตอบตรงๆ “ระดับสิบสี่ขั้นรวบรวมลมปราณ”
ขณะที่ได้ยินประโยคที่เขาพูดจบสามคนถัดจากเขาเต็มไปด้วยความตกใจในลมหายใจเย็นเฉียบพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าหวังหลินแข็งแกร่งแต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ปากหลิวโม่วแห้งผาก เขายิ้มขึ้นและพูดออกมา “ยินดีด้วยพี่อาวุโสหวังในไม่ช้าท่านก็จะเข้าถึงขั้นสร้างลำต้นแล้วเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะเรียกท่านเป็นผู้อาวุโส”
จ้างเต๋อคุนมองหวังหลินอย่างลึกล้ำและครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจออกมา ขณะที่สายตาฮวงต้าชานหรี่ลง
ศิษย์สายในคนอื่นรอบๆได้สังเกตทั้งสี่คนมีไม่กี่คนที่ประสาทหูอันแหลมคมได้ยินที่หวังหลินพูดขึ้นสายตาพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความเคารพมากกว่าเดิม
หลิวโม่วสูดหายใจลึกและพูดขึ้น “พี่อาวุโสหวังหลินตอนนี้เราเป็นศิษย์สำนักเหิงยั่วอันดับต้นๆ ท่านจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ข้าเป็นศิษย์อันดับสอง จ้างเต๋อคุนเป็นอันดับสามและฮวงต้าชานเป็นอันดับสี่พวกเราควรจะแบ่งปันประสบการณ์และสร้างกลุ่มขึ้นมา ท่านคิดเช่นไร?”
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ฮวงต้าชานรีบพูดทันที “ศิษย์พี่ลำดับสองพูดถูกต้อง แต่ว่ามันควรจะเป็นเช่นไรดี?”
จ้างเต๋อคุนครุ่นคิดเล็กน้อย เขาพยักหน้าและถามออกมา “ควรจะมีผู้นำในเหล่าศิษย์สายในนี่จะช่วยให้เหล่าผู้อาวุโสและทำให้พวกท่านกังวลน้อยลง”
เมื่อหวังหลินเห็นอีกสองคนตกลงเรียบร้อย เขาจึงพยักหน้าเป็นเชิงตกลงเช่นกัน เขาไม่ได้กังวลมากนักเพราะว่าเขามีแผนอื่นแล้ว
ขณะนั้น หลิวเหวินจวี่และหญิงชราได้ลืมตาขึ้น