Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 652

Cover Renegade Immortal 1

652. หลอมองครักษ์เทพ

“เทียนหยุนชุดเทา น่าสนใจ!” หวังหลินเผยรอยยิ้มมืดมน เขาใช้สัมผัสวิญญาณจับจ้องไปบนตู้เจี้ยนก่อนหน้านี้แล้วและดูไม่เหมือนว่าเขากำลังโกหก

“อาจารย์ ท่านต้องมีความลับมากมายแน่…” ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ

“มีความลับมากมายจนทำให้ศิษย์คนนี้ต้องสงบจิตใจ ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถพักอยู่ที่ดาวเทียนหยุนได้อีกต่อไป หากข้ายังอยู่ที่นี่ ข้าอาจจะถูกกลืนกินเข้าสักวันเมื่อข้าไปล่วงรู้ความลับของอาจารย์เข้า!” หวังหลินสูดหายใจลึก เขาคิดในใจว่าจะหนีออกจากดาวเทียนหยุนให้เร็วๆ

“หลังออกไปจากดินแดนวิญญาณปิศาจแห่งนี้แล้ว ข้าจะหลอมรวมเข้ากับร่างดั้งเดิมและจากไปทันที น้ำในดาวเทียนหยุนล้ำลึกเกินไปสำหรับข้า!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆและถอนหายใจ

“ข้ายังไม่มั่นใจนักว่าจะออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่”

หลังตู้เจี้ยนบอกความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับหวังหลิน เขาจึงมองหวังหลินอย่างระมัดระวัง เขาเห็นสีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดกับสิ่งที่ตู้เจี้ยนพึ่งพูดออกไป

ตู้เจี้ยนพ่นลมหายใจ สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือหวังหลินไม่เชื่อเขา นอกจากนั้นแล้วเรื่องนี้ประหลาดเกินไป เขามองไปที่รอยร้าวและสับสน

“ที่นี่มันที่ไหนกันแน่?” ตู้เจี้ยนมองรอยร้าวที่กำลังเปิดอยู่ ดวงตาเผยร่องรอยแห่งความหวาดกลัว ความรู้สึกที่วิญญาณดั้งเดิมถูกดูดออกไปจากร่างเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืมอีกเลย

เขามองกระบี่สมบัติเจ็ดเล่มที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ พลังดั้งเดิมของหวังหลินห่อหุ้มรอบๆกระบี่และมีสายฟ้าเชื่อมต่อกระบี่เข้าไว้ด้วยกัน

“นี่ต้องเป็นถ้ำลับของหวังหลินแน่ คนคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม ดังนั้นข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ แต่โชคร้ายนักที่ระดับบ่มเพาะของข้าไม่เพียงพอ หาก…หากข้าบรรลุขั้นเทวะได้หล่ะก็!!” ตู้เจี้ยนก้าวสู่ขั้นเทวะได้ครึ่งก้าวไปแล้ว แต่เขายังไม่ยอมก้าวไปขั้นสุดท้ายและเผชิญหน้ากับบททดสอบแห่งชีวิตและความตาย

แต่ภายใต้อันตรายเช่นนี้ เขากัดฟันแน่น แม้ดวงวิญญาณดั้งเดิมจะถูกผนึก เขามั่นใจว่าจะสามารถเป็นอิสระได้โดยการยืมพลังจากการทะลวงด่านขั้นเทวะ

“สำเร็จขั้นเทวะหมายถึงโอกาสรอด แต่ล้มเหลวเท่ากับตาย แทนที่จะรอความตายอยู่ที่นี่ ให้ข้าเดิมพันเสียดีกว่า!” ดวงตาตู้เจี้ยนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นย

ความมุ่งมั่นเช่นนี้หาได้ยากนักสำหรับเขา แต่ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวเอง สายตาเย็นชาของหวังหลินก็ตกลงมา ราวกับน้ำเย็นราดไปบนศีรษะซึ่งทำให้ความมุ่งมั่นของเขาสลายหายไปทันที

หวังหลินสะบัดแขนขวา กระบี่เจ็ดเล่มที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศพลันลอยเข้าหาฝ่ามือ หวังหลินเก็บพวกมันใส่กระเป๋า

“หวัง…หวังหลิน…” รูม่านตาของตู้เจี้ยนหดลง

หวังหลินกล่าว “ข้าจะให้โอกาสเจ้าบรรลุขั้นเทวะ หากเจ้าสำเร็จข้าจะให้โชคกับเจ้า!”

ตู้เจี้ยนขบคิด เขาไม่ได้ถามว่าโชคนั้นคืออะไร ในใจชัดเจนแล้วว่าหวังหลินไม่ปล่อยเขาไปแน่ หลังจากนั้นสักพักเขาก็มองหวังหลินและกล่าวขึ้น “สุภาพบุรุษรักษาคำพูดตนเอง!”

หวังหลินพยักหน้าอย่างเงียบงัน

ตู้เจี้ยนพลันหลับตา ระดับบ่มเพาะของหวังหลินสูงส่งมากกว่าเขาและสามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆดังนั้นไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องนี้ให้เป็นปัญหา แม้เขาจะสงสัยแต่ในจังหวะเป็นตายนั้นเขาก็ไม่มีเวลาอะไรให้คิดอยู่แล้ว

“ข้าจะเดิมพันสักครั้ง!”

ตู้เจี้ยนสูดหายใจพร้อมกับสัมผัสเขตแดนที่สมบูรณ์ของตัวเองและก้าวสู้ขั้นสุดท้าย! ดวงวิญญาณดั้งเดิมค่อยๆออกมาจากร่างกาย พลังงานรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นและสลายผนึกในวิญญาณได้ง่ายๆ

สายตาหวังหลินส่องสว่างพลันจ้องตู้เจี้ยนและขบคิด เหตุผลที่เขาปล่อยให้ตู้เจี้ยนบรรลุขั้นเทวะก็เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสสำเร็จในการสร้างองครักษ์เทพของเขา!

หวังหลินไม่ลืมรายละเอียดองครักษ์เทพจากหินหยก ความจริงแล้วตอนที่เขาจับตู้เจี้ยนนั้นเขาได้ตัดสินใจหลอมคนผู้นี้ให้กลายเป็นองครักษ์เทพระดับต่ำไว้แล้ว

แม้โอกาสความสำเร็จจะต่ำมากเกินไป แต่หากสำเร็จได้เขาจะสร้างคนที่มีระดับคล้ายกับเซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดซึ่งอีกเพียงก้าวเดียวจะเข้าสู่ด่านหยินหยาง นี่เป็นสิ่งหล่อตาล่อใจหวังหลินเป็นอย่างยิ่ง

หินหยกยังให้ข้อมูลเบื้องต้นวิชาบางอย่างที่องครักษ์เทพสามารถใช้ได้เท่านั้น เมื่อพวกมันใช้ขึ้นมา วิชาเหล่านั้นจะเป็นวิชาที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

หากตู้เจี้ยนไม่ได้ตอแยเขาก็คงดีไป หวังหลินคงไม่เลือกเขามาหลอมให้กลายเป็นองครักษ์เทพ แต่ว่าตู้เจี้ยนกลับเผยจิตสังหารต่อหวังหลิน จึงไม่มีทางที่หวังหลินจะปล่อยเขาไป

“หากเจ้าล้มเหลวและเสียชีวิตบนเส้นทางแห่งเต๋า ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นเซียนที่คู่ควรกับความตาย หากเจ้าสำเร็จ ข้าจะให้โชคลาภอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว!”

การฝึกเซียนของตู้เจี้ยนคือเดินทางความต้องการแห่งสวรรค์ ไม่เหมือนหวังหลินผู้ฝืนลิขิตสวรรค์ เวลาค่อยๆผ่านไปและพลังดั้งเดิมแห่งสวรรค์ในร่างกายก็รุนแรงยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ไม่นานนักวิญญาณดั้งเดิมก็ลอยออกมาและเริ่มหลอมรวมกับพลังดั้งเดิมแห่งสวรรค์

ผ่านไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงและยังไม่มีสิ่งใดผิดปกติในวิญญาณของตู้เจี้ยน สิ่งนี้ทำให้ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมา

การผสานวิญญาณดั้งเดิมของตู้เจี้ยนกินเวลาสามวัน ท้ายที่สุดขณะที่พลังดั้งเดิมแห่งสวรรค์กำลังจะผสานเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมของตู้เจี้ยนก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น เกิดการสั่นสะเทือนเล็กๆได้จุดปะทุเพลิงดั้งเดิมทันที การปรากฏตัวของเพลิงในทันทีนั้นดูเหมือนมันต้องการเผาไหมไปทั้งดวงวิญญาณ

ตู้เจี้ยนเผยอาการดิ้นรนอย่างเจ็บปวด หวังหลินขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าวิญญาณของตู้เจี้ยนกำลังเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน เขาจึงก้าวเท้าทันที ยื่นมือเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมของตู้เจี้ยนตรงๆ

ในชั่วจังหวะที่ยื่นมือเข้าไปนั้น เพลิงดั้งเดิมดูเหมือนได้พบรูที่กำลังเปิดออกมา มันพุ่งเข้าไปในร่างหวังหลินผ่านมือขวาและตรงเข้าหาวิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน

เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินก็ถูกล้อมรอบด้วยเพลิงดั้งเดิม ทว่าไม่เพียงแต่วิญญาณหวังหลินไม่ไหม้เท่านั้น แต่วิญญาณของเขายังเกิดความรู้สึกสบายอย่างยิ่งอีกด้วย

เมื่อวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินเคลื่อนไหว สายฟ้าจำนวนมากก็ออกมาจากภายใน สายฟ้าเคลื่อนไหวภายในเปลวไฟทำให้เกิดเหตุการณ์แห่งเพลิงและสายฟ้าไปพร้อมกัน!

วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินดูดเพลิงและสายฟ้าเข้าไปทั้งหมดทำให้พวกมันเลือนหายทันที พลังดึงดูดนั้นปรากฏในฝ่ามือขวาหวังหลินด้วยและเพลิงดั้งเดิมจำนวนมากจากร่างตู้เจี้ยนก็ถูกดูดเข้าไปในหวังหลิน

หลังจากวิญญาณดั้งเดิมของตู้เจี้ยนไม่มีความอันตรายจากการถูกเผาไหม้แล้ว หวังหลินจึงถอนมือขวาออกมาทันที เขาก้าวถอยหลังและเริ่มควบคุมวิญญาณดั้งเดิมให้ดูดซับเพลิงดั้งเดิมนั้น

วิญญาณดั้งเดิมของตู้เจี้ยนดูอ่อนแอลงขณะที่ค่อยๆผสานกับพลังดั้งเดิมที่เหลืออยู่น้อยนิดได้อย่างสมบูรณ์ เขาเสียพลังดั้งเดิมไปจำนวนมาก ดังนั้นแม้จะสำเร็จและบรรลุขั้นเทวะ เขาก็คงติดอยู่ขั้นนี้ไปตลอดกาล มีเพียงทางเดียวที่เขาจะเลื่อนไปสูงกว่านี้ได้คือเจอโชคเพื่อที่ฟื้นฟูพลังดั้งเดิมได้

อีกกว่าสิบวันผ่านไป วิญญาณดั้งเดิมและพลังดั้งเดิมก็ผสานกลายเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ วิญญาณดั้งเดิมค่อยๆเชื่อมกลับเข้าสู่ร่างกายและกลิ่นอายขั้นเทวะพลันปรากฏขึ้นมาทันที เขาลืมตาขั้นเผยสายตาอันซับซ้อนยิ่ง!

เขารู้ว่าได้ล้มเหลวในช่วงการกำลังบรรลุขั้นเทวะและเป็นหวังหลินที่ช่วยชีวิต ตอนนี้มีความคิดไหลผ่านจิตใจอยู่จำนวนมาก หลังผ่านไปสักพักตู้เจี้ยนจึงถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะบรรลุขั้นเทวะได้แล้วแต่เขาอ่อนแอที่สุดในบรรดาเซียนขั้นเทวะและไร้อำนาจในการต่อต้านหวังหลิน

“เจ้าจะให้โชคลาภอะไรกับข้า..” ตอนนี้ความรู้สึกของตู้เจี้ยนต่อหวังหลินถือว่าซับซ้อนอย่างยิ่ง มีทั้งความเกลียดชังและความขอบคุณ มีทั้งความเสียใจและความหวาดกลัว

หวังหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ปรับแต่งร่างกายและเปลี่ยนวิญญาณดั้งเดิมผ่านพิธีกรรมลับ นี่จะทำให้เจ้ามีโอกาสในการบรรลุขั้นเทวะระดับปลายที่อีกครึ่งก้าวจะสู่ขั้นหยินหยาง!”

หัวใจตู้เจี้ยนเต้นกระดอนและถามอย่างขื่นขม “พิธีกรรมที่ฝืนสวรรค์เช่นนี้นั่นหมายถึงโอกาสล้มเหลวที่สูงยิ่ง ช่างมันเถอะ ข้ามีเรื่องจะถามหนึ่งข้อ ข้าจะมีสติอยู่ใช่ไหม?”

หวังหลินกล่าวด้วยแววตาสื่อความหมายเช่นนั้น “หากเจ้ายังรอดไปอีกพันปี ข้าจะให้อิสระกับเจ้า!” มีเงื่อนไขสำคัญในการหลอมองครักษ์เทพ หากมีการต่อต้านแม้เพียงเล็กน้อย กระบวนการจะล้มเหลวทันที

จักรพรรดิเทพฉิงหลินมีองครักษ์เทพจำนวนมากมาย แต่ว่าคนทั้งหมดที่เขาเลือกมานั้นต่างเป็นคนที่จงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนกับระดับบ่มเพาะอันทรงพลัง ดังนั้นเขาจะไม่กังวลเรื่องเช่นนี้เลย

ในตอนนี้หวังกลินก็กำลังใช้วิธีเดียวกันกับที่จักรพรรดิเทพใช้

ตู้เจี้ยนกันฟันแน่นพร้อมกับมองหวังหลินและพยักหน้า เขารู้ดีว่าโชคชะตาของตนถูกลิขิตเอาไว้แล้ว หากต่อต้านหรือไม่ตกลงก็จะตายทันที เขาสามารถเดิมพันได้อีกครั้งเท่านั้นเพื่อพิธีกรรมที่อาจจะสำเร็จและเดิมพันเพื่อเอาชีวิตรอดไปได้อีกพันปี

เขาไม่มีทางเลือก หากไม่ต้องการตาย นี่คือหนทางเดียวเท่านนั้น

หวังหลินไม่เสียเวลาอีกต่อไป ฝ่ามือสร้างผนึกและเริ่มกระบวนการพิธีกรรม พริบตาเดียวรอยประทับฝ่ามือที่เต็มไปด้วยปราณสวรรค์ก็ปรากฏขึ้น หวังหลินประทับฝ่ามือนั้นลงไประหว่างคิ้วของตู้เจี้ยน

ร่างตู้เจี้ยนสั่นเทา เขาหลับตาลงและนิ่งสนิทไร้การเคลื่อนไหว

หวังหลินมีสายตาเคร่งเครียด กระบวนการสร้างองครักษ์เทพนั้นมีความซับซ้อนอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำให้ผิดพลาดแม้เพียงจุดเดียวได้ ไม่เช่นนั้นมันคือการล้มเหลว

แม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด โอกาสสำเร็จก็ยังไม่สูงพอ แต่หวังหลินไม่มีตัวเลือกอื่นดังนั้นเขาจึงต้องเสี่ยง!

เหตุผลที่เขาเลือกที่จะหลอมองครักษ์เทพเป็นเพราะองครักษ์เทพอาจจะรู้วิชาที่สามารถทำให้เขามีโอกาสออกจากที่นี่ได้!

“หากมันล้มเหลว ข้าคงพยายามใช้เหยาซีเชว่อีกครั้งเท่านั้น!” หวังหลินพ่นพลังงานดั้งเดิมออกมาจากปาก พลังงานเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์นับไม่ถ้วนและร่อนลงบนตู้เจี้ยน

ก้าวแรกของการสร้างองครักษ์เทพคือการปรับแต่งร่างกาย ปรับแต่งร่างกายให้ถึงจุดที่แม้แต่สมบัติวิเศษธรรมดาก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้ เมื่อหวังหลินเห็นขั้นตอนนี้เขาก็คิดถึงเทพโบราณขึ้นมา

ขั้นที่สองคือการเปลี่ยนแปลงวิญญาณดั้งเดิม ให้เปิดวิญญาณดั้งเดิมขึ้นมาและบดมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นให้ขยายวิญญาณดั้งเดิมออกมาให้มากที่สุดก่อนจะเก็บมันกลับเข้าร่างกาย ร่างกายจะไม่มีวิญญาณต้นกำเนิดแต่จะมีดวงวิญญาณอยู่ข้างใน

ขั้นที่สามคือการปรับแต่งอวัยวะ แยกอวัยวะทุกสิ่งในร่างกายออกมาจนไม่ให้มันมีพลังปราณสวรรค์หล่อเลี้ยงอีก วิธีนี้คือการแยกร่างออกจากประสาทสัมผัสทั้งห้าและจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด

ขั้นสุดท้ายคือการกวาดล้างสัมผัสวิญญาณออกไปแต่ยังประคองสติปัญญาเอาไว้ วิธีการนี้จะทำให้องครักษ์เทพไร้ความรู้สึกแต่ยังสามารถคิดได้ พวกมันจะมีร่างกายทรงพลัง ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกและไร้ความเจ็บปวด พวกมันคือหุ่นเชิดที่จะไม่มีวันบึ้งตึงแม้จะถูกตัดศีรษะออกไป

นี่คือองครักษ์เทพ!

สมบัติมนุษย์ที่จักรพรรดิเทพฉิงหลินสร้างขึ้นมาเลียนแบบเทพโบราณ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!