Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 710

Cover Renegade Immortal 1

710. ความสัมพันธ์

ดาวเคราะห์อำนาจทั้งห้าแห่งในขอบเขตเหนือของดาราจักรทุกชั้นฟ้าต่างก็มีดาวเคราะห์เซียนอยู่ภายใต้มากมาย มีตระกูลเซียนหลายตระกูลบนดาวเคราะห์เซียนพวกนี้ด้วย หวังหลินนั่งอยู่บนหลังอสูรสายฟ้าและพุ่งตรงไปที่ตระกูลเฉียน

เหล่าเซียนระดับสองของตระกูลเฉียนได้หายตัวไปเพื่อปิดด่านฝึกตนเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตระกูลจึงถูกเฉียนกุ้ยซื่อจัดการ ตอนที่หวังหลินเข้ามาในดาวพันมายา เฉียนกุ้ยซื่อรับรู้ได้ทันที

ตอนที่เขาเห็นหวังหลินมาพร้อมกับอสูรสายฟ้า เขามั่นใจว่าสิ่งที่บรรพชนตระกูลฮวนเอ่ยไว้เป็นเรื่องโกหก คนผู้นี้เป็นผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีโดยไม่ต้องสงสัย

เมื่อคิดถึงสมบัติและวิชาอันทรงพลังที่คนผู้นี้แสดงไว้เมื่อเจ็ดสิบปีก่อนในการต่อสู้กับบรรพชนตระกูลฮวน จิตใจของเฉียนกุ้ยซื่อก็สั่นสะท้าน

“ผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนี บรรพชนตระกูลเฉียนของข้าได้ตายไปในแดนสวรรค์อัสนีไม่กี่พันปีก่อน ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ทุกคนจำเป็นต้องพึ่งพาผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีเพื่อเอาตัวรอด เว้นแต่จะมีตระกูลเก่าแก่…” เฉียนกุ้ยซื่อลังเล ตอนนี้เขาตัดสินใจจะพัฒนาตระกูลเฉียนอย่างมุ่งมั่น

“โชคร้ายนัก เซียนระดับสองในตระกูลทั้งหมดต่างปิดด่านฝึกตน ข้าไม่สามารถไปรบกวนพวกเขาได้ ไม่เช่นนั้นคงต้องมีเรื่องมาถกเถียงกัน”

ขณะที่เฉียนกุ้ยซื่อกำลังลังเล หวังหลินมุ่งหน้ามาหาเมืองของตระกูลเฉียนโดยยังอยู่บนอสูรสายฟ้า

เมืองตระกูลเฉียนใหญ่มาก ใหญ่มากกว่าของตระกูลฮวนหลายเท่า นอกจากนั้นแล้วตระกูลเฉียนเองก็เป็นตระกูลอันดับหนึ่งบนดาวพันมายา

เฉียนกุ้ยซื่อและเซียนบางส่วนของตระกูลฮวนรีบออกมาต้อนรับหวังหลิน

แม้ว่าระดับบ่มเพาะของเฉียนกุ้ยซื่อมีมากกว่าหวังหลิน สถานะของผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีถือว่าสูงส่งเทียมสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าขัดใจด้วย

หวังหลินมองไปยังเซียนของตระกูลเฉียน ท้ายที่สุดสายตาตกลงบนเฉียนกุ้ยซื่อและเอ่ยออกมา “ผู้อาวุโสเฉียนกุ้ยซื่อ ไม่เจอกันนานทีเดียว”

เฉียนกุ้ยซื่อหัวเราะ “ข้าไม่กล้าถูกเรียกว่าผู้อาวุโส สถานะของผู้ส่งสาส์นคือคนชั้นสูง และระดับบ่มเพาะของข้าแค่สูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น มาพูดกันฉันท์สหายเถอะ”

ขณะที่เฉียนกุยซื่อเอ่ยอย่างสงบนิ่งแต่จิตใจตื่นตะลึง จากสิ่งที่เขาเห็น คนผู้นี้เลื่อนระดับจากขั้นเทวะระดับต้นมาสู่ขั้นเทวะระดับปลายในเวลาน้อยกว่าร้อยปี แม้ว่าเขายังคงอยู่ในขั้นแรก ความเร็วนี้นับว่าน่าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

มีเพียงวิธีการบ่มเพาะอันหลากหลายของอารามเทพอัสนีเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ได้

สิ่งที่เฉียนกุ้ยซื่อตกใจมากที่สุดคืออสูรสายฟ้าที่อยู่ใต้หวังหลิน อสูรตัวนี้ดุดันมากขึ้นและเมื่อสายตาของมันมองมาที่เฉียนกุ้ยซื่อ เขารู้สึกว่ากำลังเผชิญกับเซียนที่มีระดับเดียวกันกับเขา

เฉียนกุ้ยซื่อคิดขึ้นมา “ตอนนั้นข้าคิดว่าคนผู้นี้มีสถานะสูงส่งในอารามเทพอัสนี ดูเหมือนการคาดเดาของข้าเป็นจริงถึงเจ็ดในสิบส่วน!”

หวังหลินยิ้มเบาบาง “นั่นนับว่าดี สหายเซียนเฉียนกุ้ยซื่อ ข้ามาที่นี่เพื่อขอผลทะยานสวรรค์บางส่วน”

เฉียนกุ้ยซื่อขบคิดเงียบๆเล็กน้อย แม้ว่าผลทะยานสวรรค์จะสำคัญมากในการเข้าแดนสวรรค์อัสนี การสนับสนุนผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีนับว่าสำคัญมากกว่า

สิ่งที่เขาลังเลมีอย่างเดียวคือการพัฒนาในอนาคตของคนผู้นี้ ต้องกล่าวว่าในดาราจักรทุกชั้นฟ้า เมื่อตระกูลหนึ่งถูกได้รับการสนับสนุนจากผู้ส่งสาส์น พวกเขาไม่สามารถถูกคนอื่นสนับสนุนเลยจนกระทั่งผู้ส่งสาส์นคนนั้นตาย

“ด้วยทรัพยากรของตระกูลเซียน เราสามารถพาให้ผู้ส่งสาส์นบรรลุระดับขั้นสองได้ อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ส่งสาส์นระดับขั้นสองพวกนั้นช่างโอหังเกินไป การได้รับการสนับสนุนจำเป็นต้องมีทรัพยากรจำนวนมากมาย ระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้ยังขาดอยู่บ้างแต่ผลประโยชน์ในอนาคตนับว่าไร้ขีดจำกัด แม้นี่มันเป็นเพียงแค่การเดิมพัน หากข้าเดิมพันได้ถูกต้อง…” เฉียนกุ้ยซื่อเริ่มลังเล

ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า หากตระกูลหนึ่งไม่ได้ถูกผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีสนับสนุนขึ้นมา นั่นหมายถึงพวกเขาสูญเสียการป้องกันของอารามเทพอัสนี ผลที่ตามมาถือว่าเป็นเรื่องน่าวิตกมากนัก

อารามเทพอัสนีคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่ห่อหุ้มดาราจักรทุฟชั้นฟ้า วิธีการควบคุมดาราจักรแห่งนี้ดั้งเดิมและแตกต่างอย่างมากจากวิธีการที่พันธมิตรเซียนควบคุมดาราจักรพันธมิตรเซียน

ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า อารามเทพอัสนีมีจำนวนผู้ส่งสาส์นไม่เคยเปลี่ยน มันมักจะมี 99 คนมาเสมอ

ผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีทั้ง 99 คนนั้นแต่ละคนมีตระกูลเซียนจำนวนมากที่พึ่งพาพวกเขา ยอมให้พัฒนากองกำลังของตนเองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดาราจักรทุกชั้นฟ้า

กองกำลังของผู้ส่งสาส์นเต๋าสายฟ้าไม่ได้อยู่ขอบเขตทางเหนือและเขามาที่นี่เพียงเพราะได้รับคำสั่งให้ทำการสอบสวน เนื่องจากเขามีความมั่นใจของตนเองจึงมาคนเดียวและผลลัพธ์จึงทำให้เขาตกอยู่ในความพินาศ

หากหวังหลินและผู้ส่งสาส์นเต๋าสายฟ้าได้ต่อสู้กันในดาวเคราะห์ที่มีอิทธิพลของผู้ส่งสาส์นคนนั้น หวังหลินคงตายโดยไม่ต้องสงสัย!

เฉียนกุ้ยซื่อขบคิดอยู่นานแต่หวังหลินไม่ได้เร่งรีบและรอคอยอย่างเงียบเชียบ เขาไม่รู้ว่าเฉียนกุ้ยซื่อกำลังคิดอะไร ความจริงแล้วสิ่งที่เฉียนกุ้ยซื่อคิดไม่มีอะไรเกี่ยวกับผลทะยานสวรรค์เลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนกุ้ยซื่อถอนหายใจ คำพูดของบรรพชนตระกูลฮวนยังคงดังก้องในสองหูเขา เขาลังเลก่อนจะเอ่ยออกมา “ท่านผู้ส่งสาส์น ตระกูลเฉียนของข้ามีผลทะยานสวรรค์จำนวนมากและเราสามารถให้ท่านครึ่งนึงเพื่อเป็นของขวัญ ทว่าข้ามีเรื่องขอร้องที่หวังว่าท่านผู้ส่งสาส์นจะตกลง”

หวังหลินเอ่ยด้วยสายตาสงบนิ่ง “กล่าวมา”

เฉียนกุ้ยซื่อมองไปที่หวังหลินและเอ่ยอีก “ข้าอยากเห็นเครื่องหมายของผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนี!” สายตาเขาขมวดเข้าด้วยกัน หากคนผู้นี้ไม่สามารถนำเครื่องหมายออกมาได้นั่นแปลว่าเขาเป็นตัวปลอม แต่หากเขาเอาออกมาได้…เฉียนกุ้ยซื่อจะทำการตัดสินใจ

หวังหลินมองเฉียนกุ้ยซื่ออย่างเยือกเย็น พลันตบกระเป๋าโดยไม่เสียเวลาและนำหินหยกของผู้ส่งสาส์นเต๋าสายฟ้าออกมา สายฟ้าระเบิดออกมาจากหินหยกทันทีและมีอำนาจแห่งสายฟ้าแพร่กระจาย

เฉียนกุ้ยซื่อเคยเห็นเครื่องหมายของผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีมาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะที่เขาเห็นเครื่องหมายและรู้สึกถึงอำนาจแห่งสายฟ้า สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเป็นเคารพและความสงสัยในใจหายไปทันที

“ท่านผู้ส่งสาส์น ตระกูลเฉียนจะขอทำข้อตกลงกับท่าน เมื่อท่านบรรพลุขั้นหยินหยาง ตระกูลเฉียนจะกลายเป็นคนในบัญชาของท่าน ก่อนที่จะถึงตอนนั้น ตระกูลเฉียนจะทำตามความต้องการของท่านให้ดีที่สุด” แม้ว่าเฉียนกุ้ยซื่อจะไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกแล้ว เรื่องการได้รับการสนับสนุนจากผู้ส่งสาส์นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เขาตัดสินใจรอแทนที่จะอุทิศตัวเองอย่างสมบูรณ์

หวังหลินสีหน้าเช่นเดิมแต่ความคิดแล่นอย่างรวดเร็ว อารามเทพอัสนีดูเหมือนประหลาดไปเล็กน้อย

“การกลายเป็นตระกูลในกองกำลังของข้า…ผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีสามารถพัฒนากองกำลังของตนเอง…” หวังหลินไม่ได้ถามออกไปแต่กลับเอ่ยเบาๆ “ค่อยพูดเรื่องนี้ในอนาคต อันดับแรกนำผลทะยานสวรรค์มาให้ข้า”

เฉียนกุ้ยซื่อลอบถอนหายใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่สนใจข้อตกลงของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เมื่อไม่ได้มอบการสืบทอดสายเลือดของตระกูลออกไป ไม่ถือว่าเป็นตระกูลใต้บัญชาที่แท้จริง

เขาไม่รู้ตัวว่าการตัดสินใจของเขาทำให้ตระกูลเฉียนพลาดโอกาสในการพัฒนาในอนาคต แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนั้น หลังจากได้ยินคำสั่งของหวังหลิน จึงส่งคำสั่งให้กับสมาชิกตระกูลเฉียนออกไป

หลังจากนั้นไม่นาน เซียนผู้หนึ่งจากตระกูลเฉียนปรากฏขึ้นพร้อมกับกระเป๋าใบหนึ่ง เขาส่งมันให้กับเฉียนกุ้ยซื่ออย่างนอบน้อม

เฉียนกุ้ยซื่อโยนกระเป๋าออกไปและเอ่ยขึ้น “ท่านผู้ส่งสาส์น นี่คือผลทะยานสวรรค์ครึ่งหนึ่งที่ตระกูลของเราครอบครองไว้”

หวังหลินตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและจากนั้นพยักหน้า จำนวนของผลทะยานสวรรค์ในกระเป๋าใบนี้มีเท่ากับที่ตระกูลฮวนให้มา แต่มันยังไม่พอสำหรับหวังหลิน

“ขอบคุณมาก!” หลังจากคำนับมือให้กับเฉียนกุ้ยซื่อ หวังหลินตบศีรษะของอสูรสายฟ้า มันส่งเสียงร้องคำรามก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นสายฟ้าหนึ่งสายและเลือนหายออกไป

เฉียนกุ้ยซื่อมองไปที่ลำแสงสายฟ้าที่กำลังจากไปและรู้สึกเสียใจ หากเขามีความมุ่งมั่นมากกว่านี้ก็จะได้รับการสนับสนุนแล้ว…

หวังหลินได้รับผลทะยานสวรรค์เพียงหนึ่งในห้าที่ต้องการเท่านั้น ดังนั้นจึงยังมีอีกมากที่ต้องไป ในช่วงระยะเวลาหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ดาวพันมายาประสบการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก ตระกูลซิ่วได้อพยพไปอย่างลึกลับ

หลังจากออกมาจากดาวพันมายา หลายเดือนต่อไปหวังหลินก็ท่องไปในดินแดนทางเหนือและยืมตัวตนของผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นดาวเซียนดวงเล็กหรือดวงใหญ่ หวังหลินจะไปปรากฏตัวที่นั่น

ข่าวลือหนึ่งกล่าวกันว่ามีผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีคนหนึ่งกำลังมีคำขอผลทะยานสวรรค์ขึ้นมา ทว่าเรื่องนี้ได้ถูกหวังหลินระดับไว้อย่างรวดเร็วเนื่องจากสถานะของผู้ส่งสาส์น ข่าวลือจึงเล่ากันในหมู่ตระกูลเซียนเท่านั้น

ตระกูลเซียนจำนวนมากไม่เคยพบเจอผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีมาก่อน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงทักทายหวังหลินและต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

เหล่าตระกูลแทบทั้งหมดต่างตกตะลึงในฉายาผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนี ดังนั้นจึงเป็นเช่นเดียวกับตระกูลเฉียน พวกเขาส่งผลทะยานสวรรค์ของตนเองมาให้บางส่วน ท้ายที่สุดเมื่อไหร่ก็ตามที่หวังหลินมาถึง ตระกูลเซียนก็จะส่งผลทะยานสวรรค์ของตนเองออกมาให้ทันที บางตระกูลที่เล็กกว่ากระทั่งขอให้กลายเป็นตระกูลที่อยู่ใต้คำบัญชาของเขา

หลังจากหวังหลินพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขาจึงไม่ยอมรับคำขอเหล่านี้เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่เกินไป เขาไม่ได้มีความบาดหมางกับตระกูลพวกนี้และมีความเสี่ยงมหาศาลเกินไป หากพวกเขากลายเป็นกองกำลังใต้บัญชาและตัวตนถูกเปิดเผยในอนาคต ก็จะทำให้พวกเขาโยงกันได้ง่ายๆ

หลังจากมีประสบการณ์เรื่องนี้ หวังหลินจึงได้รับเบาะแสบางอย่างในการใช้ผลทะยานสวรรค์และทำไมเหล่าตระกูลถึงกลายเป็นตระกูลใต้บัญชาของผู้ส่งสาส์น

ผลทะยานสวรรค์กองพะเนินจนหวังหลินมีมากมายเกินกว่าที่ต้องการ แต่เขายังเก็บรวบรวมพวกมันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นแล้วผลไม้เหล่านี้ยังมีประโยชน์อย่างยิ่งในแดนสวรรค์อัสนีอีกด้วย

ครึ่งปีถัดมาหวังหลินพร้อมกับอสูรสายฟ้าได้ก่อเกิดเป็นลำแสงสายฟ้าหนึ่งสายและพุ่งตรงไปหาดาวหยุนเซีย

ท่ามกลางดวงดาวส่องสว่างมีกลุ่มก๊าซมากมาย สายฟ้ากังกึกก้องออกมาจากอสูรสายฟ้าและหวังหลินเดินทางอย่างรวดเร็วยิ่ง

“หากข้าประสบความสำเร็จในการเดินทางครั้งนี้ เมื่อนั้นธาตุโลหะของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจะเสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นมันก็จะจดจำข้าเป็นเจ้าของ ข้าเพียงไม่รู้ว่ามันจะมีพลังอำนาจอันใด” ความคาดหวังของหวังหลินเริ่มจะเพิ่มขึ้นพร้อมกับที่เขาเหาะเหินไปหาดาวหยุนเซีย

ระหว่างทาง เขานำธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงออกมาและค้นความทรงจำของชายชราที่หลบหนีได้เป็นอย่างดี เขากำลังจดจำวิชาหลบหนีของชายชราไว้ทั้งหมด

วิชาหลบหนีของชายชราคนนี้ได้ทิ้งความประทับใจลึกซึ้งในความทรงจำของหวังหลิน หากไม่ใช่ว่ามีเรื่องหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เขาคงศึกษาพวกมันนานแล้ว

ดาวหยุนเซียค่อยๆใกล้เข้ามา อีกครึ่งเดือน หมอกพิเศษของดาวหยุนเซียก็ได้ปรากฏเบื้องหน้าสายตาหวังหลิน

สายหมอกหนาแน่นมากกว่าครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่

สายฟ้าเข้ามาใกล้และก่อนที่จะเข้าใกล้กว่านี้พลันเกิดเสียงดังสนั่น ดวงตาหวังหลินขมวดเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาสายหมอกหนาแน่น

เสียงคำรามระเบิดออกมาจากสายหมอก เมื่อเสียงคำรามร่อนเข้าไปในหูหวังหลิน มันทำให้ดวงตาส่องสว่างขึ้นทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!