Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 729

Cover Renegade Immortal 1

729. ข้าช่างบัดซบ

เฉินกงฮู่ร้องคำราม ฝ่ามือสั่นเทาเล็กน้อยเนื่องจากบาดเจ็บ แม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาและได้เม็ดยาของอารามเทพอัสนีช่วยยับยั้งอาการบาดเจ็บจนทำให้เขาเพิ่มความสามารถขึ้นสูงสุดในพริบตา มันยังไม่พอที่เขาจะใช้วิชานี้ได้อยู่ดี

เขากัดฟันแน่น แขนขวาตกลงไป ทันใดนั้นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ที่ปรากฏขึ้นมาก็ตกลงมาด้วยอำนาจเหนือจินตนาการ

สีหน้าจางกงเล่ยเปลี่ยนเป็นมืดมน ฝ่ามือรีบสร้างผนึกรวดเร็วและพ่นพลังชีวิตของตัวเองออกมาใส่กระบี่ไม้ กระบี่ไม้เล่มนั้นพลันร้องดังก่อนจะปลดปล่อยปราณกระบี่แข็งแกร่งและพุ่งตรงเข้าใส่สายฟ้าทัฑณ์สวรรค์

ปัง!

เมื่อทั้งสองปะทะกัน เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงกระจายไปทั่วพื้นที่ สายฟ้าพังทลายและกระบี่ไม้กระดอนกลับ พลังดั้งเดิมตกค้างถึงขีดสุดและดาวเคราะห์น้อยมากมายพังทลาย

ร่างกายของจางกงเล่ยสั่นเทาและถอยหลังกลับไปหลายก้าว ใบหน้าซีดขาวจ้องมองเฉินกงฮู่อย่างมัวหมอง เขากำลังโกรธเกรี้ยว ตอนนี้สายตาเต็มไปด้วยเจตนาการสู้เช่นเดียวกัน

เฉินกงฮู่ล่าถอยจนกระทั่งเข้าไปในทะเลสาปสายฟ้าเช่นเดียวกัน โลหิตซึมออกมาจากมุมปาก มองไปที่จางกงเล่ยและยิ้มออกมา “ใบหน้าคล้ายหญิงของเจ้าเตะตาข้าอย่างมาก ไม่คิดว่าเจ้าก็มีวิชาอยู่บ้าง!”

สายตาหวังหลินส่องสว่าง สังเกตการณ์การต่อสู่ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดและได้รับความเข้าใจอยู่บ้างว่าเขาไม่สามารถทนรับการต่อสู้ของวิชาดั้งเดิมขั้นรูปธรรมหยางของทั้งสองคนได้เลยสักครั้ง

อย่างไรก็ตามเขาเห็นปัญหาแล้ว วิชาดั้งเดิมของเฉินกงฮู่ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์แบบ พลังของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ควรจะแข็งแกร่งกว่านี้

นอกจากนั้นหวังหลินยังเคยเห็นโลกของเซียนขั้นที่สาม และก่อนหน้าที่เขาจะก้าวเข้าไปในวงแหวนชั้นใน เขาเห็นสายฟ้าแห่งกฏอันเลือนลาง ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ที่เขาจะเห็นปัญหาในวิชาของเฉินกงฮู่

ปรากฏการณ์เช่นนี้บางครั้งเกิดขึ้นในโลกจอมยุทธของเหล่าคนธรรมดา บางคนที่ไม่รู้วิชายุทธ์แต่ได้อ่านเคล็ดลับมากมายมักจะสามารถชี้จุดบกพร่องได้เพียงแค่เห็นการเคลื่อนไหว

แม้ว่าคนผู้นั้นจะมองทะลุเคล็ดวิชาและชี้จุดออกมาได้ คนผู้นี้อาจจะไม่ได้ใช้มันเอง

หวังหลินตอนนี้อยู่ในสภาวะแบบนี้ ดวงตาส่องสว่างขึ้นมาและเอ่ยออกไป “เฉินกงฮู่ วิชาดั้งเดิมของเจ้าบรรจุพลังอำนาจแห่งสายฟ้าแต่ไม่ใช่วิญญาณแห่งสายฟ้า แม้จิตใจแห่งเต๋าของเจ้าจะผสานเข้ากับมัน มันยังไม่เพียงพอ เจ้ายังขาดความเชื่อแห่งพลังอำนาจสายฟ้า!”

เฉินกงฮู่ตกตะลึง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินประโยคแบบนี้ ผู้นำแห่งอารามเทพอัสนีและผู้อาวุโสในตระกูลต่างก็พูดแบบนี้เช่นเดียวกัน ทว่าเมื่อได้ยินมาจากหวังหลินจึงทำให้เขาเคร่งเครียดและเอ่ยอย่างเคารพ “โปรดชี้ทางให้ข้าด้วย นายท่าน”

ไม่ใช่เพียงแค่เฉินกงฮู่เท่านั้นแต่จางกงเล่ยที่อยู่ห่างออกไปต่างก็ตกตะลึง เขามีแนวโน้มว่าปัญหาที่เขาเจอจะเป็นปัญหาเดียวกันกับที่เฉิงกงฮู่เป็น

ผู้อาวุโสตระกูลจางก็กล่าวเช่นนี้เหมือนกันและเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเข้าใจมันด้วยตัวเอง แม้กระทั่งผู้อาวุโสเองก็ยังไม่เข้าใจมันจริงๆและกำลังค้นคว้า เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะสอนผู้น้อยของตนเองได้อย่างไรหากไม่รู้ว่าสิ่งใดผิดหรือถูก?

หากเป็นเรื่องถูกก็คงดี แต่หากผิดพลาดเล่า….

ไม่มีใครรู้เส้นทางตรงนั้นว่าผิดหรือถูกเมื่อเทียบกับเส้นทางถูกที่แท้จริง นั่นเป็นเพราะมีคนเดียวที่รู้ว่าเส้นทางไหนถูกสำหรับขั้นที่สาม

อย่างไรเสียสำหรับหวังหลินนั้นต่างกัน เขาได้เห็นเส้นทางสู้ขั้นที่สามแล้วดังนั้นจึงรู้ทิศทางไป คนอื่นๆกลัวว่าจะพูดอะไรผิดเพราะหากพวกเขาทำเช่นนั้นก็ไม่มั่นใจว่ามั่นเป็นทางที่ถูกต้อง

แต่กับหวังหลินนั้นเขารู้อยู่แล้วว่าที่เขาเอ่ยขึ้นมาเป็นเส้นทางถูกต้องแน่นอน!

ฉากเหตุการณ์ปัจจุบันแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ทั้งเฉินกงฮู่และจางกงเล่ยที่ต่างต่อสู้กันอย่างดุดเดือดด้วยเจตนาต่อสู้มหาศาล วินาทีถัดมาทั้งคู่ล้มเลิกการต่อสู้แล้วมาเพ่งสมาธิไปที่หวังหลินแทน

สายตาแต่ละคนต่างกัน เฉิงกงฮู่เป็นสายตาเคารพดุจคนตาบอด ขณะที่จางกงเล่ยเต็มไปด้วยความสงสัย

หวังหลินไม่ได้พูดต่อ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ชัดเจน ขณะที่งุนงงสับสน หากเข้าใจพวกเขาก็เข้าใจ ไม่เช่นนั้นหากจำเป็นต้องได้โอกาสอีกพวกเขาจะไม่เข้าใจได้เลย

ขณะกำลังครุ่นคิด หวังหลินยกมือขวาขึ้นมาและบีบอากาศอย่างลวกๆ เส้นสายฟ้าหนึ่งเส้นร่อนไปในฝ่ามือ ในสายตาของเฉินกงฮู่และจางกงเลย พลังนั้นไม่ได้แข็งแกร่ง

ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นถัดมาได้ทำให้ทั้งคู่อ้าปากค้าง ดวงตาหวังหลินปลดปล่อยแสงประหลาดจ้องไปที่สายฟ้าเส้นนั้นและสะบัดแขน เส้นสายฟ้าเลือนหายไปและเหลือทิ้งไว้เพียงแสงกระพริบ!

หลังจากนั้นในเวลาไม่นานนักมันก็พังทลายลงไป หวังหลินหลับตาปกปิดความอ่อนเพลียไว้ หากไม่ใช่สถานการณ์ปัจจุบันที่อันตรายเกินไป เขาคงไม่ต้องลงมือทำแบบนี้

ขณะหลับตา หวังหลินเอ่ยขึ้นช้าๆ “เจ้าเข้าใจไหม?”

“ต้นกำเนิด…กลับคืนสู่ต้นกำเนิด…” ดวงตาเฉินกงฮู่เปล่งประกายส่องสว่าง ร่างกายสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น เขาโค้งตัวให้กับหวังหลินโดยไม่ลังเล ความเคารพเพิ่มพูดขึ้นจนถึงจุดที่แทบจะบูชาได้แล้ว

ทันใดนั้นความเข้าใจของเขาราวกับกระดาษแผ่นบางที่ถูกฉีกขาด ตอนนี้เฉิงกงฮู่กำลังรู้แจ้ง! เขาหันกลับมาหาจางกงเล่ยด้วยดวงตาเปล่งแสงเรืองรองและเอ่ยขึ้น “มาสู้กันอีกครั้ง!”

หนังศีรษะจางกงเล่ยด้านชาและการสังเกตหวังหลินเพิ่มขึ้นถึงจุดขีดสุด เขาไม่สงสัยความคิดบ้าๆในใจของตนเอง เขาก้าวถอยหลังและจากนั้นโค้งให้หวังหลินและเอ่ยอย่างเคารพ “ผู้น้อยนามว่าจางกงเล่ย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสฝึกฝนอยู่ที่นี่จึงได้ไปรบกวนท่านก่อนหน้านี้ และหวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย ผู้น้อยจะขอจากไปเดี๋ยวนี้!”

เขามองเฉินกงฮู่อย่างอิจฉา เข้าใจแล้วว่าทำไมคนเย่อหยิ่งแบบเฉินกงฮู่ถึงได้อยู่ใต้อาณัติอีกฝ่าย

จางกงเล่ยเอ่ยเสียงโทนเข้มคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “ยินดีด้วยน้องเฉินกง!”

เฉินกงฮู่ไม่ได้กล่าวอะไรและมองจางกงเล่ยอย่างเย็นชา

จางกงเล่ยไม่ได้คิดมากและหัวเราะ “น้องเฉินกง ข้าได้รับหนังสืออัญเชิญจากอารามเทพอัสนีแล้ว ในอนาคตเจ้าและข้าจะเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนี!” เขาโค้งคำนับให้กับหวังหลินอีกครั้งก่อนจะหันตัวกลับและกำลังจากไป

เฉินกงฮู่ไม่ได้หยุดเขาแต่สายตาเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง

หวังหลินเอ่ยถามสงบนิ่ง “หนังสืออัญเชิญอันใด?”

เฉินกงฮู่รีบหันกลับมาและเอ่ยอย่างนอบน้อม “หนังสืออัญเชิญคือสัญลักษณ์สื่อสารจากอารามเทพอัสนี ผู้ได้รับเลือกที่จะเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีจะได้รับหนังสืออัญเชิญ”

“สามเดือนก่อนที่แดนสวรรค์อัสนีจะเปิดขึ้น ตำหนักเทพอัสนีจะจัดระเบียบผู้ส่งสาส์น หากมีผู้ส่งสาส์นขาดหายไป ผู้ได้รับเลือกจะเข้าสู่ตำแหน่งนั้นได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยระดับบ่มเพาะของจางกงเล่ย หากไม่มีอุบัติเหตุใด ข้ากลัวว่าเขาจะเอาชนะในครั้งนี้!”

หวังหลินพยักหน้าช้าๆ เขาดูดซับสายฟ้าให้เปลี่ยนไปเป็นพลังดั้งเดิมต่อไปและไม่เอ่ยอะไรขึ้นมาอีก

ดวงตาเฉินกงฮู่เผยความตื่นเต้น เขาได้รับความเข้าใจมาก่อนหน้นี้และตอนนี้จึงนั่งลงในทะเลสาปสายฟ้าเพื่อฝึกฝนทันที

วันเวลาผ่านไปในพริบตา อีกแปดปีผ่านพ้นไป เพิ่มเติมจากสองปีก่อนหน้านี้จึงกลายเป็นเวลาสิบปีกระพริบผ่าน พลังดั้งเดิมในร่างหวังหลินค่อยๆมั่นคงเมื่อดูดซับพลังเข้ามาด้วยการใช้วิชาอัสนีต้นกำเนิด วิญญาณดั้งเดิมของเขาตอนนี้เต็มเปี่ยมและไม่สามารถดูดซับพลังได้อีกแล้ว

หวังหลินรู้ว่าเป็นเพราะระดับบ่มเพาะของเขาไม่สูงส่งเพียงพอ หลังจากเข้าสู่ขั้นที่สองเท่านั้นเขาจึงจะสามารถดูดซับพลังดั้งเดิมได้อีก ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการทะลวงผ่านระดับบ่มเพาะของตนเอง

เขายืนขึ้นและมองไปที่สายฟ้ารอบกาย เวลาสิบปีได้ทำให้เขาเข้าใจสายฟ้าดีขึ้น ราวกับว่าเขาสามารถเห็นสายฟ้าต้นกำเนิดแม้จะคิดว่ามันพร่ามัวเล็กน้อย

ร่างกายเคลื่อนไหวและหวังหลินออกไปจากสายฟ้าชั้นในของทะเลสาปสายฟ้า เขามุ่งมาทางปลายขอบ

เฉินกงฮู่ถูกหวังหลินส่งไปแล้วเมื่อสามปีก่อน แม้ว่าคนผู้นี้จะเคารพนับถือเขาแต่หวังหลินไม่ได้รู้สึกสบายใจ ก่อนที่เฉิงกงฮู่จะไปเขาก็ทิ้งหินหยกข้อความไว้ด้วย

อสูรสายฟ้าเขาเงินโผล่ออกมา หวังหลินนั่งบนหลังอสูรสายฟ้าและทั้งคู่เปลี่ยนเป็นลำแสงสายฟ้าลอยออกไปจากที่แห่งนี้ องครักษ์เทพกลับกลายเป็นเงาของหวังหลินอีกครา

เนื่องจากการดูดซับสายฟ้าจากทะเลสาปสายฟ้าเป็นเวลาสิบปี ความเร็วของอสูรสายฟ้าจึงเพิ่มขึ้น มันพุ่งตัวออกไปจากกลุ่มดาวเคราะห์และหายตัวไปท่ามกลางดวงดาว

หวังหลินรรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าแล้ว ไม่เพียงแต่วิญญาณข้างในสามดวงจะไม่ได้รับผลกระทบ พวกเขาดูสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าก่อนเสียอีก

“ข้าต้องไปแดนสวรรค์อัสนีที่จะเปิดขึ้นในอีกยี่สิบปี อย่างไรเสียตอนนี้ข้าจะเป็นต้องหาที่ซ่อนเพื่อเพิ่มระดับบ่มเพาะ อีกทั้งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของลูกปัด ข้าไม่จำเป็นต้องใช้พลังของห้าธาตุอีกแล้ว ดังนั้นตอนนี้มันต้องการอะไร?” หวังหลินเริ่มขบคิดเมื่ออยู่บนหลังอสูรสายฟ้า

ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าถูกแยกออกเป็นระหว่างหยินและหยาง ทั้งสองไม่ได้ผสานกันซึ่งทำให้หวังหลินงุนงง

“ดวงอาทิตย์และพระจันทร์ หยินและหยาง…” ขณะขบคิด อสูรสายฟ้าก็เหาะเหินผ่านอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาว ผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ หวังหลินตบกระเป๋าปรากฏหินหยกขึ้นในมือ

หินหยกก้อนนี้เป็นสิ่งที่เฉินกงฮู่ทิ้งไว้ให้ มันเป็นแผนที่ดวงดาวที่มีรายละเอียดยิบย่อยของดาราจักรทุกชั้นฟ้าฝั่งทิศใต้ ดังนั้นหวังหินจะไม่หลงทางตราบใดที่เขามีสิ่งนี้

สถานที่เบื้องหน้าเขาถือได้ว่าเป็นเขตทิศใต้ที่รกร้างว่างเปล่า ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่แห้งแล้งไม่มีสิ่งใดพิเศษ นานๆครั้งเซียนทรงพลังถึงจะมาที่นี่

อย่างไรก็ตามมีมนุษย์อาศัยอยู่บนดวงดาวเหล่านี้พร้อมกับบางส่วนเป็นตระกูลเซียนระดับต่ำ

“ในเวลายี่สิบปี ข้าจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในการเดินทางสู่แดนสวรรค์อัสนี อีกทั้งวิชาบางส่วนของข้าจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข หลายวิชาไม่สอดคล้องกับขั้นที่สามที่ข้าเห็น หากข้าใช้พวกมันต่อไป เส้นทางที่ข้าเดินจะผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่น้ำอเวจีจำเป็นต้องรวบรวมวิญญาณอาฆาตให้ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะมีดาวเคราะห์เซียนของตัวเองในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!”

ขณะที่หวังหลินขบคิด ดวงตาส่องสว่างขึ้น เบื้องหน้าเขาคือดาวเคราะห์ไร้ค่าแต่กลับเต็มไปด้วยพลังชีวิต ดังนั้นจึงหมายความว่ามีคนธรรมดาใช้ชีวิตอยู่ในนี้มากมาย เหตุผลที่เขาเลือกที่นี่เป็นเพราะมันคล้ายกับดาวซูซาคุ!

เขาค่อนข้างคิดถึงบ้าน…

หวังหลินกระโดดออกจากอสูรสายฟ้า เจ้าอสูรสายฟ้าร้องไห้อย่างน่าสงสารและอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนกลับไปเป็นราชรถสังหารเทพก่อนจะเข้าไปในกระเป๋าหวังหลิน

ขณะที่เขากำลังจะพุ่งเข้าหาดาวเคราะห์ ทันใดนั้นท่าทางหวังหลินเปลี่ยนไป ข้างในกระเป๋าเกิดความผันผวนแข็งแกร่งขึ้นมาจากในกระบี่สวรรค์ ความผันผวนนี้บรรจุกลิ่นอายทรงพลังและเจตกระบี่โบราณ

“เจตกระบี่บัดซบ ในที่สุดปู่ซิ่วก็พิชิตเจ้าได้แล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้ากลายเป็นวิญญาณกระบี่ที่แท้จริงเสียดี ข้าช่างบัดซบ! ช่างบัดซบ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!