Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 760

Cover Renegade Immortal 1

760. ในที่สุดก็มาถึง

เมื่อเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหลังแสงไฟจางหายก็คือดินแดนต่างถิ่น ท้องฟ้ายังคงมืดมนและเต็มไปด้วยสายฟ้า เพียงแค่ปรายตามองก็ไม่อาจเห็นขุดขอบดินแดนได้

แม้ว่ามันจะไม่คุ้นเคยแต่ยังมีกลิ่นอายคุ้นๆอยู่ ที่นี่ยังอยู่ในแดนสวรรค์อัสนี

‘ลี่หยวนมีพรสวรรค์มากจริงๆ!’ หวังหลินมองออกไปไกล หายากนักที่เขาจะชื่นชมคนอื่น เขาชื่นชมความสามารถของลี่หยวนในการใช้กฏเกณฑ์ได้หลากหลายแบบ

มันจำเป็นต้องมีความรู้ด้านกฏเกณฑ์ถึงจะสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายให้ออกไปจากมิติเก็บของของเทพได้ หวังหลินรู้ว่ามันยากยิ่งถ้าให้เขาทำ

หลังถอนสายตาออกมา หวังหลินยกแขนขึ้นโบกไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านหลัง ค่ายกลหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าผนึกกำปั้นและถูกเก็บใส่ไว้ในกระเป๋า

หวังหลินมองไปรอบๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงเหาะเหินออกไปไกล หลังผ่านไปหลายวันหวังหลินก็ลอบสังเกตพื้นที่ เขาร่อนลงบนภูเขาลูกหนึ่งอย่างระมัดระวังและหลังจากยืนยันได้ว่าใกล้เคียงไม่มีอะไรผิดปกติจึงลงไปใต้พื้นดิน ดำดิ่งลึกลงไปในภูเขา หวังหลินซ่อนกระเป๋าที่เขาเปิดไม่ได้และได้มาจากเหยาซีเชว่เอาไว้

หลังจากวางกฏเกณฑ์เพิ่มอีกไม่กี่อย่าง หวังหลินก็จากไปอย่างระมัดระวัง

มันคงสะดุดตาเกินไปที่เขาจะเก็บกระเป๋าเอาไว้กับตัวและมันไม่ได้ช่วยตามแผนของเขา หลังจากซ่อนเอาไว้ หวังหลินก็เคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินจนกระทั่งออกห่างมาได้ไกลและโผล่ขึ้นมาบนพื้นผิว เขามองกลับไปที่ภูเขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงลอยออกไปไกล

หวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็วและไม่ได้หยุดที่ไหนเลยบนชิ้นส่วนแห่งนี้ ในไม่นานเขาก็มาถึงโซ่ตรวนบนชายขอบชิ้นส่วนแดนสวรรค์และข้ามมันอย่างรวดเร็ว

หลังจากข้ามผ่านโซ่ตรวนสายฟ้าอย่างรอบคอบ หวังหลินก็ได้เห็นชิ้นส่วนอีกแห่งหนึ่ง เขาสูดหายใจลึกและพุ่งลงไปใต้ดิ้นหลังจากมาถึงสถานที่แห่งใหม่ เมื่อพบตำแหน่งได้เขาก็เริ่มวางกฏเกณฑ์ลงไป

ระยะเวลาหนึ่งเดือนแห่งการเดินทางนี้หวังหลินค้นคว้ากฏเกณฑ์ถึงวิธีการซ่อนกลิ่นอายที่ลี่หยวนให้มา กระบวนการค้นคว้าของหวังหลินเป็นไปอย่างรวดเร้วยิ่งเนื่องจากภัยคุกคามของบรรพชนโลหิตกำลังใกล้เข้ามา

เขาไม่สามารถปกปิดตัวเองจากบรรพชนโลหิตได้อย่างสิ้นเชิง หวังหลินสามารถทำให้ตัวเองตรวจพบได้ยากขึ้นเท่านั้น หากตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาคงหาวิธีทางพบเจอ แต่เมื่อรวมกับแผนการปัจจุบันของหวังหลิน มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่เขาจะซ่อนตัวได้จริง

กฏเกณฑ์หลายเส้นสายปรากฏขึ้นรอบตัวก่อเกิดเป็นทรงกลมกฏเกณฑ์หลายลูกและมีหวังหลินนั่งลงด้านใน ขณะที่ทรงกลมกฏเกณฑ์กำลังปิด องครักษ์เทพพลันก้าวออกมา

หวังหลินมององครักษ์เทพด้วยรอยยิ้มน่ากลัว เขาโยนผลึกค่ายกลเคลื่อนย้ายให้องครักษ์เทพและหลับตาอย่างช้าๆ แยกสัมผัสวิญญาณส่วนหนึ่งออกมาจากร่างกายและตรงเข้าไปในองครักษ์เทพ

นี่คือหนึ่งในวิชาขององครักษ์เทพ ซึ่งจะทำให้สัมผัสวิญญาณของผู้สร้างเข้าไปและควบคุมได้

หลังจากเสี้ยววิญญาณดั้งเดิมลอยออกมา หวังหลินเริ่มหลับตา แต่ก่อนที่จะทันได้ปิด กฏเกณฑ์ชิ้นสุดท้ายลอยออกมาจากแขนและผสมเข้ากับทรงกลมกฏเกณฑ์อย่างสมบูรณ์ ทรงกลมหดเล็กลงอย่างรวดเร็วจนเลือนหายไปในแสงกระพริบ

องครักษ์เทพลืมตาขึ้นมา ดวงตาเยือกเย็นคว้าผลึกค่ายกลเคลื่อนย้ายและกลืนกินมันเข้าไปก่อนจะพุ่งตัวออกมาจากใต้พื้นดิน

หวังหลินเคลื่อนไหวร่างกายและรับรู้ความอึดอัดของร่างกายอยู่เล็กน้อย หวังหลินตรวจสอบใต้พื้นดินด้วยสัมผัสวิญญาณแต่เขาไม่สามารถตรวจพบได้ว่าร่างกายอยู่ที่ไหน

“หากข้าไม่มีองครักษ์เทพ ข้าคงไม่สามารถหลอกบรรพชนโลหิตได้ แต่ว่าข้าก็เริ่มไปแล้ว เมื่อเขารู้สังเกตวิญญาณดั้งเดิมในร่างกายนี้ได้ เขาจะไม่สามารถหลีกหนีสิ่งล่อใจได้พ้น”

หวังหลินก้มศีรษะลงมองดูร่างกายตัวเอง เขาพุ่งออกไปไกลราวกับอุกาบาตพร้อมกับแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา หวังหลินดุจแสงสว่างในคืนเดือนมืด หากมีใครสักคนกำลังมองมาที่เขาก็คงจับจ้องได้ทันที

หวังหลินปล่อยให้เหาะเหินระหว่างทางโดยไม่ได้ควบคุม เขากำลังระงับความรู้สึกตั้งแต่ที่มาถึงดาราจักรทุกชั้นฟ้า นอกจากนั้นแล้วเขายังหนีมาที่นี่และพวกเซียนเฒ่าจากดาราจักรพันธมิตรเซียนยังตามล่าเขาได้ตลอดเวลา

ความจริงทั้งหมดทำให้เขาระมัดระวังตัว

แต่ว่าเมื่อบรรพชนโลหิตมาถึงแล้วและรู้ว่าร่างกายนี้แข็งแกร่งแค่ไหน หวังหลินจึงตัดสินใจปล่อยปละความระมัดระวังของตัวเอง แม้ว่าองครักษ์เทพเทียบไม่ได้กับร่างดั้งเดิมของเขา มันก็ยังแข็งแกร่งกว่าเซียนคนใดอีกหลายช่วงหรือกระทั่งเซียนที่ฝึกฝนวิธีการปรับแต่งร่างกาย

ซึ่งเป็นผลทำให้หวังหลินมีกลิ่นอายโอหังเป็นธรรมชาติขณะที่กำลังเหาะเหิน

‘บรรพชนโลหิต!! มาสิ ข้ากำลังรอการมาถึงของเจ้า!’ ดวงตาหวังหลินเย็นเฉียบต้องการเข่นฆ่า!

จิตสังหารของเขาบรรลุถึงระดับขั้นมายาหยินเพราะว่าร่างกายในปัจจุบัน แม้เขาจะเผชิญกับเซียนคนอื่น คนเล่านั้นคงจะลังเลและหลีกเลี่ยง

หังหลินไม่ได้กระทั่งมองหาสมบัติใดๆขณะเหาะเหินอย่างรวดเร็วจากชิ้นส่วนหนึ่งไปอีกชิ้นส่วนหนึ่ง ทุกครั้งที่เขามาถึงชิ้นส่วนแห่งใหม่ เขาจะแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เวลาผ่านไปในพริบตา ห้าเดือนก็ผ่านเลยไป หวังหลินพุ่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเขามีเรื่องสำคัญต้องทำจึงไม่สร้างปัญหา ทว่าหากคนอื่นไร้สายตาและเข้ามามีปัญหาเอง เขาก็ไม่รั้งมือเอาไว้เช่นกัน

ร่างแข็งแกร่งและวิชาจากสัมผัสวิญญาณของหวังหลินทำให้ความแข็งแกร่งของเขาบรรลุระดับสูงสุด ในห้าเดือนที่ผ่านมาหวังหลินจึงได้รับชื่อเสียงในหมู่เซียนที่นี่เพิ่มเล็กน้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของร่างกายที่สามารถเทียบได้กับสมบัติวิเศษซึ่งทำให้เซียนขั้นเทวะหลายคนหลีกเลี่ยงเขาจากระยะสายตา แม้แต่เซียนขั้นมายาหยินก็ยังขมวดคิ้วเลือกจะหลีกทางเขาเช่นเดียวกัน

แต่ว่าหวังหลินไม่ได้เดินทางสุ่มสี่สุ่มห้า เขาเคลื่อนที่ไปชิ้นส่วนใกล้เคียงจุดที่ร่างกายของเขาอยู่ นี่คือขีดจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาและได้ประโยชน์อยู่สองข้อ

อันดับแรกคือเขาไม่ได้เคลื่อนไหวรอบด้านแบบสุ่มและดั้งนั้นจึงไม่พลาดที่เจอเข้ากับบรรพชนโลหิตโดยบังเอิญ เรื่องที่สองคือเขาปกป้องร่างกายตัวเองทางอ้อม หากอยู่ไกลเกินไปและถูกบรรพชนโลหิตพบเข้า เช่นนั้นเขาคงตกอยู่ในฝั่งการป้องกัน

หวังหลินกำลังค้นหาบรรพชนโลหิต ในเวลาเดียวกันบรรพชนโลหิตก็กำลังค้นหาเขา! ทั้งสองเข้ามาหากันใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น…

บรรพชนโลหิตสวมชุดคลุมสีแดงเคลื่อนไหวผ่านความว่างเปล่า หนึ่งก้าวของเขาดุจคล้ายการเคลื่อนที่พริบตาและข้ามผ่านโซ่ตรวนสายฟ้าอย่างรวดเร็วยิ่ง

สีหน้าท่าทางสงบนิ่งราวกับไม่ได้โกรธเคืองอันใด ทว่าดวงตาแดงฉานขึ้นทุกวัน ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา หากสวรรค์พังทลาย อารมณ์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลง แต่กับลูกสาวคนเดียวของเขานั้น เหยาซีเชว่คือจุดอ่อนเพียงจุดเดียว!

เขาอยากจะต่อสู้กับสวรรค์และสังหารทุกสิ่งที่ขวางทางเพื่อลูกสาวของตนเอง แม้เขาต้องเลือกระหว่างลูกสาวและการบรรลุระดับสาม เขาอาจจะดิ้นรนและลังเล แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกลูกสาวตนเอง

ซึ่งเป็นจุดที่เขาแตกต่างจากเทียนหยุนและหลิงเทียนโฮวโดยสิ้นเชิง หากเป็นเทียนหยุนเขาคงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและเลือกระดับสาม!

สำหรับลูกสาวของเขาแล้ว เขาเต็มใจยอมแพ้ศักดิ์ศรีของตัวเอง ยอมแพ้คำสาบานของตัวเองที่ผู้พ่อของเขาทำเอาไว้ว่าไม่ก้าวเข้าไปในดาราจักรทุกชั้นฟ้าแม้แต่ครึ่งก้าว…

‘ท่านพ่อ…ตอนที่ท่านให้ข้ากล่าวคำสาบาน ทำไมท่านถึงทิ้งหินทุกชั้นฟ้าไว้ให้กันเล่า…’ คำถามนี้คงอยู่ในใจบรรพชนโลหิตมาอย่างยาวนาน

บรรพชนโลหิตก้าวเท้าอย่างเยือกเย็นร่อนลงบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ชิ้นหนึ่ง แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาดุจพายุและปกคลุมไปทั่วผืนแผ่นดิน

ทว่าในตอนนี้ใบหน้าเดิมได้เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เขาเงยศีรษะขึ้นอย่างช้าๆมองออกไปไกล ดวงตาเผยจิตสังหารุนแรงเพียงพอที่จะก่อให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง

‘หวังหลิน…’

จิตสังหารของเขาทรงพลังจนภูเขาด้านหน้าได้รับผลกระทบและพังทลายในทันที

ก้อนหินและฝุ่นผงปลิวว่อนไปทุกที่ บรรพชนโลหิตก้าวเท้าและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

จังหวะก่อนที่บรรพชนโลหิตจะก้าวเท้าไปบนชิ้นส่วน หวังหลินเคลื่อนร่างดุจอุกกาบาตบนโซ่ตรวนสายฟ้าบนอีกด้านหนึ่ง ขณะที่เขาพึ่งมาถึงและแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไป ท้องฟ้าพลันมืดมิดและก้อนเมฆสีดำเริ่มรวมตัวกันในท้องฟ้า

แม้กระทั่งชิ้นส่วนแดนสวรรค์ก็เริ่มสั่นเทา

เซียนทั้งหมดบนชิ้นส่วนแห่งนี้รู้สึกสั่นสะท้านในจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นระดับขั้นอะไรก็ตาม แม้แต่ขั้นมายาหยินและรูปธรรมหยางก็ไม่ต่างกัน…

ความแตกต่างด้านระดับบ่มเพาะนี้เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต้านทาน ราวกับว่ามันคืออำนาจแห่งสวรรค์ที่กำลังตกลงมา

หวังหลินเคลื่อนไหวทันที ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าจ้องมองออกไปไกลและเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ

“ในที่สุดก็มาถึง…”

สายฟ้าคำรามสนั่น ก้อนเมฆแบ่งตัวออกไปราวกับมีมือคู่ยักษ์ฉีกกระฉากมันออก แสงสีแดงโลหิตปรากฏขึ้นมาปกคลุมผืนแผ่นดิน สัมผัสทรงพลังดุจพายุกวาดผ่านไปทั่วทั้งชิ้นส่วนแดนสวรรค์

สัมผัสวิญญาณนี้ทรงพลังเกินไป วิชาเซียนระดับสองบรรจุอยู่ภายในแทบทำให้เศษเสี้ยวแดนสวรรค์พังเสียหาย แสงสีแดงออกมาจากก้อนเมฆเบื้องหน้าหวังหลินซึ่งส่องสว่างมากขึ้นไปอีก

ราวกับว่าตอนนี้ชิ้นส่วนกำลังถูกล้อมรอบด้วยแสงสีแดง ราวกับมันถูกโยนลงไปในบ่อโลหิต

แสงสีแดงควบแน่นหนึ่งพันฟุตเบื้องหน้าหวังหลิน พริบตานั้นร่างก็กลั่นตัวออกมาเผยเป็นชายวัยกลางคนเส้นผสีแดง คิ้วสีแดงเถือก สวมชุดคลุมสีแดง!

บุรุษผู้นี้ช่างหล่อเหลาแม้แต่เฉียนเฟิง(ศิษย์ของจูเซว่จื่อและเป็นศิษย์พี่ของหลิวเหมย) ยังรู้สึกด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเขา ชายผู้นี้มีกลิ่นอายเป็นเอกลักษณ์รอบตัว ตอนที่ปรากฏตัวออกมาเขามองหวังหลินอย่างเยือกเย็นและไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นสักคำ

ทว่าหวังหลินมองเห็นไฟสีแดงที่สามารถเผาไหม้โลกซึ่งซ่อนอยู่ในดวงตาเยือกเย็นคู่นั้นได้ บรรพชนโลหิตไม่เสียเวลาอันใดกับหวังหลิน เขายกแขนขึ้นมาและชี้ไปที่หวังหลินทันที!

เสียงแตกร้าวออกมาจากท้องฟ้าราวกับถูกดัชนีฉีกกระชาก พลังนั้นพุ่งตรงเข้าหาหน้าผากของหวังหลิน

หวังหลินจ้องบรรพชนโลหิต ขณะที่นิ้วใกล้เข้ามาเขาก็เอ่ยขึ้นทันที่ “หากเจ้าฆ่าข้า แม้เหยาซีเชว่จะมีเม็ดยาวิญญาณโลหิต นางก็จะตายแน่นอน!”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!