Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 790

Cover Renegade Immortal 1

790. อัคคี เปลวไฟ เปลวเพลิง

ลูกกลมแสงและเส้นโค้งปะทะกัน ทั้งสองเลือนหายไปทันทีและไม่ก่อเกิดเสียงอันใดแต่รอยร้าวนับไม่ถ้วนเริ่มแพร่กระจายจากใจกลางการปะทะ มันแพร่กระจายเร็วเกินจนส่งผลกระทบต่อเซียนสองสามคนที่ไม่สามารถหลบหนีได้เร็วพอ จังหวะที่รอยร้าวสัมผัสกับร่างกาย ร่างพวกเขาสั่นสะท้านและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ดวงตาของหวังหลินหรี่ลง พลันก้าวไปข้างหน้าและผสานเข้ากับโลกโดยตรงโดยไม่มีการต่อต้าน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หายตัวไปแต่ชี้ไปที่ท้องฟ้าด้วยผนึกจากมือขวาและเปล่งเสียงตะโกน “เพลิงสวรรค์ล้างผลาญ!”

ในทันใดนั้นเปลวเพลิงสีแดงปรากฏขึ้นและกระจายไปทั่วท้องฟ้า เปลวเพลิงไร้ที่มาและมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัว เปลวเพลิงปรากฏขึ้นครอบคลุมทั่วท้องฟ้าเกือบทั้งหมด เซียนรอบๆถอยหนีเพราะกลัวจะติดอยู่ข้างใน

เปลวเพลิงนี้ทรงพลังมากเกินไป ราวกับว่ามันจะชำระโลกให้บริสุทธิ์ แม้แต่ประกายเล็กๆก็เพียงพอที่จะทำให้เซียนรอบข้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวได้แล้ว

พลังดั้งเดิมอันทรงพลังแพร่กระจายออกมาทำให้ร่างหวังหลินสั่นไหวอยู่ภายในเปลวเพลิง อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะไม่มองหวังหลิน!

ร่างหวังหลินยกมือขวาขึ้นมาแล้วประทับลง “จงลุกโชน!” รอบด้านสลายตัวลงทันที เปลวเพลิงปกคลุมท้องฟ้าก็เริ่มหนาแน่นขึ้น ราวกับโยนน้ำมันลงในกองไฟและทำให้มันปะทุขึ้น

เปลวเพลิงรอบข้างพุ่งตรงเข้าหาชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงตรง ในระหว่างนี้ราวกับว่าเปลวเพลิงกลายเป็นมังกรไฟนับไม่ถ้วนพร้อมกับพาคลื่นความร้อนที่รุนแรงพยายามกลืนกินชายวัยกลางคน

แววตาชายวัยกลางคนกลายเป็นเคร่งเครียดและเย็นชาขึ้น เขาปล่อยมือหอกในมือและมันก็สูญสลายในทันที หอกที่แตกสลายโคจรรอบตัวเขา ในเวลาเดียวกันเขากดนิ้วชี้ขวาลง ลำแสงสีแดงจากดวงตาก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทันที

“ข้าไม่คิดว่าจะมีคนที่บรรลุระดับบ่มเพาะเช่นนี้ท่ามกลางเซียนฉีรุ่นหลัง ไม่ธรรมดา!” ขณะที่เขาเอ่ยขึ้นมาดวงตาข้างขวาก็เป็นเปล่งประกายและยิงสายฟ้าสีแดงพุ่งออกมาทันที ชั่วขณะที่สายฟ้านี้ปรากฏ กลิ่นอายอันหนาวเหน็บมหึมาแผ่กระจายและมันพุ่งไปทางหวังหลิน

สายฟ้าสีแดงพุ่งไปข้างหน้าภายใต้กลิ่นอายหนาวเหน็บ เปลวเพลิงด้านหน้าดูเหมือนจะดับลงทิ้งเป็นทางยาวพุ่งหาหวังหลิน

แววตาของหวังลินเริ่มเคร่งเครียดขึ้น ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้นิ้วตะโกน “เปลวเพลิง!”

เกิดการระเบิดขึ้นไปทั่วบริเวณพร้อมกับเปลวเพลิงล้อมรอบชายวัยกลางคนพุ่งขึ้นไปกลางอากาศและม้วนตัวเป็นลูกไฟ ตรงใจกลางของลูกไฟคือชายวัยกลางคน

ทันทีที่ลูกไฟก่อตัวขึ้นมันเริ่มหดตัวทันทีราวกับต้องการเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างภายใน มันไม่เพียงแต่เผาผลาญสิ่งที่จับต้องแต่มันยังรวมถึงสิ่งที่ไร้รูปร่างอีกด้วย พื้นที่อวกาศมากมายเริ่มพังทลายราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถหลบหนีจากเปลวเพลิงนี้ได้

มีเพียงขอบเขตจวี่เท่านั้นที่พุ่งออกมาจากลูกไฟและมุ่งหน้าตรงไปยังร่างหวังหลิน

กลิ่นอายทำลายล้างระเบิดจากภายในร่างกายทันที หวังหลินมองเห็นชัดว่าวิญญาณดั้งเดิมของชายชรานั้นสูญสลายภายใต้ขอบเขตจวี่ ทว่ามันก่อตัวขึ้นแล้วสลายกลับไปอีกครั้ง

ในช่วงเวลาสั้นๆ วิญญาณดั้งเดิมของของชายชราได้พบกับการแตกสลายและกลับคืนรูปนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นวิญญาณดั้งเดิมก็จะอ่อนแอลงเล็กน้อย

เวลาไม่กี่ลมหายใจราวกับชั่วกาลนานสำหรับหวังหลิน เขาเพ่งสมาธิกับวิญญาณดั้งเดิมของตนเองและในขณะที่วิญญาณดั้งเดิมของชายชราสลายตัวลง หวังหลินก็ลงมือ

หวังหลินต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นเมื่อวิญญาณดั้งเดิมของชายชราไม่อาจต้านทานได้อีกและตัดสินใจออกไปจากร่างเขา หวังหลินก็ไม่มั่นใจว่าตนเองสามารถต้านทานขอบเขตจวี่ได้

นอกจากนั้นขอบเขตจวี่เมื่อคราวก่อนมาจากตอนที่มันอยู่ในผนึก แม้ว่าจะแข็งแกร่งแต่ก็อ่อนแอยิ่งเช่นกันราวกับมันไม่มีรากฐานที่มั่นคง ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างกันมากอย่างเนื่องจากเป็นขอบเขตจวี่ที่ทรงพลัง!

ขณะวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินลงมือ เขารู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตจวี่ได้ในทันที วิญญาณดั้งเดิมสั่นไหวขณะแผ่พลังดั้งเดิมออกไปล้อมรอบขอบเขตจวี่และถูกชั้นผิวทำลายทีละชั้นดุจคมมีดกรีดผ่านกระดาษ

โชคดีที่วิญญาณดั้งเดิมของชายชรามีเวลาพักฟื้นด้วยการช่วยเหลือของหวังหลิน ในขณะที่ขอบเขตจวี่กำลังจะเจาะผ่านวิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน ชายชราดูดกลืนมันลงไปและใช้พลังดั้งเดิมของตัวเองเพื่อผนึกขอบเขตจวี่

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรู้สึกว่าช้ามากสำหรับหวังหลินแต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เซียนรอบข้างไม่มีใครมองเห็นสิ่งนี้ได้เลย

“อันตรายมาก! คู่ควรกับขุนนางเทพฉิงชุ่ยจริงๆ ขอบเขตจวี่ช่างน่าตกตะลึงและข้าไม่ได้วางแผนทำเรื่องอะไรเปล่าประโยชน์ น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้มาด้วยร่างกายตัวเองและเกือบจะทำให้แผนล้มเหลว ข้าไม่คิดว่าขุนนางเทพฉิงชุ่ยจะ ยังคงมีความแข็งแกร่งเช่นนี้หลังจากถูกผนึกมานานหลายปี!” เสียงเหนื่อยล้าของชายชราดังมาจากภายในใจของหวังหลิน

ตอนนี้นี้ลูกไฟหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งกว้างเพียงสิบฟุตจากนั้นก็สูญสลายไป ซึ่งทำให้พลังงานทั้งหมดที่ควบแน่นอยู่ภายในระเบิดได้แรงขึ้นหลายเท่า

พริบตานั้นราวกับว่าทุกสิ่งในโลกถูกห่อหุ้มด้วยแสงจากเปลวเพลิง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลก็สามารถมองเห็นแสงจากเปลวเพลิงที่แต้มบนท้องฟ้าได้

ประกายแสงแพร่กระจายไปทุกหนทุกแห่งและร่างกายหวังหลินอยู่ในแสงสว่างนี้ก็เต็มไปด้วยโอ่อ่า

ความตื่นเต้นในสายตาของเฉินกงฮู่พุ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุด เขามองร่างหวังหลิน และร้องตะโกน “นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนายท่าน การคาดการณ์ก่อนหน้าของข้าไม่มีผิด!”

จางกงเล่ยยืนอยู่ในความว่างเปล่า แม้ว่าเปลวเพลิงจะอยู่ห่างไกล เขาก็ยังรู้สึกถึงความร้อนได้ขณะมองมัน เขาคิดแบบเดียวกันกับสิ่งที่ปรากฏในใจเฉินกงฮู่อีกครั้ง

“ระดับบ่มเพาะของผู้อาวุโสนั้นไม่อาจคาดได้ เห็นได้ชัดว่าเขาระงับระดับการบ่มเพาะที่ขั้นรูปธรรมหยางมาก่อนและตอนนี้ก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ความแข็งแกร่งในปัจจุบันต้องไม่มีขีดจำกัดแน่นอน!”

ส่วนถังหยานเฟิงท่าทางไม่ได้หมองหม่นอีกแต่กลับซีดเซียวราวศพ ตอนที่เขาเห็นการต่อสู้หวังหลินกับชายผมขาว เขาตกใจที่สุด ไม่คิดว่าหวังหลินจะควบคุมวิชาเซียนมากมายขนาดนั้นได้แต่ยิ่งตกใจก็ยิ่งยากจะยอมรับความจริงนี้อย่างไม่เต็มใจนัก

ทว่าเมื่อเขาเห็นเปลวเพลิง เขาก็สูดลมหายใจเย็นเยียบ ด้วยความตกใจภายในจิตใจมลายหายไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวและตกตลึง

ถังหยานเฟิงพึมพำกับตัวเอง “นั่น…เขาเป็นตัวอะไรกันแน่!!?”

เฉินกงฮู่จึงหัวเราะอย่างดูแคลนมองไปยังถังหยานเฟิงและพูดอย่างเย็นชาว่า “สหายเซียนถังยังจำตอนที่เจ้าดูแคลนข้าด้านนอกประตูสวรรค์ได้หรือไม่? เจ้าเห็นหรือไม่ ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเจ้าคือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงยินดีที่จะรับการลงทัณฑ์จากตระกูลและแยกตัวโดดเดี่ยวจากเหล่าเซียนในอารามเทพอัสนี!”

ถังหยานเฟิงรู้สึกมึนงงขณะที่จ้องมองไปยังตำแหน่งของเปลวเพลิง เขาก็ไม่อาจเปิดปากพูดสิ่งใดได้เป็นเวลานาน

ขณะนั้นเสียงทุ้มต่ำก็สะท้อนไปทั่วพื้นที่

“ไม่ตายจากขอบเขตจวี่ เจ้าแข็งแกร่งมาก!” รูปปั้นปรากฎในเปลวเพลิง เมื่อมันแตกออก ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ก้าวออกมา ใบหน้ารูปลักษณ์หล่อเหลาแต่ท่าทางนั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!