Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 794

Cover Renegade Immortal 1

794. ขุนนางเทพฉิงชุ่ย

วังวนที่ก่อตัวขึ้นจากชิ้นส่วนสี่สิบเก้าแห่งได้ทำให้แดนสวรรค์ล่มสลาย แรงดึงดูดจากวังวนยักษ์กึกก้องไปทั่วทั้งแดนสวรรค์

การล่มสลายขนาดใหญ่ดำเนินต่อไปและรุนแรงยิ่งขึ้น รอยร้าวในท้องฟ้าปรากฏขึ้นมาบ่อยขึ้นและบ่อยขึ้นราวกับกระบี่ตัดเปิดท้องฟ้าและยืดรอยแยกออกไป หากมองใกล้เกินไปไม่เพียงแต่จะตกใจ อาจโดนรอยแยกกลืนเข้าไปได้ด้วย

ดวงตาของปรมาจารย์จงเฉินเผยแสงประหลาด เขาลอยตัวกลางอากาศและแขนสองข้างยื่นออกไป ชิ้นส่วนใต้ฝ่าเท้าเริ่มหมุนเป็นวงกลมอย่างช้าๆไปด้วย

“ค่ายกลแดนสวรรค์อัสนีของข้าจะเสร็จสมบูรณ์วันนี้!” ปรมาจารย์จงเฉินหัวเราะ ฝ่ามือสร้างผนึกและมีพลังดั้งเดิมทะลักออกมาจากชิ้นส่วนด้านล่าง แพร่กระจายออกไปราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

ความคิดหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรง ใบหน้ามืดมนพลางจ้องปรมาจารย์จงเฉินอยู่ห่างไกล

ส่วนชายหนุ่มปิศาจ ดวงตาส่องสว่างและเอ่ยออกมา “หลอมแดนสวรรค์เป็นสมบัติวิเศษ ช่างน่าสนใจจริงๆ! ถ้านี่คือทั้งหมดที่เจ้าลงไป มันคงไม่มีวิญญาณสมบัติ แล้วจะใช้อะไรได้?”

ปรมาจารย์จงเฉินหัวเราะอยู่กลางท้องฟ้า “ใครพูดว่ามันไม่มีวิญญาณสมบัติ!? วิญญาณสมบัติจงปรากฏ!” สิ้นเสียงพูดเขาก็พ่นลำแสงสีเทาสายหนึ่งออกมา

ในลำแสงคือกระจกโบราณขนาดเท่าฝ่ามือ มันขยายออกไปจากขนาดเดิมหลายเท่าตัวกลายเป็นกระจกวงรีรูปร่างเท่าคนผู้หนึ่ง

ผิวหน้ากระจกบิดเบี้ยวและวิญญาณดั้งเดิมดวงหนึ่งลอยออกมา ขณะที่วิญญาณดวงนี้ปรากฏ พลังดั้งเดิมหนาแน่นก็แพร่กระจาย

“วิญญาณดั้งเดิมของเซียนขั้นมายาหยิน!” ดวงตาหวังหลินหรี่แคบ

เด็กหนุ่มปิศาจมองวิญญาณดวงนั้น “เหนือเทพระดับสี่!” เขาไม่ได้รีบเร่งลงมือเนื่องจากต้องการเห็นว่าคนที่เรียกตนเองว่าปรมาจารย์จงเฉินจะหล่อหลอมแดนสวรรค์แห่งนี้ได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงบอกได้ว่าปรมาจารย์จงเฉินที่อยู่กลางท้องฟ้านั้นไม่ใช่ร่างดั้งเดิมแต่เป็นร่างอวตาร

ดวงตาของวิญญาณขั้นมายาหยินตนนั้นเต็มไปด้วยความสับสน ปรมาจารย์จงเฉินตะโกนขึ้น “วิญญาณดวงที่สี่สิบเก้า ไป!”

หลังสิ้นเสียง แววตาของวิญญาณดวงนั้นพลันเปล่งประกายราวกับปะทุขึ้นมา มันคำนับฝ่ามือให้กับปรมาจารย์จงเฉินก่อนจะหายตัวไปในพริบตา มันมาถึงปลายขอบชิ้นส่วนแดนสวรรค์แห่งที่สี่สิบเก้าและผสานตัวเองเข้ากับชิ้นส่วนนั้น

ชิ้นส่วนที่สี่สิบเก้าพลันกลับมามีชีวิต ถูกเติมเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ

นี่ยังไม่จบ เบื้องหน้าสายตาหวังหลินปรากฏระลอกคลื่นบนกระจกโบราณกระเพื่อมขึ้นมา ขณะที่ปรมาจารย์จงเฉินตะโกน วิญญาณดั้งเดิมของเซียนขั้นมายาหยินหลายดวงก็หายเข้าไปในชิ้นส่วนแดนสวรรค์หลายแห่ง

ในไม่ช้า จำนวนชิ้นส่วนกว่าครึ่งก็หมุนวนโดยมีวิญญาณสมบัติแฝงอยู่

“วิญญาณสมบัติ จงปรากฏอีกครั้ง!” ดวงตาปรมาจารย์จงเฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผิวหน้ากระจกโบราณบิดเบี้ยวรุนแรงอีกครั้งและวิญญาณอีกดวงหนึ่งลอยออกมา วิญญาณดวงนี้เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งมากกว่าวิญญาณกว่าครึ่งที่ออกไป หวังหลินกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสังเกตได้ว่าวิญญาณดวงนี้เป็นของเซียนขั้นรูปธรรมหยาง

สีหน้าของชายหนุ่มชั่วร้ายยังคงเป็นปกติดี พลันเอ่ยสงบนิ่ง “เหนือเทพระดับเก้า ไม่เลวนัก!”

ต่อจากวิญญาณขั้นรูปธรรมหยางก็มีวิญญาณอีกสิบสามดวงลอยออกมาและหายเข้าไปในชิ้นส่วนแดนสวรรค์ ท่ามกลางชิ้นส่วนทั้งหมด มีอยู่สี่สิบสองแห่งที่เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่พวกมันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแต่พลังอำนาจของค่ายกลกลับเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

“อีกครั้ง!” ปรมาจารย์จงเฉินหัวเราะบ้าคลั่ง เขาเตรียมการมาหมื่นปีก็เพื่อวันนี้!

กระจกโบราณสั่นไหวอีกครั้งและอีกสิบลมหายใจต่อมา วิญญาณดั้งเดิมดวงหนึ่งลอยออกไป วิญญาณดวงนี้แก่ชราและดูท้อแท้ ขณะที่เขาปรากฏขึ้น พลังดั้งเดิมหนาแน่นมากกว่าสี่สิบสองดวงก่อนหน้านี้ก็กระจายออกมา

“นี่มัน…” ดวงตาหวังหลินหดเล็กทันที พลังดั้งเดิมนั้นรุนแรงและน่ากลัวยิ่ง

“นี่ต้องเป็นดวงวิญญาณของเซียนขั้นส่องสวรรค์!”

ดวงตาชายหนุ่มชั่วร้ายหรี่ลงพลางเลียริมฝีปากเอ่ยขึ้นมา “เทพนภาระดับสาม!”

หลังวิญญาณดั้งเดิมปรากฏ เขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาตกอยู่ในความงุนงง ดูเหมือนกำลังนึกถึงอดีต ทว่าสิ้นเสียงตะโกนของปรมาจารย์จงเฉิน วิญญาณดวงนั้นก็สั่นสะท้าน สายตาเต็มไปด้วยความหวานกลัว มันผสานเข้ากับชิ้นส่วนแดนสวรรค์และเลือนหายไป

ทันใดนั้นแรงกดดันแข็งแกร่งปะทุขึ้นมาจากชิ้นส่วนแห่งที่เจ็ดและพลังอำนาจของค่ายกลก็เพิ่มขึ้นอีกมากมาย

นี่มันยังไม่จบ มือยักษ์หนึ่งคู่โผล่ออกมาราวกับต้องการฉีกกระชากกระจกเป็นชิ้นๆ จากนั้นวิญญาณดั้งเดิมเดินออกมาจากกระจก

วิญญาณดวงนี้เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายปิศาจ เขาร้องคำรามออกมาทันที กลิ่นอายมหึมหาได้เปลี่ยนกลายเป็นพายุสีแดง

ร่างหวังหลินล่าถอยโดยไม่รู้ตัว สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถคำนวณความแข็งแกร่งของวิญญาณดวงนี้ได้ เขาแค่รู้สึกว่าคนผู้นี้อ่อนแอกว่าบรรพชนโลหิตเท่านั้น

“เทพนภาระดับเก้า!” สายตาเด็กหนุ่มชั่วร้ายเต็มไปด้วยความโลภ แต่เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะขโมยมัน

ปรมาจารย์จงเฉินมองชายวัยกลางคน เอ่ยขึ้นด้วยสายตาเสียใจ “นี่คือคนต้องชะตากับข้าคนที่สี่…น่าเสียดายนัก…วิญญาณหก จงไป!”

ชายวัยกลางคนกระชากศีรษะเต็มไปด้วยจิตสังหารและจ้องปรมาจารย์จงเฉิน หลังจากขบคิดเงียบๆชั่วครู่มันก็พุ่งออกไปและผสานเข้ากับชิ้นส่วน

กลิ่นอายปิศาจอันแข็งแกร่งปะทุออกมาจากชิ้นส่วนแห่งที่หกและแพร่กระจายไปทั่วทั้งค่ายกล เมื่อกลิ่นอายนั้นพัฒนาค่ายกลขึ้น พลังอำนาจของค่ายกลได้เพิ่มพูนอย่างมหาศาล

ก่อนที่กลิ่นอายชั่วร้ายสั่นสะเทือนจะหายไป เสียงแตกร้าวดังออกมาจากกระจก รอยร้าวปรากฏขึ้นมาพร้อมกับระลอกคลื่นบิดเบี้ยว วิญญาณดั้งเดิมอีกหนึ่งดวงเดินออกมา

วิญญาณดวงนี้คือชายชรา และขณะที่เขาปรากฏ ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนไป รอยร้าวที่เกิดขึ้นเพราะการล่มสลายพลันหยุดยั้ง

ไม่มีพลังดั้งเดิมออกมาจากตัวเขา แต่รูปลักษณ์ของชายชราทำให้หวังหลินล่าถอย แรงกดดันนั้นทำให้เขาตกใจอย่างยิ่ง

“ราชาเทพระดับสอง!” แววตาชายหนุ่มชั่วร้ายส่องสว่างขึ้น

วิญญาณของชายชราดวงนี้ไม่ได้สับสนมึนงง เขามีสติอย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดแล้วสายตาก็ตกลงไปบนปรมาจารย์จงเฉินและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยเสียงดังก้อง “จดจำสัญญาของเจ้าไว้!”

หลังจากนั้นวิญญาณของชายชราก็เข้าสู่ชิ้นส่วนแดนสวรรค์แห่งหนึ่งและเลือนหายไป กลิ่นอายทรงพลังทะลวงออกมาจากชิ้นส่วนแห่งที่ห้า

เสียงแตกร้าวดังออกมามากขึ้น รอยร้าวบนกระจกโบราณกว้างยาวขึ้นพร้อมกับวิญญาณดั้งเดิมอีกดวงก้าวออกมา วิญญาณดวงนี้มีสีแดงล้วน สัมผัสความเกลียดชังฝังลึกระเบิดออกมาจากวิญญาณของเขา

“บรรพชนโลหิต!” สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปมหาศาลและรีบถอยห่างทันที ทว่าวินาทีถัดมาเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แม้ว่าวิญญาณดั้งเดิมดวงนี้เป็นของบรรพชนโลหิต สายตาเขากลับมืดมัวไร้ซึ่งจิตวิญญาณ

หลังจากนั้นไม่นาน วิญญาณของบรรพชนโลหิตก็เข้าสู่ชิ้นส่วนแดนสวรรค์อย่างเงียบๆและหายตัวไป ทว่าขณะก่อนที่จะหายไป เขาหันศีรษะขึ้นมามองหวังหลิน

วิญญาณดวงที่สี่เข้าสู่ตำแหน่งของมัน

“ราชาเทพระดับหก!” ดวงตาชั่วร้ายของชายหนุ่มส่องสว่าง จากนั้นเยผรอยยิ้มน่าขนลุก “น่าสนใจ! ไม่รู้ว่าจะมีขุนนางเทพหรือไม่…”

ปรมาจารย์จงเฉินกล่าวด้วยความภูมิใจ “มีสิ!”

รอยร้าวบนกระจกโบราณกว้างขึ้น ครานี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งแต่มีรอยร้าวอีกหลายแห่ง ดูเหมือนว่ากระจกโบราณกำลังจะแตก

แสงกระพริบวาบและวิญญาณดั้งเดิมสองดวงก้าวออกมาในเวลาเดียวกัน พลังดั้งเดิมเหนือจินตนาการแทบกลายเป็นรูปร่างพลันเติมเต็มไปทั่วโลก

วิญญาณสองดวงนี้ไม่ได้สมบูรณ์ พวกมันหมองเล็กน้อยและมีผนึกกำลังกระพริบระหว่างคิ้วของแต่ละคน

ท่าทางชายหนุ่มชั่วร้ายเปลี่ยนไป เขาจ้องวิญญาณสองดวงนั้นและเอ่ยขึ้น “ขุนนางเทพระดับหนึ่ง!”

หวังหลินหน้าซีดและสายตาเคร่งเครียด เขารู้สึกถึงกลิ่นอายทรงพลังเทียบเท่ากับเทียนหยุนออกมาจากวิญญาณสองดวงนี้

ปรมาจารย์จงเฉินสร้างผนึกในมือด้วยสายตาระแวดระวัง เขาตะโกนขึ้น “วิญญาณดวงที่สองและสาม ประจำตำแหน่ง!”

ทั้งสองดวงวิญญาณต่างมองปรมาจารย์จงเฉินก่อนจะผสานเข้ากับชิ้นส่วนตามลำดับและหายไป

ในตอนที่พวกเขาหายไป กระจกโบราณสั่นไหวและเกิดเสียงแตกร้าวออกมาก่อนที่มันจะแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมาย ทว่าวิญญาณชายวัยกลางคนดวงหนึ่งก้าวออกมา

ชายวัยกลางคนผู้นี้ดูธรรมดามาก ร่างกายไม่มีแม้แต่พลังดั้งเดิมที่ผันผวน แต่จิตสังหารของเขาสามารถฉีกกระชากโลกออกเป็นชิ้นๆได้

จิตสัหงารผสานเข้ากับโลกและดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของโลก หวังหลินกระอักโลหิตออกมาทันที จากนั้นกระตุ้นพลังดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกายพร้อมกับรีบล่าถอย แต่จิตสังหารยังอยู่ที่นี่ สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและใบหน้าซีด

“ขุนนางเทพระดับหกแห่งแดนสวรรค์อัสนี นักฆ่าขุนนางเทพ!” สีหน้าชายหนุ่มชั่วร้ายเปลี่ยนไปพลางจ้องไปที่ชายวัยกลางคน ดวงตาเยือกเย็นยิ่ง

ชายวัยกลางคนสงบนิ่งเป็นที่สุด หลังปรากฏตัวออกมาเขาก็มองไปยังปรมาจารย์จงเฉิน

ปรมาจารย์จงเฉินชี้ไปที่ชิ้นส่วนด้านล่างเขาและตะโกน “วิญญาณดวงแรก เข้าประจำตำแหน่ง!”

ชายวัยกลางคนขบคิดชั่วครู่ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปในชิ้นส่วนนั้นและจางหายไป จิตสังหารมหึมาระเบิดออกมาจากชิ้นส่วนแรกตรงใจกลาง จิตสังหารนี้ได้ห่อหุ้มชิ้นส่วนทั้งหมดในค่ายกล

สายตาปรมาจารย์จงเฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพลางตะโกนอีก “ค่ายกลเทพ รวบรวม!” วิญญาณแรกเริ่มทั้งสี่สิบเก้าดวงที่เขาเตรียมเอาไว้ไม่ได้รวมบรรพชนโลหิต ทว่าหลังจากได้บรรพชนโลหิตมา เขาก็เปลี่ยนความคิดและหาตัวแทน

แดนสวรรค์อัสนีเปลี่ยนไปมหาศาล ชิ้นส่วนสี่สิบเก้าแห่งตอนนี้ครอบครองด้วยวิญญาณสมบัติซึ่งพวกมันหดเล็กลงทันทีจนมีขนาดเท่าฝ่ามือและหมุนเป็นวงกลมรอบปรมาจารย์จงเฉิน

แต่ละชิ้นมีหนึ่งสัมผัสวิญญาณโผล่ออกมา ทั้งหมดลอยอยู่ในร่างกายปรมาจารย์จงเฉิน เมื่อสัมผัสวิญญาณทั้งสี่สิบเก้าแหล่งเข้าไปในร่างเขา เขาก็กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

การหล่อหลอมแดนสวรรค์อัสนีนั้น ปรมาจารย์จงเฉินได้แบ่งวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองออกเป็นสี่สิบเก้าส่วนและผสานทั้งหมดเข้ากับชิ้นส่วนแดนสวรรค์ มีแค่การทำสิ่งนี้เท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมพวกมันทั้งหมดได้เต็มรูปแบบ ตอนนี้วิญญาณของเขากลับมารวมเข้าด้วยกันจึงปรากฏร่างดั้งเดิมขึ้น

ชิ้นส่วนสี่สิบเก้าแห่งหมุนเป็นวงกลมรอบตัว กลิ่นอายทรงพลังเปล่งออกมาจากชิ้นส่วนพวกนั้นและทำให้ปรมาจารย์จงเฉินราวกับเทพผู้สูงศักดิ์

“น่าสนใจ!” ชายหนุ่มปิศาจมองปรมาจารย์จงเฉิน “สมบัติค่ายกลเทพนี้แข็งแกร่งมากแต่มันยังขาดความรุนแรงเล็กน้อย ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงล่อลวงข้ามาที่นี่!”

ปรมาจารย์จงเฉินจ้องชายหนุ่ม “ขุนนางเทพฉิงชุ่ย ข้าต้องการขอบเขตจวี่ของเจ้า!”

ชายหนุ่มชั่วร้ายขมวดคิ้วและเอ่ยราบเรียบ “ข้าไม่ใช่ฉิงชุ่ย!”

“ข้ามาแดนสวรรค์หลายร้อยครั้งและเข้าถึงความลับทั้งหมดที่ข้าเสาะหาเจอ ในแดนสวรรค์มีคนผู้หนึ่งรู้จักกันในชื่อฉิงชุ่ย ระดับบ่มเพาะของเขาทรงพลังยิ่งและยังมีขอบเขตจวี่ในตำนาน! เขายังเป็นทายาทของแคว้นวารีกระจ่างอีก”

“หลังจากตกมาแดนสวรรค์ เขาก็มาที่แดนสวรรค์อัสนีและกลายเป็นขุนนางเทพ ทว่าในช่วงต้นของการล่มสลายแดนสวรรค์อัสนี เขากลับผ่านการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาแตกต่างจากอดีตและกลายเป็นปิศาจที่เข่นฆ่าผู้คนทั้งหมด!”

“เทพกลุ่มใหญ่ระดมพลโจมตีเขา แต่เนื่องจากเขามีขอบเขตจวี่จึงเกิดการสังหารหมู่คนขึ้นมา ท้ายที่สุดจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านก็ลงมือและได้รับชัยชนะ อย่างไรเสียจักรพรรดิก็ไม่สามารถอดทนฆ่าเขาได้”

“ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ดูเหมือนเขาจะได้รับสติและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับเป็นความฝัน ยามที่เขามีสติก็ตระหนักได้ว่าเข่นฆ่าเทพไปแล้วนับไม่ถ้วน ท่ามกลางผู้คนที่เขาสังหารต่างมีทั้งมิตรสหาย ลูกศิษย์ ลูกหลานและสำคัญที่สุดคือคู่ครองชีวิตที่อยู่กับเขามานานนับหมื่นปี!”

“เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เขาเกิดความเศร้าโศกและขุ่นเคืองใจมหาศาล การเข่นฆ่าคนที่เกี่ยวข้องและคู่ชีวิตของเขาได้ทำให้เขาเสียใติ เขาพยายามยกกระบี่ขึ้นมาทำลายวิญญาณและร่างกายของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ขอบเขตจวี่ชุบชีวิตเขาขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้ใช้สมบัติวิเศษของตนเองนามว่า วังวนผนึก ผนึกวิญญาณดั้งเดิมและร่างกายเอาไว้เป็นเก้าส่วน”

“จักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านรู้สึกเศร้าใจจึงวางค่ายกลฟื้นฟูอยู่เหนือผนึก! เขาหวังว่าเจ้าจะฟื้นคืนสติมาได้สักวันหนึ่ง!”

“เหตุผลที่จักรพรรดิป๋ายฟ่านทำเช่นนั้นก็เพราะฉิงชุ่ยคือลูกศิษย์คนเดียวของเขาและยังเป็นคนที่มีโอกาสกลายเป็นจักรพรรดิเทพแห่งแดนสวรรค์อัสนีมากที่สุด!” หลังปรมาจารย์จงเฉินกล่าวจบ เขาก็ตบกระเป๋านำหินหยกสวรรค์ออกมา หินหยกชิ้นนี้เก่าแก่และคงอยู่มานานแสนนาน

“นี่คือหินหยกสวรรค์ที่จักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านทิ้งเอาไว้เรื่องลูกศิษย์ ขุนนางเทพฉิงชุ่ย เจ้าจะเข้าใจเมื่อเจ้าเห็นมัน!” หินหยกสวรรค์ถูกโยนใส่ชายหนุ่มชั่วร้าย

ชายหนุ่มรับหินหยกสวรรค์เอาไว้ หลังจากขบคิดเงียบๆอยู่สักพัก ดวงตาก็เต็มไปด้วยความสับสน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!