Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 798

Cover Renegade Immortal 1

798. รีบออกไป 2

แม้จะมีอีกคนเพิ่มขึ้นมาบนชิ้นส่วนก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วของมัน มันพุ่งออกไปรวดเร็วเหมือนก่อนหน้านี้ นางฟื้นคืนจากความสับสนได้แล้วจึงหันไปมองชิ้นส่วนเข้าบดขยี้รอยแยกอวกาศ พลันสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด

‘นี่มันสมบัติแบบไหนกัน? น่ากลัวเกินไปแล้ว!’ นางเห็นรอยแยกเกือบทั้งหมดปิดลงภายใต้การปะทะกับชิ้นส่วนแดนสวรรค์ ไม่ว่าข้างในรอยแยกจะมีพลังแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรเลย

ขณะนั้นดวงตาของนางหรี่แคบ ไกลออกไปด้านขวามีลำแสงสามเส้นกำลังเหาะเหินผ่านช่องว่าง มีสองบุรุษและหนึ่งสตรีอยู่ในนั้น สีหน้าแต่ละคนมืดมนและสายตากังวล

“ซื่อจื่อเฟิง!” นางรีบลุกขึ้นยืน

สามคนที่ห่างออกไปไกลพลันสังเกตนางได้ทันที สายตาแต่ละคนเปี่ยมไปด้วยความยินดี พวกเขาพุ่งเข้ามาหาโดยไม่มีความลังเล

หวังหลินไม่ได้ชะลอตัวลงเลยและใช้ความเร็วเดิมต่อไป ดูเหมือนทั้งสามคนไม่สามารถไล่ตามทันได้

สตรีนามว่าซื่จื่อเฟิงรีบตะโกน “จางหยุน รอก่อน!”

แม่นางจางรีบพูดกับหวังหลิน “ผู้อาวุโสโปรดหยุดก่อน สหายของผู้น้อยต้องการเข้ามาด้วย”

หวังหลินลืมตาและเผยความร้อนรน เขาเมินเฉยนางในทันที

แม่นางจางกระทืบเท้าและตบกระเป๋า นำผ้าไหมสีแดงหนึ่งสายลอยออกมา ผ้าไหมยืดยาวออกทันทีและลอยเข้าหาทั้งสามคนที่กำลังไล่ตาม

แม่นางซื่อจื่อเฟิงรีบคว้าผ้าไหมแดงเอาไว้และดึงตัวเองเข้าใกล้ทันที บุรุษอีกสองคนทำแบบเดียวกันและในที่สุดพวกเขาก็ตามทันและขึ้นไปบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์

ทั้งสามคนถอนหายใจอย่างโล่งอกและสังเกตหวังหลินที่อยู่ห่างออกไปไกล บุรุษหนึ่งในนั้นมองจางหยุนและเอ่ยถาม “สหายเซียนคนนี้คือ?”

ไม่ต้องรอให้จางหยุนเอ่ยปาก ซื่อจื่อเฟิงมองดูใกล้ๆและสีหน้าเปลี่ยนไปทันที นางรีบก้าวเดินมาข้างหน้า โค้งตัวและเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “ผู้น้อยซื่อจื่อเฟิงขอคำนับผู้อาวุโส! ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือผู้น้อยไว้ถึงสองครา!”

นางพูดขึ้นทั้งยังใบหน้าแดง

หวังหลินมองนางและสังเกตเห็นว่างดงามกว่าจางหยุนเล็กน้อย เขาจำได้เลือนลางว่านางอยู่ที่ประตูสวรรค์และเป็นคนที่ถูกเขาเตะเข้าไปในความว่างเปล่าตอนที่ปรมาจารย์จงเฉินควบคุมร่าง

หวังหลินขมวดคิ้วรู้สึกว่ามีปัญหายิ่ง ถ้ารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเขาคงไม่ต้องช่วยจางหยุน พลันเอ่ยถาม “พวกเจ้าสามคนมีหินหยกสวรรค์หรือไม่?”

ซื่อจื่อเฟิงตกตะลึง ก่อนที่นางจะเอ่ยตอบ จางหยุนรีบพูดขึ้นมา “หยกสวรรค์หมื่นก้อนสำหรับช่วยชีวิตเจ้า และหมื่นก้อนต่อชั่วโมงสำหรับการอยู่บนนี้!”

ซื่อจื่อเฟิงพยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา!” นางและอีกสองคนที่เหลือนำหินหยกสวรรค์ออกมาจากกระเป๋าทันทีและส่งให้หวังหลินอย่างเคารพ

หวังหลินรับเอาไว้ จากนั้นหลับตาและเมินเฉยพวกเขา

ทั้งสี่คนนั่งด้วยกันพร้อมกับจางหยุนและมองออกไปในความว่างเปล่า พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกว่ากำลังรอดตาย

ชิ้นส่วนแดนสวรรค์เร็วมาก ขณะที่พวกเขาเข้าไปในแดนสวรรค์ลึกขึ้น คิ้วหวังหลินยังคงขมวดเข้าด้วยกัน ระหว่างทางเขาเจอเซียนที่นี่หลายคนทั้งกระจายกันออกไปหรือรวมกันเป็นกลุ่มก้อน

เมื่อพวกเขาเห็นชิ้นส่วนนี้ราวกับพวกเขาเห็นความหวังสุดท้ายและทำอย่างดีที่สุดเพื่อเข้ามาอยู่บนนี้ บางส่วนก็เป็นสหายของทั้งสี่คนก่อนหน้า

เป็นผลทำให้มีเซียนเข้ามาบนนี้มากขึ้นและมากขึ้น อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ต้องกังวลนักเพราะเมื่อไหร่ที่มีคนหน้าใหม่เข้ามาบนนี้ จางหยุนจะทำหน้าที่บอกความต้องการด้านหินหยกสวรรค์

ตอนนี้หวังหลินมีกระเป๋าหลายใบ แต่ละใบมีหินหยกสวรรค์จำนวนมาก และตอนนี้มีเซียนเกือบยี่สิบคนบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์เสียแล้ว

พวกคนเหล่านี้ไม่ได้นั่งด้วยกัน คนที่คุ้นเคยก็จะอยู่ด้วยกัน ส่วนคนอื่นๆนั่งกันเองพร้อมกับมองออกไปในความว่างเปล่าด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน

บางคนจดจำหวังหลินได้นทันทีและผ่อนคลาย ในความคิดแต่ละคนการที่มีหวังหลินอยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะปลอดภัย

ขณะที่ชิ้นส่วนล่องลอยผ่านความว่างเปล่านั้น ค่อยๆมีคนเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดมีคนมากกว่าห้าสิบคนบนชิ้นส่วนแห่งนี้ หวังหลินขมวดคิ้วมองไปยังความว่างเปล่าที่พวกเขาผ่านไปและเห็นลำแสงหลายสิบเส้นติดตามมาอย่างกระชั้นชิด

เหล่าเซียนในลำแสงไม่อาจไล่ตามทันเข้าสู่ชิ้นส่วนและไม่รู้ว่ามีใครอยู่บนนั้น เมื่อไร้คนบนชิ้นส่วนของหวังหลินช่วยเหลือ พวกเขาจึงไม่สามารถไล่ตามทันได้ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตามการติดตามชิ้นส่วนนี้พวกเขากลับปลอดภัยขึ้น รอยแยกอวกาศแสดงอาการว่ากำลังจะปิดตัวลงเมื่อชิ้นส่วนผ่านพวกมันไป ดังนั้นมันจึงดีกว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้

ยิ่งนานไปก็ยิ่งมีเหล่าเซียนเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นก่อเกิดเห็นหางยาวด้านหลังชิ้นส่วน พวกเขาติดตามมาอย่างใกล้ชิด

ในมุมมองแต่ละคน นี่คือหนทางเดียวในการรอดชีวิต! เป็นธรรมดาที่มีเซียนทรงพลังบางส่วนซึ่งไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนบนชิ้นส่วนได้มาถึงที่แห่งนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาร่อนลงบนชิ้นส่วนของหวังหลิน ไม่ว่าจะมีระดับบ่มเพาะอะไรก็แล้วแต่ พวกเขาลังเลสักพักก่อนจะยื่นส่งหินหยกสวรรค์เพื่อแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งบนสถานที่ชิ้นส่วนของหวังหลิน

เหตุผลหลักๆก็คือชื่อเสียงของหวังหลินที่ได้มาในการต่อสู้ข้างนอกประตูสวรรค์ แม้แต่เซียนขั้นรูปธรรมหยางยังเรียกเขาอย่างเคารพว่าผู้อาวุโสหลังจากเห็นหวังหลินบนนี้

หวังหลินจับกระเป๋าที่มีหินหยกสวรรค์และถอนหายใจ เมินเฉยคนพวกนี้ รู้สึกได้ว่าเฉินกงฮู่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ขณะนั้นชิ้นส่วนดินแดนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเขา ชิ้นส่วนแห่งนี้กว้างประมาณหมื่นฟุต ปลายขอบดินแดนกำลังแตกสลาย พื้นดินขนาดใหญ่กำลังหลุดออกมาทุกขณะเนื่องจากมันปะทะเข้ากับรอยแยกอวกาศ

มีคนอยู่สามคนกำลังยืนอยู่ด้านหลังชิ้นส่วนดินแดนแห่งนั้น ทั้งหมดเป็นเซียนขั้นรูปธรรมหยาง ด้านหลังแต่ละคนมีเซียนเกือบร้อยคนต่างมองมายังชิ้นส่วนที่พวกหวังหลินอยู่ด้วยความโลภ

“ทิ้งชิ้นส่วนแดนสวรรค์นั้นเอาไว้ซะ!” ชายหนึ่งในสามคนด้านหน้าสวมชุดคลุมสีทอง เปล่งเสียงน่าขนลุกดังก้อง

หวังหลินมองทั้งสามคนด้วยความสงบนิ่งและมองไปยังชิ้นส่วนกว้างหมื่นฟุตด้านล่าง พวกเขาต่างก็มีความคิดเดียวกันว่าจะใช้ชิ้นส่วนแห่งนี้นำทาง

ทว่าชิ้นส่วนที่พวกเขาได้รับมาไม่ได้ถูกทัณฑ์สวรรค์ปรับแต่ง ดังนั้นมันจึงไม่แข็งแรงเพียงพอ ชิ้นส่วนของพวกเขาแตกสลายอย่างต่อเนื่องและอาจต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่ในอีกไม่นาน

ชายชุดคลุมสีทองก้าวมาข้างหน้าเข้าไปในความว่างเปล่า เขาหลบเลี่ยงรอยแยกและมุ่งตรงมาหาชิ้นส่วนที่หวังหลินอยู่ อีกหนึ่งในสามคนนั้นเป็นชายชราชุดขาวก็ก้าวมาหาด้วย

พวกเขาทิ้งเซียนชุดสีน้ำเงินไว้คนเดียวบนแผ่นดินกว้างใหญ่นั้น และจ้องมองหวังหลินด้วยความเย็นเยียบ

หวังหลินยกแขนขวาขึ้นและชี้นิ้ว รอยสักกระดูกอสูรบนแผ่นหลังพลันลอยออกมาเปลี่ยนกลายเป็นกระดูกอสูรทันที

เขาดุร้ายทั้งสี่ส่องประกายเย็นเยียบ ลำแสงชั่วร้ายโผล่ขึ้นมาในรูกลวงของกระดูกอสูรและกลิ่นอายสังหารเข้มข้นเต็มไปทั่วบริเวณ

ก่อนที่ชายชุดทองจะใช้วิชาได้ ร่างกายเขาสั่นเทาในเสี้ยววินาทีและสีเทาๆเริ่มแพร่กระจายผ่านร่างกายเริ่มตั้งแต่ขาขึ้นมา สายตาเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ตีเข้าหน้าผากตัวเองและส่งวิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาโดยไม่ลังเล

หวังหลินเยาะเย้ยพลันตบกระเป๋านำธงวิญญาณพันล้านดวงออกมา มันเปลี่ยนกลายเป็นหมอกสีดำพุ่งเข้าใส่วิญญาณดั้งเดิมของชายคนนั้น

ชั่วขณะที่ชายชราชุดขาวอีกคนเข้ามาใกล้ ฝ่ามือสร้างผนึกและตะโกนก้องโดยไม่สนใจมิตรสหายตนเอง “วิชาเทพ ตัดสายฟ้า!” สายฟ้ารวบรวมเบื้องหน้าเขาอย่างบ้าคลั่งก่อเกิดเป็นคมมีดสายฟ้าคล้ายกับมันสามารถตัดโลกได้ทั้งใบ พุ่งตรงเข้าใส่หวังหลิน

พร้อมกันนั้นปรากฏเสียงหวีดหวิวแหลมคมออกมาด้วย

หวังหลินหรี่ตา ก่อนที่คมมีดสายฟ้าเข้ามาใกล้ เขารู้สึกถึงพลังดั้งเดิมจำนวนมากอยู่ภายใน จังหวะนั้นร่างกายหวังหลินกระพริบวาบ วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาและกลืนกินคมมีดสายฟ้าเข้าไป

หลังจากนั้นวิญญาณก็กลับเข้าร่าง ใบหน้าหวังหลินมีสีแดงขึ้นเล็กน้อย เขายืนตรงและมองชายชราอย่างเย็นชา จากนั้นก้าวเท้าและพุ่งออกไป

สีหน้าท่าทางชายชราชุดขาวเปลี่ยนไปมหาศาลและล่าถอยโดยไม่ลังเล ขณะนั้นเซียนชุดน้ำเงินอีกคนขมวดคิ้วและกระโจนออกมา

สายตาหวังหลินเย็นเยียบ ปกติเขาไม่ไปรังควาญคนอื่นก่อนอยู่แล้วแต่ถ้ามีใครมาตอแยเขา หวังหลินก็ไม่รั้งมือไว้แน่นอน!

หวังหลินชี้ชายชราชุดขาวและใช้วิชาเทพยับยั้ง ชายชราพลันรู้สึกว่าร่างกายจมเข้าไปในน้ำและถูกมัดจนทำให้หยุดชะงักลง ไม่เฉพาะแค่ร่างกายแต่วิญญาณดั้งเดิมยังได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เขาหยุดการใช้พลังดั้งเดิมไปอีกทอด

หวังหลินก้าวเท้าพร้อมกับใช้นิ้วเป็นกระบี่ ข้ามผ่านชายชราและชี้ระหว่างคิ้วอีกฝ่าย ชายชรากระอักโลหิตและเกิดการระเบิดออกมาจากในร่างกายจนแตกสลายในที่สุด วิญญาณดั้งเดิมของเขาหลบหนีมาด้วยความหวาดกลัว ดวงตาหวังหลินส่องสว่างยื่นฝ่ามือออกมาจับวิญญาณดั้งเดิมเอาไว้

“สหายเซียน หยุดก่อน!” เซียนชุดน้ำเงินส่งเสียงดังคำรามออกมา ร่างกายเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าพุ่งเข้าหาหวังหลิน ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและก่อเกิดกระบี่มายาลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว กระบี่กระพริบวาบราวกับเคลื่อนที่พริบตาและพลันปรากฏด้านหน้าหวังหลิน แทงเข้าใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม

หวังหลินบีบสลายวิญญาณดั้งเดิมในมือด้วยสายตาเย็นเยียบ เขาหันศีรษะมาและเปิดดวงตาที่สาม แสงสีแดงเปิดออกมาเป็นรูปใบพัดและครอบคลุมกระบี่มายานั้นไว้ทันที

ภายใต้ลำแสงสีแดงนั้น กระบี่มายาปลดปล่อยควันสีดำจำนวนมากออกมาและแตกสลายโดยพลัน

เซียนชุดน้ำเงินหยุดห่างจากหวังหลินไปร้อยฟุต เขาจ้องหวังหลินด้วยใบหน้ามืดมนและเอ่ยออกมา “วิชาของเจ้าช่างอัศจรรย์จริงๆ ขอให้จบเรื่องนี้ไว้เถอะ!” เขาระงับจิตสังหารของตัวเองและค่อยๆล่าถอย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!