809. เผ่าของผู้ต่ำต้อย
วิญญาณมังกรโบราณถือว่าอัศจรรย์ยิ่งในสายตาของผู้คน!
ตอนที่บรรพชนเผ่ามองดวงวิญญาณของหวังหลิน แววตาเผยความซับซ้อน ถอนหายใจก้าวเดินออกมาคำนับฝ่ามือ “ท่าน…ท่านเหนือเทพ ผู้ต่ำต้อยมีเรื่องอยากจะสอบถาม…”
หวังหลินไม่ได้มองชายชรา เขามาอยู่ข้างราชรถพลางจ้องไปยังอักขระรูนชิ้นที่หกแล้วค่อยกลืนกินโดยไม่ลังเล จากนั้นก็ตรงไปกลืนกินอักขระรูนชิ้นที่เจ็ดไปด้วย
เหตุการณ์นี้ทำให้ดวงตาทุกคนต้องหรี่คบและมองใกล้มากขึ้น
ณ ตอนนี้เจ้าฉวี่ลี่กั๋วหันสายตามา ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศชี้ใส่สมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือกและส่งเสียงตะโกน “เจ้านายข้ากำลังหลอมสมบัติ ถ้าไม่อยากตายก็อย่าข้ามเข้ามาในเขตพื้นที่นี่แม้จะแค่ครึ่งก้าวก็ตาม!”
คำพูดของเขานี้เต็มไปด้วยพลัง โดยเฉพาะสีหน้าท่าทางของฉวี่ลี่กั๋วที่มีต่อคนใครก็ตามที่รบกวนเจ้านาย มันปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังแพร่กระจายออกมาดุจพายุ
บรรพชนเผ่ารีบล่าถอยกลับไปหลายเก้าและกล่าวขึ้นอย่างนอบน้อม “เราจะไม่เข้าไปในระยะพันฟุต เราแค่มีคำถามสองสามอย่าง…”
ก่อนที่จะทันได้พูดจบ ฉวี่ลี่กั๋วตัดจังหวะ “หุบปาก ห้ามเจ้ารบกวนเจ้านายเว้นแต่จะข้ามศพข้าไปก่อน ทั้งชีวิตของข้าถูกนายท่านมอบให้ นายท่านช่วยชีวิตข้าไว้จากขุมนรก สั่งสอนวิชาและยอมให้ข้าสืบทอด นายข้าที่ทำให้ข้ามีพลังอำนาจในปัจจุบัน ถ้าเจ้าต้องการรบกวนนายท่าน ข้าฉวี่ลี่กั๋วจะไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนั้น!!!”
คำพูดฉวี่ลี่กั๋วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและมีสายตาเผยแสดงออกมาว่าสามารถยืนต่อหน้าทุกคน ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนถ้าเข้ามาทำร้ายเจ้านาย มันก็ยอมตายโดยไม่ย่นคิ้วแม้แต่น้อย มันคือฮีโร่!
ร่างบรรพชนเผ่าสั่นสะท้าน ประโยคนนี้เข้ามาในหูเข้ากลับมีอีกความหมายหนึ่ง ความจริงแล้วทั้งเผ่าต่างก็เป็นข้ารับใช้ให้กับเหล่าเทพ
“ข้ารู้ความหมายของการจงรักภักดีและเผ่าของข้าก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นเดียวกัน!” ชายชรามองฉวี่ลี่กั๋วด้วยความเคารพและคิดออกมา ‘ข้าไม่คิดว่าวิญญาณตนนี้จะภักดีขนาดน้ี ท่านเหนือเทพช่างโชคดีที่มีคนซื่อสัตย์!’
ต้าซานยืนอยู่ข้างชายชราพลางจ้องฉวี่ลี่กั๋วไปด้วย เขารู้สึกเรื่องนี้มีอะไรซับซ้อนกว่าเดิม
“ไม่ใช่ว่าเผ่าของข้าไม่ภักดี แต่คนที่เราภักดีด้วยกลับละทิ้งเรา…ไม่เหมือนวิญญาณตนนี้ที่มีคนคู่ควรจะภักดีด้วย…”
การแสดงของฉวี่ลี่กั๋วค่อนข้างเป็นธรรมชาติแต่ก็ถูกหวังหลินเมินเฉยโดยสิ้นเชิง สายฟ้าเต็มไปทั่ววิญญาณดั้งเดิมหวังหลินกำลังกระหน่ำใส่อักขระรูนสองชิ้นสุดท้าย พวกมันกำลังผ่านการหลอมในขั้นสุดท้าย
ขณะที่สายฟ้าดังสนั่นกึกก้องข้างในวิญญาณดั้งเดิม อักขระรูนหนึ่งชิ้นเริ่มแตกสลาย มันไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีแต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องกันไป
ด้วยกระบวนการนี้ ราชรถสังหารเทพภายใต้วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินซึ่งกระพริบแสงสีดำพลันค่อยๆเข้มข้นขึ้น ท้ายที่สุดแล้วราวกับมันถูกกลืนไปในแสงนี้
ภายใต้แสงกระพริบสีดำ ยามที่ผู้คนมองหวังหลิน จิตใจแต่ละคนจะเกิดการสั่นเทา
เหตุการณ์กระตุ้นให้เกิดความตื่นตกใจมหาศาลในสมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือก พวกเขาไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เลย
ฉวี่ลี่กั๋วยังคงแสงท่าทีอย่างเที่ยงธรรม ขณะที่คนอื่นไม่ได้มองดูมัน มันก็แอบมองหวังหลินและคิดขึ้นมาว่า ‘อะไรจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น? ปู่ฉวี่ก็ทำได้เช่นกัน มันก็แค่กลืนกินอักขระรูนเองนี่ แม้แต่ผู้คนข้าก็กลืนกินได้’ ฉวี่ลี่กั๋วเต็มไปด้วยความดูถูกแต่สายตาแสดงความเคาพรพเท่านั้น ใบหน้าชื่นลมและร่างกายกำลังสั่น
มองจากภายนอก มันดูเหมือนข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่กำลังตื่นเต้นจากวิชาของผู้เป็นนาย
ตอนที่ต้าซานเห็นสีหน้าท่าทางของฉวี่ลี่กั๋ว เขาพลันถอนหายใจออกมา จิตใจรู้สึกซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนบรรพชนลอบพยักหน้าและรู้สึกได้ว่าความภักดีของฉวี่ลี่กั๋วช่างน่านับถือยิ่งนัก!
ความจริงแล้วเหล่าสมาชิกเผ่าอมตะที่ถูกเลือกได้อาศัยอยู่ที่นี่มานานเกินไปโดยไม่ได้ติดต่อกับคนภายนอก แม้พวกเขาไม่ได้เป็นคนโง่แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วเนียนมากและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างดี ประสบการณ์เกือบพันปีทำให้มันปรับปรุงวิชาให้ดียิ่งขึ้น ถ้ามีใครสักคนสามารถมองมันออกได้ง่ายๆ เมื่อนั้นมันคงไม่ใช่ฉวี่ลี่กั๋ว
ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินพลันขยับ เสียงสายฟ้าในวิญญาณทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม เมื่อพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมันก็หยุดลงทันที
แววตาของวิญญาณหวังหลินส่องสว่างเจิดจ้าและในที่สุดอักขระรูนสองชิ้นสุดท้ายก็ได้ดูดซับไป ตอนนี้มีการตัดสินใจสำคัญยิ่งวางอยู่ตรงหน้า
‘ฉันควรจะหลอมมันให้เข้าไปในสมบัติเชื่อมชีวิตดีไหม?’ หวังหลินขบคิดเงียบๆอยู่ชั่วครู่ อักขระรูนเจ็ดตัวผสานเข้าด้วยกันจนก่อตัวเป็นอักขระพิเศษใกล้ๆกับหน้าอก แสงสีดำรวมตัวกันจากราชรถและประทับอยู่บนหน้าอกเขา
“ราชรถสังหารเทพ ปลดผนึก!” ข้อความสัมผัสวิญญาณนี้แพร่กระจายออกมาดุจสายฟ้า แสงสีดำทั้งหมดเข้าไปในร่างหวังหลิน จากนั้นหนามแหลมนับไม่ถ้วนก็เริ่มกระพริบและเกิดภาพเงามายาขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันคืออสูรวิญญาณสูงเกือบพันฟุต ขณะปรากฏขึ้นมามันส่งเสียงคำราม สมาชิกเผ่าทั้งหมดสีหน้าซีดเผือด ต้นไม้ระหว่างคิ้วกระพริบรวดเร็วและอดไม่ได้ที่จะถอยร่น มีไม่กี่คนที่ระดับบ่มเพาะทรงพลังถึงจะคงอยู่ได้เล็กน้อยก่อนจะถอยโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
เส้นขนเจ้าอสูรยุงตั้งชูชันและระเบิดเสียงคำรามออกมา ทำนองเดียวกันเจ้าคางคกสายฟ้าพองตัวและเตรียมจะใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุด
มีแต่เพียงฉวี่ลี่กั๋วเท่านั้นที่ยังดิ้นรนตะโกนออกมา “ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ…”
อย่างไรก็ตามก่อนที่มันได้จะพูดจบ อสูรตัวใหญ่ยักษ์หันศีรษะมามองฉวี่ลี่กั๋ว เจ้าฉวี่ลี่กั๋วหวาดกลัวจนกลืนครึ่งประโยคหลังลงคอ
‘ปู่ฉวี่ของเจ้าได้สืบทอดวิญญาณกระบี่โบราณมา เมื่อข้าดูดซับมันเสร็จสิ้นก็คอยดูเถอะว่าใครกันแน่ที่จะต้องหวาดกลัว!’ แม้ฉวี่ลี่กั๋วจะสาปแช่งอยู่ในใจแต่มันก็รีบล่าถอยจนอยู่ห่างไกลในพริบตา
หวังหลินจ้องอสูรเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ วิญญาณดั้งเดิมลอยกลับเข้าร่างกาย จากนั้นพาร่างลอยขึ้นสู่กลางอากาศ
ขณะอสูรวิญญาณร้องคำราม มันถอนสายตาออกมาและมองหวังหลินที่กำลังเข้ามาหา มันเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนมาถึงเบื้องหน้าหวังหลินแล้วและพยายามกลืนกินอีกฝ่าย
หวังหลินสงบนิ่งและไม่ล่าถอย แต่กลับเข้าไปใกล้กว่าเดิมและเอ่ยเสียงเบาแทน “แตกสลาย!”
อสูรวิญญาณแตกสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วนเต็มไปทั่วบริเวณ แต่มันก็ก่อร่างขึ้นมาใหม่ในทันที สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าหาหวังหลินอีก
หวังหลินกล่าวน้ำเสียงสงบนิ่งอีก “แตกสลาย!”
คราวนี้ขณะที่อสูรวิญญาณพุ่งออกมาในเวลาไม่นาน ร่างก็แตกสลายไปอีกครั้ง
“หลังผสานเข้ากับเจ็ดอักขระรูน ถ้าเจ้าหลอมมันเป็นสมบัติเชื่อมชีวิต เมื่อนั้นเจ้าก็จะสามารถควบคุมมันได้ตามปกติ ทว่าถ้าเจ้าเลือกจะหลอมเป็นสมบัติเชื่อมชีวิต เมื่อนั้นเจ็ดอักขระรูนจะสามารถใช้เพื่อทำลายอสูรวิญญาณได้เจ็ดครั้ง เป็นโอกาสเจ็ดครั้งที่จะทำให้อสูรวิญญาณยอมจำนน”
“ถ้าหากอสูรวิญญาณยังไม่ยอมจำนนหลังจากผ่านไปเจ็ดครั้ง เมื่อนั้นเจ้าต้องหลอมมันเป็นสมบัติเชื่อมชีวิต ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สมบัติชิ้นนี้!” ประโยคจากหินหยกสวรรค์ปรากฏขึ้นมาในใจหวังหลิน
หลังจากอสูรวิญญาณแตกสลายไปแล้วสองครั้ง สายตามันยิ่งดุร้ายมากขึ้นกว่าเดิม มันร้องคำรามโหดเหี้ยมทวีคุณ จากนั้นร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่และพุ่งออกมาอีก คราวนี้มันแบ่งร่างออกเป็นหลายส่วนและโจมตีหวังหลินจากทุกทิศทาง
หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นคนโหดเหี้ยมและมุ่งมั่น หลังจากบ่มเพาะฝึกฝนเซียนมาพันปีจึงได้พัฒนาวิถีทางของตนเอง เห็นได้ชัดว่าอสูรวิญญาณตนนี้ยังไม่ยอมจำนนเพราะเขาไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บเพียงพอ!
หวังหลินกล่าวขึ้นมาด้วยสายตาเย็นเยียบ “แตกสลาย! แตกสลาย! แตกสลาย!”
หลังกล่าวไปสามคำ อสูรวิญญาณที่กำลังพุ่งเข้ามาก็แตกสลายทันทีและถูกดันถอยกลับไป จากนั้นก็เกิดการแตกสลายครั้งที่สองต่อเนื่อง
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากข้างในการแตกสลาย ขณะนั้นเกิดการแตกสลายขึ้นอีกครั้งกลายเป็นแตกดับไปสามครั้งต่อเนื่องส่งผลให้อสูรวิญญาณได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสเหนือจินตนาการ
ถ้าการแตกสลายไม่ได้ดำเนินต่อเนื่องมันก็ยังสามารถทนรับไหว แต่การแตกสลายต่อเนื่องสามครั้งทำให้มันเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ
จังหวะที่เกิดความหวาดกลัว ร่างกายก็เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่และมีความลังเลอยู่บ้าง คราวนี้ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบและเอ่ยอีก “แตกสลาย!”
อสูรวิญญาณที่พึ่งก่อร่างขึ้นมาใหม่พลันแตกสลายอีกครั้งเสียงดังปัง ความหวาดกลัวที่พึ่งก่อตัวขึ้นมายิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว ท้ายที่สุดมันก็เกือบครอบงำวิญญาณอสูรได้อย่างสิ้นเชิง
ร่างมันก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แววตาเผยความเคารพ ไม่กล้าต่อต้านและก้มหัวมันเพื่อยอมจำนน
หวังหลินกระพริบร่างและก้าวขึ้นสู่อากาศ วินาทีถัดมาเขาก็มาถึงยอดศีรษะของอสูรวิญญาณ กัดนิ้วเล็กน้อยและประทับตราพิเศษเพื่อเรียกใช้งานราชรถบนศีรษะเจ้าอสูรวิญญาณ
ร่างอสูรวิญญาณสั่นเทาและเริ่มหดลง หวังหลินกระโจนออกมองดูร่างที่กำลังหดอย่างรวดเร็วเบื้องหน้า วินาทีถัดมามันก็กลายเป็นหมอกทรงกลมขนาดเท่ากำปั้น จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นของแข็งคล้ายรังไหม
คลื่นเสียงแตกร้าวปรากฏขึ้นมาและมีรอยร้าวเกิดขึ้นบนรังไหม จนในที่สุดมันก็แตกสลายออกไปก่อตัวเป็นผีเสื้อห้าสีกระพือปีกอย่างบางเบาพัดพาฝุ่นผงห้าสีพร้อมกับลอยออกมาจากรังไหม
ผีเสื้อตัวนี้งดงามยิ่งและทำให้ดวงตาหวังหลินต้องหรี่แคบ
ขณะนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านล่างเตาหลอมหยินลี้ลับกระพริบขึ้นและมีคนผู้หนึ่งเดินออกมา ร่างเขากระพริบวูบวาบก่อนจะพุ่งเข้าหาประตู ปรากฏตัวใกล้ประตูและพุ่งออกไป
คนผู้นี้เป็นบุรุษสวมชุดคลุมสีฟ้า ดวงตาเย็นเฉียบ
“ข้ารับใช้ที่ต่ำต้อยของดินแดนนี้กำลังทำอะไรกัน?”