Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 814

Cover Renegade Immortal 1

814. ต้าซาน องครักษ์เทพ

หวังหลินอ้าปาก ตราประทับผนึกเทพลอยเช้าไปในปากและถูกสายฟ้าในวิญญาณดั้งเดิมปรับแต่งอีกที

‘หลังผ่านไปอีกสักพัก สมบัติชิ้นนี้จะมีสายฟ้าจากวิญญาณดั้งเดิมของข้าแน่นอน!’

หลังกลืนกินตราประทับ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นพลางตบกระเป๋านำธงสีม่วงสามผืนออกมา ธงทั้งสามห่อหุ้มกันและกันและปลดปล่อยกฏเกณฑ์กระพริบวูบวาบ

ก่อนหน้านั้นผู่ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีได้ถูกหวังหลินผนึกไปพร้อมกับธงสามผืนนี้

หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกพลางชี้นิ้วออกไป กฏเกณฑ์บนผืนธงหายไป วิญญาณดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นลอยออกมา สายตาหวาดกลัวและพยายามหาจังหวะเคลื่อนที่พริบตาหลบหนีเป็นอิสระ

หวังหลินตบกระเป๋าด้วยสายตาเยือกเย็น ธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงลอยออกมาเปลี่ยนเป็นก้อนเมฆดำยักษ์กลืนกินวิญญาณดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นคนนั้น

“สหายเซียนอย่าฆ่าข้า ข้าขอแลกชีวิตกับสมบัติล้ำค่า สมบัติล้ำค่า!!” ผู้ส่งสาส์นเริ่มดื้นรนอยู่ในก้อนเมฆดำและอ้อนวอนขอความเมตตา

หวังหลินเอ่ยถามด้วยสายตาเย็นชา “สมบัติล้ำค่าอันใด?”

ผู้ส่งสาส์นตะโกนทันที “หินทุกชั้นฟ้า! ข้ารู้ว่าสหายเซียนจะหาหินทุกชั้นฟ้าได้จากที่ไหน หากสัญญาว่าจะปล่อยข้าไป ข้าจะนำทางไปที่นั่นทันที!”

ฝ่ามือหวังหลินสร้างผนึก ใบหน้าไร้อาการใดๆ ก้อนเมฆสีดำกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมทันทีและผนึกไว้ในผืนธง

‘หินทุกชั้นฟ้า…’ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและไม่คิดต่ออีก แววตาตกลงบนธงสามผืนกลางอากาศและยื่นมืออกไป แขนสัมผัสกับธงส่งแกนพลังดั้งเดิมเข้าไปปรับแต่งมัน กวาดสัมผัสวิญญาณออกและประทับของตัวเองลงไป

‘นี่มันสมบัติป้องกันที่หาได้ยาก!’ ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วธูปดวงตาหวังหลินก็ส่องสว่างขึ้นมา โยนธงสามผืนเข้าไปกลางอากาศ พวกมันเริ่มหมุนรอบร่างเขาอย่างรวดเร็วก่อเป็นวังวนสีม่วงแฝงความสามารถการป้องกันในระดับหนึ่ง

พลังดั้งเดิมในร่างหวังหลินพรั่งพรูเข้าไปในวังวนสีม่วงจนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น มันเพิ่มความเร็วขึ้นหลายเท่าและเกิดหมอกสีม่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งร่างหวังหลินถูกซ่อนไว้ในหมอกม่วงอย่างสิ้นเชิง

หลังผ่านไปสามลมหายใจ หมอกก็หายไป หวังหลินสะบัดแขนเก็บธงสามผืนไว้ในกระเป๋า

‘พลังของสมบัติชิ้นนี้ไม่เลวนัก!’ หวังหลินแตะกระเป๋านำยันต์สีเหลืองสองใบขึ้นมาไว้ในมือ

แม้แต่ตอนนี้หวังหลินก็ยังไม่สามารถมองทะลุยันต์เซียนสองแผ่นนี้ได้ หลังจากสังเกตมันอย่างละเอียดหวังหลินก็เก็บกลับไป

สูดหายใจลึก ดวงตาส่องสว่างเจิดจ้า แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อตั้งมั่นได้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติภายในระยะห้าลี้ จึงสัมผัสกระเป๋า

แสงสีทองกระพริบวาบ พลังปราณสวรรค์เติมเต็มทั่วอากาศ ตำหนักขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นในฝ่ามือหวังหลิน ขณะนั้นหัวใจหวังหลินกำลังเต้นเร็วยิ่ง แววตาตกลงบนตำหนักด้วยความตื่นเต้น

‘หากถามว่าสิ่งใดที่ข้าเก็บจากแดนสวรรค์อัสนีได้ใหญ่ที่สุดมันคงเป็นสิ่งนี้! ตำหนักของสะสม!’ หวังหลินเลียริมฝีปาก กลัวจะมีใครเอามันไปเพราะมันมีค่ามากมายมหาศาล!

“จะมีวิชาเทพอยู่ในนี้มากขนาดไหน…” สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแต่ก็ข้ามตัวเองเอาไว้ได้ในภายหลัง

‘ด้วยระดับบ่มเพาะของข้า ข้าสามารถเข้าไปได้แค่ชั้นสี่เท่านั้น แม้ข้าจะเคยใช้แม่นางชุดขาวเพื่อเข้าไปชั้นเก้า ข้าก็ไม่สามารถทำลายกฏเกณฑ์ข้างในเพื่อได้รับวิชาเทพอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นของชิ้นนี้ล้ำค่าเกินและอาจจะมีกฏเกณฑ์ไม่กี่อย่างที่ข้าสามารถเข้าไปได้ ที่นี่ตอนนี้ไม่ปลอดภัยโดยสมบูรณ์ ข้าไม่อาจศึกษามันอย่างละเอียดที่นี่ได้’

หวังหลินระงับความต้องการอยู่ในใจก่อนจะสูดหายใจลึกนำมันกลับใส่กระเป๋า ทว่าหวังหลินลังเลเสียก่อนแล้วจึงนำมันออกมาอีกครั้ง ใช้ผนึกที่เรียนรู้จากคราวก่อนเพื่อทำให้ตำหนักหดเล็กลงจนกระทั่งเหลือเพียงเล็บก้อย

จากนั้นนำกระเป๋าอีกใบออกมาเก็บตำหนักใส่เข้าไป จากนั้นเปิดเสื้อออก ผ่าเปิดหน้าอกและวางกระเป๋าเข้าไป รอยแผลสมานตัวอย่างรวดเร็วภายใต้อำนาจของพลังดั้งเดิม

‘วิธีนี้จะไม่มีใครรู้ว่าตำหนักของสะสมอยู่ที่นี่!’ หวังหลินตบหน้าอกตัวเองและเผยรอยยิ้ม

ยังมีกระเป๋าอีกหลายใบที่เต็มไปด้วยหินหยกสวรรค์ หินหยกมีจำนวนมากและทั้งหมดคือสิ่งที่เขาได้รับมาในแดนสวรรค์อัสนี

หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสองเดือน หวังหลินก็จัดเรียงสิ่งที่เก็บเกี่ยวจากการเดินทางไปแดนสวรรค์อัสนีได้เสร็จสิ้น

‘ถึงเวลาออกไปแล้ว!’ หวังหลินลุกขึ้นยืนและลอยขึ้นสู่อากาศ เจ้าอสูรยุงร้องเสียงดีใจพลางนำพาหวังหลินเข้าไปหาในสิ่งก่อสร้างในเมือง

คางคกสายฟ้ากรอกสายตาและกระโดดไกลเสียงดังปัง ตามเจ้าอสูรยุงจากบนพื้น

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้พื้นที่อาศัยของเผ่าอมตะที่ถูกเลือก ดวงตาหวังหลินหรี่แคบ มองเห็นลานกว้างที่เต็มไปด้วยเด็กๆและสตรี

ใจกลางลานกว้างคือแท่นแม้กว้างสามสิบฟุต มีคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนนั้นและมันคือต้าซาน!

สีหน้าท่าทางของต้าซานซีดขาว ดวงตาสลัว กลิ่นอายแ่หงความตายล้อมรอบร่างกายชัดเจนจนใกล้ความตายในทุกขณะ

เมื่อเห็นสิ่งนี้หวังหลินก็ขบคิดเงียบๆ สองเดือนก่อนหวังหลินเห็นอยู่แล้วว่าต้าซานเหมือนตะเกียงที่ไร้น้ำมัน ประทับตราทาสในต้าซานแข็งแกร่งยิ่ง ราวกับประทับไว้ในสายโลหิตและมันไม่ยอมให้เขาต่อต้าน

กล่าวได้ว่าต้าซานเป็นคนแรกที่ต่อต้านแต่ผลพวงที่ได้คือรอยสักบนร่างกายทั้งหมดสะท้อนพลังตีกลับ จึงไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้

เขามีชีวิตอยู่ได้สองเดือน แต่วันนี้เขาก็มาถึงจุดจบและไม่สามารถอยู่รอดได้นานกว่านี้แล้ว

ด้านข้างต้าซานคือบรรพชนเผ่าผู้เต็มไปด้วยความเศร้าโศก สองหยาดโลหิตไหลรินลงถึงแก้ม

“หลานปู่…” ชายชราเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ไม่ได้เรียกต้าซานแบบนี้มานานแล้ว

รอบด้านเงียบสงัดแต่กลับมีสัมผัสอันโศกเศร้าอยู่รอบด้าน ผู้คนมองต้าซานอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าแต่ละคนเศร้าหมอง

“ต้าซาน…”

“ต้าซาน…”

เสียงกระซิบค่อยๆดังขึ้นจากเผ่า น้ำเสียงผสานรวมกันและเป็นตัวแทนเสียงของทั้งเผ่า

“ต้าซาน…”

ในจิตใจแต่ละคน ต้าซานคือฮีโร่ของเผ่าอมตะที่ถูกเลือก ไม่มีใครสามารถต่อสู้ต้านทานประทับตราทาส มีเพียงต้าซานที่ไม่มีวันยอมจำนน เป็นคนแสดงให้ทั้งหมดได้เห็นว่าประทับตราทาสคือสิ่งที่ไม่อาจต่อต้านได้!

แม้กระนั้นราคาของการต่อต้านคือชีวิตของเขาเอง…

สติของต้าซานตกอยู่ในภวังค์ ดวงตาสลัวมองไปยังท้องฟ้า เกิดความรู้สึกคลุมเครือเหมือนกลับไปเป็นเด็กที่ฟังสมาชิกเผ่าพูดคุยกัน

“เหล่าเทพคือนายเหนือหัวของเผ่าเรา ทุกคนในเผ่าต้องอุทิศตัวเองเพื่อรับใช้เหล่าเทพ นี่คือหน้าที่และความภาคภูมิใจของเรา เราคือผู้ส่งสาส์นของเหล่าเทพในโลกใบนี้…มันคือหน้าที่อันทรงเกียรติ!”

หยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาต้าซาน เขาเกลียดโลกใบหน้าที่ไร้ความยุติธรรม เกลียดเทพทั้งหมด!

ร่างหวังหลินร่อนลงจากอากาศและยืนอยู่ตรงปลายขอบลานกว้างพร้อมกับขบคิดเงียบๆ

ชายชรามองต้าซานและขบฟันกรามแน่น จากนั้นหันกลับมามองผู้คนรอบๆด้านและกล่าวเสียงดัง “ต้าซานถูกต้อง ชนรุ่นเราที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ นี่คือสิ่งที่เราได้คืนมาหรือ?! อสูรหมอกที่ฆ่าล้างสมาชิกเผ่าของเรานับไม่ถ้วน!”

“และทั้งหมดนี้ก็เพราะเหล่าเทพ ในสายตาของเทพ พวกเราเป็นเพียงแค่อาการให้กับอสูรหมอก!!” รอบด้านเงียบสนิท ผู้คนต่างมองชายชรา เกิดพลังหนึ่งก่อตัวขึ้นมาและสะสมในร่างแต่คน…

“ครั้งหนึ่งต้าซานบอกว่าข้าเหล่าเทพไม่มีอยู่อีกแล้ว แดนสวรรค์ล่มสลายไปนานแล้ว! ข้าต้องเก็บซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่ที่เขาบอกข้า แต่วันนี้ข้าจะบอกทุกคน!” แววตาชายชราประหลาดไป เป็นสายตาที่เกือบจะบ้าคลั่งไปแล้ว

หลังกล่าวประโยคนั้น รอบด้านทั้งหมดต่างเกิดความโกลาหล ข่าวใหม่นี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงมหาศาลและพลังที่ก่อตัวขึ้นมาในร่างแต่ละคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ผู้มีพระคุณ ข้าพูดถูกใช่ไหม?!” สายตาเขาตกลงมายังหวังหลินซึ่งอยู่ปลายขอบลานกว้าง

สายตาทุกคนหันมามองหวังหลินรอคอยคำตอบ ตั้งแต่ที่หวังหลินสังหารเทพเมื่อสองเดือนก่อน ชายชราก็เริ่มเรียกเขาว่า “ผู้มีพระคุณ”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ วินาทีถัดมาเขาก็พยักหน้าและเอ่ยตอบ “แดนสวรรค์ล่มสลายไปแล้วและเหล่าเทพไม่คงอยู่มาช้านาน หากจะมีสักคนเหลืออยู่ นับว่ายากยิ่งนัก!”

ชายชราตื่นเต้นและตะโกน “แดนสวรรค์ล่มสลายไปแล้วและเหล่าเทพยังทำกับเผ่าเราเช่นนี้ ทำไมเราไม่ต่อต้าน!? ถ้าเราตายก็ควรตายด้วยเกียรติเหมือนต้าซาน!”

น้ำเสียงแก่ชราแต่แฝงด้วยพลังอำนาจที่ส่งผลถึงจิตวิญญาณ ทะลุผ่านสมาชิกของเผ่า แต่ละคนเผยสายตาออกมา เป็นสายตาที่ต่อต้านจนถึงที่สุด ยอมตายดีกว่ากลายเป็นทาสและเป็นอาหารให้กับอสูรหมอก

“ต่อต้าน!” หนึ่งในสมาชิกเผ่ากำหมัดขึ้นและส่งเสียงกระซิบ หลังจากนั้นก็มีอีกหลายเสียงดังขึ้นให้ได้ยิน

“ต่อต้าน!”

“ต่อต้าน!”

หลายเสียงดังต่อเนื่องกันจนก่อเกิดเป็นพายุ!

ขณะหวังหลินขบคิดเขาก็มองต้าซาน ผ่านสักพักก็กระซิบขึ้นมา “ข้าสามารถทำให้เขาไม่ตายได้!”

แม้เสียงจะเบาบางแต่เข้าไปในหูของสมาชิกเผ่ารอบด้าน โดยเฉพาะชายชรานั้นร่างกายสั่นเทา ดวงตาตื่นเต้นและเดินเข้าหาหวังหลิน คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าสิบฟุต หยาดน้ำตาไหลรินลงแก้มพลางกล่าว “ผู้มีพระคุณ ท่านกล่าวเรื่องจริงหรือ?”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและกล่าวออกมา “ข้ามั่นในครึ่งเดียวเท่านั้น! อย่างไรถ้าหากวิชาข้าสำเร็จ เมื่อนั้นแม้ต้าซานจะไม่ตาย เขาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้สติ ซึ่งไม่ว่าเขาจะได้สติคืนมาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!