888. รูปปั้นหวังหลิน
เด็กหัวโตเห็นดาวเคราะห์เซียนดวงนี้มาตั้งแต่ไกลแล้ว จากความเข้าใจด้านดาราจักรพันธมิตรเซียน ดาวดวงนี้ควรจะเป็นดาวเคราะห์ระดับหก
ด้วยระดับบ่มเพาะเช่นเขา แคว้นเซียนระดับหกไม่คู่ควรให้ใส่ใจและคงไม่ต้องกล่าวถึงเซียนนับร้อยที่ตามมาด้วย เหตุผลที่เขามาที่นี่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือเป็นทางผ่าน
ภารกิจจริงๆของเขาคือเป็นแนวหน้ากลุ่มแรกในการเข้าสู่ฝั่งใต้และสอดแนมสถานการณ์ที่นี่
ขณะที่เขาเข้ามาอย่างช้าๆ สีหน้าหญิงชรานอกดาวซูซาคุยิ่งมืดมน เซียนคนอื่นๆพร้อมกับนางต่างก็ใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อกลับสู่ดาวซูซาคุ
เมื่อเด็กหัวโตเห็นเช่นนี้ต่างก็หัวเราะ ใบหน้าเปื้อนยิ้มยิ่งมีมากมาย
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้กระทั่งเซียนทุกชั้นฟ้าเบื้องหน้าต่างก็หัวเราะเช่นกัน ในสายตาแต่ละคนดาวเคราะห์นี้มันอ่อนแอเกินไป!
เซียนขั้นมายาหยินคนใดก็สามารถกวาดล้างทั้งดวงดาวได้!
“เทพผู้ส่งสาส์น ปล่อยให้เราสองคนไปที่ดาวแห่งนี้เถอะ!” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาด้านหลังเด็กหัวโต เขาไม่ใช่เซียนขั้นมายาหยินแต่เป็นขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดเท่านั้น สายตามองเด็กหัวโตเต็มไปด้วยความเคารพ
อีกคนติดตามด้านหลังก็เป็นชายวัยกลางคนด้วย ทั้งสองคนหน้าตาคล้ายกันยิ่ง
เด็กหัวโตกวาดสัมผัสวิญญาณผ่านไปบนดาวซูซาคุแฝงความดูถูก หากเขาต้องการทำลายดาวดวงนี้มันคงง่ายดายเดินไป “ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบห้านาที ฆ่าเซียนทั้งหมดที่นี่ให้ข้า!”
สองพี่น้องหัวเราะ หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “เทพผู้ส่งสาส์นสบายใจได้ ดาวเคราะห์เซียนดวงนี้ไม่จำเป็นต้องใช้สิบห้านาทีหรอก เราใช้แค่เจ็ดนาทีเท่านั้น!” สิ้นคำพูดเขาก็พุ่งตัวเข้าหาดาวซูซาคุดุจอุกกาบาต
ผู้น้องติดตามเขาไปด้วยจิตสังหาร พริบตาเดียวทั้งสองก็ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศและมาถึงเหนือดาวซูซาคุ
โจวหวู่ไท่ยืนอยู่ยอดเขาซูซาคุ ดวงตาดุจสายฟ้า กลิ่นอายทรงพลังพรั่งพรูออกมาจากร่าง กระบี่เล่มบางลอยอยู่เบื้องหน้า เขายืนอยู่ด้านบนและเผยสีหน้ามุ่งมั่ง
เหล่าเซียนยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบๆ
ที่นี่มีเซียนน้อยคนที่หวังหลินเคยเจอ ทั้งหมดผ่านเวลามาหลายร้อยปีแล้ว หญิงชรานามไป๋เชว่เหินลงมาจากท้องฟ้า นางเป็นผู้อาวุโสสำนักเส้นทางอมตะ ดาวซูซาคุคือบ้านของนาง ดังนั้นนางต้องปกป้องไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
คนผู้หนึ่งสวมชุดสีเหลืองเป็นชายชราคู่ควรที่จะกล่าวถึง เขามีบรรยากาศดุจเทพและมีกระบี่หนึ่งเล่มแนบไว้ด้านหลัง ทว่าเขาอยู่กลุ่มคนหลังๆจึงเห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาไม่ได้สูงมาก
หากหวังหลินเห็นเขาคงตกตะลึง เขาคือจ้าวสำนักเหิงยั่ว ฮวงหลง!
ตอนนี้เขามีสีหน้าเคร่งเครียดและไม่แฝงการแสร้งทำอีกต่อไป แต่กระนั้นยังมีความเพลิดเพลินที่ไม่มีใครมองออกอยู่ด้วย
“ตั้งแต่สหายเซียนหวังหลินทิ้งตำแหน่งซูซาคุไว้ให้ข้า ข้าสัญญาว่าจะมีชีวิตและตายพร้อมกับดาวซูซาคุ วันนี้ศัตรูอยู่เบื้องหน้าเรา แม้ข้าจะพังพินาศ ข้าจะไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว!”
ด้านหลังโจวหวู่ไท่มีเซียนขั้นเทวะสองคน ทั้งคู่ต่างเป็นชายชราและหากหวังหลินอยู่ที่นี่คงจะจดจำพวกเขาได้ทันที
สองคนนั้นถอนหายใจ พวกเขามองหน้ากันเองพลางเผยสายตามุ่งมั่น ไม่มีทางหลบหนี นี่มันไม่ใช่สงครามธรรมดาแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองดาราจักร!
พวกเขารู้เรื่องนี้หลังจากได้รับข้อมูลจากสมาพันธ์เซียน โชคดีที่พวกเขาเตรียมการเรื่องนี้ไว้ก่อนไม่เช่นนั้นคงตายโดยไม่ต้องสงสัย
ณ อีกด้านหนึ่งบนดาวซูซาคุ หยุนเซว่จื่อลืมตาขึ้นมาหลังจากปิดด่านฝึกตนมาหลายร้อยปี เขาดูแก่มากกว่าเดิม รอยสักกระพริบบนหน้าผาก ยืนขึ้นและก้าวเท้าออกไป ปรากฏตัวกลางอากาศมุ่งตรงไปข้างหน้า
เผ่าละทิ้งอมตะรวมตัวกันทีละคนด้านหน้าเขา สีหน้าแต่ละคนเคร่งเครียดยิ่ง
ขณะเดียวกันเซียนบางส่วนที่ไม่รู้เรื่องทางโลกพลันเดินออกมา พวกเขามองบนท้องฟ้าที่ปรากฏแรงกดดัน
แรงกดดันดุจภูเขาหลายลูกกำลังหล่นมาจากท้องฟ้า ใครที่กล้าต่อต้านจะถูกบดขยี้!
ณ สำนักเมฆาฟ้า ไท้หยานแก่ชราและดวงตาสลัว ร่างกายห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย อายุขัยกำลังจะถึงขีดจำกัด เขาดิ้นรนไปยืนตรงลานสำนักเมฆาฟ้าและมองไปด้านบนอย่างเงียบๆ
วินาทีนี้เซียนทั้งหมดบนดาวซูซาคุต่างก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าไกล เซียนหลากหลายสำนักจากแคว้นระดับห้าจนถึงระดับสามทั้งหมดมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าเครียด สองอุกกาบาตตัวแทนแห่งหายนะสำหรับดาวซูซาคุกำลังตกลงมา!
สองอุกกาบาตคือสองพี่น้องจากดาราจักรทุกชั้นฟ้า!
วินาทีที่ทั้งสองมาถึง พวกเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะแต่ละคนโอหังอย่างยิ่ง ทั้งสองมีความสามารถที่จะทำเช่นนี้ บนดาวซูวาคุนั้นเซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดนั้นมีพลังอำนาจแข็งแกร่งและเพราะพวกเขามากันเป็นคู่จึงเป็นพลังอำนาจน่ากลัว
“แม้กระทั่งดาวเคราะห์ร้างดวงนี้ยังมีเซียนมากมาย หากอยู่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า คงไม่มีใครครอบดาวเคราะห์เช่นนี้ ดาราจักรพันธมิตรเซียนมันก็แค่นั้น!” ขณะที่เสียงหัวเราะกระจายออกไปมันได้แผ่พลังอำนาจออกไปด้วย สัมผัสวิญญาณบุกข้ามไปทั่วดาว
วินาทีนั้นขั้วอำนาจแห่งดาวซูซาคุ หยุนเซว่จื่อ โจวหวู่ไท่และเซียนขั้นเทวะคนอื่นๆต่างก็เหาะเหินขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเตรียมการเพื่อทำสงคราม!
ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้น เซียนที่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปได้ผ่านไปถึงสำนักเมฆาฟ้า และที่นั่นราวกับเขาถูกสายฟ้าผ่าลงกลางใจ ราวกับสายฟ้านับหมื่นสายระเบิดอยู่ข้างหูทำให้เขาตัวแข็งทื่อ ความคิดสั่นเทา ดวงตาเบิกโพลน ใบหน้าไม่เชื่อสายตาตัวเอง กระทั่งความหวาดกลัวเริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย
“นี่…นี่มัน…”
รูปปั้นใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงประตูของสำนักเมฆาฟ้า มันคือรูปปั้นหวังหลิน! รูปปั้นคล้ายมีชีวิตชีวาแห่งนี้แสดงรูปลักษณ์ของหวังหลินได้อย่างชัดแจ้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาเย็นเยียบเสียแทงกระดูกนั่น!
เมื่อเซียนทุกชั้นฟ้าอีกคนเห็นสีหน้าผู้เป็นพี่ว่าตกใจ เขาแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปจับจ้องไปบนรูปปั้นนั้น ร่างกายสั่นเทา เผยความหวาดกลัวสิบเท่า ไม่สิมันมากกว่าร้อยเท่าอีก!
“ปิศาจ…จ้าวปิศาจซิ่วมู่!”
ทั้งสองหนังศีรษะด้านชาและหัวใจเต้นกระดอน มองหน้ากันเองด้วยความไม่เชื่อและต่างเห็นความตื่นตระหนก ชื่อเสียง “จ้าวปิศาจซิ่วมู่” โด่งดังเกินไปในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!
ในระหว่างการแข่งขันตำแหน่งเทพ เขาได้รับตำแหน่งเทพสายฟ้าและสามารถสั่งการเซียนได้สามพันคน เกียรติยศเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะได้รับ เรื่องนั้นแม้กระทั่งบรรพชนพวกเขายังต้องเคารพตอนที่พบเจอจ้าวปิศาจซิ่วมู่
กระทั่งเด็กหัวโต เทพผู้ส่งสาส์นยังต้องสั่นเทาต่อหน้าจ้าวปิศาจซิ่วมู่
ทั้งสองสาปแช่งในใจ ความโอหังและจิตสังหารหายไปและถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก ทั้งสองรีบเหาะหนีโดยไม่ลังเล
พวกเขารู้เรื่องจ้าวปิศาจซิ่วมู่ดีเกินไป ชื่อเสียงนี้เป็นตัวแทนของนักฆ่าผู้ฆ่าล้างไม่รู้จักจบสิ้น การต่อต้านเขาผู้นี้หมายถึงความตายโดยไม่ต้องสงสัย!
ศิษย์น้องขุนนางเทพฉิงชุ่ย เทพสายฟ้า อันดับหนึ่งในหมู่รุ่นเยาว์แห่งเซียนทุกชั้นฟ้า ผู้มีบุญคุณต่อตระกูลเซียนนับไม่ถ้วนและเป็นคนที่ทำให้ตระกูลเหยาต้องเสียหายหนักหน่วงหลังจากถูกไล่ล่า!
เรื่องความสำเร็จอันไหนก็ตามเพียงพอจะให้สองพี่น้องตายได้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!
วินาทีนี้พวกเขากระทั่งไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแค่ต้องจากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ด้วยไหวพริบแต่ละคน พวกเขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด รูปปั้นนั่นคือซิ่วมู่!
ไม่ว่าจะมีความกล้าหาญแค่ไหน พวกเขาคงไม่กล้าไปล่วงเกินซิ่วมู่! เรื่องที่ว่ารูปปั้นซิ่วมู่อยู่ที่นี่และเป็นสถานที่เคารพได้อย่างไรคือสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการรู้ จิตใจทั้งสองเกิดความเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากพวกเขารู้เช่นนี้คงไม่ต้องมาที่นี่เพราะสิ่งนี้คงจะไปขัดใจซิ่วมู่แน่นอน
การรีบถอยของทั้งสองคนทำให้เซียนบนดาวซูซาคุทั้งหมดตื่นตะลึง โดยเฉพาะโจวหวู่ไท่ซึ่งเตรียมการต่อสู้อันยากลำบากเอาไว้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงทันทีทันใดทำให้เขาตกตะลึง
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่กระทั่งเผ่าละทิ้งอมตะก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน มีเพียงหยุนเซว่จื่อมองไปทางสำนักเมฆาฟ้าด้วยสายตาหรี่แคบ บนดาวซูซาคุนั้นเขาอาวุโสที่สุดและมีระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดหลายปี เซียนสองคนจากดาราจักรทุกชั้นฟ้านั้นเหาะเหินไปเมื่อสัมผัสวิญญาณจับจ้องไปที่สำนักเมฆาฟ้า!
‘สำนักเมฆาฟ้า…มีของอะไรถึงทำให้เซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดสองคนหวาดกลัวจนหนีไปขนาดนั้น!?! จากสีหน้าของทั้งสองคน พวกเขาหวาดกลัวสุดขีด’ หยุนเซว่จื่อเห็นใบหน้าตื่นตระหนกในเซียนสองคนนั้นด้วยตาตัวเอง สิ่งนี้ทำให้เขาตกตะลึงยิ่ง
เขาส่งสัมผัสวิญญาณออกไปและจับจ้องไปบนรูปปั้นหวังหลินในสำนักเมฆาฟ้า
‘หรือจะเป็น…’ แววตาหยุนเซว่จื่อเบิกกว้าง จิตใจไม่เชื่ออย่างที่คิด
โจวหวู่ไท่และเซียนเฒ่าคนอื่นๆต่างก็คิดจังหวะนี้ได้ พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นคนชาญฉลาด ขบคิดเพียงเล็กน้อยก็สังเกตได้ สัมผัสวิญญาณแต่ละคนแพร่กระจายออกไป จับจ้องไปที่สำนักเมฆาฟ้า
ไท่หยานมองรูปปั้นหวังหลิน พึมพำขึ้นมาด้วยสายตาตื่นเต้น “ท่านผู้มีพระคุณ ต้องเป็นผู้มีพระคุณของข้า!”
ส่วนพี่น้องเซียนทุกชั้นฟ้าสองคนนั้น พวกเขาลอยออกไปจากดาวซูซาคุด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาเห็นเซียนหัวโตและเหล่าเซียนด้านหลังเขาทันที
เด็กหัวโตหลับตาอยู่ เขาลืมตาขึ้นมาและขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”