Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 981

Cover Renegade Immortal 1

981. ท่านยังจำหลิงเอ๋อได้ไหม

หวังหลินลังเลเล็กน้อย จากนั้นมองดาวด้านหลังพี่น้องเฉิน พลังปราณจากดวงดาวแข็งแกร่งมาก เพียงแค่ชำเลืองมองก็บอกได้ว่าดาวดวงนี้สวยงามแค่ไหน

ปรมาจารย์ยี่เฉินเห็นอาการลังเลของหวังหลินจึงรีบเอ่ยขึ้น “พี่หวัง นอกจากดาววิญญาณวารีแห่งนี้แล้ว ภายในระยะหลายแสนลี้แถวนี้ไม่มีดวงใดดีเยี่ยมเท่านี้อีก นอกจากนั้นดาวก็ยังใหญ่ตี เราไม่รบกวนการฝึกฝนของพี่หวังหรอก”

ยี่ซิงและยี่หลงต่างก็มองความคิดของยี่เฉินออกจึงรีบชักชวนหวังหลิน

หวังหลินพยักหน้าและคำนับฝ่ามือ “เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ารบกวนท่านทั้งสามแล้ว”

ยี่เฉินหัวเราะ “ไม่มีปัญหา มีพี่หวังหลินอยู่บนดาวของเรานับว่าเป็นชื่อเสียงของเราแล้ว!” ยี่เฉินเอ่ยพลางก้าวถอยหลังและชี้ทางให้เล่ยจีมุ่งหน้าเข้าหาดาววิญญาณวารี

ร่างเล่ยจีเล็กลงและเล็กลงจนกระทั่งกลายเป็นร่างเท่าคนธรรมดาติดตามหวังหลินและหัวโต ส่วนจ้าวสายลมหวนนั้นไม่กล้าเอ่ยอะไรข้ามเส้นและติดตามหวังหลินไปเช่นเดียวกัน

ระหว่างทางสามพี่น้องเฉินพูดคุยกับหวังหลิน แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน พี่น้องเฉินไม่ได้ถามสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกเมืองเนตรภูติเลย

ทั้งหมดต่างก็เป็นเซียนทรงพลัง ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานมาถึงดวงดาววิญญาณวารีและเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ สายลมรุนแรงของชั้นบรรยากาศพัดผ่านเข้ามา แต่จริงๆแล้วมันไม่สามารถทำให้สั่นไหวได้เลย การเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเป็นเรื่องเล็กน้อย

หลังจากผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศไม่นานนัก หวังหลินก็ลงมาถึงดาววิญญาณวารีซึ่งได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจากพี่น้องตระกูลเฉิน

พวกเขาสัมผัสถึงพลังปราณหนาแน่น หวังหลินสูดหายใจลึกและเต็มไปด้วยความชื่นชม สามพี่น้องเฉินลอบภูมิใจที่เป็นแบบนี้ ที่นี่คือดาวเคราะห์เซียนที่ดีที่สุดภายในรัศมีหมื่นลี้ หากไม่ใช่เพราะอาจารย์เขา ไม่มีทางที่ทั้งสามคนจะครอบครองดาวนี้ไว้ได้

หวังหลินหัวเราะ “ดาวนี้ดีเยี่ยม!”

ปรมาจารย์ยี่เฉินหัวเราะ “หากพี่หวังชอบที่นี่ ท่านสามารถพักอยู่ระยะยาวได้ ข้ายินดีต้อนรับท่าน!”

ขณะพูดคุย กระเรียนสวรรค์หลายตัวลอยข้ามผ่านก้อนเมฆ การเคลื่อนไหวแต่ละตัวสวยงามยิ่ง กระเรียนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวชุดฟ้านั่งอยู่ นางสวยงดงาม ระเบิดเสียงหัวเราะอันไพเราะก่อนที่เหล่ากระเรียนจะได้เข้าใกล้เสียอีก

“พี่สาว ท่านบอกว่าท่านพบน้ำพุใต้ดิน มันอยู่ไหนเล่า?”

สตรีชุดม่วงนั่งอยู่บนกระเรียนอีกตัวด้านหลังหญิงสาวชุดฟ้า ใบหน้าเย็นเยียบแต่นางสวยงามโดดเด่น ผิวเนียนดุจหยด ดวงตาแพรวราว ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนให้ทุกคนหันมามอง

หากมีใครโยนความหนาวเย็นออกไปจากนางได้ คงมีเพียงหนทางเดียวที่อธิบายตัวตนของนาง

ดวงตาสุขงอมและอบอุ่นหัวใจ!

ความเย็นเยียบของนางเป็นสิ่งเดียวยามที่นางหันใบหน้ามาเจอหญิงสาวข้างหน้า นางเผยรอยยิ้มและเอ่ยเสียงอ่อนนุ่ม “น้องสาวอย่างกังวลไป เราอยู่ไม่ไกล” ขณะนั้นนางเห็นสามพี่น้องเฉินและหวังหลิน

ดวงตาเรียวงามกวาดผ่านไปก่อนจะยืนขึ้นและเอ่ยอย่างเคารพ “ศิษย์จ้าวเฉว่คารวะอาจารย์และเหล่าสหายอาจารย์ลุง”

ยี่หลงซึ่งเป็นพี่น้องลำดับสองเผยรอยยิ้มและมองหวังหลิน “หวังหลิน นี่คือศิษย์ข้า จ้าวเฉว่” หลังเอ่ยจบเขาก็หันไปหาหญิงสาวชุดม่วง “จ้าวเฉว่ ทำไมยังไม่คำนับผู้อาวุโสหวังอีก?”

สาวตาเรียวงามของหญิงสาวชุดม่วงร่อนไปบนหวังหลิน จากนั้นเอ่ยอย่างเคารพ “ขอคารวะผู้อาวุโส”

หญิงสาวที่อยู่บนกระเรียนเคยเห็นหวังหลินและคนอื่นๆแล้ว ขณะนั้นดวงตากลมโตกระพริบปริบๆและยิ้มออกมา “ผู้อาวุโสหวังยังจำหลิงเอ๋อได้หรือไม่?”

น้ำเสียงเจื้อยแจ้วแฝงธรรมชาติของรากวิญญาณวารี น้ำเสียงนางทำให้หวังหลินยิ้มและพยักหน้า “ข้าจำได้แน่นอน ไม่ใช่ว่าข้ามอบหมวกฟางและกระดิ่งให้เจ้าหรอกรึ?”

นางยิ้มและกำลังจะเอ่ยตอบ แต่พลันนึกบางอย่างได้ ใบหน้าแดงระเรื่อง สายตากวาดไปหาหญิงสาวชุดม่วง

หญิงสาวชุดม่วงเต็มไปด้วยสายตาประหลาดใจ นางรู้จักน้องสาวคนนี้เป็นอย่างดี หลังจากนางกลับมาไม่กี่วันก่อนก็อดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น มีผู้อาวุโสชื่อหวังซึ่งนางกล่าวถึงตลอดเวลา ทุกครั้งที่นางพูดถึงเขาก็จะเกิดอาการตื่นเต้น

นางชอบกระดิ่งคู่นั้นเป็นอย่างมาก นางมักจะคาดไว้บนเอวและเล่นด้วยตลอด สองสามวันก่อนนางพูดเรื่องผู้อาวุโสหวังมากที่สุดจนจ้าวเฉว่อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น

ตอนนี้จ้าวเฉว่ชำเลืองมองหวังหลินอีกรอบแต่ไม่อาจเห็นว่ามีอะไรพิเศษ

ปรมาจารย์ยี่เฉินยิ้มพลางมองดูฉากเหตุการณ์นี้ ขณะที่เขามองหวังหลิน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว “หลิงเอ๋อ ผู้อาวุโสหวังจะอยู่ที่นี่สักพัก อย่ารบกวนเขาหล่ะ” จากนั้นเขาก็นำทางหวังหลินไป

หวังหลินพยักหน้าให้หลิงเอ๋อและเดินทางต่อไป หัวโตและต้าซานติดตามไปด้วย จ้าวสายลมหวนมองหญิงสาวสองคนและถอนหายใจ ก่อนจะติดตามไป

หลิงเอ๋อยื่นลิ้น ใบหน้าแดงยังไม่หายไปไหน นางพูดคุยกับจ้าวเฉว่อีกครั้งอย่างมีความสุข และกระเรียนสวรรค์เหินออกไปไกล

ปรมาจารย์ยี่เฉินจัดแจงที่พัดเป็นตำหนักสง่างามทางทิศตะวันออกของดาว สถานที่แห่งนี้โบราณและมีกลิ่นอายเทพ เนื่องจากตั้งอยู่ภายในภูเขา ยามมองไกลๆมันจึงดูเหมือนแดนสวรรค์

สถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดแห่งหนึ่งบนดาวที่มีพลังปราณหนาแน่นที่สุด หลังปล่อยหวังหลินไว้ที่นี่ สามพี่น้องเฉินก็จากไปและตกลงว่าจะมาเยี่ยมพรุ่งนี้

พอส่งสามพี่น้องเฉินไป หวังหลินมองตำหนักหลายแห่งในภูเขาเบื้องหน้า แทบทุกยอดเขาจะมีอยู่หนึ่งตำหนัก เพิ่มพวกเขาไปด้วยแล้วที่นี่มีไม่น้อยกว่าสิบแห่งซึ่งสมบารมีเป็นอย่างยิ่ง

ภายในภูเขามีต้นไม้สูงตระหง่านหลายต้น ทั้งยังทำให้ผู้คนสงบจิตใจลงได้มาก

“ข้าจำเป็นต้องปิดด่านฝึกตนอยู่หลายวัน ต้าซานจะคุ้มครองข้า ส่วนคนอื่นๆสามารถเลือกที่พำนักของตัวเองได้เลย กระนั้นก็ห้ามออกไปไกลเกินห้าสิบลี้!” หวังหลินออกคำสั่งไว้และมุ่งหน้าเข้าตำหนัก

ต้าซานก้าวออกมาและติดตามหวังหลิน

หัวโตลังเลเล็กน้อยก่อนจะเลือกตำหนักหนึ่งกับเล่ยจี สถานที่แห่งนี้ใกล้กับหวังหลินมาก หากหวังหลินเรียกพวกเขาก็จะมาถึงได้ทันที

ส่วนจ้าวสายลมหวนพลางถอนหายใจและเลือกตำหนักที่ห่างออกไปไกลเล็กน้อย เขาไม่อยากจะอยู่ใกล้หวังหลินมากเกินไป แต่ก็จำคำพูดไม่ให้เกินขอบเขตห้าสิบลี้

หวังหลินมาถึงตำหนักที่เขาเลือกไว้เพียงก้าวเดียว หลังจากชำเลืองดูก็เผยท่าทางชื่นชม ตำหนักแทบทั้งหมดที่นี่มีลักษณะต่างกันและมีความงดงาม

หลังจากเข้าไปในตำหนัก ต้าซานนั่งลงด้านนอกไม่ขยับเขยื้อน คุ้มครองหวังหลินตามหน้าที่

ตำหนักหรูหรายิ่งและเต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่ง บนพื้นมีลวดลายขนาดใหญ่แต่ไม่ปลดปล่อยแรงผันผวนออกมา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ค่ายกลแต่เป็นแค่การประดับประดา ตรงกลางมีเตาหลอมขนาดเท่าสามคนโอบ ก้านธูปหนาเท่าแขนกำลังไหม้อยู่ข้างใน ควันลอยฟุ้งขึ้นแพร่กระจายภายในตำหนัก

ที่นี่มีเสื่อหยกสีม่วงด้วย เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝน

อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสลักเชื่อมเข้าด้วยกันบนกำแพงรอบๆ ภาพจิตรกรรมที่วาดออกมาเป็นรูปของเหล่าเซียนหลายคนล้อมรอบด้วยก้อนเมฆยินดีต้อนรับท่าน

หวังหลินมองไปรอบๆท่าทีพึงพอใจมาก สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่และเหมาะสมกับการหลอมสมบัติ มันยังเงียงสงัดดีเยี่ยมกับการปิดด่านฝึกตน

หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด จากนั้นนั่งลงบนเสื่อหยกม่วงและค่อยๆหลับตาลง

พลังดั้งเดิมเต็มทั่วร่าง ระดับบ่มเพาะขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางแพร่กระจายออกมา หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามวัน

ระหว่างเวลานี้มีสามพี่น้องเฉินมาหาแต่ไม่ได้รบกวน พวกเขารออยู่ชั่วครู่ พูดกล่าวอำลาและจากไป

ค่ำคืนสามวันถัดมา ดวงดาวในท้องฟ้าเปล่งประกายเจิดจ้า สายลมมืดพัดผ่านทำให้ใบไม้ใบหญ้าพริ้วไหวแต่ก็เงียบเสียงด้วย

หวังหลินนั่งอยู่ในตำหนัก หลังจากไม่ได้ขยับเยื้อนมาสามวัน พลันลืมตาขึ้นมา สองลำแสงสว่างพุ่งออกมาจากดวงตา

วินาทีที่เขาลืมตา ราวกับลำแสงกระพริบผ่านตำหนักมืดแห่งนี้และทำให้มันกลายเป็นกลางวัน

“เวลาสามวันรวมกับการบ่มเพาะระหว่างทาง ในที่สุดข้าก็ทำให้ระดับบ่มเพาะมั่นคงในขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางสูงสุด…ด้วยร่างเทพโบราณ ข้าสามารถสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางได้! แต่นี่ก็ยังไม่พอจะเดินทางไปยังดินแดนวิญญาณปิศาจ…” หวังหลินพึมพำ เงียบเพียงชั่วครู่เขาก็ตบกระเป๋าทำให้แสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกมา

แสงสีฟ้าครามนี้ทำให้ตำหนักมีหมอกสลัวทันที ข้างในแสงสีฟ้าครามคือโล่ห์เล็กห่อหุ้มอย่างสมบูรณ์ มันถูกหลอมด้วยวัตถุดิบที่ไม่รู้จัก มีคลื่นก้อนเมฆคล้ายจะลอยอยู่ข้างใน ดูงดงามยิ่ง

โล่ห์สีฟ้าหมุนวงกลมรอบหวังหลินสี่ครั้งก่อนที่มันจะแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้า แม้กระทั่งแสงสีฟ้าครามจากโล่ห์ก็ดูเหมือนจะแข็งค้าง

เมื่อมองโล่ห์ข้างในแสงสีฟ้าคราม ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น ตอนที่เขาเห็นจ้าวสายลมหวนนำมันออกมาครั้งแรก หวังหลินรู้สึกถึงกลิ่นอายเทพโบราณจากมัน

อย่างไรเสียกลิ่นอายนี้ก็ไม่ได้รุนแรงนักราวกับมันถูกผนึกเอาไว้ หากไม่ใช่ว่าหวังหลินเป็นเทพโบราณ ไม่มีใครจะรับรู้ถึงมัน

“ในความทรงจำของตู่ซือไม่ได้หลอมสมบัติชิ้นนี้…อย่างไรก็ตามในช่วงยุคโบราณมันมีเทพโบราณหลายตน ดังนั้นมันจึงอาจจะถูกเทพโบราณตนอื่นหลอมขึ้นมา”

หวังหลินขบคิดพลางยกแขนขวาขึ้น แสงสีฟ้าครามของโล่ห์ลอยเข้าหาเขา ท้ายที่สุดโล่ห์ก็ร่อนลงในฝ่ามือ

หลังจากมันเข้ามาใกล้เขา กลิ่นอายเทพโบราณก็ยิ่งสังเกตได้มากขึ้น หวังหลินมองโล่ห์ด้วยดวงตาส่องสว่าง หลังจาสังเกตมันอยู่สักพัก สายตาจับจ้องไปบนร่องรอยอีกด้านหนึ่งของโล่ห์

“เอ๊ะ?”

คงเหลือตอนพิเศษ 4 ตอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!