ตอนที่ 1010 จักรวรรดิเทพของหลัวเฟิง
ด้วยขนาดของหอคอยดวงดาวที่สูง 9 ปีแสง ทำให้มันเหมือนกับแบ่งจักรวาลออกเป็นครึ่ง
มันเป็นสมบัติที่ชักนำผู้คนในจักรวาลให้เข้ามาห้ำหั่นกัน เผ่าพันธุ์ชั้นยอดทั้งสี่ได้ทำการฆ่ากันแต่ก็ไม่มีใครสามารถเอามันไปได้
สมบัติที่แท้จริง หอคอยดวงดาว ถูกใช้เป็นสนามรบสำหรับเผ่าพันธุ์นับล้านล้านในจักรวาล มีนักสู้ระดับอมตะจำนวนมากมายต่อสู้กันที่นั่นและตายลงยังที่แห่งนี้
———-
ในพื้นที่แกนกลางของหอคอยดวงดาว
แสงสีทองกระจายตัวออกมาภายในแกนกลางของหอคอย หลัวเฟิงได้เดินออกมาจากแสงสีทอง
“หอคอยดวงดาว” หลัวเฟิงยิ้มอย่างมีความสุข
หลัวเฟิงเดินไปยังขอบสิ่งปลูกสร้าง เขาทำการเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ผนึก
หอคอยดวงดาวเป็นสมบัติที่แท้จริงประเภทผนึกตรงศูนย์กลาง มันมีพื้นที่กว้างใหญ่สีดำราวกับแนวภูเขา
หลัวเฟิงทำการมองลงมายังพื้น และเรียกให้มหาสมุทรกว้างไกลออกมา
มหาสมุทรกว้างไกลได้ปรากฎออกมาพร้อมกับทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
ร่างมนุษย์โลก ร่างอสูรเขาทอง ร่างเผ่าโมชาน และร่างมหาสมุทรกว้างไกลได้ออกมาข้างนอกทั้งหมดจากโลกภายใน
โลกภายในจะหายไปหลังจากการหลอมรวมเข้ากับจักรวรรดิเทพตอนที่สร้างจักรวรรดิเทพขึ้นมา มันจะยังคงอยู่ในช่วงระยะหนึ่งหลังจากที่เข้าสู่ระดับอมตะ แต่เมื่อถึงเวลามันก็สลายหายไป
“ด้วยพลังงานอมตะนี้ จะต้องเคลื่อนย้ายหอคอยดวงดาวได้” หลัวเฟิงได้ยืนอยู่บนคลื่นที่เขาภาคภูมิใจ
หลัวเฟิงเริ่มใช้พลังจิตควบคุมหอคอยดวงดาว มันไม่ได้ใกล้เคียงกับพลังอำนาจจริง แต่มันมาจากการฝึกฝนและประสบการณ์ ด้วยอำนาจจิตของหลัวเฟิงตอนนี้สามารถทำลายนักสู้ระดับจักรวาลได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ได้เป็นอมตะ หลัวเฟิงสามารถใช้พลังงานอมตะกับอำนาจจิต ด้วยร่างมหาสมุทรกว้างไกลที่มีพลังงานอมตะดีกว่าอัศวินจำนวนมากทำให้เขาอาจมีอำนาจจิตในระดับเจ้าแห่งจักรวาล
เสาน้ำหมุนวนได้ขยายออกไปรอบๆ พลังงานอมตะได้รวมเข้ากับทั้งหอคอยดวงดาว พลังงานอันน่าอัศจรรย์ถูกกระจายออกมาจากหอคอยดวงดาว การแกะสลักกฎที่สวยงามปรากฎขึ้นบนเสาสวรรค์
“มันซับซ้อนจนไม่สามารถเข้าใจได้เลย แต่มันก็รู้สึกดีที่พลังงานอมตะได้รวมเข้ากับหอคอยดวงดาว”
“ลองใช้กำลังโดยที่ไม่จำเป็นต้องสนการแกะสลักกฎ” หลัวเฟิงย่นคิ้วและกัดฟันแน่น
“ขยับซิ”
หอคอยดวงดาวไม่มีการสั่นไหวแม้แต่น้อย มันมีการเคลื่อนไหวที่เล็กจนไม่อาจที่จะรู้สึกได้
“มันยากที่จะทำให้เคลื่อนไหว” หลัวเฟิงรู้สึกเหมือนมดที่กำลังพยายามผลักก้อนหินขนาดใหญ่
“ลองเผาผลาญพลังงานอมตะ” หลัวเฟิงกัดฟันจนแน่น
พลังงานอมตะที่ถูกเผาผลาญไหลเข้าสู่หอคอยดวงดาว พลังถูกเพิ่มขึ้นเป็นพันเท่า หอคอยดวงดาวเริ่มขยับ…หลัวเฟิงรู้สึกเหมือนกับมดที่กำลังแบกเม็ดขาว ถึงจะหนักก็ยังคงแบกวิ่ง หลัวเฟิงทำการหยุดเคลื่อนไหวหอคอยดวงดาวหลังจากที่เคลื่อนที่เล็กน้อยมากๆ
หลัวเฟิงทำการหยุดเผาผลาญพลังงานอมตะ
“ถึงจะทำให้หอคอยดวงดาวขยับได้ด้วยการเผาผลาญพลังงานอมตะแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้เคลื่อนไหวได้ตามใจ” หลัวเฟิงส่ายหัว แม้ว่าเขาจะขยับมันได้แต่ก็ช้าเกินไปที่จะโจมตี ศัตรูจะต้องหลบมันได้อย่างแน่นอน
“ไม่แปลกเลยที่อาจารย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่บอกว่าจะสามารถเคลื่อนไหวหอคอยดวงดาวได้ตอนอยู่ในระดับอัศวิน”
“ดูเหมือนว่าข้ายังคงมีพลังงานอมตะไม่เพียงพอ และยังคงเข้าใจกฎไม่ลึกพอ”
มีสองวิธีในการขับเคลื่อนอาวุธจิตวิญญาณ หนึ่งคือการบรรลุความเข้าใจกฎให้ลึกเพียงพอ เป็นการช่วยขยายพลังงานอมตะ ส่วนอีกแบบคือการใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก
“ข้าใช้หอคอยดวงดาวได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนขนาดของมันเพื่อทำการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วได้”
“ในระดับอมตะตอนนี้ยังคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใช้หอคอยดวงดาวที่เป็นสมบัติที่แท้จริงระดับสูงสุด”
สมบัติที่แท้จริงระดับสูงสุดมีค่าที่สุดในจักรวาล มีเพียงเจ้าแห่งจักรวาลระดับสูงสุดเท่านั้นที่สามารถใช้สมบัติที่แท้จริงระดับนี้ เพราะมันมีความต้องการที่สูงมาก เหมือนกับที่หลัวเฟิงไม่สามารถใช้หอคอยดวงดาวได้ในตอนระดับอมตะ
ถ้าไม่ใช่เพราะมหาสมุทรกว้างไกล หลัวเฟิงคงไม่มีทางที่จะขยับหอคอยดวงดาวแม้แต่น้อย
“มหาสมุทรกว้างไกลกลับมา”
มหาสมุทรกว้างไกลได้กลับเข้าไปในโลกภายใน
“ข้าจะเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลถ้าสามารถใช้หอคอยดวงดาวนี้ได้”
หลัวเฟิงเข้าใจดีว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะเหล่าเจ้าแห่งจักรวาลของจักรวาลได้ แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าคนอื่นในระดับอมตะอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ควรกลับไปยังดินแดนมนุษย์และสร้างจักรวรรดิเทพ”
หลัวเฟิงได้ก้าวเข้าไปยังแสงสีทอง และหายไปพร้อมกับแสงสีทอง
———-
ในจักรวาลแกนวูของดินแดนมนุษย์
หลัวเฟิงเทเลพอตมายังอวกาศในระยะห่างจากโลก 50 ล้านปีแสง มีเพียงดาวเคราะห์และดาวกฤกษ์ที่กำลังจะตาย
หลัวเฟิงคิดว่าไม่ควรทำตามกฎในการเลือกจักรวรรดิเทพ
หลัวเฟิงทำการฉีกชั้นอวกาศ และเข้าไปสู่ชั้นด้านใน
มีหลายพันชั้นของอวกาศ ชั้นแรกเต็มไปด้วยชิ้นส่วนอวกาศที่แตกออก ชั้นสองคือชั้นของจักรวรรดิเทพ ชั้นที่สามเหมือนกับน้ำท่วมที่เต็มไปด้วยกระแสอวกาศ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องทั่วไปของนักสู้อมตะ
สิ่งมีชีวิตระดับสูงสุดจะเลือกพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ด้านใน ยิ่งใกล้กับจักรวาลต้นกำเนิดก็ยิ่งอันตราย
พื้นที่ปลอดภัยที่สุดแม้ระดับห้วงมิติก็ไม่อาจมีชีวิตรอดได้ และมันยังอันตรายถึงชีวิตกับอัศวินบางคน
หลัวเฟิงทำการเทเลพอตผ่านชั้นของจักรวรรดิเทพ แล้วบินลึกเข้ายังชั้นด้านใน
“นักสู้อมตะทั่วไปจะสร้างจักรวรรดิเทพผ่านชั้นจักรวรรดิเทพ กับสิ่งมีชีวิตสูงสุดบางคนก็ทำแบบเดียวกัน จักรวรรดิเทพที่ลึกเข้าไปชั้นด้านในอวกาศก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”
“ชิ้นส่วนอวกาศมีขนาดใหญ่ บางชิ้นมีขนาด 6 พันล้านกิโลเมตร”
หลัวเฟิงมองไปยังชิ้นส่วนอวกาศขนาดใหญ่อย่างชัดเจนตรงหน้า ชิ้นส่วนขนาดใหญ่นี้ถ้าปะทะเข้ากับจักรพรรดิด้วยความเร็วสูงเขาอาจถูกทำลายได้ในทันที
หลัวเฟิงที่ทำการบินลึกเข้าไปในชั้นอวกาศ ในบางครั้งเขาก็ทำการหลบหลีกชิ้นส่วนอวกาศขนาดมหึมา ด้วยโลกภายในขนาด 6แสนล้านกิโลเมตรของหลัวเฟิง ทำให้เขาต้องหลบชิ้นส่วนที่มีขนาดพอๆ กับความยาวโลกภายในของเขา
———-
สองวันหลังจากหลัวเฟิงทำการเดินทางภายในชั้นในของอวกาศ
หลัวเฟิงได้ที่กำลังบินก็ได้พบเจอกับชิ้นส่วนอวกาศที่มีขนาด 1 ล้านล้านกิโลเมตร หรือใหญ่กว่านั้น
“ต้องระวังชิ้นส่วนอวกาศที่อาจฆ่าแม้กระทั่งอัศวิน”
ด้วยความเร็วของปีกซือหวู๋ได้ช่วยทำให้เขาหลบเศษชิ้นส่วนต่างๆ มาได้
หลัวเฟิงทำการเทเลพอตไปรอบๆ ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่สุด มันมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.9 ล้านล้านกิโลเมตร แล้วชิ้นส่วนขนาดเล็กที่สุด 1.3 ล้านล้านกิโลเมตร
เขาทำการเลือกเพื่อให้ผสานเข้ากับโลกภายในของเขาอย่างสมบูรณ์
“สร้างจักรวรรดิเทพ”
หลัวเฟิงได้ขยายปีกออกพร้อมกับกระตุ้นโลกภายในของเขา
ชิ้นส่วนขนาดมหึมาเหมือนกลับไม่มีอยู่จริงราวกับภาพลวงตา หรือมันหายไปยังมิติอื่น ชิ้นส่วนอวกาศหนึ่งได้บินเข้าหาอีกชิ้นส่วนหนึ่ง มันค่อยๆ เข้าใกล้กันมากขึ้น
อวกาศเกิดการสั่นสะเทือน โลกและชิ้นส่วนขนาดใหญ่เริ่มทำการหลอมรวมกัน มันกำลังสร้างเสถียรภาพขึ้นมา ให้กำเนิดเป็นโลกใบใหม่
เมื่อภาพลวงตาของโลกที่เกิดขึ้นมาได้ มันก็หายไปทั้งหมด จักรวรรดิเทพก็ถือกำเนิดขึ้นมา