ตอนที่ 1029 ผู้ยิ่งใหญ่
จักรพรรดิเพลิงยืนปิดตาอยู่ในวังหลัก เขากำลังรับรู้คลื่นอวกาศรอบๆ ยานของหลัวเฟิง
“จักรพรรดิเพลิงคิดเกี่ยวกับมนุษย์นั้นมากเกินไป” อันวินปาเฟิงกล่าว
อัศวินปาเฟิงยืนอยู่ด้านหลังจักรพรรดิเพลิงเงียบๆ
จักรพรรดิเพลิงเปิดตา
ยานรูปแบบชีวิตของหลัวเฟิงหยุด แล้วสิ่งมีชีวิตในร่างเกราะทองออกมาด้านนอกตัวยาน หลังจากนั้นแสงสีเขียวก็ปรากฎขึ้นบนอวกาศ
“การเคลื่อนย้ายผ่านจักรวรรดิเทพ? รู้สึกว่าน้องสามจะยอมแพ้แล้ว” จักรพรรดิเพลิงแสดงความประหลาดใจ
การเคลื่อนย้ายผ่านจักรวรรดิเทพสามารถทำได้ในพื้นที่ที่มีการผนึกกฎอวกาศ
“ดูเหมือนว่าดาบสายน้ำ กำลังกลัว เขาคงรู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่จากเผ่าพันธุ์อื่นกำลังมา เขาคงจะหนีกลับไปยังดินแดนของมนุษย์”
จักรพรรดิเพลิงยิ้ม
“มันเป็นเพราะความเมตตาของเจ้า ถ้าเจ้าทำการโจมตีเขาด้วยการควบคุมกฎอวกาศและเวลาเขาจะไม่มีทางหนีไปได้แน่นอน”
จักรพรรดิเพลิงมองไปยังภาพตรงหน้าและยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มอง
หลัวเฟิงโบกมือและนักสู้อมตะหน้าเกลียดก็ปรากฎตัวขึ้นมาในท่าก้มต่ำหน้าหลัวเฟิง และก้าวไปยังแสงสีเขียว
หลัวเฟิงที่ออกมาด้านนอกยานอวากาศก็กลับเข้าไปในยานอวกาศและเดินหน้าต่อไป
“ทำไมเขาถึงกลับเข้าไป และส่งทาสไปไหน? ทำไม?” จักรพรรดิเพลิงขมวดคิ้ว
อัศวินปาเฟิงก็สับสนเช่นกัน
“สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่จากเผ่าพันธุ์อื่นได้มาถึงแล้ว” จักรพรรดิเพลิงยิ้ม
อีกด้านหนึ่งของอวกาศมีสิ่งมีชีวิตเหมือนกับงูขนาดมหึมาที่มีท้องสีเงิน หลังสีดำ กับสองปีกบนนั้น บนหน้าผากของมันมี 9 เขา เขามีรูปร่างโค้งงอคล้ายมงกุฎ ดวงตาผสมระหว่างแสงสีเขียวและสีทอง เมื่อเขาสังเกตเห็นการจ้องมองของจักรพรรดิเพลิง เขาทำการก้มหัวลงเพื่อเป็นการเคารพจักรพรรดิเพลิง
“ผู้นำมารปีกจากเผ่ามาร” อัศวินปาเฟิงกล่าว
“เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความทะเยอะทะยานสูง”
จักรพรรดิเพลิงได้มองไปยังส่วนอื่นของจักรวาล เขาเป็นผู้อาวุโสจากเผ่าพันธุ์กบ ผู้อาวุโสได้สังเกตถึงจักรพรรดิเพลิงก็ทำความเคารพเขาเล็กน้อย
“ทั้งสองคนนั้นยอดเยี่ยม โอ้ ดูเหมือนคนที่สามกำลังมา” จักพรรดิเพลิงพูดเสียงเบา
จักรพรรดิเพลิงหันไปมองอีกทางหนึ่ง สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ได้บินตรงมาที่เขา ที่หน้าผากของเขามีเขาที่บิดเป็นเกลียว ดวงตาสีฟ้าของเขาเหมือนจะเจาะทะลุเข้าไปยังจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตนี้ทำการโค้งคำนับให้กับจักรพรรดิเพลิง
“อัศวินหม่าชาง มีสมบัติที่แท้จริงเกี่ยวกับพื้นที่ ด้วยสมบัตินี้หลัวเฟิงมีโอกาสหนีได้เพียงเล็กน้อย”
“ทั้งสามเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ”
จักรพรรดิเพลิงยิ้ม “น้องสาม งานฉลองนี้ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า”
พลังงานอมตะที่ออกมาจากวังหลักได้อ่อนลง ทำให้ผนึกกฎอวกาศได้หายไปในระยะ 100 ปีแสง
“ดาบสายน้ำ ควรอยู่ที่นั่น สมบัติที่แท้จริงทั้งหมดต้องเป็นของข้า” ผู้นำมารปีกส่งเสียงแหบแห้ง แล้วทำการเทเลพอต
“สมบัติที่แท้จริงของจักรพรรดิดาบสายน้ำ ต้องเป็นของเผ่าพันธุ์เรา” ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กบทำการเทเลพอตไปยังตำแหน่งที่ถูกระบุไว้
“ถ้าข้ามีสมบัติที่แท้จริงประเภทจิตวิญญาณและสมบัติที่แท้จริงวังบิน เจ้าแห่งจักรวาลก็ทำการฆ่าข้าได้ยาก” อัศวินหม่าชางกล่าว
ข่าวจักรพรรดิเพลิงได้ปล่อยออกไปทั่วทั้งจักรวาล อัศวินทั่วไปก็จะไม่เข้ามายุ่ง ทำให้มีผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามปรากฎตัวเป็นพวกแรก
———–
ยานอวกาศมีชีวิตได้ชะลอตัวลงและหยุด
“ผนึกอวกาศหายไป?” หลัวเฟิงได้มายืนในอวกาศและมองเห็นหอกแทรกผ่านไปทั่ว
“ทำไมเขาถึงหยุดการผนึกกฎอกวาศ”
หลัวเฟิงหลับตาและรับรู้ความรู้สึกรอบๆ ร่างเผ่าโมชานของเขามีสัมผัสที่ดีกว่าอัศวิน เขาตวรจสอบจนไปถึงดินแดนของเผ่าเทพเพลิงด้านหน้า คลื่นอวกาศรอบตัวเขาระยะ 100 ปีแสงกลับคืนมาปกติ
“ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร มันก็ช่วยข้าไว้ได้ 100 ปี”
หลัวเฟิงโบกมือและนำยานอวกาศกลับไปยังแหวนโลก เขาเริ่มต้นทำการเทเลพอต
เงาของงูขนาดใหญ่ได้โผล่ออกมา
“คลื่นการเทเลพอต” ผู้นำมารปีกมีดวงตาแสดงความตื่นเต้น ส่วนผู้อาวุโสปราชญ์กบ กับอัศวินหม่าชางที่ปรากฎตัวในจุดอื่นไม่สามารถรับรู้ถึงคลื่นการเทเลพอต ผู้นำมารปีกอยู่ใกล้กับหลัวเฟิงที่สุด
อัศวินสามารถรับรู้ถึงคลื่นการเทเลพอตได้ในระยะ 1 พันปีแสง
ผู้นำมารปีกได้ขยับปีกและทำการเทเลพอตไปหาหลัวเฟิง
———-
หลัวเฟิงมาถึงบริเวณรอบนอกจากพื้นที่ผนึกอวกาศ
“ทำไมศิษย์พี่รองถึงทำให้ระยะมันแคบลง”
หลัวเฟิงยืนอยู่ตรงพื้นที่เหมือนกับหมอกปกคลุมได้หันกลับไปด้านหลัง “รึว่ามีเผ่าพันธุ์อื่นมาถึงแล้ว”
หลัวเฟิงบินตรงเข้าไปยังพื้นที่ผนึกกฎอวกาศจนเป็นลำแสง
หลัวเฟิงที่กำลังบินเข้าไปยังพื้นที่ผนึกกฎอวกาศได้ถูกพบโดนผู้นำมารปีกที่ปรากฎตัวอยู่ห่างออกมา
“มนุษย์ ดาบสายน้ำ” ผู้นำมารปีกส่งเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยพลังงานอมตะออกไป
ผู้นำมารปีกได้บินตามหลัวเฟิง
———-
หลัวเฟิงที่บินอยู่ในดินแดนลับของเผ่าเทพเพลิงด้วยความเร็วแสงได้หันไปมองยังด้านล่างที่มีผู้นำมารปีกกำลังตามมา
“ไม่มีทางตามทัน” หลัวเฟิงส่งเสียงออกไปชัดเจน
“มนุษย์ ไม่มีทางหนีพ้น” ผู้นำมารปีกคำรามและตามไล่ล่าหลัวเฟิง
หลัวเฟิงไม่ได้กังวลที่ถูกไล่ตาม เขาได้บินจนใกล้ความเร็วแสงจนถึงความเร็วสูงสุดของเขาแล้ว เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในจักรวาลมืดได้เพราะพิกัดในจักรวาลมืดได้ถูกขวางเอาไว้ทั้งหมด
“ขอบเขตกฎ” ผู้นำมารปีกได้ใช้อาณาเขตกฎเวลารอบเขาในระยะ 60 ล้านกิโลเมตรเพื่อหยุดหลัวเฟิง
หลัวเฟิงทำการเผาผลาญพลังงานเพื่อรักษาความเร็วเดิมไว้
“ขอบเขตกฎเรียบง่ายมันไร้ประโยชน์” หลัวเฟิงส่งเสียงบอกผู้นำมารปีก
แต่ทันใดนั้น คลื่นพลังที่รุนแรงจนทำให้หลัวเฟิงกลัวปรากฎขึ้นมา
หลัวเฟิงได้รับรู้ว่ามีผู้ล่าจากเผ่าพันธุ์อื่นมาอีกหนึ่ง
ผู้นำมารปีกที่มองด้านล่างหลัวเฟิงอยู่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติ ปราชญ์กบ และอัศวินหม่าชาง กำลังบินตรงเข้าหาผู้นำมารปีก
ทั้งสองได้เทเลพอตมายังขอบพื้นที่ผนึกกฎอวกาศและเข้ามาในพื้นที่เพื่อทำการไล่ล่าหลัวเฟิง
สามผู้ยิ่งใหญ่กำลังไล่ตามหลัวเฟิง แต่ยังไงพวกเขาก็ทำการเทเลพอตในพื้นที่ผนึกกฎอวกาศไม่ได้
“ฮ่า ฮ่า กบ มารปีก นี่มันพื้นที่ผนึกกฎอวกาศ ขอบเขตกฎเพียงอย่างเดียวอาจส่งผลกระทบกับจักรพรรดิดาบสายน้ำ แต่ไม่พอที่จะจับและฆ่าเขา” อัศวินหม่าชางกล่าว
“ดูเหมือนมันจะเป็นโชคของข้าเพียงคนเดียว สมบัติที่แท้จริงประเภทจิตวิญญาณต้องเป็นของข้า”
“อาณาจักรทะเลทราย” อัศวินหม่าชางส่งเสียงดังออกมา พื้นที่ขนาดใหญ่ที่เกิดจากเม็ดทรายที่ไม่สามารถทำลายได้ปรากฎออกมา แต่ละเม็ดทรายนั้นอ่อนแอ แต่ถ้ารวมกันก็สามารถที่จะทำลายอัศวินได้ไม่ยาก
ผู้นำมารปีกส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ “อัศวินหม่าชาง สมบัติที่แท้จริงพวกนั้นต้องเป็นของข้า”
“อัศวินหม่าชางอย่าเห็นแก่ตัว” ปราชญ์กบได้ส่งเสียงพร้อมจ้องไปที่อัศวินหม่าชาง
อัศวินหม่าชางไม่แสดงท่าทีอะไร “พวกมันคือของข้า เจ้ากบการโจมตีจิตวิญญาณนั้นไม่มีผลกับข้าเลย ข้าจะไม่เสียเวลากับพวกเจ้าทั้งคู่ มนุษย์ต้องตาย และสมบัติต้องเป็นของข้า”
ภายใต้การจัดการเม็ดทรายของอัศวินหม่าชางที่ส่งพลังไปจนมันส่งแสงขึ้นบริเวณหลัวเฟิงอยู่ เม็ดทรายได้รวมตัวกันจนเป็นวังวนพุ่งใส่หลัวเฟิง
จักรพรรดิเพลิงทำการเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่วังหลักของเขา
“น้องสามอย่าโทษข้าที่เจ้าสูญเสียสมบัติทั้งหมดไป เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ต้องการเกราะพลัง”