Skip to content

Swallowed Star 106

ตอนที่ 106 เหตุการณ์ฉุกเฉิน

ในเมืองหมายเลข 023 เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องมากมายที่ถูกก่อสร้างไว้โดยประณีต แต่ทว่า บัดนี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปหมดแล้ว สายลมเย็นเยือกยังคงพัดโบก เสียงขู่คำรามของสัตว์ประหลาดโชยตามสายลมอยู่ตลอดเวลา สมาชิกทั้ง 5 คนของทีมค้อนอัคคีพากันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

อันที่จริง ด้วยพลังจิตของหลัวเฟิง สมรรถภาพร่างกายที่อยู่ในระดับแม่ทัพขั้นต้นของเขากระโดดขึ้นไปเป็นระดับแม่ทัพขั้นสูงแล้ว ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับเทพสงครามขั้นต้นได้แล้ว! กล่าวคือ สามารถปฏิบัติต่อหลัวเฟิงในฐานะเทพสงครามได้เลยในตอนนี้! เพราะมีหลัวเฟิงอยู่ด้วย ตราบเท่าที่พวกเขาระมัดระวัง ก็จะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น! เพราะว่าพวกระดับจ่าฝูงนั้นพบได้ยากอยู่แล้ว และพวกที่อยู่ระดับต่ำกว่านั้นก็ไม่ใช่คู่มือของหลัวเฟิงเลย! ถึงแม้ว่าพวกเขาจะวิ่งเข้าไปในฝูงหนูน้ำ หรือฝูงมดน้ำก็ตาม ยังไงหลัวเฟิงก็บินได้ เป็นการรับประกันความปลอดภัยได้อยู่ดี!

“ดูนั่น ทางขวา”

หลัวเฟิงและคนอื่นๆ แอบซู่มอยู่บนหลังคาสีดำของตึกสูง 2 ชั้นหลังหนึ่งพลางมองไปที่ถนนด้านหน้าซึ่งกว้างใหญ่พอให้รถยนต์ 4 คันวิ่งเรียงกันได้

บนถนนเส้นนั้นมีฝูงของพวกแมวโอซีล็อตกลายพันธุ์อยู่เต็มไปหมด พวกมันต่างร้องขู่คำรามวิ่งไล่กวดทีมนักสู้ทีมหนึ่ง พวกแมวโอซีล็อตเหล่านี้บางตัวมี 2 หาง หรือแม้กระทั่ง 3 หางก็มี

“ตัว 4 หางก็ยังมีเลย…อยู่ด้านหลังนั้น!” เกาเฟิงกล่าวเสียงเบา

แมวโอซีล็อต 2 หาง เป็นพวกบัญชาการขั้นต่ำ พวก 3 หางเป็นระดับบัญชาการขั้นกลาง และพวก 4 หางจะเป็นระดับบัญชาการขั้นสูง! พวกระดับบัญชาการขั้นสูง สำหรับนักสู้ทั่วไปแล้ว นั่นคือฝันร้ายเลยล่ะ

และแมวโอซีล็อตก็มีทั้งพลังและความดุร้ายของสัตว์ประเภทเสือและมีความรวดเร็วและว่องไวของสัตว์ประเภทแมวรวมกัน…พวกมันเป็นสิ่งที่รับมือได้ยากไม่ใช่เล่น

“งานยากเลยล่ะ” หลัวเฟิงกระซิบลอดไรฟัน

“พวกเขาคือพี่น้องจากสำนักขีดสุด เราต้องช่วยพวกเขา” เกาเฟิงจริงจัง

เมื่อไรก็ตามที่เผชิญหน้ากับอันตรายในแดนเถื่อน จะสามารถส่งสัญญาณฉุกเฉิน SOS ออกไปได้ ซึ่งสัญญาณนี้จะถูกส่งออกไปหากนักสู้ทุกๆ คนบริเวณใกล้เคียงแบบสุ่มๆ ถ้าพวกเขามาจากสำนักเดียวกัน สัญญาณจะปรากฏเป็นสีแดง แต่ถ้ามาจากต่างสำนักกัน สัญญาณจะปรากฏเป็นสีเขียว!

นาฬิกาสื่อสารแต่ละเครื่องจะเชื่อมต่อกับรหัสประจำตัวของนักสู้แต่ละคน ดังนั้น นาฬิกาจะสามารถบอกได้โดยอัตโนมัตว่าพวกเขามาจากสำนักเดียวกันหรือไม่

“หัวหน้า พี่ๆ เข้าไปช่วยพวกเขานะ ส่วนผมจะจัดการด้านหลังให้” หลัวเฟิงกล่าว

“ของถนัดนายเลย เจ้าบ้า” เว่ยชิงยกนิ้วให้

ความจริงคือหลัวเฟิงมีเทคนิคที่น่าอัศจรรย์ จึงทำให้เขาทำได้ดีในการต่อสู้ที่สับสนนัวเนียแบบนี้

เกาเฟิงสั่งการลอดไรฟัน “ลุย!”

วูบ! วูบ! วูบ!

ทั้งทีมเริ่มทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เกาเฟิง เว่ยเถี่ย เว่ยชิง และเฉินกู่พุ่งตรงเข้าไปยังทีมของนักสู้ที่กำลังตะเกียกตะกายหนีอยู่ในขณะที่หลัวเฟิงพุ่งเข้าไปถล่มกลางฝูงของพวกสัตว์ประหลาดที่ไล่กวดมาทางเบื้องหลัง! สำหรับเทพสงคราม ฝูงสัตว์ประหลาดเช่นนี้ไม่ได้รับมือยากเลย เว้นเสียแต่ฝูงสัตว์ประหลาดตัวเล็กๆยั้วเยี้ยอย่างฝูงหนูหรือมดเท่านั้นที่จะทำให้ยุ่งยากได้

แน่นอน ถ้าหลัวเฟิงไม่ใช้มีดบินของเขา ฝูงสัตว์ประหลาดเหล่านี้อาจจะพอสูสีกับเขาอยู่บ้าง

ฉึก!

ฉัวะ!

เลือดสดๆ พุ่งกระจายออกไปทุกทิศทางและหัวของพวกแมวโอซีล็อตก็หลุดลอยกระเด็นกระดอนทุกตัวไป ร่างกายอันใหญ่โตของพวกมันล้มกระแทกจนพื้นสะเทือน ตามพื้นถนนมีแต่ร่างของพวกมันเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด แมวโอซีล็อตส่วนใหญ่เป็นพวกระดับไพร่พล มีบ้างที่เป็นพวก 2 หาง ขณะที่พวก 3 หางนั้นมีแค่นิดหน่อย และตัว 4 หางนั้นมีแค่เพียงตัวเดียว!

หลัวเฟิงโฉบผ่านฝูงของพวกมันอย่างง่ายดายราวกับผีเสื้อ

การพุ่งเข้าโจมตีของพวกสัตว์ประหลาดนั้นน่ากลัวมาก เมื่อถูกโจมตีได้ครั้งหนึ่ง พวกที่เหลือจะเข้ารุมจนตายได้ง่ายมาก! แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิคของหลัวเฟิงนั้นสุดยอด เขาใช้ร่างของพวกที่ตายแล้วและแม้แต่ตัวที่วิ่งเข้าใส่เขามาบางตัวเป็นสิ่งช่วยสกัดกั้นตัวอื่นๆ ที่กรูตามหลังกันเข้ามา สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถรับมือกับสัตว์ประหลาดได้หลายๆ ตัวในคราวเดียวกัน

……….

“หือ? อะไรกันเนี่ย? ไม่ได้เอาเครื่องสื่อสารไปหรือไม่ยอมรับสาย”

บนตึกสำนักงานใหญ่สำนักขีดสุดในนครเจียงหนาน ประธานโจวเจิ้งหย่งกำลังมองดูหน้าจอมือถืออย่างงงๆ เทพสงครามหยางฮุยยืนส่ายศีรษะอยู่ข้างๆ

“ติดต่ออะไรไม่ได้เลยนะ มือเหล็ก นายนี่ไม่ได้ความเอาเสียเลย”

ขณะที่พูดเช่นนั้นเขาก็กดโทรศัพท์เข้าเบอร์ของหลัวเฟิงเช่นกัน “ฮึ่ม…นี่ไง มันแสดงตำแหน่งแล้ว เมืองหมายเลข 023”

การใช้สัญญาณโทรศัพท์ค้นหา จะระบุตำแหน่งได้ง่ายมาก

แม้แต่มือถือธรรมดาๆ ยังมีฟังก์ชั่นนี้

“ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” เทพสงครามหยางฮุยโบกมือและตรงเข้าไปในเครื่องบินเจ็ทสีน้ำเงินเข้มลำหนึ่ง

หลังจากปิดฝาครอบ เครื่องบินเจ็ทลำนั้นก็พุ่งทะยานไปในอากาศและบินออกไปนอกระบบป้องกัน มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

…….

ในเมืองหมายเลข 023 สัญญาณฉุกเฉิน SOS แพร่กระจายออกไปรอบทิศราวๆ 20 กิโลเมตร ความจริงคือ เมื่อนักสู้ในแดนเถื่อนเผชิญหน้ากับอันตราย นักสู้คนอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปมากจะไม่เข้ามาช่วยเหลือพวกเขา! ฉะนั้น สัญญาณฉุกเฉินนี้จึงตั้งไว้ในระยะเพียง 23 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนี่ก็เป็นรัศมีที่กว้างมากแล้ว

“หือ?…สัญญาณฉุกเฉินสีเขียว ไม่ใช่คนจากทางสำนักสายฟ้าเรานี่นา”

มีนักสู้ 4 คนกำลังนั่งอยู่บนชั้นที่ 6 ของโรงแรมเก่าหลังหนึ่ง

“น่าจะเป็นคนสำนักขีดสุด ทุกคน ไปดูกันซักหน่อยดีไหม?” ชายหน้าบากเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าคนอื่นๆ

ชายหนุ่มหน้าละอ่อนก้มศีรษะพลางกล่าว “อยู่ไม่ไกลนัก พวกเราน่าจะไปดูซักหน่อย ถ้าพอช่วยเหลือได้ก็จะได้ช่วย ถ้ามันเหนือบ่ากว่าแรงก็ค่อยว่ากัน”

“เอาตามกัวจื่อว่านั่นแหละ ไป”

“โอเค ไปกัน”

ทีมแม่น้ำเหนือทีมนี้ เป็นทีมที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในนครเจียงหนาน เมื่อพวกเขาตัดสินใจได้แล้ว พวกเขาก็เคลื่อนที่ออกไปในทันทีด้วยความระมัดระวัง ทีมแม่น้ำเหนือประกอบไปด้วยนักสู้ระดับแม่ทัพขั้นสูง 1 คน และระดับแม่ทัพขั้นกลางอีก 3 คน ทั้งนี้หนึ่งในแม่ทัพขั้นกลางทั้ง 3 นั้นมี กัวไห่ ที่เข้าใกล้ขั้นสูงแล้ว ทีมนักสู้เช่นนี้ถือว่าเป็นทีมที่ทรงพลังทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เคลื่อนที่ไปค่อนข้างช้า พวกเขาไม่กล้าวิ่งเร็วนัก เพราะเกรงว่าอาจจะมีสัตว์ประหลาดที่คอยดักซุ่มโจมตีอยู่ด้านหน้านั่นเอง

“ข้างหน้า…”

“ฮึ่มม…ฝูงแมวโอซีล็อต บ้าจริง มีซักพันได้ล่ะมั้ง”

ทีมแม่น้ำเหนือพากันนั่งซุ่มดูอยู่บนหลังคาของร้านค้าร้านหนึ่ง และมองดูเหตุการณ์ที่ถนน

“ดูนั่น อะไรจะเก่งขนาดนั้น เขากำลังถล่มพวกมันด้วยตัวคนเดียว”

“จอมโหดนั่นมาจากไหนกันเนี่ย?”

สมาชิกทีมแม่น้ำเหนือต่างพากันทึ่ง ชายหนุ่มนามกัวไห่เองก็ถึงกับตาเบิกกว้างขณะที่จ้องดูอย่างตั้งใจ ที่กำลังเห็นอยู่นั่นคือนักสู้หนุ่มผู้มีโล่หกเหลี่ยมในมือและมืออีกข้างถือดาบปีศาจ ราวกับภูตผี เขาหลบหลีกไปรอบๆ ด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ เทคนิคนั่นเฉียบคมแม่นยำมาก

“โฮ่ววว…”

“โฮ่วว…”

ฝูงสัตว์ประหลาดพุ่งเข้าใส่หลัวเฟิงอย่างบ้าคลั่ง กรงเล็บของพวกมันตวัดตะกายอย่างรวดเร็ว และจำนวนของพวกมันก็มหาศาลมาก พวกมันดูเหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่หลัวเฟิง! แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกมันจะบุกโจมตีเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งเช่นไร…

เทคนิคของหลัวเฟิงนั้นช่าง สวยงาม จริงๆ แต่ละจังหวะเท้าของเขาพลิ้วไหวแม่นยำ เป็นความเพลิดเพลินที่ได้ดูเขาขยับออกซ้ายขวาเพื่อหลบหลีกแบบนั้น

“เทคนิคประณีต!”

“นั่นมันเทคนิคประณีตแน่ๆ”

นักสู้ทีมแม่น้ำเหนือพึมพำออกมาอย่างประหลาดใจ

“หลัวเฟิง? ใช่เขารึเปล่านะ?” กัวไห่ขมวดคิ้ว

แน่นอน เขารู้จักหลัวเฟิง เมื่อครั้งที่ไปร่วมงานศพเทพสงครามลิ่วกัง เขาคุยเรื่องของหลัวเฟิงกับสวีกังในขณะที่หลัวเฟิงกำลังสนทนาอยู่กับสวีซินซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป จากที่มองๆ ดูก็พอจะรู้ว่า…กัวไห่และหลัวเฟิงต่างเป็นคู่แข่งกันเรื่องความรัก! กัวไห่ชอบสวีซิน หลัวเฟิงก็เช่นกัน

“หยุดดูซักทีเถอะ ไปกันได้แล้ว”

“ไป!”

สมาชิกทั้ง 4 คนของทีมแม่น้ำเหนือเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

“หลัวเฟิงนั่นเพิ่งกลายเป็นนักสู้ เผลอแป๊บเดียวจะไล่ทันเราแล้วเหรอ?”

จิตใจของกัวไห่เต็มไปด้วยความอัดอั้นไม่พอใจ ผู้ชายโดยเฉพาะคนที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้น เขา…กัวไห่ เป็นนักสู้อัจฉริยะที่เข้าใกล้ระดับแม่ทัพขั้นสูงแล้วด้วย ถ้าไม่นับเรื่องพลังจิต จริงๆ แล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลัวเฟิงลย

ทางด้านหลัวเฟิง…เขาขวางหน้าฝูงสัตว์ประหลาดที่พุ่งทะยานเข้ามาราวกับก้อนหินยักษ์ กองซากศพของพวกสัตว์ประหลาดบัดนี้กองพะเนินเต็มพื้นที่ไปหมด! ไม่ว่าพวกมันจะพุ่งเข้ามาจากทางไหน หลัวเฟิงก็มีกองซากสัตว์ประหลาดบดบังไว้หมดทุกทิศทาง แต่อย่างไรก็ตาม เขาเองก็กำลังรอจังหวะนี้อยู่

“นี่คือวิธีที่จะใช้สิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยฝึกเทคนิคเรา” หลัวเฟิงหลบหลีกพร้อมโจมตีไปด้วยอย่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายใน “การใช้สิ่งแวดล้อมและวัตถุทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซากศพของสัตว์ประหลาด หรือลำตัวของตัวที่โจมตีเข้ามา หรือแม้แต่ก้อนหิน…ผสานตัวตนเข้ากับสิ่งแวดล้อม นี่คือระดับสมบูรณ์แบบ”

หลัวเฟิงกำลังคิดถึงเรื่องเทคนิค ระดับสมบูรณ์แบบ อยู่ในตอนนี้

เขาเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังมันแล้ว แต่เมื่อเขาได้ลองปฏิบัติจริง เขายังไม่สามารถคงจังหวะแบบนี้ให้อยู่ได้ยาวนาน

“โฮ่วว…”

เมื่อเสียงนั้นดังก้องขึ้นไปทั่วบริเวณ ฝูงของพวกแมวโอซีล็อตทั้งหมดก็ล่าถอยออกไปทันทีราวกับน้ำทะเลลดระดับ พวกมันล่าถอยอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกมันจะดุร้ายและเกรี้ยวกราด แต่ตัวหัวหน้าก็รู้แล้วว่าพวกของมันตายไปมาก และพวกมันไม่สามารถจัดการกับมนุษย์ตัวจ้อยนั้นได้ พวกมันจึงล่าถอยไป

“นายจะต้องเป็น ‘เจ้าบ้า’ จากนครเจียงหนานแน่ ฉันเห็นกับตาแล้ว นายเก่งจริงๆ ด้วย ฉันเป็นหัวหน้าทีมแม่น้ำเหนือ คังเหว่ย” ชายหน้าบากก้าวเข้ามาทักทาย

หลัวเฟิงยิ้มพลางเดินเข้าไปเช่นกัน

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งโพล่งขึ้นมา “หลัวเฟิง!”

ชายหนุ่มหัวเกรียนในชุดต่อสู้ซึ่งมีคราบเลือดติดเป็นจุดๆ เดินเข้ามาใกล้และจ้องมองหลัวเฟิง “หลัวเฟิง ฉันกัวไห่…นายคงเคยได้ยินชื่อฉันมาก่อน”

“กัวไห่?” หลัวเฟิงมองดูชายหนุ่มตรงหน้าเขา “นายเป็นคนที่กลายเป็นแม่ทัพขั้นกลางตั้งแต่อายุ 21 ใช่ไหม?”

แน่นอนหลัวเฟิงจำชื่อนี้ได้ ตอนที่สวีกังกล่าวเยาะเย้ยเขาในตอนนั้น เขากล่าวถึงชื่อคน 2 คน…นักสู้อัจฉริยะ กัวไห่ และ หวังซิงผิง จากตระกูลหวัง พวกเขาถือเป็นคู่แข่งเรื่องความรักของเขา

“นั่นล่ะ ฉันเลย” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของกัวไห่ “นายน่าจะเคยได้ยินจากสวีกังสินะ”

“หือ?” หลัวเฟิงขมวดคิ้ว

“เรื่องสวีซิน เราจะแข่งกันอย่างเท่าเทียม!” ตาของกัวไห่เป็นประกาย “หลัวเฟิง ฉันยอมรับว่าเทคนิคของนายสุดยอด นายไม่ใช่พวกที่แค่พยายามเลียนแบบเทคนิคประณีตและทำผิดๆ มั่วๆ แต่เทคนิคประณีตของนายเกือบจะสมบูรณ์แบบทีเดียว ในเรื่องของเทคนิค นับว่าฉันด้อยกว่านาย อย่างน้อยๆ ก็เทคนิคนี้ อันนี้ขอชมเชย”

ในตอนนั้นเอง สมาชิกทีมค้อนอัคคีและทีมนักสู้ที่ถูกช่วยเหลือเอาไว้ก็กำลังเดินเข้ามาพอดี

“นักสู้อัจฉริยะแห่งสำนักสายฟ้า กัวไห่?”

แน่นอน เกาเฟิง เฉินกู่ และคนอื่นๆ ต่างก็รู้จักกัวไห่ กัวไห่มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก! เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกจับตามองจากสำนักสายฟ้าเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา

“แต่ก็เถอะ หลัวเฟิง ถึงสิ้นปีนี้ ฉันเองก็น่าจะกลายเป็นแม่ทัพขั้นสูงแล้วล่ะ!” กัวไห่ยิ้มเล็กน้อย “ฉันคิดว่า การได้เป็นแม่ทัพขั้นสูงตอนอายุ 22 ปี ก็น่าจะเพียงพอให้ครอบครัวสวียกลูกสาวมาแต่งงานกับฉันแล้วล่ะ”

ปกติกัวไห่เป็นคนนิ่งมาก ตอนที่เขาได้ยินเรื่องของหลัวเฟิงในตอนแรก เขาไม่ได้เก็บเอามาคิดเลยแม้แต่น้อย

แต่อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามทันทีที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลัวเฟิงวันนี้ เป็นเหตุให้เขาต้องพูดเช่นนี้ออกมา!

“ถึงแม้ว่าครอบครัวสวีที่ปรารถนาแบบนั้น แล้วสวีซินจะต้องยอมรับด้วยเหรอ?” หลัวเฟิงขมวดคิ้ว

“เพราะสถานะของสวีซิน คนมากมายจึงพยายามไล่ตามจีบเธอ

แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเจอคู่แข่งความรักวันนี้

“หือ?” หลัวเฟิงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าห่างออกไป และเขาก็เห็นแสงสะท้อนสีน้ำเงินเข้มกำลังพุ่งแหวกก้อนเมฆใกล้เข้ามา หลังจากนั้น มันก็มาหยุดอยู่เหนือกลุ่มพวกเขาขึ้นไป ยานลำสีน้ำเงินเข้มทรง UFO ค่อยๆ ลดเพดานบินและลงจอดบนพื้นถนนห่างออกไปราวๆ 10 เมตรจากพวกหลัวเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!