ตอนที่ 1094 : หอคอยดวงดาวหายไป
ด้านในวังของเจ้าเมืองปฐมนคร
หลัวเฟิง ได้ไปเยี่ยม ผู้นำเมืองปฐมนคร หลังจากที่ออกจากวังของ ทรูหยัน แล้ว เขาไม่ได้พอใจกับการแลกเปลี่ยนหินกระจกกับสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอีกครึ่งหนึ่งของโลก!
แต่เขารู้ว่า ผู้นำเมืองปฐมนคร นั้นเป็นเพียงคนเดียวในสิบคนของ เจ้าแห่งจักรวาล ในเผ่ามนุษย์ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแต่เขาไม่ได้ได้อยู่ระดับเดียวกับ ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ นอกจากนี้ผู้นำเมืองปฐมนคร ยังให้คำแนะนำ เขาด้วยและ หลัวเฟิง ก็ชื่นชมท่าทีของอาจารย์อย่างมาก
ทรูหยัน และ ผู้นำเมืองปฐมนคร นั้นมีนิสัยต่างกัน ทรูหยัน เป็นคนตรงๆ และเขาจะทำตามที่ตัวเองสนใจ ในตอนที่ หลัวเฟิง ถูกจักรพรรดิกระจกเงา ไล่ตาม ทรูหยัน ได้ออกมาสู้เพื่อเขา แม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะหรือไม่ก็ตาม
สำหรับ ผู้นำเมืองปฐมนคร เขารับผิดชอบต่อทั้งเผ่ามนุษย์ และเรื่องสำคัญต่างๆ ของเผ่า การตกต่ำหรือรุ่งเรืองนั้นขึ้นอยู่กับความคิดของเขา เขามักจะเสมอภาคและศิษย์ของเขาก็ต้องมาก่อนเผ่าพันธุ์ ในตอนที่อีกฝ่ายสั่งสอนศิษย์นั้นทำให้ หลัวเฟิง เคารพเขาอย่างมาก
“อาจารย์” หลัวเฟิง ทำความเคารพ
เกราะที่มีลวดลายซับซ้อนพร้อมกับหางที่งอกออกมาจากเกราะ ภายใต้เขาที่มากมายและใบหน้าที่ดุร้าย นี่คืออีกร่างของ ผู้นำเมืองปฐมนคร ดวงตานั้นกว้างขวางราวกับท้องฟ้าและดูน่าเกรงขามอย่างมาก
“ทำไมเจ้าถึงได้มาพบข้าที่นี่?” ผู้นำเมืองปฐมนคร ถามขึ้นมา
“ข้าคิดที่จะออกจากเขตมนุษย์และเข้าต้องการมาบอกท่านก่อนข้าจะไป” หลัวเฟิง ตอบ
“โอ้ ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะไปหา ทรูหยัน เพราะเรื่องนี้” ผู้นำเมืองปฐมนคร พยักหน้า เขาคอยปกป้องจักรวาลต้นกำเนิดซึ่งหมายความว่าเขารู้ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาลต้นกำเนิดแต่เขาไม่ได้คิดจะไปฟังบทสนทนาระหว่าง หลัวเฟิง กับ ทรูหยัน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตรายสำหรับเจ้าแค่ไหนที่ภายนอกนั่น?” ผู้นำเมืองปฐมนคร ถามขึ้นมา
“ข้ารู้” หลัวเฟิง พยักหน้า “เผ่าแมลง, ปีศาจและหุ่นยนต์ต้องการให้ข้าตาย”
“แต่เจ้าก็ยังเลือกจะออกไปงั้นรึ?” ผู้นำเมืองปฐมนคร ถามต่อ
หลัวเฟิง พยักหน้า
ผู้นำเมืองปฐมนคร พยักหน้า “งั้นก็ไป เจ้าไม่ได้อ่อนแอเลยซึ่งหมายความว่าเจ้าควรที่จะเป็นคนที่ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่จำไว้ว่าเจ้านั้นไม่ใช่แค่ตัวแทนตัวเอง เจ้ายังเป็นตัวแทนของครอบครัวและชาวโลก จำเรื่องนี้ไว้ด้วย”
“ได้” หลัวเฟิง พยักหน้าและโค้งให้ “งั้นข้าขอตัว”
“ไปซะ” ผู้นำเมืองปฐมนคร พูดขึ้นพร้อมกับพูดต่อว่า “หากเจ้ารับมืออันตรายด้วยตัวเองไม่ได้ งั้นก็ทำลายของที่ข้าให้เจ้าไปซะ”
หลัวเฟิง พยักหน้าและด้วยการสั่นไหวของมิติเขาก็ได้หายไปทันที
ตอนนั้นใน พระราชวังก็เหลือเพียงแค่ ผู้นำเมืองปฐมนคร อยู่เพียงลำพัง
ศิษย์คนนี้ของเขานั้นได้แสดงพลังแบบนั้นออกมาหลังจากที่ปกปิดมันไว้เกือบ 20,000 ปี ผู้นำเมืองปฐมนคร คิด และตอนนี้เขาก็กำลังออกจากเขตมนุษย์ เขาต้องมีประสบการณ์ที่พิเศษและพวกมันต้องเกิดขึ้นในสักที่ในจักรวาล
ผู้นำเมืองปฐมนคร รู้เรื่องนี้นานแล้วแต่เขาไม่ได้พยายามที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ หลัวเฟิง จากมุมมองของเขา ถ้า หลัวเฟิง มี ร่างมหาสมุทร งั้นแม้ว่าเขาจะโดนฆ่าที่ภายนอกแต่เขาก็สามารถชุบชีวิตตัวเองได้ง่ายๆ มีแค่สมบัติที่แท้จริงเท่านั้นที่เสียไป
เผ่าแมลง, ปีศาจและหุ่นยนต์น่ะรึ?
ผู้นำเมืองปฐมนคร คิด พวกมันคงต้องสิ้นหวังหากรู้ว่า หลัวเฟิง มี ร่างมหาสมุทร ที่พวกมันจะได้ก็มีแค่สมบัติที่แท้จริงที่เขามีเท่านั้น
ผู้นำเมืองปฐมนคร มั่นใจ แม้ว่าเขาจะเก่งเรื่องการต่อสู้ระยะใกล้แต่เขาเองก็เก่งในเรื่องจิตวิญญาณและในจักรวาลต้นกำเนิด…ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา…เขาบอกได้ว่าความคิดและจิตใจของ หลัวเฟิง นั้นได้อยู่ในระดับเดียวกับ เจ้าแห่งจักรวาล แล้ว!
พลังอมตะได้ตัดสินความคิดของคน ความคิดจะส่งผลถึงจิตใจด้วย!
หลังจากที่ฝึกฝน 180 ล้านปีและกลายเป็นอัศวินอวกาศ ความคิดและจิตใจของ หลัวเฟิง ก็ได้ขึ้นมาอยู่ระดับ เจ้าแห่งจักรวาล
แต่ ผู้นำเมืองปฐมนคร นั้นคิดผิดไปอย่างหนึ่ง ถ้าพวกเผ่าอื่นฆ่าร่างของหลัวเฟิง ได้ พวกมันจะได้สมบัติที่แท้จริงชั้นยอดไป เกราะพลัง ปีกซื่อหวู๋ และเกราะเทพอสูร
******
หลังจากที่ออกจาก เมืองปฐมนครแห่งความโกลาหล แล้ว หลัวเฟิง ก็ได้กลับไปที่จักรวรรดิเทพของตนก่อน จากนั้นเขาก็ไปยังหอคอยดวงดาว โดยการเทเลพอร์ทผ่านจักรวรรดิเทพ!
ที่ใจกลางวังของหอคอยดวงดาว แสงเริ่มหม่นลงพร้อมกับที่ หลัวเฟิง ได้เดินออกมา
“หอคอยดวงดาว” หลัวเฟิง พูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆ วังที่เขาได้รับการสืบทอดความเป็นความตายมา “พลังอมตะของข้าน่าจะพอที่จะขับเคลื่อนหอคอยดวงดาว”
หวืด!
พลังอมตะในตัว หลัวเฟิง เริ่มลุกไหม้และแผ่ออกไปทั่วพื้น มันได้กระจายเข้าไปยังที่ใจกลางหอคอยราวกับกระแสไฟฟ้าและส่งผ่านไปยังเสาและผนึกดวงดาว พลังอมตะที่เผาไหม้นี้ได้ไหลไปเหมือนกับสายน้ำ ที่แผ่ไปยังเสาและผนึกดวงดาวแต่การประทับจิตวิญญาณลงไปนั้นยากเกินไป หลัวเฟิง ทำได้แค่เข้าใจส่วนที่ง่ายที่สุดเท่านั้น
หลังจากนั้นสักพักพลังงานอมตะก็ได้หลอมรวมเข้ากับทุกตารางนิ้วของหอคอยดวงดาว
“ลอย!” หลัวเฟิง คำรามออกมา
ชิ้ง!
หอคอยดวงดาวยกตัวขึ้น 8 นิ้วและหล่นลงมาช้าๆ มันเกิดคลื่นขนาดเล็กที่แผ่ตัวออกมา
หลัวเฟิง ดึงพลังอมตะของตัวเองกลับมาและ อสูรเขาทอง ในโลกวงแหวนก็เริ่มส่งพลังงานอมตะมายังร่างโลกของเขา
“ร่างโลกของข้าเองก็เป็นอัศวินอวกาศด้วยยีส์ระดับ 9,800 เท่าและมันแข็งแกร่งพอที่จะขับเคลื่อนหอคอยดวงดาวได้แต่การใช้งานพลังอมตะนั้นมากเกินไป หากมันไม่ใช่เพราะ อสูรเขาทอง การขยับมันคงต้องใช้พลังอมตะในตัวข้ากว่า 30% ความเข้าใจถึงการประทับจิตวิญญาณในหอคอยดวงดาวของข้านั้นจำกัดเกินไป”
เขาสามารถที่จะขับเคลื่อนมันได้ด้วยพลังอมตะของเขาหากเขาต้องการ แต่มันใช้พลังมากเกินไป ถ้าเขาเข้าใจกฎการประทับจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ มันก็คงง่ายกว่านี้
หลัวเฟิง ได้ออกจากใจกลางวังและเริ่มเดินไปรอบๆ หอคอยดวงดาว เขาไปยังที่ต่างๆ ผ่านการเคลื่อนย้ายภายใน เขาไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเสาสวรรค์เลย
หลัวเฟิง ได้ทำความเข้าใจการประทับบนเสาสวรรค์และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “สุดยอด! แม้แต่การประทับที่ง่ายที่สุดก็ยังน่าอัศจรรย์ การประทับในหอคอยดวงดาวนั้นซับซ้อนและสมบูรณ์กว่าพวกใดๆ ในจักรวาล ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นสมบัติชั้นยอด”
เขาเดินไปรอบๆ และมองดูเสาสวรรค์อีกทั้งผนึกดวงดาว เขาถึงกับเดินไปรอบๆ พื้นที่ในหอคอยที่ซึ่งมีเผ่าอื่นๆ กำลังผจญภัยและต่อสู้กันอยู่ หลัวเฟิง สามารถเห็นได้ถึงความลึกลับที่สร้างมิตินี้ขึ้นมา
******
หลังจากที่เดินรอบหอคอยได้ 32 วัน หลัวเฟิง ก็ได้กลับมาที่ใจกลางวังและนั่งลงไป การรับรู้ของเขานั้นได้หลอมรวมเข้ากับหอคอยอย่างเต็มที่แล้ว และรูปปั้นก็ได้ลอยอยู่ในความคิดของเขา…เขาเริ่มที่จะทำการศึกษามัน
ยิ่งเขาเข้าใจการแกะสลักรูปปั้นนี้มากเท่าไหร่ เขาก็สามารถใช้พลังได้มากเท่านั้น
ลึกลับ!
ซับซ้อน!
อวกาศ, เวลา, ทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม, สายฟ้าและแสง….เส้นพลังกฎต่างก็ผสมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์และพวกมันก็
ซับซ้อนกว่าภาพแกะสลักจักรวาลขนาดเล็กเป็นหมื่นเท่า ยังไงซะจักรวาลขนาดเล็กก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 6 พันล้านไมล์ส่วนหอคอยดวงดาวนั้นมีความสูงถึง 9 ปีแสง!
หากจักรวาลขนาดเล็กนั้นเป็นห้องเล็กๆ งั้นหอคอยดวงดาวก็คงเป็นตึกสูงเสียดฟ้าที่มีห้องเล็กนั้นมากมาย
โชคดีที่ข้าอยู่ในเส้นทางการแกะสลักภาพ หลัวเฟิง คิด ไม่งั้นแล้วข้าต้องใช้เวลาเป็นนิรันดร์เพื่อเข้าใจมันหากข้ารู้แค่เพียงกฎอวกาศและกฎทอง
เขานั่งลงอยู่ได้ 3 ปี ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา
“ในที่สุด” เขาพูดขึ้นมา “ข้าก็เข้าใจระดับแรกของความลึกลับได้”
แต่หลังจากที่เข้าใจระดับแรกแล้ว หลัวเฟิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าหอคอยดวงดาวนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
“ข้าเพียงแค่เข้าใจในระดับแรก” เขาเงยหน้าขึ้นไปมองวังที่ลอยอยู่ใจกลาง “มันน่าจะง่ายกว่าเดิมในการขับเคลื่อนมัน”
หวืด!!!
ตาของ หลัวเฟิง เป็นประกายขึ้นมาและพลังอมตะในตัวก็เริ่มลุกไหม้ พลังอมตะไม่รู้จบได้หลอมรวมเข้ากับหอคอยดวงดาวและการแกะสลักที่ง่ายที่สุดที่เขตวงนอกก็ได้ถูกขับเคลื่อน
ข้าต้องไล่พวกนักรบออกไปก่อนจะเอามันคืน เขาคิด
******
หวืด!!! หวืด!!! หวืด!!! หวืด!!! หวืด!!!
สิ่งมีชีวิตเผ่าต่างๆ ถูกไล่ออกจากประตูที่ด้านล่างและสิ่งมีชีวิตนับล้านก็ได้ปรากฏตัวขึ้นด้านนอกหอคอยดวงดาว พวกนั้นต่างก็ช็อก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้ากำลังเดินทางอยู่แต่ข้ากลับโดนบีบออกมา”
“ข้าด้วย!”
“ทำไมหอคอยดวงดาวถึงได้บีบเราออกมา?”
ทุกคนต่างก็อึ้ง นี่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ที่หอคอยปรากฏขึ้นมาในพื้นที่สนามรบนอกขอบเขต
ทุกคนต่างก็โดนบีบออกมา?
มันแปลกเกินไป!
“ดูนั่น ! น้ำวนทั้งเก้าก็หายไปด้วย!”
“พวกมันหายไป!”
ระดับอมตะ ต่างก็ช็อก
“ดูนั่น! หอคอยดวงดาวกำลังหดตัวลง!”
“มันกำลังหดตัวลง!”
หอคอยดวงดาวซึ่งสูงกว่า 9 ปีแสงนั้นได้ลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานมันก็เหลือความสูงแค่เพียงครึ่งไมล์และจากนั้นมันก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
“หอคอยดวงดาวหายไป!”
“มันเป็นไปได้ยังไง?”
ทุกคนต่างก็กลัวกันขึ้นมา
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายราวกับไฟป่า ไม่ได้พูดเกินจริง แต่ข่าวที่ว่าหอคอยดวงดาวได้หายไปนั้นน่าตกใจยิ่งกว่าการที่ หลัวเฟิง ได้ฆ่าอัศวินอวกาศระดับสูง เป็นพันเท่า!
สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด ซึ่งเป็นที่ต้องการของเผ่าพันธุ์นับพันล้านในจักรวาล….หายไป!