Skip to content

Swallowed Star 1104

ตอนที่ 1104 เจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนจริง

ที่ข้างกันของศาลา หลัวเฟิงได้หันมองลงไป ตรงกลางของสวนเขาพบกับบรรพบุรุษเทพสองหน้า

“ท่านบรรพบุรุษเทพ” หลัวเฟิงหายตัวไปอย่างรวดเร็วมาอยู่ด้านข้างของอีกฝ่าย

ผิวของบรรพบุรุษเทพสองหน้าดูสดใสและมีเมตตา ขณะที่บรรพบุรุษเทพมองที่หลัวเฟิง เขาก็รู้สึกราวกับกำลังอาบแดดในฤดูใบไม้ผลิ

“ขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านบรรพบุรุษเทพ” หลัวเฟิงทำการขอบคุณซ้ำๆ

———-

ทะเลสาบ 5 สีที่ล้อมพื้นที่หลักของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลได้หายไปกะทันหัน ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งหมดบนเกาะ รวมถึงวังแปดเทพอสูร วังผู้คุ้มกันสัตว์เทพ ทวีป 72 นายพล พวกเขาต่างก็สังเกตเห็นมัน สมบัติที่ไม่ธรรมดานี้ได้หายตัวไป ต้องพิจารณาว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญหรือไม่

แม้ว่าทุกอย่างจะกลับคืนมาตามปกติได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ มีผู้สืบทอดจำนวนมากมายที่มาจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ได้อาศัยอยู่บนเกาะโบฮีเนียล นอกจากพูดคุยกันของพวกเขา ยังมีการแอบส่งข้อมูลกับผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา

“ทะเลสาบ 5 สีคือสมบัติแท้จริงสูงสุด หากไม่ใช่ช่วงเวลาที่สำคัญ เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะปลดปล่อยศักยภาพเต็มที่ เพียงแค่ออโรร่าห้าสีเพียงเล็กน้อยตามปกติก็ทำลายศัตรูได้แล้ว”

“การที่ทะเลสาบหายไปทันที มันคงจำเป็นต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

“ใครกันที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้”

“ใครกันที่ทำให้ทะเลสาบ 5 สีต้องตอบโต้เต็มกำลัง”

ด้วยเรื่องที่เกิดในใจกลางของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ข่าวลับจึงได้ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว

“สมบัติที่ทรงอำนาจของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ทะเลสาบ 5 สี มันหายไปเพราะมีการใช้งานหนึ่งครั้ง แล้วก็กลับสู่สภาพเดิมในช่วงเวลาต่อมา”

“มันต้องมีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้น”

“มันอาจเป็นเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดที่บุกเขามาในพื้นที่หลักของทางโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล”

เก้าอำนาจของจักรวาลไม่โง่ พวกเขาทั้งหมดได้มาถึงข้อสรุปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเผ่าแมลง เผ่าหุ่นยนต์ เผ่ามาร

บิดาเทพจากเผ่าหุ่นยนต์ได้ขอความช่วยเหลือจากเจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนจริง เขาได้แจ้งให้กับเผ่ามาร และเผ่าแมลงที่ได้เชิญเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดมาจัดการปัญหา

“มันจะต้องเป็นการสังหารหลัวเฟิงจนทำให้โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลโกรธ”

“ฮ่า ฮ่า ตราบใดที่หลัวเฟิงถูกกำจัดด้วยความสามารถของหิน มันก็เป็นไปได้ง่าย”

———-

ข่าวแพร่กระจายไปสู่ภายนอกเกาะโบฮีเนียลอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่หลัวเฟิงนั้นที่ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะโบฮีเนียล เขาอยู่ในพื้นที่ถูกควบคุม โดยบรรพบุรุษเทพสองหน้า จึงทำให้คนบนเกาะไม่รู้ว่าหลัวเฟิงกับทะเลสาบได้หายไปด้วยกันชั่วขณะ

“ท่านบรรพบุรุษเทพสองหน้าปกป้องข้า?” หลัวเฟิงตกใจ

“ฮ่า ฮ่า…” บรรพบุรุษเทพสองหน้ายิ้ม

“ข้าเป็นอมตะเผ่ามารที่อยู่เคียงข้างเจ้า ข้าทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ทำให้ไม่มีใครบนเกาะรู้แม้แต่คนเดียว”

หลัวเฟิงนึกถึงภาพของเผ่ามารที่เป็นหมาป่าสองหัวสีขาว

“ถ้าข้าไม่คอยอยู่ข้างๆ เจ้า และถ้าเจ้าเจอกับอันตรายแบบเฉียบพลัน ข้าจะสามารถช่วยชีวิตเจ้าทันได้ยังไง ข้าไม่สามารถทำมันได้ถ้าอยู่ในวังบรรพบุรุษเทพ” บรรพบุรุษเทพสองหน้ายิ้ม

“เจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนจริงนั้นแข็งแกร่งมาก เขาสามารถที่จะปรากฎตัวขึ้นที่เกาะโบฮีเนียลได้ในทันที ถ้าข้าอยู่ที่วังของตัวเอง มันก็คงสายเกินไปที่จะมายังที่นี่ เจ้าอาจจะถูกควบคุมวิญญาณไปแล้ว”

“ถูกควบคุมวิญญาณ” หลัวเฟิงตกใจ

สิ่งที่หลัวเฟิงรู้ สิ่งมีชีวิตอย่างเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย จากเจ้าแห่งจักรวาลที่แข็งแกร่งที่สุด ความแตกต่างมันไม่ห่างไกลกันนัก

หลัวเฟิงคิดว่าเขาคงไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น อำนาจจิตของเขานั้นอยู่ในระดับเจ้าแห่งจักรวาล นอกจากนี้เขายังมีเกราะพลังที่ลดการโจมตีวิญญาณได้ และยังมีหอคอยมุกคอยคุ้มกันวิญญาณ

“ไม่เชื่อข้างั้นรึ เขาถูกเรียกว่าเจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนจริง คำว่าเสมือนจริงของเขามาจากทักษะในการสร้างภาพลวงตาที่เหมือนกับความจริง”

“ภาพหลวงตาที่เหมือนกับความจริง?” หลัวเฟิงรู้สึกตกใจอยู่ภายในใจ

“เมื่อเจ้าตกอยู่ในภาพลวงตา เจ้ายังรู้ถึงการทำงานของกฎจักรวาลในขณะที่ฝึกฝน รวมไปถึงการพัฒนา เจ้าสามารถสร้างทักษะและเข้าใจกฎ มันเป็นเหมือนกับความจริงโดยสมบูรณ์” บรระบุรุษเทพสองหน้ายิ้มให้กับหลัวเฟิง

“ถ้าเจ้าทำลายภาพลวงตาออกมา เจ้าจะไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง มีเพียงอำนาจจิตและความจำของเจ้าเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง”

“กฎที่ฝึกในภาพมายานั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เขารู้เป็นการส่วนตัว หากเขาไม่รู้เกี่ยวกับกฎนั้น เขาจะไม่ยอมให้เจ้าฝึก”

หลัวเฟิงตะลึง

การฝึกฝนในภาพลวงตานั้นคล้ายกับการฝึกในจักรวาลเสมือน

จักรวาลเสมือนให้รูปแบบชีวิตต่างๆ ได้เข้าไปฝึกฝน สามารถที่จะเรียนรู้กฎต่างๆ แทบจะไม่มีความต่างในโลกความจริง สิ่งมีชีวิตสูงสุดนั้นสามารถแยกโลกเสมือนกับโลกความจริงนั้นได้ไม่ยากเย็น โดยเฉพาะมนุษย์ธรรมดาที่อ่อนแอที่อยู่ในเกมเสมือนจริงยาวนานจะสับสนกับโลกแห่งความจริงกับโลกเสมือน แต่เมื่ออำนาจจิตเขาแข็งแกร่งขึ้น ความสับสนนี้ก็จะหยุด

ตามพื้นฐานจักรวาลเสมือนนั้นเปิดกว้างเช่นเดียวกับจักรวาลอื่น

“เมื่อเจ้าได้ตกลงไปในภาพลวงตาของเขาในช่วงเวลาสั้นๆ ในโลกความจริง แต่โลกเสมือนของภาพลวงตาอาจจะเป็นเวลานับหมื่นปีหรือมากกว่านั้น” บรรพพบุรุษเทพสองหน้าเอ่ย

“มันใช้สำหรับการฝึกฝนได้หรือไม่ มันควรจะเป็นการประหยัดเวลาที่ยอดเยี่ยม”

บรรพบุรุษเทพสองหน้าเดินไปยังสระน้ำ “เป็นไปไม่ได้ การรักษาภาพลวงตาใช้พลังงานอมตะมหาศาล หากใช้กับมนุษย์ทั่วไปอาจใช้เวลานานได้ง่าย แต่กับเจ้าแห่งจักรวาลที่จะให้ตกลงสู่ภาพลวงตานั้นจะใช้พลังงานต่างกันอย่างมาก ด้วยการใช้พลังงานมากขนาดนั้นจะใช้ในการฝึกฝนได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น เส้นทางกฎของเจ้าอาจไม่คุ้นเคยกับเจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนจริง”

“ข้าอยู่ข้างเจ้ามาตลอด 62 ปี จากที่สังเกตมานาน ข้าคิดว่าอำนาจจิตและจิตสำนึกของเจ้านั้นมาถึงระดับเจ้าแห่งจักรวาลแล้ว ร่างกายของเจ้าเทียบได้กับรูปแบบชีวิตพิเศษประเภทหนึ่ง”

หลัวเฟิงตกใจ เขารู้สึกกลัว เขาที่ไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ใดๆ เพียงแค่การสังเกตอยู่ในที่มืด บรรพบุรุษเทพสองหน้าก็ตัดสินใจเกี่ยวกับระดับพลังของเขาได้ เช่นเดียวกับผู้นำเมืองที่ตัดสินใจได้เมื่อเขาอยู่ในดินแดนปฐมกาล

“การทำลายวิญญาณของเจ้าคงเป็นเรื่องยากเช่นเดียวกับเจ้าแห่งจักรวาล แต่เจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนจริงสามารถบรรลุความสำเร็จนั้น การสร้างภาพลวงตาของเขานั้นน่ากลัวมาก อย่างน้อยเจ้าต้องมีสมบัติแท้จริงชั้นสูงประเภทวิญญาณเท่านั้นถึงจะไม่ต้องกลัวเขา”

“นี่คือความแข็งแกร่งของเจ้าแห่งจักรวาลปีศาจเสมือนในขณะที่ถูกหยุดไว้เมื่ออยู่ในจักรวาลดั้งเดิม”

สมบัติแท้จริงชั้นสูงประเภทวิญญาณที่มีค่าเทียบกับสมบัติแท้จริงชั้นยอด เจ้าแห่งจักรวาลส่วนมากไม่มีทางที่จะเป็นเจ้าของมัน

“เจ้าต้องรู้ว่าสิ่งมีชีวิตสูงสุดนั้นน่ากลัวที่สุดถ้าเมื่อพูดถึงผู้มีทักษะในภาพลวงตา เขาสามารถทำลายสมบัติแท้จริงทั่วไปได้ในทันที สมบัติแท้จริงชั้นกลางก็ไม่ได้ต่างกัน นั้นคือข้อมูลของเขา”

หลัวเฟิงจำข้อมูลเหล่านี้ซึ่งถือว่าเป็นความลับ การที่บรรพบุรุษเทพสองหน้าบอกเขาถือเป็นความเมตตาอย่างมาก เขายังอยู่ข้างหลัวเฟิงมาตลอด 62 ปีอย่างเต็มใจ

“เกราะพลังสามารถลดการโจมตีวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง แล้วหอคอยมุก นั้นยังไม่เพียงพอ” หลัวเฟิงคิด

“คงต้องเอาหอคอยดวงดาวติดตัวไว้ตลอดเวลา” หลัวเฟิงคิด

หอคอยดวงดาวประกอบไปด้วยการทำงานที่หลากหลาย ทั้งการโจมตีวิญญาณ วังบิน ผนึก แล้วอีกมาก หอคอยดวงดาวที่อยู่ในร่างของหลัวเฟิงนั้นเทียบได้กับสมบัติแท้จริงชั้นยอดประเภทวิญญาณ

การซ่อนอยู่ในหอคอยดวงดาวนั้นสามารถป้องกันการโจมตีวิญญาณและวัตถุได้ หากซ่อนอยู่ในนั้นแม้เจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดก็ทำอะไรไม่ได้

หากหลัวเฟิงใช้หอคอยดวงดาว มันจะเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่าเขาคือเจ้าของมัน มันจะเป็นการกระตุ้นต่อสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ในจักรวาล เขาอาจต้องป้องกันการโจมตีทั้งวัน ไม่มีทางที่หลัวเฟิงจะต้องอยู่ในหอคอยดวงดาวได้ตลอดเวลา จะเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นอันตรายมาก

“ต่อไปจะใส่หอคอยดวงดาวไว้ในร่างอมตะคอยปกป้องวิญญาณ คงต้องประเมินพลังของเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุด กับเจ้าแห่งจักรวาลใหม่แล้ว” หลัวเฟิงคิด

หลัวเฟิงคิดอยู่เสมอหากเขาเป็นอัศวิน เขาจะสามารถที่จะต่อกรตัวต่อตัวกับเจ้าแห่งจักรวาลได้

หลัวเฟิงได้รับรู้ว่าในบรรดาเจ้าแห่งจักรวาลนั้นมีผู้ที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ เขาอาจจะต่อกรกับผู้ที่อ่อนแอกว่าได้ แต่คงไม่มีทางหากเป็นคนอย่างผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล

หลัวเฟิงรู้สึกพึงพอใจ ที่ได้เห็นพลังของสิ่งมีชีวิตสูงสุดต่อสู้

บรรพบุรุษสองหน้าหันมองหลัวเฟิง “ข่าวเกี่ยวกับเจ้าที่ได้ฆ่าอัศวินอวกาศถูกกระจายออกไปทั่ว การที่เจ้าปรากฎตัวบนเกาะโบฮีเนียล ข้าได้พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้ากับอีกสองบรรพบุรุษเทพ เรารู้ดีว่าทั้งสามเผ่าพันธุ์ได้ดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับเจ้า”

“วันที่สองที่เจ้ามายังเกาะข้าก็ได้มาอยู่วังที่ถัดจากเจ้า”

“ขอบคุณบรรพบุรุษเทพ” หลัวเฟิงแสดงความขอบคุณ

ความเมตตานี้จะก่อให้เกิดความเมตตา

“เจ้ามีแววดีตั้งแต่เจ้ามายังโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ศักยภาพของเจ้าดีกว่าอัศวินม่วงมาก” บรรพบุรุษเทพสองหน้ายิ้มให้กับหลัวเฟิง

“ทางโรงเรียนของเราหวังว่าเจ้าจะเติบโตไปอยู่ในระดับเดียวกับอาจารย์ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหลของเจ้า”

“เมื่อถึงเวลานั้น ทางโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลจะมอบชื่อเจ้าแห่งจักรวาลเทพพิทักษ์ให้กับเจ้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!