ตอนที่ 1130 : ต้นกำเนิด
ในตอนที่ เจ้าแห่งจักรวาลความมืด ได้หมายตาใคร ความรู้สึกแปลกและน่ากลัวจะเริ่มสั่นพ้องในหัวของคนๆ นั้น จากนั้นก็จะไม่อาจจะต้านทานได้ คนนั้นจะตกอยู่ในอำนาจของเขา ภาพลวงตาที่ไหลเข้ามานั้นประกอบด้วยสิ่งที่เสียดแทงเข้ามาในความคิดก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าไปในภาพลวงตา เจ้าแห่งจักรวาลความมืด ไม่ได้ใช้การปลอมตัวอะไรและทุกคนรู้ถึงอำนาจที่มองไม่เห็นของเขา แต่การจะหลุดออกมานั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
“หลัวเฟิง นี่อาจารย์ลุงของเจ้า” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้นมา ในตอนที่เขาพูดนั้นความน่ากลัวรอบข้างกลับสงบลง พลังอันแปลกประหลาดและน่ากลัวเหมือนจะโดนปัดเป่าไป
“อาจารย์ลุง” หลัวเฟิง ทักทาย
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าฝึกฝนแค่เพียงพันล้านปี” เจ้าแห่งจักรวาลความมืดมองไปยังหน้า หลัวเฟิง แล้วพูดต่อ “ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงสามารถมาถึงระดับนี้ได้ในเวลาอันสั้น สำหรับเวลาที่ผ่านพ้นมาเจ้าเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของน้องชายข้า”
หลัวเฟิง ตอบกลับ “จริงๆ แล้วเวลาที่ข้าใช้ในการฝึกฝนนั้นไม่ใช่แค่เพียงพันล้านปี ข้าเคยฝึกฝนมานานในที่ที่เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว”
ทุกคนรวมไปถึง ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พากันพยักหน้า พวกเขาต่างก็โล่งใจแต่สถานที่อย่าง วังแห่งการเวลา ต้องการพลังงานจำนวนมากเพื่อยับยั้งการผันผวน ยิ่งการไหลของเวลามากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้พลังงานมากเท่านั้น ดังนั้นมันยิ่งยับยั้งยากยิ่งกว่าเดิม!
อีกอย่างแล้วการพัฒนาของจักรวาลนั้นก็กินเวลาไม่รู้จบและการต่อสู้คือวิธีที่ดีที่สุดในการฝึกฝนทักษะและสร้างร่างกาย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมีอำนาจถึงจะส่งอัจฉริยะมายังที่แบบนี้เพื่อทำการฝึกฝน
“ดี”
ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล มองไปรอบๆ “สำหรับวันนี้ ผู้นำทั้งหกขององค์กรจักรวาลเสมือนได้มารวมตัวกันที่นี่”
ตอนนั้น เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง, เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง, เจ้าแห่งจักรวาลความมืด,เจ้าแห่งจักรวาลไกล และหลัวเฟิง ต่างก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูด ในด้านของพลังและฐานะแล้ว…ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล นั้นเป็นผู้นำขององค์กรจักรวาลเสมือน
“การเพิ่ม เจ้าแห่งจักรวาล อีกคนก็ถือว่าเป็นผลดีต่อจักรวาลเสมือนของเราและมันถือว่าเป็นคำอวยพรให้มนุษย์” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดพร้อมรอยยิ้ม “และศิษย์คนนี้ของข้า เมื่อคิดจากความสามารถในการเอาตัวรอดแล้ว เขาสามารถจัดการพวกเราทั้งหกได้”
“โอ้?” เจ้าแห่งจักรวาลความมืด มองไปรอบๆ
เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง เองก็มองไปที่ หลัวเฟิง
“จริงรึ?” เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง และเจ้าแห่งจักรวาลไกล ถามออกมา
ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล อธิบายเพิ่มเติม “หลัวเฟิง…หนึ่งคือเขามีพรสวรรค์ที่สามารถแบ่งแยกร่างได้ สอง ร่างหนึ่งของเขาคือร่างชีวิตที่คล้ายคลึงกับ มหาสมุทรเก้ากว้างไกล”
“มหาสมุทรเก้ากว้างไกล?”
เจ้าแห่งจักรวาลความมืด, เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง, เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง, เจ้าแห่งจักรวาลไกล ต่างก็มองไปที่ หลัวเฟิง ด้วยความแปลกใจ
หลัวเฟิง พูดขึ้น “ข้าเพียงแค่โชคดี!”
เขาได้แสดงความไม่พอใจให้กับคำพูดอาจารย์ที่บอกความสามารถของเขาออกมา เพราะเขารู้ว่าเขาต้องสู้เพื่อฐานะของเขาด้วยความสามารถของเขา!
จากสิ่งรอบข้างแล้ว เขารู้ว่าองค์กรจักรวาลเสมือนนั้นแข็งแกร่ง ความสามารถที่เขาแสดงออกมานั้นน่าจะใกล้เคียงกับ เจ้าแห่งจักรวาลไกล ที่ซึ่งอ่อนแอที่สุด ตราบใดที่เขาแสดงความสามารถส่วนหนึ่งของเขา ฐานะของเขาก็จะแตกต่างจากเดิม!
ยิ่งกว่านั้น….ไม่ว่า ร่างมหาสมุทร ของเขาจะเปิดเผยออกมาเหรือไม่นั้นก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมาก มันก็เหมือนกับที่ มหาสมุทรเก้ากว้างไกล ได้ทำให้จักรวาลรู้ว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้
“หลัวเฟิง ทะเลในร่างอมตะของเจ้าใหญ่แค่ไหน?” เจ้าแห่งจักรวาลความมืด ถามออกมาด้วยความสงสัย
มันเป็นเรื่องที่ เจ้าแห่งจักรวาล สงสัย ยังไงซะทะเลในร่างอมตะของมหาสมุทรเก้ากว้างไกล ก็เทียบได้กับ สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด และเป็นสิ่งที่ ผู้ที่แข็งแกร่ง มากมายอิจฉา
“เวลาที่ข้าฝึกฝนนั้นสั้น ทะเลในร่างอมตะของข้านั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการขยาย”- หลัวเฟิง พูดขึ้น “เส้นผ่านศูนย์กลางของมันนั้นแค่เพียงไม่กี่หมื่นล้านไมล์”
“หมื่น…ล้าน ” เจ้าแห่งจักรวาลไกล สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เจ้าแห่งจักรวาลความมืด, เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง, และเจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง ต่างก็ผงะ
พระเจ้า!
แม้แต่ เจ้าแห่งไฟ และ ต้นไม้โลก ซึ่งถือว่ามีร่างอมตะขนาดใหญ่ก็ยังมีทะเลอมตะที่กว้างเพียง 6 พันล้านไมล์ ร่างอมตะแบบนี้มากพอที่จะทำให้ ผู้ที่แข็งแกร่ง มากมายต้องสลด เมื่อรู้ว่าทะเลในร่างอมตะของ หลัวเฟิง นั้นกว้างหลายหมื่นล้านไมล์จึงถือว่าเป็นข่าวที่น่าตกใจ ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง ความเร็วที่ ผู้ที่แข็งแกร่ง สู้กันโดยใช้ทะเลในร่างอมตะนั้นเทียบไม่ได้กับความเร็วในการฟื้นฟูตัวเอง
“น่าทึ่ง!”
“น่าชื่นชม!”
“ช่างเป็นร่างอมตะที่ใหญ่โตจริงๆ!”
เจ้าแห่งจักรวาลความมืด และเจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง ถึงกับเอ่ยปากชม หลัวเฟิง พวกเขามองมาที่เขาด้วยสายตาที่ต่างจากเดิม ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่เพียงประทับใจเขาเพราะเขาเป็น เจ้าแห่งจักรวาล ของมนุษย์ พลังต่อสู้ของ หลัวเฟิง นั้นยังคงต่ำกว่าพวกเขามากแต่เขามีร่างมหาสมุทรที่ไร้ขีดจำกัดซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มี…และเพราะแบบนั้นฐานะของ หลัวเฟิง จึงเพิ่มขึ้นมาทันที คำถามคือทำไม มหาสมุทรเก้ากว้างไกล ถึงได้น่ากลัว?
คำตอบเพราะ มหาสมุทรเก้ากว้างไกล มักจะใช้เทคนิคที่แข็งแกร่งที่สุด และเสี่ยงชีวิตตัวเองทุกการต่อสู้!
แม้ว่า มหาสมุทรเก้ากว้างไกล จะระเบิดตัวเองแต่ในเสี้ยวพริบตา มหาสมุทรเก้ากว้างไกล คนใหม่ก็จะปรากฏขึ้นมา ในอีกด้านแม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีความสามารถในการแบ่งร่างแต่การฟื้นฟูจากการสูญเสียร่างอมตะไปนั้นก็ต้องใช้จ่ายอย่างมาก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม มหาสมุทรเก้ากว้างไกล ถึงได้เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งในจักรวาล
“หลัวเฟิง” เจ้าแห่งจักรวาลความมืด เผยรอยยิ้มออกมาซึ่งยากที่จะเห็นได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ด้วย ร่างมหาสมุทร ของเจ้า ทำให้ใช้เทคนิคที่แข็งแกร่งที่สุดของ เจ้าแห่งจักรวาล ได้ซึ่งคือการทำลายตัวเอง! ด้วยเทคนิคนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้เจ้าท่องเที่ยวเล่นในจักรวาลได้”
หลัวเฟิง พยักหน้าและยิ้ม ใช่ ‘ข้าคือจักรวาล’ นั้นเป็นเทคนิคที่ต้องการพลังอมตะในร่างกายอย่างมาก เมื่อมาถึงระดับอมตะ ต้องมียีนระดับสมบูรณ์ที่สามารถใช้เทคนิคนี้ได้ เมื่อมาถึงระดับอัศวินอวกาศ ร่างมหาสมุทร จะต้องการพลังอมตะไม่น้อยกว่าเดิม 10 เท่าเพื่อให้ใช้ ‘ข้าคือจักรวาล’ !
ด้วยร่างกายที่สูงถึง 5,500 ไมล์ถึงจะสามารถใช้เทคนิคนี้ได้!
เทคนิคโจมตีที่ร้ายกาจคือการระเบิดตัวเองด้วยพลังของจักรวาลขนาดเล็ก ร่างโลกของเขาและร่างอสูรเขาทองนั้นไม่กล้าที่จะใช้การระเบิดของจักรวาลขนาดเล็ก เพราะพลังในการระเบิดของเทคนิคนี้ไม่สามารถที่จะแยกตัวเองออกมา มันเป็นไปได้ที่จะเป็นการฆ่าตัวตายแทน แต่ ร่างมหาสมุทร นั้นไม่ต้องกลัว จากมุมมองของ หลัวเฟิง ตอนนี้เขาเป็นอัศวินอวกาศแล้ว สำหรับ ร่างมหาสมุทร ที่จะใช้เทคนิคนี้ในการระเบิดตัวเอง พลังของมันนั้นไม่ได้รุนแรงพอ ในตอนที่เขาเป็น เจ้าแห่งจักรวาล…งั้นเทคนิคนี้ก็ถือว่าน่ากลัวในหมู่ ผู้ที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ร่างมหาสมุทร นั้นเป็นไพ่ตายที่ทำให้ หลัวเฟิง ได้ฐานะพิเศษ
ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ยิ้มและพูดขึ้น “เราจะทำการเข้าพบพวกระดับสูงในหมู่มนุษย์แต่ก่อนหน้านั้น หลัวเฟิง สำหรับฐานะของเจ้าที่เป็นเจ้าแห่งจักรวาล แล้ว เจ้าตั้งใจจะใช้ชื่ออะไรกัน?”
“ชื่อของข้าในฐานะ เจ้าแห่งจักรวาล?” หลัวเฟิง ถามตัวเอง
“จักรพรรดิดาบสายน้ำ นั้นเป็นเพียงตัวตนปลอมของเจ้า” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้น “ตอนนี้ทั้งจักรวาลเรียกเจ้าว่า เจ้าแห่งจักรวาลดาบสายน้ำ เจ้าสามารถใช้ชื่อ เจ้าแห่งจักรวาลดาบสายน้ำ หรือใช้ชื่ออื่นตามที่เจ้าเลือก เมื่อกลายเป็น เจ้าแห่งจักรวาล แล้ว บางทีเจ้าอาจจะมีความเห็นของตัวเอง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม เจ้าแห่งจักรวาล ส่วนใหญ่ถึงได้เปลี่ยนชื่อ เหมือนกับข้า ตอนอาจารย์ข้ามอบเมืองแห่งความโกลาหลให้ เพื่อเตือนตัวเองถึงความเชื่อใจของอาจารย์ ข้าจึงเปลี่ยนชื่อมาใช้ชื่อ ‘ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล’ ”
หลัวเฟิง พยักหน้า เขาเข้าใจ สำหรับ เจ้าแห่งจักรวาล บางคนแล้ว หากพวกเขาอ่อนแอ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะใช้ชื่อที่แข็งแกร่งเพราะมันอาจจะทำให้ผู้อื่นดูถูกพวกเขา แต่เพราะพวกเขาแข็งแกร่ง เป้าหมายพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนชื่อของตน
“ชื่อ…” หลัวเฟิง พูดกับตัวเอง
ผู้ที่แข็งแกร่ง บางคนนั้นใช้ชื่อตามอาวุธหรือทักษะที่ใช้ บางคนเปลี่ยนชื่อเพื่อให้นึกถึงบ้านเกิดหรือบางอย่างในใจที่พวกเขาต้องการจดจำไว้ บางคนเปลี่ยนชื่อตามเป้าหมายของตน
หลัวเฟิง ยิ้มและประกาศออกมา “ผู้นำกลุ่มทางช้างเผือก ข้าจะใช้ชื่อ ผู้นำกลุ่มทางช้างเผือก”
เขาจะได้จำวันที่อยู่บนโลก ตอนที่มองขึ้นมาบนท้องฟ้าเห็นทางช้างเผือกที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทางช้างเผือกคือที่ที่บ้านของเขาอยู่ มันทำให้เขามีวันนี้ได้ ….มันไม่ใช่เพื่อปกป้องสิ่งที่เขารักหรอกรึ?
ไม่ใช่ว่าเพื่อปกป้องบ้านเกิดรึไง?
ผู้นำ…มันแทนอาณาเขตของเขา ดังนั้นเขาต้องปกป้องอาณาเขตตัวเอง!
“ผู้นำกลุ่มทางช้างเผือก”
เจ้าแห่งจักรวาล ทั้งห้าต่างก็คิดกับชื่อเขา จากนั้นทุกคนก็ได้พยักหน้าเห็นด้วย ชื่อนี้ได้ถูกตั้งขึ้นมาแล้ว ตอนที่คนเราเลือกชื่ออื่นให้กับตัวเอง คนอื่นจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยว…นอกซะจากว่าชื่อนั้นมันแย่หรือตลกเกินไป ไม่งั้นแล้วไม่ว่าชื่อจะแปลกแค่ๆ ไหนแต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร
“ดี” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้น “เจ้าแห่งจักรวาล คนที่หกของจักรวาลเสมือนคือ ผู้นำกลุ่มทางช้างเผือก”
เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น “ไปกันเถอะ เราจะไปพบผู้สร้างขององค์กรจักรวาลเสมือน”
“ผู้สร้างขององค์กรจักรวาลเสมือน?” หลัวเฟิง รู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ
ผู้สร้างขวานยักษ์ คือผู้สร้างสำนักขวานยักษ์ แต่ผู้สร้างองค์กรจักรวาลเสมือนล่ะ?
จะเป็นใคร?
หลัวเฟิง พยายามหาคำตอบมาแล้วในอดีตแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา สิทธิ์ของเขามีจำกัดและไม่เพียงพอ
เจ้าแห่งจักรวาลความมืด เองก็ลุกขึ้นยืน “ไปพบอาจารย์กันเถอะ”
“ไปพบอาจารย์กัน” เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง เองก็ด้วย
******
ในพริบตา เจ้าแห่งจักรวาล ทั้งหกก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าภายใต้อากาศอันแปรปรวนและพุ่งไปยังเส้นทางอากาศ
“หลัวเฟิง” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้นในตอนที่บินอยู่ “ข้า, ความมืด, ภูเขาน้ำแข็ง ต่างก็เป็นศิษย์ของอาจารย์เดียวกัน อาจารย์นั้นมีส่วนร่วมอย่างมากกับมนุษย์ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา งั้นมนุษย์คงไม่อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้ง่ายนัก แม้แต่ ผู้สร้างขวานยักษ์ ก็ยังเคยได้รับการแนะนำ และความเอ็นดูจากอาจารย์ เขาเป็น เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด ของมนุษย์!”
ตามจากเสียงของ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง ที่ซึ่งอยู่ข้างๆ เองก็พูดขึ้น “ข้าเองก็ได้รับการแนะนำ จากเขา”
หลัวเฟิง กลั้นหายใจ เขารู้ว่าเขาได้ข้อมูลระดับสูงของมนุษย์ หลายปีมานี้ เขาคิดเพียงแค่ว่ามนุษย์นั้นมี ผู้สร้างขวานยักษ์ แม้แต่ ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ ก็รู้จักแค่เพียง ผู้สร้างขวานยักษ์!
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์ที่ทุกคนรู้จักก็คือ ผู้สร้างขวานยักษ์ พวกเขาไม่เคยได้ยินถึงชื่ออื่น
“อาจารย์ของข้าชื่อ ‘ต้นกำเนิด’ ” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้น “ก่อนหน้าหน้านี้มนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งเพียงเผ่าเดียว ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ เราได้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมา อาจารย์ได้ท่องจักรวาลและเข้าไปยังทะเลจักรวาลอีกทั้งยังฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนและสร้างชื่อเสียงของเขาขึ้นมา นี่ทำให้มนุษย์ได้อำนาจและแข็งแกร่งขึ้นในจักรวาลหลัก มันมีเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เพียงไม่กี่คนแต่อาจารย์นั้นบอกได้ว่าหาที่เปรียบไม่ได้ ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ต่างก็ต้องเว้นระยะห่างเมื่อพบเขาแต่ไกล”
“ไปจนถึงทะเลจักรวาล…ชื่อของเขาโด่งดังที่สุด” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดต่อ “ไร้เทียมทาน! ไม่มีใครเทียบกับอาจารย์ได้”
ตาของ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เต็มไปด้วยความชื่นชมพร้อมกับความทรงจำในอดีตที่สะท้อนออกมา แม้แต่ เจ้าแห่งจักรวาลความมืด, เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง และเจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง ก็เงียบไป พวกเขาต่างก็นึกถึงความทรงจำของตัวเองที่มีกับอาจารย์
“ก่อนหน้านี้ตอนที่มนุษย์ได้ชื่อเสียงในฐานะอำนาจชั้นสูง แม้แต่โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ที่ปกป้องจักรวาลกำเนิดก็ไม่กล้าหาเรื่องเผ่าพันธุ์เรา ตอนนั้นเรามนุษย์คือจุดสูงสุด!”
เจ้าแห่งจักรวาล ทั้งหกบินข้ามมิติด้วยกันจนเกิดช่องอากาศแปรปวนซึ่งถึงกับฉีกออกจากกัน รอบข้างเงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงของ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ที่ดังขึ้นมา
หลัวเฟิง จมอยู่กับจินตนาการ เขาพยายามนึกภาพของคนที่มาจากจักรวาลหลักไปจนถึงทะเลจักรวาลที่ร้ายกาจ แม้แต่ ผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ ก็ต้องเว้นระยะห่างกับเขา
“เรามาถึงแล้ว!” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้น
หลัวเฟิง เงยหน้าขึ้นมองรอบข้างก่อนจะพบกับรูปปั้นที่สูงดั่งหอคอยนับไม่ถ้วน มันมีความผันผวนในกฎของทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม, สายฟ้า, แสง, มิติ, เวลา, มิติทองคำ ,มิติไม้, มิติน้ำ…กฎต่างๆ มากมายที่ผันผวนในกฎแห่งการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะพุ่งออกมาจากรูปปั้นรอบๆ
ไกลออกไป หลัวเฟิง เหมือนจะรู้สึกได้ถึงความคล้ายของรูปปั้นนับไม่ถ้วนกับ ‘จักรวาลกำเนิด’