ตอนที่ 1139 : ทวีปแห่งความมืด
มันมีชั้น 7 สีที่บางราวกับแผ่นใสบนท้องฟ้าของทวีปที่กว้างใหญ่ มันมีแรงต้านอันแข็งแกร่งแต่ หลัวเฟิง สามารถที่จะผ่านมันได้ง่ายๆ
“แรงต้านทานนี้ ข้าคิดว่ามีแค่ระดับขอบเขตเท่านั้น ที่สามารถผ่านเข้าไปได้”
หลัวเฟิง พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าลงไปด้านล่าง ด้วยการที่อยู่บนท้องฟ้านั้น หลัวเฟิง รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลจากด้านล่าง มันแข็งแกร่งจนหลัวเฟิง ถึงกับตกใจ
“แรงมหาศาลแบบนี้” เขาพูดขึ้น “คิดว่ามีแค่ระดับจักรวาลเท่านั้นที่สามารถจะบินได้อยู่ภายใต้แรงนี้”
เขาพุ่งผ่านอากาศไปในเวลาอันสั้นก่อนที่จะลงไปที่พื้นดิน ในตอนที่เท้าเขาแตะพื้น แรงดูดมหาศาลนั้นก็อ่อนแอลงจนแทบไม่มีอยู่
หลัวเฟิง พูดขึ้นมาเบาๆ “เจ้าแห่งยันอา ที่อยู่ที่นี่ระหว่างช่วงแรกของการกำเนิดจักรวาล อย่างน้อยๆ ความพยายามของเขาก็แสดงออกมาในทวีปทั้ง 12 แห่ง”
หลัวเฟิง มองไปรอบๆ ที่ดินแห่งนี้เหมือนกับทะเลทรายที่มืดมิด เมื่อมองทีแรกแล้วมันมีโครงกระดูกนับไม่ถ้วนอยู่ตามพื้นดิน และมีหลายส่วนได้ย่อยสลายไปแล้ว มันยังมีบางส่วนที่ยังดูแข็งแรงอยู่ ชัดแล้วว่าความตายนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน
“สนามรบนี้กินพื้นที่กว่า 6,000 ไมล์” หลัวเฟิง พูดกับตัวเอง “ในบรรดาศพที่เรียงรายตามพื้นแล้วมีบางพวกที่มีทักษะที่สูง ส่วนบางพวกนั้นเป็นพวกระดับกลาง พวกที่เก่งที่สุดที่นี่อยู่ระดับ ขอบเขต”
ด้วยพลังอมตะของเขา เขาได้ตรวจสอบทั้งสนามรบ และพบว่าศพพวกนี้มีระดับขอบเขต อยู่ 3 คน คนหนึ่งนั้นถูกฝังอยู่ใต้ดิน ส่วนอีกสองคนนั้นอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา
ในอีกด้านของสนามรบนั้นมีเมืองโบราณแห่งหนึ่ง บนกำแพงรอบเมืองที่กินระยะกว่า 6,000 ไมล์นั้นมีทหารจำนวนมากลาดตระเวณอยู่ ทหารเหล่านี้เหมือนกับจะมาจากเผ่าพันธุ์ที่ต่างกันไปและกำแพงเมืองก็อาบไปด้วยเลือดราวกับว่าจะบอกถึงเรื่องราวอันโหดร้ายของสงคราม
“สนามรบ? ทั้งสองฝ่ายไม่อาจจะจัดการกันได้?”
หลัวเฟิง ทำการเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วพร้อมกับปีกของเขาที่กลายเป็นสีเขียวทึบและผมของเขาที่สั้นลงพร้อมกับย้อมเป็นสีแดง ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวทึบ ลักษณะภายนอกนี้เหมือนกับทหารคนหนึ่งที่เขาเห็นจากการใช้พลังอมตะตรวจสอบมา
“ข้าไม่รู้จักเผ่าพันธุ์นี้เลย” เขาสรุปการตรวจสอบของตัวเองแล้วทำการตรวจสอบในจักรวาลเสมือนแต่สิ่งที่เขาพบนั้นทำให้เขาช็อก “เผ่าอีแร้ง? เผ่าที่อ่อนแอซึ่งหายไปจากจักรวาลมานาน มีแค่พวกกระจอกที่ยังเหลืออยู่ในเขต พื้นที่ลับยันอา”
หลัวเฟิง ถอนหายใจออกมา “ก่อนหน้านี้ตอนที่ เจ้าแห่งยันอา ท่องไปทั่ว ใครจะไปคิดว่าเขาทิ้งคนของ เผ่าอีแร้ง เอาไว้?”
ฉัวะ!
แค่เพียงก้าวเดียว หลัวเฟิง ก็ได้ข้ามมายังแนวหน้าของเมืองซึ่งกินระยะทางกว่า 6,000 ไมล์จากจุดที่เขาอยู่ หลัวเฟิง ได้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองอันหรูหราและกว้างใหญ่ที่ซึ่งมีผู้คนนับพันที่กำลังพาพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น หลัวเฟิง อยู่สูงบนท้องฟ้าทำให้ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่อาจจะเห็นเขาได้
หลัวเฟิง ตรวจสอบคางคกทองคำของตัวเอง ตาทั้งสองข้างของมันยังคงเป็นสีเทา
“ยังเป็นสีเทาอยู่ ทุกทวีปนี้กว้างใหญ่ คางคกที่มีตาเทานี้คงตรวจสอบมันได้หากข้าอยู่ห่างจากเป้าหมาย 60 ล้านไมล์ มันจะกินเวลาแค่ไหนกัน?”
หลัวเฟิง ก้าวไปอีกก้าวและทำการตรวจสอบต่อ
******
หลัวเฟิง ยุ่งอยู่กับการตรวจสอบนี้อยู่นาน จากทั้ง 12 ทวีป อันที่เล็กที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยที่สุดประมาณ 1 ปีแสงและใหญ่ที่สุด 8 ปีแสง!
ทุกครั้งที่ หลัวเฟิง ทำการเคลื่อนย้าย เขาจะเดินทางให้ได้ระยะ 60 ล้านไมล์ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะทำการเคลื่อนย้าย 10,000 ครั้งต่อวัน…แต่มันคงใช้เวลาสัก 10 วันกว่าที่เขาจะผ่านทวีปที่เล็กที่สุดได้และนั่นก็แค่ส่วนที่มีความกว้าง 1 ปีแสงเท่านั้น
“หากข้าต้องไปดูทั้ง 12 ทวีป ข้ากลัวว่าข้าต้องใช้เวลาหลายหมื่นปี โชคดีที่การตรวจสอบนี้ใช้ส่วนหนึ่งของข้าก็ได้”
ดังนั้น หลัวเฟิง จึงได้ดึงเอาพลังการรับรู้ของเขาออกมา และเริ่มที่จะทำการตรวจสอบไปต่อ การรับรู้ส่วนมากของเขายังคงจมอยู่กับการศึกษาเส้นทางสัตว์อสูรเทพและภาพสลัก
******
ในเสี้ยวพริบตา หลัวเฟิง ก็ได้ใช้เวลาไปกว่าครึ่งปี ในทวีปนี้
“ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรที่นี่ ที่นี่….หือ? มันเป็นสีแดงแล้ว!”
หลังจากที่ทำการเคลื่อนย้ายซ้ำไปซ้ำมา อยู่ๆ หลัวเฟิง ก็ได้หยุด ตาของคางคกทองคำในมือนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดง หลังจากที่เดินทางได้ครึ่งปี นี่เป็นครั้งแรกที่ตาของคางคกได้เปลี่ยนเป็นสีแดง เป็นธรรมดาที่ หลัวเฟิง จะตื่นเต้นจนอีกร่างต้องหยุดฝึกฝนไปชั่วคราว
“ทางนั้น”
หลัวเฟิง มองออกไป ด้วยการเคลื่อนย้ายเพียงครั้งเดียวเขาก็ได้อยู่ห่างเป้าหมายไป 1 ล้านไมล์ หลังจากนั้น หลัวเฟิง ก็เริ่มทำการบินต่อ…
“1 ล้านไมล์ ข้าเดินทางได้ในเสี้ยววินาที ข้าต้องให้ตัวเองตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ เป้าหมายก่อน อะไรกันที่ทำให้บรรพบุรุษเทพ กังวลได้…พวกเขาเป็นขุมกำลังชั้นสูงของจักรวาล…พวกนั้นถึงกับบอกว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวอาจจะเกิดขึ้นกับจักรวาลหลัก?”
หลัวเฟิง ไม่กล้าที่จะประมาท ยังไงซะ บรรพบุรุษเทพ ก็บอกว่าบางอย่างนั้นมันแย่ต่อจักรวาลหลัก ดังนั้นแล้วมันต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่แล้ว
ร่างอมตะของเขาได้ทำการตรวจสอบรอบตัวในระยะ 6,000 ไมล์ เขาไม่กล้าที่จะออกไปไกลกว่านี้ไม่งั้นแล้วคงทำให้เป้าหมายของเขารู้ตัวและเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนีไปได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ หลัวเฟิง ได้ทำการตรวจสอบทวีปนี้อย่างระมัดระวัง หน้าที่นี้แสดงให้เขาเห็นถึงภาพของสิ่งมีชีวิตมากมายที่ซึ่งมีเรื่องราวมากมาย ทั้งรักและเกลียดชังเกิดขึ้นตรงหน้าเขา หลัวเฟิง เห็นพลเมืองของ ‘ทวีปมืดมิด’ นี้ด้วยตาตัวเองซึ่งทำให้เขาพอใจ
“น่าสนใจ พวกนี้โชคร้ายกันจริงๆ”
พลังของ หลัวเฟิง อยู่ๆ ก็ล็อคไปยังจุดหนึ่งของทวีป
******
“ตระกูลเปลวไฟ รอก่อนเถอะ! ข้าบูอา เมื่อข้าจะได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจากนั้นข้าจะทำลายตระกูลเปลวไฟ ให้พินาศ!”
มีร่างอันกำยำร่างหนึ่งอยู่บนหลังของสัตว์อสูรปีศาจขนาดใหญ่ของเขา เขาตัวสูงกำยำ และทั้งตัวเต็มไปด้วยเกราะ ที่ด้านข้างของสัตว์อสูรนั้นมีขวานสีแดงขนาดใหญ่สองอัน บนหน้าของเขามีรอยแผลเป็นที่โดนเฉือนใจกลางใบหน้าทำให้เขาดูดุดันขึ้นไปอีก
“เจ้ากล้าดียังไงมาเหยียดหยามข้าแบบนั้น ข้ารับใช้เจ้าอย่างดี สู้เพื่อเจ้า โดยทุ่มเทชีวิตตัวเองแต่เจ้ากลับยังมาเหยียดหยามข้า แม้แต่คนใช้ของข้าก็ยังถูกเจ้าแย่งไปเอาไปมอบให้กับคนอื่น ข้าจะแก้แค้น แน่นอนว่าข้าต้องแก้แค้น! ข้าจะกลับมาและข้าจะเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมจัดการทั้งป้อมปราการของตระกูลเปลวไฟ จนกว่ามันจะราบเป็นหน้ากลอง”
ร่างนั้นด่าออกมา จากนั้นสัตว์อสูรของเขาก็ได้วิ่งออกไป
ฮ่ง! ล่ง! ล่ง!
เสียงเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ชายคนนั้นหันกลับไปและไม่นานตาของเขาก็เบิกกว้างพร้อมกับหน้าที่ซีดลง ด้านหลังเขานั้นมีกองทัพไรเดอร์กว่า 100 คนที่พุ่งมาหาเขาเพื่อจะฆ่าเขา
ก๊าก๊าก๊าก๊า!
เสียงที่แสบแก้วหูดังขึ้นบนท้องฟ้าทำให้ไรเดอร์คนนี้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ในอากาศนั้นมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ตัวสีแดงทั้งตัวและเกราะกับปีกของมันก็ถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนไฟ
“เทอโรซอร์ไฟ! มีเทอโรซอร์ไฟ เพียงแค่ 9 ตัวในป้อมปราการเปลวไฟ และนี่พวกมันกลับมาเพื่อฆ่าข้า ไรเดอร์ชั้น 5 พวกเขาได้ใช้ เทอโรซอร์ไฟ 1 ตัวและไรเดอร์อีก 100 คน”
ตาของบูอา แสดงความบ้าคลั่งออกมา เขาจับไปที่ปืนที่ยาวกว่า 36 เมตรที่หลังของสัตว์อสูรขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยมือทั้งสองข้างนั้นเขาได้จับปืนขึ้นมาเล็งไปที่เทอโรซอร์ไฟ ที่อยู่บนอากาศ เหงื่อเม็ดโตไหลอาบลงมาที่หน้าของ บูอา พร้อมกับทั้งตัวที่สั่นไหว เขากัดฟันแน่นแล้วนิ่งไป สิ่งที่เขารู้สึกตอนนี้ไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นเพราะ เทอโรซอร์ไฟ นั้นกำลังพุ่งลงมาจากท้องด้วยความดุดัน เพื่อเป็นคู่ปรับที่คู่ควรกับ เทอโรซอร์ไฟ คนนั้นต้องเป็นไรเดอร์ชั้น 9 ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ผู้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ส่วนเขานั้นเขาเป็นแค่ไรเดอร์ชั้น 5…แม้แต่ไรเดอร์ชั้นเดียวกันกว่า 1,000 คนร่วมมือกันก็ไม่อาจจะเอาชนะเทอโรซอร์ไฟ ตัวเดียวได้!
ฮ่ง!
สัตว์อสูรที่เขาขี่ตัวนั้นทรุดแล้วล้มลงไป บูอา ตกลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะกลิ้งลงมาในตอนที่ตกพื้น แต่มือของเขาก็ยังคงจับไปที่ปืนไรเฟิลและเล็งไปที่อากาศ
“ตระกูลเปลวไฟ! ตะกูลเปลวไฟ! ไอ้พวกพวกชั่ว!” บูอา คำรามออกมา “แม้ว่าข้า บูอา ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องตาย แต่ข้าจะกลับมาด้วยฐานะไรเดอร์ปีศาจเพื่อหลอกหลอนพวกเจ้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
“ไรเดอร์ปีศาจ?”
“ฝันไปเถอะ”
เทอโรซอร์ไฟ ลอยอยู่บนอากาศพร้อมกับไรเดอร์อีกคนได้พุ่งเข้ามา ไม่นาน บูอา ก็ได้รับบาดเจ็บหนัก
กองทัพไรเดอร์นี้…หลัวเฟิง ตัดสินจากที่ที่เขาอยู่สูงขึ้นไปจากฟ้าและเหมือนว่ากองทัพนี้จะประกอบด้วยเผ่าพันธุ์มากมาย ในด้านของพลังแล้วสัตว์อสูรที่บินได้นั้นควรที่จะอยู่ระดับนักเดินทางแห่งดวงดาว ขั้น 7 หรือ 8 แม้ว่าการบินนั้นจะเป็นไปได้แค่สำหรับพวกระดับจักรวาล แต่สัตว์อสูรนี้มีปีกและความสามารถในการใช้มัน ดังนั้นการบินจึงถือว่าเป็นไปได้
สำหรับไรเดอร์แล้วพวกเขาน่าจะอยู่ระดับนักเดินทางแห่งดวงดาว ระดับสูงสุดส่วนมากแล้วคงเป็นนักเดินทางแห่งดวงดาว ขั้น 9
ไรเดอร์คนหนึ่งสวมเกราะที่ดูหรูหราที่สุดที่ซึ่งกำลังขี่สัตว์อสูรเขาเดียวสีขาวได้พูดขึ้นมา “บูอา ข้าจะไม่รังแกเจ้า คนของข้าจะไม่สู้กับเจ้า มีแค่ข้า….ข้าจะสู้กับเจ้า”
“มา มาเลย ลุง บูอา จะเตะก้นเจ้าให้ดู!”
บูอา ถือไรเฟิลขนาดใหญ่พร้อมกับยิ้ม เขาบ้าคลั่งราวกับปีศาจและมองไปที่ไรเดอร์หนุ่ม เขารู้ว่าต่อหน้าตระกูลเปลวไฟ เขาไม่ได้มีค่าอะไร แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการต่อต้านนี้จะทำให้เขาต้องตายแต่เขาก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้
อยู่ๆ….ทุกอย่างระหว่างสวรรค์และพื้นดินก็ตกอยู่ในความเงียบงัน มันราวกับเวลาได้หยุดลง แม้แต่หญ้าที่ท้องถนนที่เอียงไปตามแรงลมก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ไรเดอร์และสัตว์อสูรที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเองก็ได้หยุดไปด้วย
“กะ เกิดอะไรขึ้น?” บูอา กลัวจนจับปืนแน่น
ร่างหนึ่งค่อยๆ เข้ามาหาเขา ร่างนั้นได้ยิ้มออกมาและมองมาที่ บูอา
“เจ้าต้องทำได้” ชายที่มีปีกเขียวทึบได้พูดขึ้นมา เขามองมาที่ บูอา และแรงมหาศาลได้เข้าครอบคลุม บูอา เอาไว้
ฉัวะ!
ห่างออกไป 600 ไมล์ที่ใจกลางทะเลทราย บูอา ถูกปล่อยตกลงไปที่พื้น เขาลุกขึ้นยืนและรีบพูดขึ้นมา “ข้าคงเจอกับผีเข้า ข้าเจอกับผีปีศาจรึไง? หืเมตร..แล้ว เทอโรซอร์ไฟ ไปไหนแล้ว? แล้วที่นี่มันที่ไหน? อ่ะ…”
ชายตัวใหญ่ดูน่ากลัวได้มาอยู่ตรงหน้าเขา ร่างนั้นสวมชุดสีดำ ดูไม่มีพิษสงอะไร ด้วยปีกสีเขียวทึบและผิวที่เหมือนกับไฟ, ผมสั้นและทั้งตัวที่แผ่รังสีอันลึกลับออกมาเล็กน้อย
“ท่าน” บูอา โค้งให้ทันที
หลัวเฟิง มองไปที่ บูอา “หลังจากที่มาถึงโลกเจ้า ต้องหาคนที่นี่เพื่อสอบถาม เจ้าคือคนที่ข้าเลือก ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวตระกูลเปลวไฟ ตอนนี้เจ้าไม่ต้องกลัว กองทัพที่ไล่ตามเจ้านั้นจะคิดว่าเจ้าได้หนีไปแล้ว โอ้? เจ้ากำลังเดาสินะว่าข้าเป็นใคร? ผู้ศักดิ์สิทธิ์? สิ่งมีชีวิตในตำนาน? ครึ่งเทพ?”
ความกลัวของ บูอา เพิ่มมากขึ้น ตัวตนตรงหน้าเขารู้ความคิดทุกอย่างของเขาที่เขาคิดอยู่ในหัว
หลัวเฟิง หัวเราะ นักสู้ระดับจักรวาลจะสามารถที่จะใช้การค้นวิญญาณกับตัวตนอื่นที่อยู่ระดับนักเดินทางแห่งดวงดาวได้ง่ายๆ จากพลังของอีกฝ่ายแล้ว…ไม่มีทางเลยที่ความคิดของสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอจะหนีจากการตรวจสอบของเขาไปได้ หลัวเฟิง แหย่อีกฝ่ายเล่นๆ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ทำการตรวจสอบความทรงจำของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
“เป็นโลกที่น่าสนใจ เป็นคนที่น่าสนใจ” หลัวเฟิง มองไปที่ บูอา ในเวลาเดียวกันเขาก็หันกลับไปมองภูเขาที่อยู่อีกด้าน “อะไรที่ทำให้ตาคางคกเป็นสีแดงนั้นอยู่ทางนั้น และมันถูกคนที่นี่เรียกว่าตัวตนในตำนาน ข้าชื่นชมบุคลิกของเจ้า แต่ข้าสงสัยว่าเจ้าจะเป็นอะไรได้หากเจ้ามีพลังที่ยิ่งใหญ่”
หลัวเฟิง ได้ทำการตรวจสอบ บูอา ที่ซึ่งรู้สึกกลัวและอึดอัด อยู่ๆ ก็ได้มีเม็ดพลังขนาดเล็กบางอย่างที่ลอยลงมาจากจักรวาล มันลอยมาบนฝ่ามือของ หลัวเฟิง มันมีทรัพยากรนับไม่ถ้วนภายในโลกแหวนของ หลัวเฟิง ต่อมามันก็ได้กลายเป็นลำแสงสีเขียวและเข้าครอบคลุมตัวของ บูอา เอาไว้
“อ่ะ!” บูอา ช็อกอย่างมาก ในพริบตาเขาก็ถูกแสงสีเขียวนั้นเข้าครอบคลุมทั้งตัว
ภายใต้การควบคุมของพลังอมตะ ร่างของ บูอา ได้ทำการดูดซับแก่นพลังงานและทำการยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับยีนเขาได้พุ่งทะลุขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่ากลัวในพริบตาเดียว…ไม่กี่นาที นักสู้ระดับจักรวาลขั้น 9 ก็ถือกำเนิดขึ้น
หลัวเฟิง ยิ้มและมองทุกอย่างที่เกิดขึ้น เนื่องจากเขาได้รับข้อมูลที่จำเป็น งั้นเขาก็ต้องตอบแทน บูอา บ้าง สำหรับเจ้าแห่งจักรวาลแล้ว…คุณค่าของเมล็ดพลังงานที่เอาออกมาจากจักรวาลนั้นถือว่ามองข้ามไปได้
หลัวเฟิง หันกลับมาแล้วก้าวไปข้างหน้าก่อนจะจากที่นั่นไป