ตอนที่ 1202 ปีศาจแตกแยก
คำที่ไม่รู้ความหมายบนกำแพงหินได้สร้างอารมณ์ที่รุนแรงกับหลัวเฟิง เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในพายุที่บ้าคลั่ง เขาได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงคำรามอยู่ใกล้กับหูของเขา
“การตายของแต่ละคนไม่อาจหลบหนีได้ ไม่มีใครทำมันได้! ข้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และต้องฝืนใจ”
หลังจากนั้นไม่นานหลัวเฟิงก็ได้ฟื้นสติ
คำพูดเหล่านี้เต็มไปด้วยอารมณ์อันรุนแรง และยังมีความมุ่งมั่นของพวกเขา
หลัวเฟิงเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย
“การทำลายล้างอันน่ากลัวในช่วงยุคจุติที่ไม่มีใครรู้ถูกเหลือไว้เพียงแค่คำพูด การจะต้องบรรลุถึงสิ่งนี้ เขาจะต้องแข็งแกร่งเพียงใด คำเหล่านี้ถูกส่งผ่านเหมือนกับสมบัติแท้จริง สมบัติแท้จริงแต่ละอันล้วนไม่รู้ที่มาว่าใครเป็นผู้สร้าง สมบัติจำนวนมากถูกส่งต่อมาอารยธรรมที่ถูกทำลาย”
หลัวเฟิงคาดเดาเอาเองและหันไปมองอาจารย์ที่อยู่ข้างๆ
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ได้มองไปยังอักษรเหล่านั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ด้วยพลังที่เขามี เขาไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากอารมณ์ที่รุนแรง แต่ใบหน้าของเขากลับเศร้ามาก เขาใช้เวลาอยู่อย่างงั้นสักครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัวช้าๆ จากนั้นเขาก็หันไปมองหลัวเฟิง
“หลัวเฟิง สิ่งมีชีวิตที่ทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้แข็งแกร่งกว่าข้า แข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดคนใด แม้แต่อาจารย์ต้นกำเนิดของมนุษย์ก็ไม่อาจเอาชนะสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่นี้ได้ มีเพียงสองบรรพบุรุษจากดินแดนจักรวาลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเท่านั้นที่เทียบเคียงได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน จุดจบของเขานั้นก็ช่างน่าเศร้า”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ณ วันนี้ มหาสมุทรจักรวาลของเราผ่านมาสามยุคจักรวาล กับสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่อีกพันหรือล้านยุคจักรวาลหลังจากนี้ จะมีใครหรือเผ่าพันธุ์ใดที่จะอยู่รอด นี่คือสิ่งที่เราไม่มีทางรู้”
หลัวเฟิงถอยหลังลงไปเล็กน้อย
สิ่งนี้คือความจริง พวกเขาไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้นาน ถ้าหากพวกเขามีชีวิตอยู่ได้นานกว่าสามยุคจักรวาล ทุกวันนี้จะต้องมีชีวิตยิ่งใหญ่เหล่านี้ในทุกวันนี้ มีเพียงสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รอดจนมาถึงตอนนี้ได้มาตลอดเวลา มันยากที่จะสร้างจักรวาลดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกซักแห่งให้พวกเขาได้รอดชีวิตอยู่
“อาจารย์” หลัวเฟิงจ้องไปยังอาจารย์ของเขาด้วยสายตาคม น้ำเสียงของเขาเบาแต่มั่นคง
“เราอาจมีความหวังแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย อย่างน้อยเราก็มีสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถยังเห็นความหวังได้”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ข้าเกิดมาเพียงแค่แสนปี มันสั้นเกินไปถ้าเทียบกับยุคจักรวาล ข้าสามารถมาถึงจุดนี้ได้ในวันนี้ หากนับล้านปี หรือนานกว่ากว่านั้น ข้ามั่นใจว่าจะไปถึงจุดที่อยู่สูงยิ่งกว่านี้”
“ถ้าหากไม่มีเส้นทาง ข้าก็จะสร้างมันขึ้นมาเอง ถึงจะไม่มีประวัติมาก่อน แต่ก็ยังเคยมีสิ่งมีผู้ที่สำเร็จมาก่อน”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่มองที่หลัวเฟิงและยิ้มพร้อมพยักหน้า “ฮ่า ฮ่า ข้าได้รับอิทธิพลต่อคำพูดเหล่านั้นเล็กน้อย การเป็นเด็กนั้นแตกต่างอย่างแน่นอน เจ้านั้นเต็มไปด้วยพลัง ด้วยพลังนั้นทำให้เจ้าแตกต่างจากตาแก่ที่อยู่มานาน มันนานมากที่พวกเขาไม่บรรลุความก้าวหน้าใดๆ เวลายาวนานได้กัดเซาะความกระตือรือร้นของพวกเขา เจ้าควรใส่สิ่งนี้ลงไปในใจของเจ้า”
“ใครจะรู้ว่า อนาคตข้างหน้าข้าอาจต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“รับความช่วยเหลือ…” ใจหลัวเฟิงเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เรามาตรวจสอบดูว่าสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ที่มีชีวิตเมื่อนานมาแล้วได้ทิ้งอะไรไว้ให้” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่กล่าว
“ครับ”
หลัวเฟิงตามไปด้านหลัง
———-
หลัวเฟิงและขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา เส้นแสงที่อยู่รอบๆ พวกเขาคือการกวาดสายตามองทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัว ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกจดจำ และเข้ามาอยู่ในใจของพวกเขาตามธรรมชาติ ความคิดของพวกเขานั้นเร็วเป็นอย่างมาก
“ทั้งเกาะนี้น่าเหลือเชื่อ มันแตกต่างจากเหวลึกในที่อื่นๆ ไม่มีพืชแม้แต่นิดเดียว และของมีค่าเพียงอย่างเดียวก็คือเกาะนี้” หลัวเฟิงคิด
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ได้ก้าวหนึ่งก้าวเพื่อเคลื่อนตัวไปถึงวังที่สาม เขามาปรากฎตัวขึ้นมาภายในห้องโถงของวังที่สาม
“หลัวเฟิง มานี่” น้ำเสียงของขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่นั้นมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
หลัวเฟิงเร่งรีบเพื่อไปหาอาจารย์ ภายในวังนั้นมีรูปปั้นประดับที่ประณีตหลายชิ้น แล้วภายในห้องเดียวกันนั้นก็มีกำแพงหินขนาดใหญ่ที่ได้รับการตกแต่ง มันสูงพันเมตรและกว้างสองพันเมตร มันปล่อยออร่าที่น่าเกรงขามออกมา
“นี่มัน…” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงรับรู้ถึงแผนภาพที่ถูกแกะสลักซับซ้อน มันมีขนาดเล็กในระดับนาโนเมตร มันได้ถูกฝังไว้ในกำแพงหิน การแปรเปลี่ยนอันแปลกประหลาดได้สร้างการแกะสลักอันลึกลับขึ้นมา ออร่าได้พุ่งเขาใส่จิตสำนึกของหลัวเฟิง
กำแพงหินที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ถูกเปลี่ยนไปทั้งหมด ตอนนี้มันได้กลายเป็นโลกที่มีวิญญาณมากมายจากรูปแบบชีวิตหลากหลาย ทั้งหิน พืช เลือดเนื้อ หรือโลหะ พันล้านชีวิตกำลังคุกเข่าไปในทิศทางเดียวกัน พวกมันกำลังภาวนาอย่างพร้อมเพียงกัน “ปีศาจแตกแยก…ปีศาจแตกแยก”
เสียงที่ไม่ต่อเนื่องเหมือนกับคลื่นสึนามิ
“หลัวเฟิง ตื่น”
พลังงานอมตะอันแข็งแกร่งได้ส่งผลกระทบกับหลัวเฟิงจนเขามีสติกลับคืนมา
“อาจารย์”
หลัวเฟิงหันไปมองอาจารย์ด้วยความตกใจ มันน่ากลัวยิ่งกว่าการศึกษาภาพของจักรวาลขนาดเล็ก
ฉากที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้คงเป็นสิ่งที่มาจากการแกะสลักบนกำแพงหิน มันเป็นเพียงการแกะสลักบนหิน หากเทคนิคนี้ถูกใช้งาน มันจะต้องทรงพลังจนทำให้วิญญาณนับพันล้านต้องยอมจำนนต่อมัน อย่างน้อยมันอาจทำให้เจ้าแห่งจักรวาลไม่มีทางต่อต้าน และตกเป็นทาสของมัน
“เจ้าเป็นหนึ่งในผู้กล้าเดินตรงไปดูแผนภาพการแกะสลักบนกำแพงหิน มันเป็นมรดกตกทอดของอารยธรรมโบราณ สิ่งเหล่านี้ลึกซึ้งเกินกว่าจินตนาการ แม้แต่ข้ายังเข้าใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ได้ชี้ไปยังจุดๆ หนึ่งที่อยู่ไกลออกไป “ข้าคิดว่า…เจ้าจำเป็นต้องดูด้านนี้ก่อน”
หลัวเฟิงมองไปตามทิศทางที่อาจารย์ของเขาชี้ มีกำแพงอยู่ที่ลานของวัง บนนั้นมีคำบางคำ มันสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าถูกเขียนทิ้งไว้โดยผู้ยิ่งใหญ่คนเดียวกับก่อนหน้านี้ ผู้ที่ทิ้งคำพูดอันบ้าคลั่งและอารมณ์อันรุนแรง
“ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จ แต่ความตายก็จะมาเยือนข้าในไม่ช้า”
“ข้าไม่เต็มใจถึงเพียงไหน”
“ข้าเสียใจมากแค่ไหน”
“แต่มันกลับสายเกินไป…ทุกอย่างมันสายเกินไป แต่ละคนนั้นเสียชีวิตไปหมดแล้ว ข้าได้ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้น และเข้าใจเทคนิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเอง แต่ข้าก็ยังสายเกินไป การแกะสลักภาพได้แสดงถึงความรู้ที่สูญหาย ช่วงเวลาบนจุดที่สูงที่สุดของข้า”
พวกมันเป็นคำที่ดูสั้นๆ มันสื่อความหมายที่ดูเศร้ามากกว่าโกรธ
การมองดูข้อความที่ถูกทิ้งไว้บนกำแพงหินได้ทำให้หลัวเฟิงได้รู้ว่า ภาพแกะสลักอันน่าเหลือเชื่อนี้เป็นตัวแทนของจุดที่สูงที่สุดของสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่นั้น
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าได้ค้นพบสิ่งนี้ ในดินแดนความตายทั้งสาม แกนกลางบางแห่งของพื้นที่มีอนุสรณ์สถานที่เหลือเอาไว้โดยสิ่งมีชีวิตอันสุดยอดในช่วงหลายยุคจักรวาลก่อนหน้า จำนวนที่ข้าเจอจนมาถึงตอนนี้ อันนี้รวมเป็นอันที่เก้า บางอันนั้นมีประโยชน์มาก ส่วนบางอันนั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง”
หลัวเฟิงพยักหน้า เขายังเคยได้รับของที่ระลึกจากเจียฟายฉีก่อนหน้านี้ เขาจึงเข้าใจความหมายที่อาจารย์ของเขาบอก
เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดที่มายังพื้นที่หลักของสามดินแดนความตายจะสามารถค้นพบอนุสรณ์สถานต่างๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก
“สิ่งนี้เพียงแค่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ส่ายหัว
“เขาไม่มีความตั้งใจจะถ่ายถอดมรดกใดๆ หากเขาลงมือทำ มันจะต้องมีคำแนะนำ ถึงจะไม่ละเอียดไว้อย่างน้อยชุดหนึ่ง เพื่อให้กับคนรุ่นต่อๆ ไปได้คิดและศึกษา”
“แต่เขาก็เพียงแค่ทิ้งการแกะสลักภาพอันทรงพลัง แม้ว่าข้าจะพบมันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝน แล้วยังมีใครอีกบ้างที่จะพัฒนาเพราะสิ่งนี้”
“เผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์นั้นโชคดีที่ค้นพบอนุสรณ์สถานสำหรับการสืบทอดที่สมบูรณ์ของคนในยุคโบราณ”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ถอนหายใจ “ทำไมข้าถึงไม่โชคดีอย่างงั้นบ้าง หลัวเฟิงข้าบอกว่าอย่ามองกำแพงหิน ทำไมเจ้าถึงมองมันอีกครั้ง”
ในช่วงเวลานั้นตาของหลัวเฟิงกำลังถูกตรึงอยู่ที่กำแพง สิ่งที่เขาสังเกตเห็นเป็นเพียงมุมหนึ่งของกำแพง มันไม่เหมือนกับที่เขาดูแผนภาพทั้งหมดก่อนหน้านี้ มันอาจเพียงหนึ่งในหมื่นของการแกะสลักภาพทั้งหมด
เขาสามารถเห็นแผนภาพเล็กๆ ในการแกะสลักที่อยู่รอบๆ พวกมันต่างเจาะอยู่ตามกำแพงหิน มันให้ความรู้สึกถึงอนุภาคพื้นฐานของจักรวาล และอนุภาคพื้นฐานได้ประกอบกันขึ้นมาจนกลายเป็นวิญญาณ แผนภาพแกะสลักขนาดเล็กทั้งหมดนั้นงดงาม หลัวเฟิงโดนสะกดไปกับการสร้างของมันอย่างสมบูรณ์
“ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า แสงและรังสีงั้นเรอะ กาลอวกาศและเวลานี้มัน การรวมกันของกฎนี้มันอะไร ไม่น่าจะเป็นไปได้ นี่มันเป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก คาดเดาอะไรไม่ได้…”
หลัวเฟิงนั้นกำลังตกตะลึง
“หลัวเฟิง ตื่น” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ได้ตะโกนขึ้นมาทันที
หลัวเฟิงหันไปมองอาจารย์ “อาจารย์ ครั้งนี้ข้าไม่ได้รับอิทธิพลจากมัน ใจของข้านั้นสดใสและตื่นตัวดี”
“เจ้ามองมันมานานกว่าสามวันแล้ว” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้ายืนอยู่ตรงนี้มาตลอด แผนภาพนั้นลึกลับและไม่อาจคาดเดา แต่มันไม่ตรงกับเส้นทางชีวิตข้า”
“ส…สามวัน!” หลัวเฟิงตกใจ จิตใจของเขานั้นถูกหยุดไว้เป็นเวลานาน
“อาจารย์ การแกะสลักนี้ช่างลึกซึ้ง ข้าอาจใช้เวลาพันล้านปี ก็ไม่อาจเข้าใจมันได้ แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐานได้ทำให้รู้สึกว่าการแกะสลักนี้เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนชีวิตข้า”
“มันได้แสดงถึงความสำเร็จในการแกะสลักของข้าที่หยุดนิ่งในช่วงอัศวิน ข้ารู้สึกว่านี้เป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาของข้า”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะ “ฮ่า ฮ่า มันอาจไม่เป็นประโยชน์สำหรับข้า แต่การศึกษาการแกะสลักภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งของเจ้า”
“การศึกษาการแกะสลักภาพจะต้องทำการสังเกตแผนภาพให้มากและแกะสลักให้มาก ยิ่งเจ้าศึกษามากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่จะพัฒนาต่อไป”
“เจ้าได้อยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว ข้าจึงได้ดูภาพเหล่านี้เป็นเวลาสามวัน ข้าได้เข้าใจบางส่วนแล้วเช่นกัน จากใจความในแผนภาพทั้งห้า เจ้าควรมาดูนี่”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ได้ชี้ไปยังกำแพงตรงใกล้กับทางเข้าของลานกว้าง บนกำแพงมีการแกะสลักลึกลับอันสวยงามปรากฎขึ้น มันปรากฎขึ้นหนึ่งอันและอีกอันก็ปรากฎขึ้น ซึ่งทั้งหมดนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าการแกะสลักภาพจักรวาลขนาดเล็กนั้น แผนภาพแกะสลักสำคัญทั้งห้าถูกแบ่งเป็นห้าส่วนแตกต่างกัน
“ภาพการแกะสลักหลักทั้งห้าความเข้าใจของข้า ภาพทั้งหมดนั้นมีพลังเท่ากับ หนึ่งในพันของความรู้ที่สูญหายไป ด้วยสิ่งนี้จะเป็นฐานในการก้าวของเจ้า เจ้าสามารถที่จะเข้าใจมันเร็วยิ่งขึ้น”
หลัวเฟิงจ้องไปยังการแกะสลักภาพหลักทั้งห้าก็ต้องตกใจ มันมีศักยภาพในการสร้างสมบัติแท้จริงสูงสุด ประสิทธิภาพของมันแข็งแกร่งจนน่ากลัว
“หยุดมองมัน มันถึงเวลาที่จะออกไปแล้ว” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะ
“เกาะนี้เงียบสงบและไม่มีอันตรายอะไรรอบๆ มากนัก เจ้าแค่เพียงปล่อยให้หนึ่งในร่างกายไว้เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างช้าๆ”
“เจ้ารู้ไหม…ในโลกภายนอกกำลังวุ่นวายกันใหญ่ ข้าสามารถรับรู้ถึงคลื่นอันยิ่งใหญ่จากภายนอก ข้าคิดว่ามันมาจากการต่อสู้ของเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด”
“การต่อสู้ระหว่างเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด?” หลัวเฟิงตะลึง
“หากไม่มีอะไรข้าคงไม่ปลุกเจ้าขึ้นมา ปล่อยร่างของเจ้าไว้ที่นี่ ถึงมันจะอ่อนแอแต่ก็ไม่มีใครโจมตี คงจะไม่มีปัญหา เจ้าสามารถอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนได้ง่ายๆ”
“เราจะไปดู ถ้าเราไปทันเวลา บางทีเราอาจได้เห็นการต่อสู้…มันอาจเกี่ยวข้องกับผู้สร้างขวานยักษ์ของมนุษย์เจ้า”