ตอนที่ 1203 ปล่อยของมีค่าในมือซะ
หลัวเฟิงไม่สามารถที่จะสงบสติตัวเองได้อีกต่อไป หลังจากที่เขาได้รับรู้ว่าอาจมีการต่อสู้ของขวานยักษ์ด้านนอก
“อาจารย์ เรารีบไปกันดีกว่า” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงมองไปรอบๆ และปล่อยร่องรอยพลังงานอมตะออกมาจากร่าง มันก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์ มันคือร่างอวตาร
อัศวินสามารถใช้ร่างอวตารได้ไม่ยาก แต่กลับเป็นเรื่องยากสำหรับนักสู้อมตะที่มีพลังงานอมตะอ่อนแอ หากพวกเขาไม่แยกพลังงานอมตะได้มากพอก็ไม่สามารถที่จะคงสติเอาไว้ได้ ถ้าพวกเขาแยกร่างเทพออกเป็น 50% ก็จะอ่อนแออย่างมาก
แต่การแยกร่างของอัศวินนั้นง่ายกว่ามาก จึงสามารถเห็นอัศวินในจักรวาลดั้งเดิมเป็นจำนวนมาก แล้วอัศวินจำนวนมากในพันธมิตรหงได้ทิ้งร่างแยกไว้
“เสร็จแล้ว”
“ตอนนี้ก็ไปกันได้แล้ว” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ก้าวออกไปโดยไม่ลังเล
เพียงไม่กี่วินาทีภูเขาสูงใหญ่ก็เริ่มลอยตัวขึ้นจนกลายเป็นจุดเล็กๆ
ภูเขาได้แสดงการแกะสลักภาพขนาดใหญ่ แสดงถึงกาลอวกาศอันลึกลับและหายตัวไปจากการเคลื่อนย้ายระยะไกล เหลือไว้เพียงเกาะกับร่างอวตารของหลัวเฟิงไว้ในที่นั้น
———-
ภูเขาสีเขียวอมฟ้าได้ปรากฎตัวขึ้นมายังพื้นที่น้ำแข็งอีกครั้ง ภูเขาได้ออกบินในทันทีโดยไม่สมใจอันตรายใดๆ ของสถานที่นี้
“เมื่อเทียบกับสถานที่อื่นในเหว กาลอวกาศที่ลึกลับนี้เหมือนกับโลกในจินตนาการอันสงบ มันเงียบสงบไร้อันตราย การใช้ชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตสูงสุดจึงไม่น่าแปลก การเข้าออกนั้นยังพิเศษ ข้าเห็นอาจารย์ทำให้ดูแล้วแต่ก็ยังเรียนรู้ไม่ได้” หลัวเฟิงกล่าวชม
“เจ้าจะได้เรียนรู้เมื่อเจ้ากลายเป็นเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด”
“โอ้…เจ้าควรใส่ใจกับร่างอวตารของเจ้า อย่ากระจายพลังในร่างนั้นออก ข้าไม่มีเวลาจะส่งเจ้าไปที่นั่นอีก”
“เข้าใจแล้วครับ” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงอาจต่อสู้กับเจ้าแห่งจักรวาลบางคนได้ในเส้นทางการแกะสลักของเขา แต่เขายังคงอ่อนแอเกินไปหากเทียบกับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด และสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งกว่าเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด ตอนนี้เขาได้มีโอกาสศึกษาเทคนิคของสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่กว่าเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เขาจะไม่ยอมให้เสียโอกาส
“เพียงแค่ให้ร่างแยกของข้าอยู่ที่นั่นตลอด ข้าจะต้องศึกษามันที่นั่น ไม่ว่ายังไงเทคนิคของข้าขึ้นอยู่กับมัน” หลัวเฟิงคิด
ภูเขาได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เร็วกว่าความเร็วแสง 100 เท่า
หลัวเฟิงได้คอยสังเกตภูเขาที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ ท่านเร็วเกินไปแล้ว อาจมีเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดบางคนสังเกตเห็น”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่กำลังนั่งเทเหล้าให้กับตัวเอง “แล้วควรจะทำยังไงล่ะ ถ้าเราบินช้าๆ การต่อสู้อาจจะจบลงไปแล้วเมื่อมาถึงที่นั่น”
“แต่… ” หลัวเฟิงนั้นไม่มีคำตอบ เพราะมันอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการไปถึงสถานที่นั้น
การต่อสู้กันของสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่นั้นเป็นเวลาที่สั้นมาก แม้แต่กับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด ครึ่งชั่วโมงก็ถือว่านานมากแล้ว เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไล่ตามกัน การไล่ตามนั้นอาจกินเวลานับหมื่นปีแต่กับการต่อสู้นั้นคงจบในเวลาไม่นาน
ถ้าพวกเขาไปกันช้าๆ พวกเขาอาจทำมันไม่ทัน แต่ถ้าเร็วพวกเขาก็อาจถูกพบ
“มันไม่สำคัญที่จะถูกพบหรือไม่” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่หยิบแก้วขึ้นมา
“มานี่ เหล้าอันยอดเยี่ยมนี้ข้าได้มาจากเพื่อนในยุคจุติที่สอง ข้าได้รับมันหลังจากข้าสร้างสมบัติให้พวกเขา มาลองดู”
หลัวเฟิงหัวเราะ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรหากอาจารย์ของเขาไม่ได้ใส่ใจกับมัน
“ข้าต้องลองมันอย่างแน่นอน” หลัวเฟิงเดินเข้าไปหาอาจารย์
———-
ภูเขาได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 100 เท่าความเร็วแสง…1 หมื่นเท่า…1 แสนเท่า…
หลัวเฟิงเพียงจิบเหล้าสองครั้งเท่านั้น
ตูม…ร่างกายของหลัวเฟิงสั่น
“เรามาถึงแล้ว” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ยืนขึ้น เขาโบกมือขวาแล้วทุกอย่างรอบตัวเขาก็โปร่งใส ภูเขาไม่ได้ปิดกั้นอะไรไว้อีก
หลัวเฟิงได้มองออกไป และพบกับแสงข้างนอก ลมได้หายไปและลาวาได้หยุดไหล
ด้านหน้าเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้าแห่งจักรวาล พลังงานของเรือจักรวาลอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด คลื่นที่เกิดขึ้นได้ทำให้หลัวเฟิงสั่นไหว
“ข้าสามารรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนหลังจากมาถึงที่นี่ ทว่าอาจารย์สามารถรับรู้มันได้ในพื้นที่ลึกลับนั้น” หลัวเฟิงรู้ดีว่าตัวเองนั้นอ่อนแอแค่ไหนหากเทียบกับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด
หลัวเฟิงหยุดคิดแล้วมองหาร่างของผู้ก่อตั้งขวานยักษ์อยู่ที่นั้นหรือไม่
“อีกด้านเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สาม และอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่หกจากดวงตาศักดิ์สิทธิ์ แล้วอีกฝั่งนั้นเป็น…ทองสุกใส”
หลัวเฟิงเคยได้ยินเกี่ยวกับทองสุกสว่างมาก่อน เขาคือเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดที่ถูกเรียกว่าทองสุกใส หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เด็กปีศาจทองสุกใส เขาเป็นสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่จากหนึ่งในเจ็ดเผ่าพันธุ์ชั้นยอดในยุคจุติที่สอง เผ่าของเขาคือ ดีมคีป รูปแบบชีวิตเขาเปลี่ยนไปด้วยสถานการณ์พิเศษบางอย่าง เขามีรูปร่างที่ดูเหมือนเด็กแต่มีการแกะสลักด้วยทอง เขามี 13 แขน และ 13 ร่าง เผ่าของเขามีเพียงแค่หนึ่งเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เผ่าของเขาคือเผ่าพันธุ์ชั้นยอดจากยุคจุติที่สอง
“มันเป็นทองสุกใสงั้นเหรอ ดีที่ไม่ใช่ขวานยักษ์” หลัวเฟิงรู้สึกโล่งใจ
หลัวเฟิงกลัวว่าขวานยักษ์จะได้รับบาดเจ็บถ้าหากเขาต่อสู้กับเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์เพราะตัวเขา
หลัวเฟิงมองดูอยู่ในระยะไกล กาลอวกาศและเวลาโดยรอบมีการบิดเบี้ยว มีอุกาบาตบินไปมาอยู่ในพื้นที่นั้น ตรงกลางเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่คล้ายปลาหมึกยักษ์ มันมีหนวดทั้งหมด 13 หนวดที่กำลังทำลายทุกอย่าง สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนจะทำมาจากอาวุธ
อุกาบาตจำนวนมากได้เข้าหาสัตว์ประหลาด 13 หนวดได้ฟาดเข้าใส่อุกาบาตทั้งหมด สองลำแสงที่มีความยาวนับล้านกิโลเมตร กำลังแทงไปที่สัตว์ประหลาดซ้ำๆ
“พวกเขาช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” หลัวเฟิงพึมพำ
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อเสียงและสมบัติของพวกเขาก็โด่งดัง
เทพปีศาจทองสุกใสกำลังใช้เทคนิคสัตว์ประหลาดทองสุกใส มันเป็นสมบัติแท้จริงสูงสุดที่สามารถสู้กับเกราะเทพการทำลาย แต่มันสามารถเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิมได้ถ้าอยู่ภายใต้เทพปีศาจทองสุกใส
อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สามมีชื่อว่า เจ้าแห่งจักรวาลดาวที่แท้จริงเขาได้ใช้เทคนิคอุกาบาตไร้สิ้นสุดจากสมบัติแท้จริงสูงสุดประเภทพื้นที่ ชื่อเรียกของมันคืออาณาจักรแห่งดวงดาว
อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่หกมีชื่อว่า เจ้าแห่งจักรวาลดวงตาเขียวที่แท้จริงไฟสีเขียวทั้งสองของเขาคือสมบัติแท้จริงสูงสุดประเภทวิญญาณที่เรียกว่าดวงตาเขียวส่องสว่าง
“อาจารย์ เทพปีศาจทองสุกใสคนนี้ไม่ได้ใช้สมบัติแท้จริงสูงสุดของเขา แต่กลับต่อต้านอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สามและหกได้” หลัวเฟิงกล่าว
“ไม่ใช่แบบนั้น” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ส่ายหัวและยิ้ม
“อย่างแรก อาจจะเห็นว่าเขาใช้เพียงสัตว์ประหลาดทองสุกใสเท่านั้น แต่ยังมีสมบัติแท้จริงสูงสุดประเภทวังในร่างกายของเขา ไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้านทานเอาไว้ไม่ได้ง่ายๆ อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สามและหกนั้นก็ยังไม่ใช้พลังที่แท้จริง นอกจากนี้อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่หกยังใช้การโจมตีแบบเดียว แล้วเจ้าควรรู้ไว้ว่าอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สามมีสมบัติแท้จริงสูงสุดสองอย่าง”
หลัวเฟิงพยักหน้า
หลัวเฟิงประหลาดใจที่รู้ว่าอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่สามนั้นมีสมบัติแท้จริงสูงสุดสองอย่าง ในจักรวาลดั้งเดิมนั้นเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดบางคนไม่มีแม้แต่สมบัติแท้จริงสูงสุด แต่เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดจากยุคจุติที่หนึ่ง และสองนั้นมีโอกาสสูงในการมีสมบัติแท้จริงสูงสุด
“พวกเขาทั้งสองรู้ว่าไม่อาจทำร้ายเทพปีศาจสุกใสได้เพราะสมบัติประเภทวังของเขา พวกเขาทั้งสองจึงไม่ใช้พลังสูงสุด”
“เทพปีศาจทองสุกใสไม่ต้องการถูกโจมตีจึงใช้ สัตว์ประหลาดทองสุกใสเข้าต่อต้าน…”
“มันมีอะไรแปลกๆ เจ้าแห่งจักรวาลแท้จริงทั้งสองนั้นรู้อยู่แล้ว่าไม่อาจฆ่าเทพปีศาจทองสุกใสได้ ทำไมถึงยังไม่ยอมเลิก พวกเขาอาจจะต้องการส่งเสียงเพื่อเรียกข้ามาดู?”
แสงสีดำได้กระทบเข้ากับภูเขาสีเขียวแกมน้ำเงินที่อยู่ในสนามรบ
“ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ต้องการเข้ามาแทรกงั้นรึ” เสียงที่ฟังดูโกรธได้มาถึงที่อยู่ของหลัวเฟิงกับอาจารย์ของเขา
“เจ้าต้องการร่วมด้วยงั้นรึขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่หก ข้าเพียงแค่อยากจะรู้ว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำการโจมตีเทพปีศาจทองสุกใสในเมื่อรู้ดีอยู่แล้วเขามีสมบัติประเภทวังสูงสุด แล้วทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่หยุดอีก” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะ
“ข้าจะไม่เข้าร่วมเพราะไม่ชอบการต่อสู้ แต่มันก็ไม่เป็นไรที่จะดู เจ้าไม่จำเป็นต้องถามข้า”
“ทองสุกใสมีเกราะเทพทำลายล้างและปีกสีเงิน เราจะปล่อยเขาไปได้อย่างไรถ้าเขาไม่ส่งของมีค่าได้อย่างไร”
“มันก็ถูกที่เราไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่ถ้าสองเจ้าแห่งจักรวาลแท้จริงจากเผ่าของเราเดินทางมาถึงที่นี่ แม้จะมีวังสมบัติแท้จริงสูงสุด เราก็ผนึกเขาไว้ได้”
“พวกเขาเป็นคนน่ารังเกียจจริงๆ ข้าบอกว่ามันอยู่เหวนั้น แต่ข้าไม่มีทั้งเกราะและปีกนั้น มันต้องทำยังไงให้พวกเจ้าเชื่อ” เสียงสูงกล่าว
“เจ้าคิดว่าเราจะเชื่อเจ้างั้นเรอะ” อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่หกตะโกน
“เพียงเพราะข้าอยู่ที่นี่แล้วจำเป็นต้องมีสมบัติงั้นเรอะ บางทีขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่อาจจะมีพวกมัน” เสียงสูงกล่าว
“พวกเจ้าคิดว่าข้ามีมันใช่ไหม” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่กล่าว