ตอนที่ 1217 ประตู
ทั้งห้ากลุ่มอำนาจสร้างเส้นแสงตรงมายังเรือสุสาน
เรือที่สั่นสะเทือนได้ปรากฎประตูขึ้นมาที่ผนังเรือด้านหนึ่ง ประตูได้ยกขึ้นอย่างช้าๆ จนพบกับทางเดินที่อยู่ด้านหลังของมัน
“ตรงนั้น”
“ประตูเรือสุสานเปิดแล้ว”
“เร็วเข้าหน่อย”
เส้นแสงการบินทั้งห้ากลุ่มได้เปลี่ยนการบินเล็กน้อยเพื่อเข้าไปยังประตูที่ค่อยๆ สูงขึ้น
“เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส เจ้าคือผู้แข็งแกร่งที่สุด และคุ้นเคยกับเรือสุสานมากที่สุดในที่นี้ มันจะดีกว่าที่เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่เข้าร่วม”
เส้นแสงสีหมอก และเงาสีทองได้เข้าหาเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสในแบบไม่คุกคาม เงาสีทองจำนวนมากได้เข้ารวมกัน เป็นใบมีดขนาดใหญ่
เสียงดังมาจากสิ่งมีชีวิตจากโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลที่หนึ่ง “เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส เจ้ามีสมบัติแท้จริงชั้นยอดอยู่แล้ว ทำไมถึงยังมาแย่งชิงกับเรา”
ทันใดนั้นผีเสื้อจำนวนมากได้ปรากฎขึ้นมาในความว่างเปล่า ผีเสื้อหลายสีได้บินออกไปทั่ว ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส
“เดียร์บาส…”
บังเอิญที่สองศัตรูคู่แค้นได้เริ่มโจมตีเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส แต่ไม่มีใครในที่นี้นั้นสนใจหลัวเฟิงเลย
ทำให้เห็นว่าเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสนั้นคือภัยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งหมด เพราะเขานั้นทรงพลังที่สุดในที่นี้ แล้วในทุกคนในที่นี้ เขานั้นมีความเข้าใจในเรือสุสานมากที่สุด
หากพวกเขาไม่ร่วมมือกันเพื่อขัดขวางเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส หากเขาลงมือเขาจะได้รับมันไปในที่สุด บรรดาเจ้าแห่งจักรวาลต่างไม่ใช่คนโง่ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าจะต้องทำยังไง
มีดขนาดใหญ่ ผีเสื้อหลากสี ลมหมุนสีขาว…ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ พิรมิดสีทองที่บินด้วยความเร็วได้หายไป
ในกลางอากศได้ปรากฎสัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำ ทั้งร่างของมันดูเหมือนจะเป็นอาวุธ กรงเล็บของมันแหลมคม หางของมันคล้ายแมงป่อง หางมันมีราวพันเส้น ในแต่ละเส้นมีสีฟ้าแปลกๆ อยู่ สิ่งเดียวที่สัตว์ประหลาดนี้ที่ดูเหมือนปกติคือหัวของมันคล้ายกับกวาง
“เดียร์บาส…” หลัวเฟิงพึมพำ
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวจากสมบัติแท้จริงชั้นยอดของเขา เขาได้เปลี่ยนชื่อของเขาหลังจากที่เขาได้รับสมบัติแท้จริงชั้นยอดนี้มาว่าเดียร์บาส
ร่างกายด้วงกว่างยักษ์ได้เดินในพื้นที่ว่างเปล่าอย่างเย่อหยิ่งด้วยหัวที่ดูอ่อนโยน มันส่งเสียงคำรามที่ทำให้ทั้งพื้นที่เกิดการสั่นสะเทือน คลื่นที่มองไม่เห็นจากการสั่นสะเทือนได้กระจายออกไปทั่วทิศทาง มีดขนาดใหญ่ ผีเสื้อ ลมสีขาว…การโจมตีหลากหลายได้แตกกระจายด้วยเสียงคำราม
“ผู้นำทางช้างเผือกตามข้ามา” เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสได้บินไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งข้อความหาหลัวเฟิง
“ได้” หลัวเฟิงนั้นไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อเขาใช้สมบัติแท้จริงชั้นยอดของเขา”
“หยุดเขา”
“หยุดเขาไว้ เรือสุสานจะต้องเป็นของเรา”
“ให้เขาลดความเร็วลง”
“ผู้นำทางช้างเผือกทำไมถึงไม่ช่วยหยุดเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส ถ้าเขาเข้าไปที่นั้นก่อนเรา เราจะไม่มีโอกาสได้สมบัติ”
“ผู้นำทางช้างเผือก เราต้องหยุดเดียร์บาสก่อน”
สองเสียงได้ส่งมาถึงหลัวเฟิง
หลัวเฟิงไม่ได้สนใจต่อคำขอของพวกเขา
“อีกไม่ช้าเจ้าจะต้องเสียใจ”
“พวกเจ้าทั้งหมดสามารถโจมตีข้าได้ ถ้ามีความกล้าพอ” หลัวเฟิงตอบกลับ
กลุ่มอื่นๆ ไม่ได้สนใจหลัวเฟิงอีกต่อไป การจัดการกับหลัวเฟิงไม่ควรจะเป็นเวลานี้ ศัตรูที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส
สัตว์ประหลาดด้วงกว่างได้ปล่อยพลังจากเสียงคำรามเพื่อขัดขวางการโจมตีจากคนอื่นๆ พวกเขาพยายามโจมตีจนทำให้ความเร็วของเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสช้าไปมาก
ขณะที่เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสลดความเร็วลง เส้นแสงสีแดงเลือดก็ตามเขามาใกล้
“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผู้นำทางช้างเผือก เขาไม่ได้รู้เกี่ยวกับโครงสร้างภายในเรือสุสาน”
“เราแค่หยุดเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากหลัวเฟิงเลย เขาเป็นฝ่ายทำลายการโจมตี ส่วนอีกฝ่ายพุ่งเข้าหาประตู
———-
แสงสีแดงเข้มตัดผ่านเข้าไปยังด้านใน แล้วตามมาด้วยเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสที่ถูกบังคับให้เคลื่อนไหวช้า ส่วนคนอื่นๆเหมือนจะเข้ามาแทบจะในเวลาเดียวกัน
“นี่…”
“ที่นี่คือ…”
สภาพแวดล้อมในเรือสุสานนั้น ดูมั่นคงปลอดภัย สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ได้ออกมาจากวังสมบัติแท้จริงชั้นยอดของพวกเขา ไม่มีใครผ่านพื้นที่ไฟน้ำแข็งหากไม่มีสมบัติแท้จริงชั้นยอด
หลัวเฟิงที่รีบเข้ามาเป็นคนแรกได้มอบไปรอบๆ
หลังจากเข้ามาในประตูก็พบกับพื้นที่ว่างเปล่าขนาดมหึมา เส้นผ่านศูนย์กลางของมันควรจะวัดได้ราว 100 ล้านกิโลเมตร มันเป็นพื้นเรียบว่างเปล่า
มุมมองแรกที่เห็นได้คือความว่างเปล่า แต่ที่เส้นขอบมีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน หลัวเฟิงสับสนและไม่รู้จะเลือกเส้นทางไหน หากเขาเลือกผิดก็คงจะเสียเวลามาก ไม่ว่าทางที่เลือกจะสั้นแค่ไหนก็ตาม หากเสียเวลาเขาจะต้องเสียตัวควบคุมหลักไปให้กับคนอื่นๆ
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสส่งข้อความให้กับหลัวเฟิง “เจ้าแห่งจักรวาลทางช้างเผือกตามข้ามา”
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสบินไปทางขวาที่ไกลสุด หลัวเฟิงไม่เสียเวลาคิด เลือกที่จะตามเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสไปอย่างรวดเร็ว
เผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์มีเพียงสองเจ้าแห่งจักรวาลปรากฎตัวออกมาเท่านั้น
จากโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลที่หนึ่งมีเพียงคนเดียว เจ้าแห่งจักรวาลหลิวจิว
จากเผ่าโครงกระดูกมีเพียงคนเดียว เจ้าแห่งจักรวาลทะเลวุ่นวาย
เมื่อเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสและหลัวเฟิงทำการเคลื่อนไหว ทั้งสี่ก็ทำการตอบสนองแล้วไล่ตามในทันที
“จับตาดูเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสไว้ เขารู้ทางที่จะไป”
“เกาะติดเขาไว้”
“อย่าให้ทางช้างเผือกได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้”
เจ้าแห่งจักรวาลทั้งสี่ทำการไล่ตามจากด้านหลังพร้อมกับโจมตีระยะไกล สี่จากด้านหลังและสองจากด้านหน้ายังคงก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
———-
หลัวเฟิงคิดว่าจะไล่ตามเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสต่อไป
“แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นการแย่งชิงสมบัติกัน ยังไงข้าก็ต้องเอาชนะพวกเขาทั้งหมด แต่เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสนั้นดึงดูดความสนใจส่วนใหญ่ ข้าอาจจะได้รับสมบัติเพราะโชคร้ายของเขาก็ได้” หลัวเฟิงคิด
หลัวเฟิงยังคงไล่ตามมาจากด้านหลัง
ทุกคนมีการกระทำของตัวเอง
ตามทางเดินด้านในเรือสุสาน หกร่างกำลังบินด้วยความเร็วสูง เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสนั้นเป็นเป้าหมายสำหรับคนอื่นๆ ทำให้ความเร็วของเขานั้นช้าลง และหลัวเฟิงก็ช้าลงเช่นเดียวกัน
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสมองไปที่หลัวเฟิง “ทางช้างเผือก ข้าคิดว่าเจ้าคงจะได้รับผลประโยชน์ที่สุดในขณะข้าถูกขวางไว้”
“ข้าก็ถูกโจมตีเหมือนกัน” หลัวเฟิงเป็นเหมือนกับสัตว์เทพ เขาใช้กรงเล็บกับการโจมตีที่เข้ามา ด้านหลังของเขาเป็นสี่สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ที่ทำการโจมตีเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาไม่ได้โจมตีมาที่หลัวเฟิงเต็มกำลัง หลัวเฟิงจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมัน
“ตรงนั้น”
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสพุ่งไปข้างหน้าทันที เขาบนหัวได้ชนเข้ากับกำแพงด้านหนึ่งเสียงดัง กำแพงด้านหนึ่งมีลวดลายเปลี่ยนแปลง และปรากฎประตูขนาดใหญ่ขึ้นมา ทุกคนได้พุ่งเข้าหาประตูขนาดใหญ่ที่ปรากฎขึ้นมาในทันที แต่ทั้งสี่ถูกขวางเอาไว้โดยประตูที่ตกลงมา
“น่ารังเกียจ”
“ข้าบอกแล้วว่าเดียร์บาสนั้นอันตรายที่สุด ทำไมเจ้าแห่งจักรวาลทะเลวุ่นวายถึงได้ไปสนใจโจมตีทางช้างเผือก ทางช้างเผือกไม่รู้เกี่ยวกับความลับสำคัญอะไรเลย แล้วเดียร์บาสจะบอกอะไรกับเขาไหม การขวางเดียร์บาสและปล่อยให้ทางช้างเผือกไป เขาย่อมไม่มีทางพบอะไรที่นั่น”
“เจ้าพวกขยะจากเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากล้าที่จะพูดมันหลังจากทุกอย่างเกิดขึ้น แล้วทำไมถึงไม่พูดตอนที่ข้าเริ่มโจมตีทางช้างเผือก”
“เรารีบหาทางเดินอื่นให้เร็ว เรือสุสานมีทางเดินมากมาย เราจำเป็นต้องไปให้เร็วมากขึ้น ข้าไม่รู้ว่าเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสจะใช้วิธีไหนปิดทางเดิน”
สิ่งมีชีวิตผู้หญิงจากเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์เตะไปที่ประตู ประตูนั้นไม่มีการขยับแต่ตัวเธอนั้นต้องถอยไปสามก้าว
“เราไปกันเถอะ” เจ้าแห่งจักรวาลเทพดำหันมาหาเจ้าแห่งจักรวาลธุลีเงา
พวกเขาเร่งความเร็วหาทางเดินอื่น
———-
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสและหลัวเฟิงได้บินมาด้วยกัน
“ข้าขอนับถือเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาส” หลัวเฟิงกล่าว
“ข้าได้ศึกษาสองเรือสุสาน มันไม่แปลกที่ข้าจะรู้เกี่ยวกับวิธีนี้” เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสมองมาที่หลัวเฟิง ตอนนี้เขาได้กลับเป็นรูปร่างเดิมของตัวเอง
“ทางช้างเผือก ที่ข้ากันเจ้าไว้เพื่อให้ข้ามีศัตรูน้อยลง เจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยินดีจะมาอยู่ข้างข้า แล้วเพื่อให้แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามมีเพียงหนึ่ง ตอนนี้…เจ้าไร้ประโยชน์สำหรับข้าแล้ว”
หลัวเฟิงตกใจ
ตั้งแต่ประตูปิดลงหลัวเฟิงก็ได้เริ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากไม่มีผู้อื่นและเจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสมีพลังต่อสู้เหนือกว่า
“ข้าไม่ชอบเจ้าพวกบ้าจากยุคจักรวาลที่หนึ่ง” เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสพูดอย่างไร้กังวล
“เรือสุสานนั้นมีค่ามาก เมื่อเทียบกับวังสมบัติแท้จริงชั้นยอดก็ยังขาดอยู่ แต่ก็มีค่ามากกว่าวังสมบัติแท้จริงชั้นยอดอื่นๆ มันใกล้เคียงกับสมบัติแท้จริงชั้นยอด”
“เจ้าพวกนั้นบ้าไปแล้ว แต่ข้าไม่สูญเสียสติเพราะความตื่นเต้นที่สุดของข้าคือการผจญภัย และการได้รับสมบัติ มันเป็นสิ่งที่ดีแม้ว่าจะล้มเหลวจากการพยายามเต็มที่ ความล้มเหลวไม่มีความหมายอะไรเลย”
เจ้าแห่งจักรวาลเดียร์บาสนั้นมีความผ่อนคลายมาก เขาเดินไปตามทางที่คดเคี้ยวเบื้องหน้า
“ถ้าให้เดา ห้องควบคุมหลักควรจะอยู่ทางข้างหน้า” หลัวเฟิงคิด
“มาลองดูกันว่าใครมีความสามารถพอ ไม่ว่าจะเจ้าหรือข้าที่จะได้ตัวควบคุมหลัก”