ตอนที่ 1250 พื้นที่สมบัติ
ในจักรวาลของจักรพรรดิบูรพา มีวังสร้างขึ้นมาบนยอดเขาเป็นย่อมๆ มันถูกแบ่งออกมาเป็นเก้าส่วน หากมองลงมาจากบนฟ้าก็จะพบกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่มีความมุ่งร้าย
ที่อยู่ของเจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริง ที่นั่นมีข้ารับใช้ระดับอมตะจำนวนมากและศิษย์จำนวนหนึ่ง
ในห้องโถงหลัก เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด
ภายในห้อง เขาปิดตาแต่กำลังพูดถึงเส้นทางแห่งกฎ อัศวินนับร้อยทำการฟังอย่างตั้งใจ
อัศวินที่อยู่ด้านล่างมีอาการตกใจเมื่อเจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงหยุดพูด พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เราจะหยุดแค่นี้ พวกเจ้าออกไปได้” เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงสั่ง
พวกเขาทั้งหมดค่อนข้างสับสนแต่ก็ฟังคำสั่ง พวกเขาทำความเคารพก่อนที่จะออกไป เหลือไว้เพียงเจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงที่ถูกทิ้งให้นั่งอยู่ที่เดิม
“ท่านบรรพบุรุษ” เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงส่งเสียงดังออกไป ร่างแสงสีเขียวที่ไม่ชัดเจนได้ปรากฏขึ้นมาในทันที การมาถึงของเขาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับห้องโถงใหญ่ ไม่มีใครที่สามารถที่จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเขาไม่มีทางค้นพบอะไรเลย
เสียงของจักรพรรดิบูรพาดังก้องภายในห้อง “ข้าสั่งให้เจ้านำสิบเจ้าแห่งจักรวาลคอยเฝ้าระวังพื้นที่ไฟน้ำแข็ง เจ้ามีโอกาสพบกับผู้นำทางช้างเผือกหลัวเฟิงงั้นหรือ”
เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงทำความเคารพก่อนที่จะพูด “ท่านบรรพบุรุษ การสืบทอดนั้นจบลงแล้ว หลักจากที่เลือดสีฟ้ากับคนที่เหลือนั้นล้มเหลว ข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านไม่เคยละเลยหน้าที่เลยแม้แต่น้อย เราคุมทุกเส้นทางโดยยึดเรือสุสานเป็นศูนย์กลาง เจ้าแห่งจักรวาลของเราจะคอยเคลื่อนไหวรอบๆ ข้าได้คอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ผู้นำทางช้างเผือกไม่มีทางที่จะปลอมแปลงจนหลุดลอดไปได้ นี่มันก็นานมากแล้ว ข้าไม่พบร่องรอยของเขาแม้แต่เพียงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขายังคงไม่ออกมาจากเรือสุสาน”
“อย่าประมาท อาจจะเป็นเจ้าแห่งจักรวาลอื่นที่ช่วยให้เขาหนีไปได้”
“ข้าคิดพิจารณาจากสถานการณ์ต่างๆ แล้ว การซ่อนตัวอยู่ในแหวนโลกของสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่อื่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่อื่นได้พยายามเข้าใกล้รอบๆ เรือสุสาน แต่ทั้งหมดถูกหยุดโดยเรา เราต้องเจอสถานการณ์ต่างๆ ในแต่ละวัน แต่ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนเราไป มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครนำหลัวเฟิงออกไป”
“ดี” จักรพรรดิบูรพาพยักหน้าแสดงความพอใจ “เราต้องจับหลัวเฟิงให้ได้ เขามีมรดกของสายน้ำวูดูวง มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไรเราก็ต้องจับให้ได้”
“ครับ” เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงกล่าว พร้อมทำความเคารพ
จักรพรรดิบูรพาไม่สนใจที่เจ้าแห่งจักรวาลจำนวนมากจะต้องตาย มันมีขีดจำกัดของจำนวนเจ้าแห่งจักรวาลที่ดินแดนศักดิสิทธิ์จักรพรรดิบูรพาจะมีได้ ทำให้เกิดการสะสมของผู้มีความเหมาะสมจะเป็นเจ้าแห่งจักรวาลจำนวนมาก เช่นเลือดสีฟ้าที่มีความหวังสำหรับเจ้าแห่งจักรวาลก็เป็นหนึ่งในนั้น หากเจ้าแห่งจักรวาลตาย เหล่าผู้ที่มีความหวังก็จะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สำหรับจักรพรรดิบูรพาที่ทรงพลังนั้น เขาเห็นถึงความสำคัญของมรดกสายน้ำวูดูวงได้ชัดเจน เพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของมันก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุด
———-
ลึกเข้าไปยังพื้นที่ส่วนในของเรือจักรวาล ภายในพื้นที่ไฟน้ำแข็ง ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตใดที่อยู่รอบเรือสุสาน เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงและสิบเจ้าแห่งจักรวาลได้ทำการหลบซ่อนคอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ
“ท่านบรรพบุรุษเพิ่งมาพบข้า” เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงส่งสัญญาณออกไป
“อีกแล้วงั้นรึ”
“ช่วงเวลาที่เราคอยเฝ้าดูอยู่ ท่านบรรพบุรุษได้มาหาเจ้าถึงสามครั้งแล้ว ดาวเหนือ ดูเหมือนบรรพบุรุษจะให้ความสำคัญกับมรดกนี้มาก ตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่เคยเห็นเขาแสดงอารมณ์รุนแรงมากก่อนเลย”
“เราควรจะได้รับการดูแลแบบนี้หรือไม่ พวกเราทั้งสิบคนนั้นคือเจ้าแห่งจักรวาลอันดับต้นๆ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์บูรพา สามในสิบพวกเรามีสมบัติแท้จริงสูงสุด แต่ตอนนี้บรรพบุรุษได้นำสมบัติแท้จริงอีก 7 ออกมา สมบัติที่ถูกรวบรวมมาในเผ่าพันธุ์ของเรานานปี พวกเราทั้งสิบตอนนี้มีสมบัติแท้จริงสูงสุดทุกคน ทั่วทั้งมหาสมุทรจักรวาลมีเพียงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทร์ม่วงและของเราเท่านั้นที่จะเป็นเช่นนี้ได้”
“ใช่แล้ว”
“พวกเราทุกคนมีสมบัติแท้จริงสูงสุด เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เราไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา กับเพียงแค่หลัวเฟิงคนเดียวมันจะมีปัญหาอะไร เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงสามารถที่จะเป็นอิสระจากกฎทำให้ความเร็วของเขาตามจับหลัวเฟิงได้ทันที เจ้าแห่งจักรวาลดาวเหนือที่แท้จริงนั้นคือผู้มีพลังสูงสุดในเวลานี้”
เจ้าแห่งจักรวาลทั้งหมดนั้นมีสถานะที่สูง พวกเขามีสถานะเทียบได้เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดอื่นๆ พวกเขาเป็นบุคคลชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิบูรพา แต่พวกเขาก็ถูกจัดให้มาคอยอยู่ที่นี่เพียงแค่เพราะหลัวเฟิงคนเดียว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของบรรพบุรุษจักรพรรดิบูรพาเป็นเช่นไร
———-
เรือสุสานภายในพื้นที่ไฟน้ำแข็ง ในพื้นที่ฝึกฝนในพื้นที่มรดก
“ฝึกฝนมานานแค่ไหนกัน”
“ความรู้ที่หายไปของสามบรรพบุรุษนั้นไม่อาจเทียบได้ ข้าอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ ”
หลัวเฟิงได้นั่งอยู่บนพื้นหญ้า เขาเปิดตาและยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ข้ายังคงต้องสร้างเทคนิคดาบและยังต้องทำอย่างอื่นอีกหลายอย่าง และแล้วนี้ความรู้สึกเข้าใจกฎของข้ายังอ่อนแอ่อย่างชัดเจน”
กฎเป็นข้อบกพร่องอย่างหนึ่งของหลัวเฟิง เขาต้องการให้ปีกสีขาวนั้นจดจำเขาในฐานะเจ้านาย ทำให้ติดอยู่ในระดับที่ 7 ของเส้นทางสัตว์เทพ หลัวเฟิงนั้นไม่กล้าที่จะฝึกฝนต่อ นอกจากนี้ หากไม่เข้าใจกฎทองกาลอวกาศอย่างแท้จริงก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิค มันจะส่งผลต่อความบกพร่องในกระบวนการเรียนรู้ เมื่อทำการเรียนรู้ให้ลึกมากยิ่งขึ้นก็จะยิ่งมีผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้นในนั้น
“ข้าต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ต้องไปเอาปีกสีขาวคู่นั้นให้ไวที่สุด จากนั้นก็ฝึกฝนในเส้นทางทองกาลอวกาศ แล้วก็ต้องผ่านไปสู่ระดับเจ้าแห่งจักรวาลเป็นอันดับแรก”
เมื่อเข้าถึงระดับเจ้าแห่งจักรวาล พลังงานอมตะก็จะเปลี่ยนไป พลังงานอมตะนั้นคือตัวแทนของร่างกายและวิญญาณ เมื่อวิญญาณและจิตสำนึกแข็งแกร่งขึ้น มันจะยิ่งมีประโยชน์กับการฝึกฝน
หลังจากที่ทำการศึกษากฎเสร็จสิ้น การเรียนรู้เทคนิคก็จะง่ายมากขึ้น หลัวเฟิงยังมีแผนที่จะศึกษากฎพื้นฐานทั้งสิบทั้งหมด เป้าหมายยิ่งไกลก็ยิ่งก็ยิ่งต้องทำให้เร็วพอ
“เรือสุสานกับพื้นที่มรดก? ข้าควรนำทุกอย่างกลับไปด้วย เมื่อกลับไปยังจักรวาลดั้งเดิมค่อยนำไปไว้ในจักรวรรดิเทพ ที่นั่นคือที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยความสามารถในการต่อสู้ในปัจจุบัน ร่างกายมนุษย์โลกควรสามารถที่จะปลดปล่อยพลังในระดับขั้นที่ 5”
หลัวเฟิงนั้นมั่นใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าพลังงานอมตะของหลัวเฟิงนั้นจะอ่อนแอกว่า เขานั้นมีเทคนิคดาบในขั้นเริ่มต้นของเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด สิ่งนี้ได้สร้างความแตกต่างในด้านพลังงานอมตะ เขายังมีเทคนิควูดูเหม่ยที่ทำให้เขาระเบิดพลังงานออกมาในระดับที่ไม่ธรรมดา ปริมาณพลังของมันนั้นมากเกินไป แต่หากร่างมนุษย์โลกและอสูรเขาทองใช้เทคนิคนี้ ร่างกายของพวกเขานั้นก็จะถูกเผาผลาญเร็วเกินไป ทำให้เขาไม่คิดที่จะใช้มันง่ายๆ
———-
ในพื้นที่มรดก
หลัวเฟิงได้ก้าวออกมาจากประตูกาลอวกาศจนมาถึงพื้นที่มรดกที่เต็มไปด้วยสมบัติต่างๆ มากมาย
“สมบัติ” หลัวเฟิงมองขึ้นไปด้วยตาลุกวาว
เขาได้มองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่มีภูเขาสมบัติตั้งลอยอยู่ตรงหน้าเขา บนยอดของภูเขานั้นมีเส้นแสงลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้า พลังได้ส่องประกายออกมา ทุกเส้นแสงได้ส่งพลังที่สั่นสะเทือนหัวใจของหลัวเฟิง พลังของมันราวกับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดนับร้อยทำลายตัวเอง พลังของมันช่างถล่มฟ้าทลายดิน
“สมบัติล้ำค่าทั้งหมด 322 ชิ้น แต่ละรุ่นของสายน้ำวูดูวงได้สะสมสมบัติไว้ถึง 322 ชิ้น แต่มันน่าเสียดายที่สามารถเลือกได้อันเดียวเท่านั้น สิ่งนี้จะต้องถูกส่งคืนเมื่อยังมีชีวิตอยู่”
สิ่งนี้คือสิ่งที่สายน้ำวูดูวงในแต่ละรุ่นต้องทำ พวกเขานั้นจะเอาไปเพียงแค่ชิ้นเดียว เมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและมีความสำเร็จมากขึ้น พวกเขาก็นำมันกลับคืนมาสองหรือสามชิ้น สิ่งนี้จะถูกส่งต่อไปยังสายน้ำวูดูวงรุ่นต่อไป สิ่งนี้ทั้งหมดจะถูกบันทึกลงจารึกหินบนภูเขาสมบัติ
สมบัติพิเศษเหล่านี้มีชื่อพิเศษในอารยธรรมโบราณว่า “ตัวอ่อนเมต้า”
“เมต้า” เป็นสิ่งที่ถูกเชื่อถือในอารยธรรมโบราณ ชื่อสมบัติใดๆ ที่มีชื่อนี้จะเป็นสมบัติในระดับสูงสุด
ตัวอ่อนนั้นก็เหมือนกับตัวอ่อนในครรภ์ ความแตกต่างในสมบัติขึ้นอยู่ในความต่างของเวลา เช่นอมตะที่มีสมบัติแท้จริงสูงสุดนั้นจะไร้ประโยชน์เพราะมันไม่สามารถที่จะใช้ในระดับของเขาได้ จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ใดใช้สมบัตินั้นได้ตลอดเวลา นี่คือที่มาของคำว่า “ตัวอ่อนเมต้า”
ตัวอ่อนเมต้าคือสมบัติที่พิเศษ มันยังไม่ใช่รูปร่างเต็มตัว แม้แต่อมตะก็สามารถที่จะใช้มันได้ตั้งแต่แรก ทุกคนสามารถรวมความเข้าใจและเทคนิคเข้ากับสมบัติ ตัวอ่อนเมต้านั้นไม่มีการแกะสลักเหมือนกับสมบัติอื่นๆ มันมีการจัดเก็บที่ว่างเปล่า เพียงแค่พลังพื้นฐานของมันก็แข็งแกร่งมากแล้ว
ผู้ใช้จะเป็นคนใส่การแกะสลักลงไปยังสมบัติเมต้า การใส่การแกะสลักง่ายมากเวลาใส่เข้าไป การใช้งานของสมบัติเมต้าเป็นเหมือนกับสมบัติแท้จริง เพียงแค่ขับเคลื่อนการแกะสลักเพื่อใช้งานมัน การทำงานของมันไม่มีปัญหาเหมือนกับสมบัติแท้จริง เช่นหลัวเฟิงที่สร้างเทคนิคการแกะสลักระดับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดขึ้นมา ด้วยการใช้สมบัติเมต้าจะทำให้พลังของเขาสูงยิ่งกว่าสมบัติทั่วไป
ตัวอ่อนเมต้าสามารถที่จะเติบโตได้ พลังของมันจะยิ่งมากขึ้นในทุกขณะ การแกะสลักสำคัญในอนาคตจะรวมเข้ากับมันขึ้นไป มันสามารถที่จะเติบโตขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดของสิ่งมีชีวิตในอารยธรรมโบราณ เมื่อถึงเวลานั้นมันจะกลายเป็นสมบัติที่น่ากลัวที่สุด
“เลือกได้ชิ้นเดียวเท่านั้น ข้าควรจะเลือกอะไรดี ตัวอ่อนดาบเป็นยังไง”
หลัวเฟิงมองภูเขาสมบัติด้วยความปรารถนาที่จะนำมันไปสักสองสามชิ้น