ตอนที่ 1275 หลัวเฟิงจบทุกอย่าง
ภายในห้องโถงหลักเรือสุสาน
“ฮ่า ฮ่า…”
“น่ายินดี ช่างน่ายินดี”
“เผ่ามารไม่มีโอกาสแม้แต่จะเศร้า พวกเขาคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเราที่ได้อ่อนแอลง พวกเขาทำได้แค่กัดฟันและเกลียดชังเรา พวกเขาคงกำลังไม่พอใจกัน ฮ่า ฮ่า…ยิ่งพวกเขาเกลียดชังเรามากเท่าไร มันก็ดีกับพวกเรา ฮ่า ฮ่า…”
เจ้าแห่งจักรวาลมนุษย์ทั้ง 15 ได้รวมตัวกันภายในห้องโถงหลักของเรือสุสาน พวกเขาทั้งหมดกำลังมีความสุขอย่างมาก
“ดูบรรพบุรุษมารทั้งสองนั่น” เจ้าแห่งจักรวาลกว้างไกลชี้ออกไป
ไม่มีสิ่งกีดขวางใดขวางการมองของพวกเขา เรือสุสานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลัวเฟิง เจ้าแห่งจักรวาลทุกคนจึงสามารถที่จะมองออกไปด้านนอกได้ พวกเขามองออกไปเห็นสองบรรพบุรุษมารที่เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมายังเรือสุสาน มันคือความเกลียดชัง และความโกรธ สงครามครั้งนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้
“หลัวเฟิง เราจับได้กี่คน ข้าเห็นที่เหลืออยู่ด้านข้างบรรพบุรุษมารเขย่าขวัญมีเพียงแค่สาม เจ้าจับพวกเขาได้หก แล้วพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่” เจ้าแห่งจักรวาลชิงดงถาม
“ทั้งหมดหก แต่ที่จับได้มีสามคนที่มีร่างอื่น” หลัวเฟิงยิ้ม
“ทั้งสามได้ทำลายร่างตัวเองทันทีหลังจากฟื้นสติกลับมา ตอนนี้จึงเหลือสาม”
“ข้าก็มีสอง” เจ้าแห่งจักรวาลความมืดกล่าว
“ที่อยู่ในหอคุกดำ ข้ามีอยู่สอง เพิ่มที่เจ้าฆ่าไปอีกหนึ่ง คราวนี้เผ่ามารได้เสียเจ้าแห่งจักรวาลไปหก และสมบัติแท้จริงอีกจำนวนมาก”
“หก!”
“เผ่าพันธุ์ชั้นยอดเสียหกเจ้าแห่งจักรวาลในคราวเดียว สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับสถานะ”
“สองบรรพบุรุษมารที่มาก่อนได้เสีย 6 เจ้าแห่งจักรวาลในคราวนี้ กลุ่มอำนาจอื่นที่มีพลังน้อยกว่าคงไม่รีบร้อนที่จะเคลื่อนไหวในตอนนี้”
พันธมิตรอื่นนั้นมีเจ้าแห่งจักรวาลเพียง 20-30 แม้ว่าจะมีผู้มีพลังสูงก็ยังเทียบไม่ได้กับเผ่ามาร สองเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดเผ่ามารก็มีพลังพอที่จะกำจัดกลุ่มเจ้าแห่งจักรวาลได้
ตอนนี้ เผ่ามารต้องสูญเสียเจ้าแห่งจักรวาลถึง 6 แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดพันธมิตรอื่นต่อสู้กับมนุษย์ ถ้าเจอซึ่งหน้าพวกเขาไม่ต้องเสีย 10-20 เจ้าแห่งจักรวาลไปเลยงั้นหรือ เผ่าพันธุ์อื่นจะต้องสั่นคลอนหลังจากได้ยินข่าวนี้ พวกเขาคงไม่กล้าเข้ามาทำอะไรโดยประมาท กลุ่มอำนาจทั่วไปจำนวนมากอาจรวมกำลัง หากพวกเขาอยู่อย่างโดดเดียวก็คงไม่มีพลังพอ
“หลัวเฟิง เจ้าได้ทำอะไรลงไป”
“ใช่ มันเกิดอะไรขึ้น”
“ใช่ ใช่ เรือสุสานของเจ้าทำการดูด 6 เจ้าแห่งจักรวาลในทีเดียวได้ยังไง”
เจ้าแห่งจักรวาลทั้งหลายเต็มไปด้วยความอยากรู้และคำถามมากมาย
“ทุกท่านอยากรู้งั้นหรือ” หลัวเฟิงกวาดตามอง และทุกคนได้พยักหน้า
แน่นอนว่าพวกเขาอยากรู้วิธีการอะไรกันที่รุนแรงถึงขนาดจับเจ้าแห่งจักรวาลจำนวนมากในคราวเดียว พวกเขาต้องการรู้ถึงวิธีการอันมีประสิทธิภาพของหลัวเฟิง หลัวเฟิงได้บอกมันกับเจ้าแห่งจักรวาลความมืดและเจ้าแห่งจักรวาลเป็งกงไว้ก่อนหน้า กลยุทธ์ของเขาก่อนหน้านี้คงไม่ใช่วิธีที่น่ารังเกียจจนต้องซ่อนเอาไว้
“อย่าเสียใจที่ต้องได้ยินมัน” หลัวเฟิงพูดล้อเล่น
“อะไรที่จะทำให้เราต้องเสียใจ”
“แล้วทุกคนจะได้รู้เกี่ยวกับมัน”
เจ้าแห่งจักรวาลความมืด เจ้าแห่งจักรวาลเป็งกง หลัวเฟิง ทั้งสามมองหน้ากันและส่งเสียงหัวเราะ
“ระมัดระวังเมื่อดูมัน” หลัวเฟิงกล่าว
ประตูห้องเปิดออก เจ้าแห่งจักรวาลได้หันไปมองประตูที่เปิด ในช่วงเวลาสั้นๆ อำนาจจิตอันรุนแรงได้ปกคลุมทั้งกลุ่ม บางคนถูกบังคับให้ต้องคุกเข่าจนร่างกายสั่นสะท้าน เจ้าแห่งจักรวาลหลายคนมีท่าทางหวาดกลัว มีเพียงเจ้าแห่งจักรวาลบางคนเท่านั้นที่ยังต้านเอาไว้ได้ ทันทีที่อำนาจจิตอันรุนแรงได้หายไปจากบรรยากาศโดยรอบ เจ้าแห่งจักรวาลทุกคนก็กลับคืนมาเป็นปกติได้ในทันที
“ผลกระทบจากอำนาจจิตงั้นหรือ”
“ผลกระทบจากอำนาจจิตนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน”
“นี่คือสมบัติอะไรกัน”
เจ้าแห่งจักรวาลทั้งหลายต่างตกตะลึง พวกเขาไม่อาจหยุดที่จะตั้งคำถามออกไปได้
เจ้าแห่งจักรวาลความมืดยืนขึ้นพูด “สำหรับพวกเจ้าส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจจิตที่แข็งแกร่งพอ พวกเจ้าย่อมไม่มีทางเข้าใกล้สมบัตินั้นได้เลย”
หลัวเฟิงพยักหน้า “สมบัตินั้นอยู่อีกที่ในเรือสุสาน มันอยู่ห่างจากที่นี่หมื่นกิโลเมตร ข้าได้ปล่อยตัวป้องกันของมันออก พวกเจ้าถึงได้รับผลกระทบจากอำนาจจิต หากว่าสมบัตินั้นอยู่ต่อหน้าพวกเจ้าที่นี่ อำนาจจิตของมันจะเกินขีดจำกัดของเจ้าแห่งจักรวาล ข้ากลัวว่าจะมีผู้ไม่สามารถทนผลกระทบจากมัน และคนที่อ่อนแอกว่าก็จะหมดสติในทันที”
“สิ่งนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน”
“การเจอกับสมบัติชิ้นนี้ต้องมีอำนาจจิตถึงขีดจำกัดของเจ้าแห่งจักรวาลจึงจะปลอดภัยงั้นหรือ”
พวกเขาตกใจกับอำนาจจิตที่เข้ามาครองงำพวกเขา
หลัวเฟิงหัวเราะ อำนาจจิตนั้นมาจากคราบเลือดเทพที่อยู่บนปีกสีขาว แต่อำนาจจิตของคนๆ นั้นจะต้องทะลุขีดกำจัดของเจ้าแห่งจักรวาลก่อนถึงจะปลอดภัย ผลกระทบของมันทำให้สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจจิตต่ำกว่าสิ่งมีชีวิตสูงสุดต้องได้รับผลกระทบ สิ่งนี้คืออาวุธที่น่ากลัวมาก
มันไม่ง่ายที่จะหาภาชนะใส่เลือดเทพนี้ สมบัติแท้จริงสูงสุดอย่างปีกซื่อหวู๋ หอคอยดวงดาว เรือสุสาน ทั้งสามนี้ไม่ใช่เพียงแค่เก็บเอาไว้แต่ยังผนึกผลกระทบอำนาจจิตของมันไว้ได้
“ข้าเข้าใจ เมื่อประตูของเรือสุสานเปิดออก ผลกระทบอำนาจจิตอันน่าตกใจนี้จึงได้ออกมา” เจ้าแห่งจักรวาลกว้างไกลยืนคร่ำ ครวญและถอนหายใจ
“เจ้าแห่งจักรวาลทั่วไปจะต้องได้รับผลจากการโจมตีนี้ แม้แต่ผู้ที่ไปถึงขีดจำกัดอำนาจจิตของเจ้าแห่งจักรวาลก็ต้องได้รับผลกระทบ เฉพาะผู้มีอำนาจจิตระดับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดเท่านั้นที่จะมั่นใจว่าจะทนมันได้ ด้วยความช่วยเหลือจากพลังดึงดูดของวังสมบัติแท้จริงชั้นยอดก็พอจะดึงพวกเขาเข้ามาได้”
“ถูกต้อง นั่นคือเหตุผลที่บางคนนั้นสามารถหนีไปได้” หลัวเฟิงถอนหายใจ ผู้ที่อ่อนแอนกว่าก็จะถูกจับ ผู้ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าก็จะหนีรอดไปได้
หลังจากที่มีความสุขไปกับช่วงเวลาเฉลิมฉลอง
“เรากลับไปดินแดนลับปฐมกาล”
“ทุกคนโปรดไปข้างหน้า ข้าจะไปด้านหลังเพื่อควบคุมเรือสุสาน”
ทุกคนพยักหน้า
หลัวเฟิงใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายจักรวรรดิเทพไปยังหอคอยดวงดาว สิ่งนี้จะสร้างเส้นทางเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าเกิดข้างนอกมีศัตรูคอยโจมตีอยู่ก็ยังปลอดภัย
———-
บนยอดเกาะสายฟ้าในจักรวาลเสมือน หลัวเฟิงมาเพื่อพบกับอาจารย์ของเขา
“นี่คือชัยชนะครั้งใหญ่” ผู้นำเมืองคอยติดตามสถานการณ์ของสงคราม ช่วงเวลาที่เขาเห็นหลัวเฟิงก็มีความยินดีอย่างมาก
“ทำได้ดีมาก มันกลายเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าที่เราคิดเอาไว้ ด้วยสถานการณ์นี้มนุษย์ของเราจะต้องดียิ่งขึ้น”
“ครับ” หลัวเฟิงพยักหน้า
“อาจารย์ ข้าจะทำตามแผนเดิมของเรา และเริ่มเจรจากับเผ่าพันธุ์มาร”
“ใช่ ไปซะ” ผู้นำเมืองพยักหน้า
“ข้าหวังว่าพวกนั้นจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะถอย พวกเขาควรไม่ปล่อยให้ความโลภนั้นมากขึ้น”
หลัวเฟิงพยักหน้า “ครับ”
———-
หลัวเฟิงนั่งอยู่ตรงบัลลังก์ในเรือสุสานได้ถอนหายใจออกมา
“เป็นก้าวแรกที่ไม่เลว อย่างน้อยมนุษย์ก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอีกแล้ว” หลัวเฟิงพูดกับตัวเอง
สิ่งแรกที่เขากลัวคือความพ่ายแพ้จนนำมาซึ่งการโจมตีจากกลุ่มอำนาจต่างๆ แล้วนั่นจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างแท้จริง จำเป็นต้องทิ้งอาณาเขตทั้งหมดไปอยู่ในจักรวาลปฐมกาล แล้วอนาคตหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็ต้องพบกับสิ่งที่ยากลำบาก พวกเขาอาจจะกลายเป็นศัตรูที่ใครก็ตามในจักรวาลดั้งเดิมจะรังแก มนุษย์อาจจะไม่สามารถที่จะก้าวหน้าได้และจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
“พวกเขาไปกันหมดแล้ว” หลัวเฟิงลุกขึ้นยืน
จำเป็นต้องมีคนที่ต้องเจรจาครั้งสุดท้าย
เรือสุสานได้หายไป และปรากฏตัวขึ้นมาในอวกาศที่เต็มไปด้วยแสงสีแดงอันเงียบสงบ
———-
สองบรรพบุรุษมารรู้สึกตรงกันข้ามกับมนุษย์ พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียดชังและอับอาย พวกเขากำลังเปลี่ยนความอัปยศเป็นความโกรธ ความรู้สึกที่หลากหลายผสมผสานรวมเข้าด้วยกัน การสูญเสียแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเผ่ามารมาก่อน ทำให้ทั้งสองเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในสายตาของเจ้าแห่งจักรวาลมารคนอื่นๆ
“ผลกระทบอำนาจจิตนั้น…สมบัตินั่นคืออะไร” บรรพบุรุษมารฝันกล่าว
“ในจักรวาลมีของบางอย่างที่มีบรรยากาศชั่วร้ายและส่งผลกระทบอำนาจจิต แต่สิ่งของเหล่านั้นยังอ่อนแอ มันยังไม่คุ้มค่าแม้แต่ระดับอมตะ สมบัติที่ส่งผลกระทบในระดับอัศวินนั้นก็ยิ่งมีน้อยมาก แต่มนุษย์กลับมีสมบัติที่ส่งผลกระทบอำนาจจิตกับเจ้าแห่งจักรวาลจนถึงขั้นทำอะไรไม่ได้”
“ข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้” บรรพบุรุษมารเขย่าขวัญพูดเสียงต่ำ
“บางทีมันอาจจะอยู่ในเรือสุสาน เรือสุสานนั้นถูกทิ้งไว้โดยสายน้ำวูดูวง”
“การสูญเสียของเราในครั้งนี้…” บรรพบุรุษมารฝันมีสายตาของความไม่พอใจ
“การสูญเสียงั้นเรอะ เราจะต้องแก้ไขมันแน่นอน” บรรพบุรุษมารเขย่าขวัญจ้องไปที่เรือสุสาน
เรือสุสานหายไปและเหลือเพียงมนุษย์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงดาว เขามีปีกสีเงินและดาบหินด้านหลัง
“บรรพบุรุษมารเขย่าขวัญ บรรพบุรุษมารฝัน เจ้าต้องการให้ห้าเจ้าแห่งจักรวาลมารกลับไปอย่างมีชีวิตหรือไม่”