ตอนที่ 1359 : จับตามอง
พลังที่น่าจะอยู่ระดับ 7 สามารถขึ้นเป็นระดับ 10 ได้ด้วยสมบัติเครื่องจักร นี่คือสิ่งที่น่าสนใจของสมบัติเครื่องจักร บางอย่างที่การค้นคว้าและการสร้างเทคนิคไม่อาจจะทำเลียนแบบได้ แน่นอนว่าทุกคนใช้สมบัติเครื่องจักรและเพราะแบบนั้นจึงทำให้คนสามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมาได้
“ดูจากพลังของนักรบใหม่ ทางช้างเผือก ตราบใดที่เขามีเวลามากพอ เขาก็สามารถได้รับคะแนนมากเท่าที่เขาต้องการ” กัปตันพูดกับตัวเอง “เขาจะสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าเมื่อกลับไปที่กองทัพครั้งหน้า ข้าคงต้องตีสนิทกับนักรบใหม่ผู้นี้ ในภารกิจระดับเกิดใหม่ครั้งหน้า ถ้าข้ายังไม่สามารถเป็นเทพที่แท้จริงได้ ข้ากลัวว่าความหวังในการทำภารกิจระดับเกิดใหม่นั้นจะตกเป็นของนักรบหน้าใหม่อย่างเขา”
กัปตันเข้าใจเรื่องนี้ค่อนข้างดี จากนี้เขาต้องพึ่งวิธีการอื่นเพื่อฆ่านักรบใหม่ ทางช้างเผือก แต่ถ้ามีเวลามากพอ ทหารใหม่คนนี้ต้องก้าวข้ามเขา เพราะเขาเอาชนะ หลัวเฟิง ไม่ได้ เรื่องที่ฉลาดกว่าที่ควรจะทำคือตีสนิทกับ หลัวเฟิง
****
“เจ้าแห่งกฎ นั่นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่มีเทพแท้จริงคนไหนในภูเขาซวนหยูของเราที่มีเทคนิคการต่อสู้ระยะใกล้ ในการหลบที่ดีแบบเขาเลย”
เทพแท้จริงทั้งห้าคนพยายามขวางทาง หลัวเฟิง เอาไว้ก่อนที่จะพบกับความช็อกอย่างมาก โดยเฉพาะเทพแท้จริงที่เพิ่งจะเข้าไปขัดขวาง ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกสับสน แม้ว่าทั้งสามคนจะร่วมมือกันแต่ เจ้าแห่งกฎ คนนี้ก็ยังหนีการล้อมไปได้ มันราวกับว่าเขากำลังปั่นหัวพวกเขาอยู่
“เจ้าแห่งกฎ คนนี้ต้องกลายเป็นเทพแท้จริงได้อย่างแน่นอน”
“และเขาก็จะเป็นพวกขั้นสูง เทพแท้จริงที่น่ากลัวที่สุด! หากเขาพึ่งพาสมบัติเครื่องจักร ข้ากลัวว่าคงไม่ต่างอะไรจากเทพแท้จริงมิติ”
“ใช่ มันยากที่เทพแท้จริงจะเทียบเท่ากับเทพแท้จริงมิติได้…และหากต้องการทำแบบนั้น มันคงมีแค่ เจ้าแห่งกฎ คนนี้ที่จะทำแบบนั้นได้”
ทั้งห้าต่างก็เห็นพ้องต้องกัน ยิ่งพัฒนาตัวเองไปเท่าไหร่ สมบัติเครื่องจักรยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น ตอนที่ เจ้าแห่งกฎ พึ่งพลังของสมบัติเครื่องจักร มีหลายคนที่เทียบเท่ากับเทพแท้จริงได้
ในอีกด้านแล้วทั้งโลกแห่งจิน มันหายากที่เทพแท้จริงจะเทียบเท่ากับเทพแท้จริงมิติได้ด้วยการพึ่งพาสมบัติเครื่องจักร แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกว่า หลัวเฟิง ที่เมื่อได้เป็นเทพแท้จริงแล้ว เขาจะทำแบบนั้นได้
****
ในท้องฟ้าของบึงเก้าหมอก มีคลื่นพลังถูกส่งผ่านไปทั่ว นี่เพราะการคงอยู่ของเทพแท้จริงมิติทั้ง 6 จากบึงเก้าหมอกและภูเขาซวนหยูซึ่งลอยอยู่ในอากาศโดยไม่ได้เข้าต่อสู้กัน
“เก้าหมอก เราสามคนรวมกันแล้วยังเทียบเจ้าไม่ได้ มันผ่านมากี่ครั้งแล้ว?” เทพแท้จริงมิติสามคนจากภูเขาซวนหยูตะลึง
“ฉูว่าน!” เก้าหมอก มีร่างปีศาจที่คล้ายกับปลาหมึกและมีใบหน้ามนุษย์ 9 หน้า เขายังมีเสียงที่งดงาม “พวกเจ้าน่าประทับใจกันจริงๆ แค่พวกเจ้าสามคน แต่ข้าก็ไม่อาจจะทำลายการรวมกันของกฎจากพวกเจ้าได้ ถ้ามีเทพแท้จริงมิติจากภูเขาซวนหยูมา 4 คน ข้าว่าน่าจะทำได้”
“เอ่อ?”
“หืม?”
เทพแท้จริงมิติทั้งหกต่างก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่างกันทันที
“ช่างเป็นการหลบหลีกที่น่าประทับใจ”
“น่าประทับใจ”
แม้แต่เทพแท้จริงมิติก็อดไม่ได้ที่จะชมออกมา
“ด้วยดาบที่ถือว่าเป็นใบมีดและร่างตัวเองที่เป็นด้ามดาบ เขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ ตอนที่เขาเคลื่อนไหว ดาบก็จะคมและทรงพลังขึ้นกว่าเดิม เกิดการปะทะและยืมแรงจากศัตรู เวลาอื่นศัตรูพยายามจะต้านทานแต่ก็มีแต่ทำให้เขาหนีออกไปได้ไกล” เก้าหมอก อดไม่ได้ที่จะทึ่งในตอนที่เข้าใจสิ่งที่เขาเพิ่งจะเห็น “ช่างเป็นแผนที่อุกอาจที่สามารถสร้างเทคนิคร่างกายดาบแบบนี้ได้”
“ด้วยดาบที่ถือว่าเป็นใบมีดและร่างตัวเองที่เป็นด้ามดาบ?” เทพแท้จริงมิติคนอื่นๆ ต่างก็กระจ่างกันมากกว่าเดิม
เทพแท้จริงมิติเหล่านี้รู้เทคนิคการหลบหลีกว่าน่าประทับใจมากกว่า เจ้าแห่งกฎ คนนั้น แต่พวกเขาก็มีพื้นฐาน, ความเข้าใจและความกระจ่างของมิติมากกว่า ในด้านของเทคนิคร่างกายและด้านอื่นๆ พวกเขาต่างก็รู้ว่าตอนที่พวกเขายังเป็น เจ้าแห่งกฎ พวกเขายังห่างชั้นกับนักรบคนนี้
“นักรบคนนี้ต้องเป็นคนมาจากกองทัพตะวันออกที่ตั้งใจจะมาฝึกฝน”
“ใช่”
“ข้าคิดว่าเขาอาจจะถูกเอาขึ้นรายชื่อไว้แล้ว”
เทพแท้จริงมิติต่างก็ถกเถียงกันเพื่อหาข้อสรุป
เก้าหมอก ได้ตอบกลับมา “นี่คืออัจฉริยะที่โดดเด่น มันหาได้ยากในโลกแห่งจิน ถ้าให้เวลามากพอ มันเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกผนึกและกลายเป็นคนที่มีตำแหน่ง”
“คนมีตำแหน่ง?”
เทพแท้จริงมิติคนอื่นต่างก็ทึ่ง ผนึกพร้อมกับตำแหน่ง?
แม้แต่เทพแท้จริงมิติทั้งหกก็ยังไม่มีสักคนที่ได้รับการผนึกตำแหน่ง การผนึกด้วยชื่อจินนี้คือความฝันของเทพแท้จริงมิตินับไม่ถ้วน มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนต้องการ มันก็เหมือนกับเทพแท้จริง มันเป็นไปได้ว่าเทพแท้จริงจะถูกผนึกด้วยตำแหน่งแต่ข้อกำหนดนั้นสูงอย่างมากและความเข้มงวดที่จะไปถึงระดับนั้นได้ก็ยากจนน่าเหลือเชื่อ
เทพแท้จริงที่อ่อนแอก็ยิ่งมีข้อกำหนดที่เคร่งคัดเท่านั้น ถ้าอยู่ระดับนายพลภายในกองทัพตะวันออก งั้นเขาก็จะได้รับการผนึกตำแหน่งทันที!
****
ไกลออกไปท่ามกลางกอหญ้า หลัวเฟิง ยังคงซ่อนตัวเองอย่างดี
“ชิงศพเทพแท้จริงจากบึงเก้าหมอก อย่างน้อยข้าก็ทำภารกิจระดับภัยพิบัตินี้ได้”
หลัวเฟิง เผยรอยยิ้มออกมา การลงมือครั้งนี้ไม่ใช่ศพเทพแท้จริงแต่เป็น…
“ตอนที่ข้าเดินทางเข้าไปในสนามรบเมื่อกี้นี้ ข้าได้เก็บตัวอย่างเลือด, เกล็ด, ผมและส่วนอื่นๆ ของร่างกายจากเทพแท้จริงทั้งหมด 212 คน ซึ่งทั้งหมดข้าได้เก็บมาจากบึงหรือผืนหญ้าที่เทพแท้จริงสู้กัน ด้วยพลังอมตะของข้าแล้ว ข้าหวังว่าจะได้เป็นเทพแท้จริง แต่ตัวอย่างยีนชีวิตขอเทพแท้จริงก่อนหน้านี้มีน้อยเกินไปที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ ครั้งนี้ข้าเก็บมันได้มากพอ ผ่านยุคนี้ไปข้าก็จะสามารถเข้าหรือออกจากโลกแห่งจินได้ ตอนนั้นข้าจะให้ร่างมหาสมุทรมาเก็บตัวอย่างเหล่านี้”
หลัวเฟิง พอใจอย่างมากกับความคิดนี้และคอยสังเกตสนามรบต่อไป
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบเทพแท้จริง มันก็เป็นไปได้ที่จะมีโอกาสเกิดขึ้น
****
การพบว่าถูกขโมยศพเทพแท้จริงโดย เจ้าแห่งกฎ สองคนทั้งกัปตันและ หลัวเฟิง เทพแท้จริงกว่าหมื่นคนของทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอยู่ในบึงไม้ม่วงก็คลั่ง พวกเขาไม่ได้สนใจศพที่โดนขโมยไปตอนแรกโดยกัปตัน แต่ครั้งที่สองนี้ศพโดนขโมยโดยนักรบใหม่ มันทำให้พวกเขาสับสนกันอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะสับสนกันแค่ไหน การขโมยศพเทพแท้จริงไปก็เท่ากับการหาเรื่องพวกเขา!
“จับทั้งสอง”
“จับพวกเขา ไม่งั้นแล้วทั้งบึงเก้าหมอกและภูเขาซวนหยูต้องอับอาย”
“ครั้งหน้ารอจนกว่าพวกนั้นจะโผล่มา เราจะจับพวกนั้นทั้งคู่”
เทพแท้จริงทั้งสามต่างก็ระวังตัว ตอนที่ทั้งสองฝ่ายสู้กันอีกรอบ บางครั้งมันก็จะมีคนหนึ่งที่โดนกำจัดและตกลงไปในบึง เทพแท้จริงคนอื่นๆ ทั้งตั้งใจหรือบังเอิญไม่ได้อยู่ห่างจากเขตนี้มากนัก ส่วนมากแล้วพวกเขาจะตรวจจับด้วยพลังอมตะของตน ตอนที่พวกเขาเห็นคลื่น พวกเขาก็จะเข้าล้อมพื้นที่นั้นทันที แต่ หลัวเฟิง และกัปตันนั้นฉลาดกันทั้งคู่ แต่ละคนมีศพเทพแท้จริงอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบ
แต่การสู้กันระหว่างภูเขาซวนหยูกับบึงเก้าหมอกนั้นยาวนานและรุนแรง มันมีหลายครั้งที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างบ้าคลั่ง มันมีหลายครั้งที่พวกเขาไล่ล่ากันราวกับเล่นไล่จับ ยิ่งการต่อสู้นี้ลากนานเท่ไหร่ มันก็ยิ่งเป็นการฝึกที่ตึงเครียดสำหรับ เจ้าแห่งกฎ มากเท่านั้น ยิ่งต่อสู้ได้นานเท่าไหร่ การตายของเทพแท้จริงก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และเพราะแบบนั้นเทพแท้จริงขอทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มคลุ้มคลั่ง
นอกจากนี้ หลัวเฟิง และกัปตันก็ยังคงคอยสังเกตการณ์ต่อไปเงียบๆ
1 วัน, 2 วัน, 3 วัน…ครึ่งเดือน…หนึ่งเดือน…
“มันเป็นภารกิจกองทัพของ เจ้าแห่งกฎ ที่ต้องให้พวกเขาได้ศพของเทพแท้จริง ข้าว่าสองคนนั่นคงทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จและจากไปแล้ว”
คนจากทั้งสองกลุ่มหมดความสนใจศพของเทพแท้จริงที่เสียไป
“เราอยู่คนละกลุ่มแม้ว่าเราจะสู้กันก็ตาม แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องดูแลศพแต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่เราควรปล่อยให้พวกนั้นได้ศพไปอีก เราจะส่งเทพแท้จริงหนึ่งคนของแต่ละฝ่ายมาเก็บศพโดยที่ทั้งสองฝั่งห้ามโจมตี เจ้าคิดว่ายังไง?”
เสียงหนึ่งตอบรับขึ้นมา “ได้ เอาแบบนั้น”
บึงเก้าหมอกและภูเขาซนหยูต่างก็ส่งเทพแท้จริงเพื่อเก็บศพฝั่งตัวเอง
ฮัวะ! ฮัวะ!
เทพแท้จริงเผ่าที่ตัวเต็มไปด้วยสีแดงได้เปลี่ยนเป็นลำแสงและเริ่มเก็บศพฝั่งตัวเอง ตอนนั้นไม่มีสัตว์อสูรเทพแท้จริงเข้าไปโจมตีเขาเลย ในเวลาเดียวกันก็มีสัตว์อสูรเทพแท้จริง 8 กีบคอยาวเริ่มบินออกมาเก็บศพพวกตัวเอง หลังจากสู้กันมาเกือบ 3 เดือน มันก็มีศพกว่า 20 ศพและสัตว์อสูรนี้ก็เก็บมันเสร็จในอึดใจเดียว
****
“ไม่!”
“ทิ้งมันไว้”
กัปตันและนักรบต่างก็มองออกไปด้วยสายตาที่ลนลาน พวกเขาต่างก็พากันกังวล
“กัปตัน!”
“กัปตัน!”
นักรบคนอื่นๆ เริ่มลนลาน พวกเขาได้รอมาเกือบ 3 เดือน ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็นศพเทพแท้จริงนอนอยู่รอบๆ พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?
แต่กัปตันได้สั่งการออกมาว่าห้ามใครลงมือ แต่ตอนนี้ศพทั้งหมดถูกเก็บไปหมดแล้ว
ตาสีเทาของกัปตันมองไปยังนักรบที่มตัวเองและสั่งการออกมา “เจ้าอาจจะต้องพึ่งตัวเองหากว่าเจ้าต้องการ! พวกนั้นจงใจล่อเรา เมื่อพวกนั้นไม่มีอะไรต้องเสียพวกนั้นจึงเก็บศพทั้งหมดไป เจ้าคิดว่าจะฆ่าเทพแท้จริงได้รึ? การฆ่าเทพแท้จริงนั้นต้องใช้เวลานานอย่างมาก ก่อนที่พวกเจ้าจะทำสำเร็จ เราอาจจะโดนล้อมโดยเทพแท้จริงนับพันแล้ว”
นักรบต่างก็กังวลและโกรธแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง
“รอ! รอโอกาส!” กัปตันตะโกนขึ้นมา “ยังไงซะเราก็มีเวลาหนึ่งยุค”
****
อีกที่ หลัวเฟิง ยังคงจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรเทพแท้จิรงคอยาว เขาสนใจการเคลื่อนไหวของมันทั้งหมดเพราะสัตว์อสูรตัวนี้เพิ่งจะเก็บศพไป 26 ศพในคราวเดียว
“เทพแท้จริง 1 ศพมีค่า 10,000 คะแนน” หลัวเฟิง บอกกับตัวเอง “26 ศพมีค่า 260,000 คะแนน”
หลัวเฟิง รู้สึกใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและจับตาดูสัตว์อสูร “สัตว์อสูรที่ถูกส่งมาเพื่อเก็บศพเพราะสถานะของมันไม่ได้สูงพอ ตัดสินจากสิ่งที่มันแสดงออกมาผ่านการต่อสู้ระยะใกล้เมื่อกี้แล้ว พลังของมันค่อนข้างธรรมดา…มันเหมือนจะไม่มีเกราะระดับเทพแท้จริงด้วย”
ไม่มีเกราะระดับเทพแท้จริง!
และพลังก็อ่อนแอกว่าเทพแท้จริงคนอื่นๆ?
หลัวเฟิง คึก เขาได้ใช้เวลาไป 8 ล้านยุคในการบ่มเพาะพลังที่มีอยู่ตอนนี้!
จากการตัดสินของเขาแล้ว การฆ่าสัตว์อสูรที่อ่อนแอซึ่งไม่ได้มีเกราะระดับเทพแท้จริงนั้นเป็นเรื่องง่ายราวกับปลอกกล้วย!
แต่เขาต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจัดการแต่เวลาสั้นๆ นี้ถือว่ามากพอสำหรับเทพแท้จริง พวกนั้นสามารถเข้าล้อมเขาได้ในทันที ถ้าเขาต้องพึ่งเทคนิคการหลบหลีก เขาก็คงหนีออกมาได้จากการล้อมจากเทพแท้จริงเพียงไม่กี่คน แต่ถ้าจำนวนมันเพิ่มเป็นหลายสิบคนหรือ 100 คน หลัวเฟิง คงได้แต่พึ่งเรือสุสาน ถ้ามันมีมากกว่า 100 คน…บางทีแม้แต่เรือสุสานก็อาจจะหนีมาไม่ได้!
“รอ ข้าต้องรอโอกาสเหมาะๆ” ตาของ หลัวเฟิง จับจ้องไปที่สัตว์อสูรคอยาว
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขากำลังเก็บศพ ไม่มีใครลงมือโจมตีเลยแต่เมื่อเก็บศพเสร็จ…มันก็เข้าสู่การต่อสู้ดังเดิม พลังนั้นอ่อนแอลงและจากที่ หลัวเฟิง สังเกตมา เขาตัดสินได้ว่าพลังของสัตว์อสูรนั้นลดลง
“ลดลงกว่า 20% และร่างกายของมันก็อ่อนแอมากพอแล้ว ดูจากพลังของข้าตอนนี้แล้ว ถ้าข้าระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ข้าก็จะฆ่ามันได้ในเวลาไม่นาน”
หลัวเฟิง จับจ้องไปที่สัตว์อสูรคอยาวและรอคอยโอกาสเพื่อที่จะลงมือ