Skip to content

Swallowed Star 1377

ตอนที่ 1377 : การกระตุ้น

โลกที่กว้างใหญ่บนชั้นสองของหอคอยวูฉีนั้นเป็นดินแดนสีแดงที่เต็มไปด้วยความร้อนสูง แม้แต่ดาวนิวตรอนจากทะเลจักรวาลก็อาจจะโดนเผาได้ในตอนที่เข้ามายังดินแดนแห่งนี้

มันมี 5 เขตกับ 5 โลกย่อย

“กรร! กรร! กรรร!”

ยักษ์หินทั้งห้าตัวนั้นดูฉุนเฉียวเกินเหตุ พวกนั้นคลั่งและเข้าโจมตีนักรบทั้งห้าคนจนทำให้พวกนั้นอยู่ในสภาพน่าอนาถ

ไกลออกมา หลัวเฟิง และนักรบอีกสี่คนมองดูฉากนี้เงียบๆ ในดวงตาของนักรบทั้งสี่คนมีแต่ความกังวล

“ยักษ์หินนั้นแข็งแกร่ง เราต้องพยายามซื้อเวลาเอาไว้”

นักรบสี่คนคิดหาวิธีรับมือด้วยการคาดการณ์ พวกเขาเพิ่งจะผ่านชั้นแรกของหอคอยมา และยังไม่ได้มีเวลาพักมากเท่าไหร่ หากเทียบกับนักรบห้าคนแรก พวกเขาได้พักเพียงไม่นาน ซึ่งพวกเขาได้เห็นความอันตรายที่จะพบในชั้นสอง นี่คือการชดเชยอย่างหนึ่ง

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากนักรบ 5 คนแรกต้องดิ้นรนผ่านการต่อสู้….

ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง!

หลัวเฟิง และนักรบอีกสี่คนรู้สึกได้ถึงการสั่นไหวของมิติ และเวลารอบตัว จากนั้นพวกเขาก็ถูกส่งไปที่อื่น

***

หลัวเฟิง รู้สึกได้ถึงความผันผวนของมิติ และเวลารอบตัว เขาได้ถูกส่งผ่านรูหนอน ตอนที่ทุกอย่างรอบตัวคงที่ เขาก็ได้เข้าไปในโลกย่อย

“การเทเลพอร์ทนี้ให้เราพักเพียงสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เรารู้ถึงอันตรายก่อนล่วงหน้าซึ่งนั่นเท่ากับการชดเชยที่ดูเท่าเทียม” หลัวเฟิง เงยหน้ามองฟ้า

บนท้องฟ้าใจกลางหมู่เมฆดำ มีภาพสลักขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา แผนภาพนั้นงดงามเกินคำบรรยาย มันลึกลับ มันห่อหุ้มทั้งโลกย่อยที่ หลัวเฟิง อยู่

เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!

แผนภาพนั้นราวกับเรือรบขนาดใหญ่ที่มีปืนชี้ลงมาด้านล่าง และได้ยิงลำแสงออกมา ทุกลำแสงนั้นเทียบได้กับการโจมตีของเทพแท้จริง!

โชคดีที่มันเป็นเพียงการทดสอบทักษะ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมลำแสงนี้จึงแผ่ไปทั่วทั้งเขต ถ้าเพ่งไปยังจุดเดียว การโจมตีของลำแสงนับพันล้านอันก็จะรุนแรง แม้แต่เทพแท้จริงนิรันดร์ก็ไม่กล้าจะต้านทาน สำหรับเรื่องนี้เห็นได้ว่าหอคอยวูฉีแห่งนี้โดดเด่นเพียงใด

“หือ?” หลัวเฟิง เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ดาบเงาเลือดที่เป็นดาบหินที่หลังของเขาตอนนี้ได้ถูกชักออกมาแล้ว

ดาบเงาเลือดปัดการโจมตีจากลำแสงทิ้ง หลัวเฟิง ได้ถอยกลับมา 6 ก้าว และ 6 ก้าวนี้ก็ได้ฝังรอยเท้าเขาไว้ที่พื้นดิน ไม่นานจากนั้น…

“ข้าได้กันลำแสงทั้งเก้าได้ ทั้งหมดมีสีต่างกันไป แต่มันมีพลังงานเท่ากัน”

ในหัว หลัวเฟิง เริ่มมีการคาดคะเนที่แม่นยำ เขามองไปยังแผนภาพ และหัวเราะกับตัวเอง จากนั้นเขาก็มองลงไปที่พื้น

“ยักษ์หิน…รีบโผล่มาเร็วเข้า ไม่งั้นแล้วข้าคงแค่ใช้พลังอมตะเพียงเล็กน้อยในการจัดการกับแผนภาพนั่น”

หลัวเฟิง สั่งการในหัว “เทพกรงเล็บทองคำ!”

ฮ่ง!

ปรากฏว่า หลัวเฟิง กำลังเปลี่ยนร่าง สมบัติประเภทเครื่องจักรอย่างเทพกรงเล็บทองคำนี้สามารถเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบ และ หลัวเฟิง ก็ได้เปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตัวสีดำในทันที พลังอมตะของเขาลุกไหม้ให้พลังงานกับกรงเล็บซึ่งทำให้ความเร็ว, การป้องกัน, ความต้านทาน และการโจมตีรวมถึงหลายๆ ด้านเพิ่มขึ้น 2 ขั้นในทันที

หลัวเฟิง ไม่คิดที่จะใช้การกำจัด ในตอนที่เขาทำแบบนั้น พลังอมตะของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดถึงความอันตรายของชั้นนี้แล้ว จำนวนพลังงานที่เขามีภายใต้เงื่อนไขพวกนี้ก็ถือว่าเพียงพอ

ฮ่ง! ล่ง! ล่ง!

พื้นดินสั่นไหวและ หลัวเฟิง ก็ได้ทะยานขึ้นไปบนฟ้าทันทีก่อนจะมองลงมาด้านล่าง จากรอยแยกลึกลงไปเขาพบกับลาวาสีแดงก่ำ ที่ปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นน้ำ ลาวาจำนวนมากรวมตัวกันกลายเป็นสัตว์ประหลาด จากนั้นของเหลวสีแดงก็รวมตัวเพิ่มขึ้นไปอีก สุดท้ายแล้วมันก็ได้กลายเป็นยักษ์หิน!

ของเหลวสีแดงนั้นยังคงไหลเติมเข้าไปในตัวของยักษ์หินอยู่เรื่อยๆ

“กรร!” ยักษ์โน้มหัวกลับหลังไป และคำรามออกมาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ หลัวเฟิง

“เวลาดี” หลัวเฟิง พูดขึ้นแล้วเผยรอยยิ้มออกมา

ด้วยการเหวี่ยงเท้าของเขาทำให้เขาทิ้งรอยกรงเล็บที่พื้นดินเอาไว้ เขาเองก็ได้พุ่งเข้าหายักษ์หิน ในด้านของขนาดแล้ว หลัวเฟิง ยังคงรักษาความสูงไว้ที่ 10,000 กิโลเมตร และเขาอยู่ในภาวะที่ทำให้เขาใช้ความสามารถออกมาได้สูงสุด ส่วนยักษ์หินนั้นสูงเกือบ 20,000 กิโลเมตร หลัวเฟิง อยู่ถึงเพียงระดับเอวของยักษ์หิน

ฮ่ง!

ยักษ์ได้คำรามเสียงสนั่นหวั่นไหวออกมา ไม่นานหลังจากนั้นหมัดหินที่คล้ายกับยอดเขาก็ได้อัดเข้าใส่หน้าของ หลัวเฟิง

ชู่!

ร่างของ หลัวเฟิง ได้เปลี่ยนไปราวกับว่าเขาตั้งใจจะหลบการโจมตี หมัดพุ่งเข้ามาตอนที่เขาเปลี่ยนร่างเพื่อทำการโจมตี หมัดนี้ราวกับห่อหุ้มทุกอย่างระหว่างพื้นดินกับสวรรค์เอาไว้ไม่เปิดโอกาสให้ หลัวเฟิง หนี

“นี่คือหอคอยวูฉีที่ ราชาเทพ สร้างขึ้นมา” หลัวเฟิง ในร่างกรงเล็บทองได้พูดขึ้นมา “แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการอัดแน่นของพลังงานก็ยังมีเทคนิคหมัดแบบนี้อยู่ด้วย”

หลัวเฟิงในร่างกรงเล็บทองได้ถอนหายใจออกมา ตอนนั้นเขาเหมือนกับร่างดาบขนาดใหญ่ที่ได้เปลี่ยนทางถึงสามครั้งแทบจะทันที มันเหมือนจะไม่ได้มากอะไร แต่นี่คือระดับสูงสุดของเทคนิคเขา การเปลี่ยนทางให้มากที่สุดจะหมายความว่าเขาคุ้นชินกับระดับนี้แล้ว การเปลี่ยนทิศทางหนึ่งครั้งจะทำให้การโจมตีนั้นพลาดจากเป้าหมาย มันน่าประทับใจ!

ในบึงเก้าหมอก หลัวเฟิง สามารถหลบการโจมตีของเทพแท้จริงได้ง่ายๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับยักษ์หินนี้ เขาต้องเปลี่ยนทางถึงสามครั้งเพื่อหลบการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ฮัวะ!

ตอนที่เขาหลบนั้นกรงเล็บของเขาก็ได้เตะเข้ากับแขนของยักษ์หินจนทำให้ร่างของยักษ์หินนั้นเซ หลัวเฟิง ได้ใช้โอกาสนั้นในการซ่อนอยู่ข้างๆ ยักษ์หินทันที

ฮ่ง!

พลังงานแสงได้ยิงออกมาจากแผนภาพบนท้องฟ้าอัดเข้าใส่ร่างของยักษ์หินแต่ไม่ได้กระทบกับ หลัวเฟิง เลย

“กรร!” ยักษ์หินหันกลับมาเพื่อจะโจมตี หลัวเฟิง

“ตอนที่ข้าอยู่ในระยะใกล้ เจ้าสบายใจได้เลยว่าข้าจะใช้เจ้าเป็นโล่” หลัวเฟิง พูดขึ้น

หลัวเฟิง นั้นราวกับผี ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะเป็นเส้นตรง แต่เขาได้เปลี่ยนทางอยู่หลายครั้งด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าจนทำให้ยักษ์หินนั้นงุนงงเพราะเขาวิ่งวนไปรอบตัวมัน!

ยักษ์หินคำรามออกมา ตอนนั้นอยู่ๆ มันก็หันกลับ ก่อนหน้านี้มันเหวี่ยงหมัดไปมาทุกทิศทาง!

มันถึงกับมีตอนที่หมัดได้เปลี่ยนเป็นลาวาเพื่อห่อหุ้มตัว หลัวเฟิง เอาไว้ด้วย

เอาสั้นๆ มันพยายามเข้าใกล้อยู่หลายครั้งแต่ หลัวเฟิง ทำให้มันตกอยู่ในสภาพน่าอนาถได้โดยการวนอยู่รอบตัวมัน และใช้มันเป็นโล่ แสงที่ยิงลงมาไม่โดน หลัวเฟิง เลยแม้แต่อันเดียว บางครั้งเขาก็จะทำการโจมตียักษ์หินเมื่อมีแสงโจมตีเข้าใส่ยักษ์หิน

“จากที่ข้าเห็นมา ยักษ์หินนี่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ในทางกลับกันแล้วมันคือตัวช่วย หากมันมีมันอยู่ด้วย ข้าก็คิดว่าตัวเองมีโล่ใหญ่ได้ การใช้โล่นี้ข้าก็สามารถซ่อนตัวจากการโจมตีของแผนภาพได้”

หลัวเฟิง ได้ใช้เทคนิคร่างกายอันน่ากลัวเพื่อหลบตอนที่เขาสามารถยืมตัวทุ่นแรงได้ มันไม่มีทางที่เขาจะหยุดแสงหรือกันมันได้ เขาไม่มีทางเข้าสู้กับยักษ์หิน เพราะเขารู้ดีว่ายักษ์หินนั้นมีการฟื้นฟูที่เร็วแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม มันคือร่างชีวิตอมตะในทุกๆ ด้าน ถ้าเขายังดื้อด้านจะสู้กับมัน เขาคงได้แต่เร่งการใช้พลังอมตะของเขาไปเท่านั้น นอกจากนี้ตอนนั้นเขายังไม่ได้ใช้การกำจัด เขายังคงยึดการหลบหลีกเอาไว้ การรับมือกับแสงที่ยิงลงมานั้นเขาได้ใช้ยักษ์หินเป็นโล่ และพลังอมตะของเขาก็ถูกใช้ในอัตราที่ช้าอย่างมาก

****

ภายในวังเงินบนชั้นสามที่หุบเขาราชาเทพ

ภายในห้องโถงนั้นหน้าจอได้แสดงฉากการต่อสู้ภายใน 10 โลกย่อย สถานการณ์ตอนนี้ของนักรบทั้งสิบได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน ภายในห้องโถงนั้นมีอยู่ 4 บัลลังก์ อันทางซ้ายสุดห่อหุ้มไปด้วยหมอกดำ อยู่ๆ บัลลังก์นั้นก็สั่นไหว จากภายในหมอกดา นั้นได้มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา “เทคนิคร่างกาย…”

ฮัวะ!

หน้าจอของโลกย่อยหลักที่แสดงอยู่ได้หดขนาดลงไป พร้อมกับจอของโลกย่อยอีกอันเพิ่มขนาดขึ้นมากินพื้นที่กว่า 90% ภายในจอของโลกย่อยนั้นคือการต่อสู้อันดุเดือดกับยักษ์หินซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลัวเฟิง!

“เทคนิคร่างกายนี้…มันช่าง…มันช่าง…”

หมอกดำดูเหมือนจะช็อก ในฐานะ 1 ใน 4 ผู้สั่งการของหุบเขาราชาเทพ เขาได้ดูการคัดเลือกมาหลายรุ่นแล้ว และเห็นนักรบระดับสูงมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรแบบนี้…เทคนิคร่างกายอันน่ากลัว!

แต่ความน่ากลัวในด้านเทคนิคร่างกายนั้นไม่ได้แสดงออกมาในด้านอื่นๆ ทั้งหมด ความสามารถที่ขึ้นมาสูงระดับนี้ได้ อาจจะบอกไม่ได้ว่านักรบคนนี้ไม่ได้เท่ากันในทุกด้านก็ได้ แต่แน่นอนว่าเขามีระดับสูงกว่านักรบหลายคน

“สมกับเป็นนักรบ! เป็นไปได้ยังไงที่นายพลของสี่กองทัพไม่เคยพูดถึงให้ข้าฟังมาก่อน ? เขานั้นเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์ที่สำคัญที่สุดที่ราชาต้องการ แต่รายชื่อที่ข้าได้มาไม่ได้เน้นควาสำคัญของนักรบคนนี้เลย”

ผู้สั่งการหมอกดำอุทานคำพูดสุดท้ายออกมาด้วยความหงุดหงิด เป้าหมายของเขาในการอยู่ในหุบเขาราชาเทพมาหลายปีก็เพื่อหาบุคคลสำคัญที่ราชาต้องการ

“ทางช้างเผือก? หน่วยงูหลามแม่น้ำ? โอ้…งั้นเขาก็เพิ่งเข้ากองทัพ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายพลทั้งสี่ถึงไม่เคยพูดถึงเขามาก่อน เขาเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา ทางช้างเผือก?” เสียงของผู้สั่งการหมอกดำแสดงความดีใจออกมา “เพื่อนทั้งสาม! ได้เวลาปลุกพวกเจ้าจากการหลับใหลแล้ว! เร็วเข้า! เร็วเข้า!”

เสียงอันสั่นไหวนั้นได้เสียดแทงไปทั่วทั้งวังเงิน และลงไปใต้ดิน มันมีผู้สั่งการอีก 3 คนที่หลับใหลอยู่ ผู้สั่งการของหุบเขาราชาเทพไม่ได้มีหน้าที่อะไรมาก ดังนั้นผู้สั่งการทั้งสี่จึงมักจะมอบหมายให้เพียงคนเดียวรับหน้าที่ดูแลสถานการณ์ของหุบเขาราชาเทพ เมื่อเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น ผู้สั่งการอีกสามคนจะถูกเรียกตัวขึ้นมา

ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง!

ออร่าสามอันที่แข็งแกร่งได้ปะทุขึ้นมาซึ่งทำให้ยามภายในหุบเขาราชาเทพต้องแปลกใจ

***

ในชั้นสามของวังเงิน มันมีอยู่ 4 บัลลังก์ บัลลังก์ซ้ายสุดห่อหุ้มด้วยหมอกดำ อันที่สองจากทางซ้ายเหมือจะเป็นของสาวงามในเกราะเงิน สายตาของเธอเหมือนกับเป็นต้นกำเนิดของแสงทั้งหมด ภายใต้การมองของเธอมันราวกับว่าอยู่ภายใต้แสงอันอบอุ่น คนเราจะตกลงไปในโลกแห่งแสงได้โดยไม่รู้ตัว ที่นั่งข้างๆ เธอคือผู้สั่งการตัวกำยำในเกราะสีเลือด ผู้สั่งการคนนี้สวมหมวกที่มีเขาเงิน 9 เขางอกออกมาซึ่งดูคล้ายกับใบมีด และแผ่ความหยิ่งทะนงออกมาจากตัว

ด้านขวาต่อมาคือสัตว์อสูรในชุดเกราะตัวดำไปทั้งตัว สัตว์อสูรนี้มีสองหน้า และแต่ละหน้าก็มีตาเพียงข้างเดียว ตอนนั้นตาข้างหนึ่งได้เปิดขึ้น ส่วนอีกข้างยังคงปิดสนิท ตาที่เปิดออกนั้นดำสนิทดูเหมือนว่าจะดูดทุกอย่างเข้าไป มันได้แผ่ออร่าสังหารที่น่ากลัวออกมา

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจาหมอกดำ “เร็วเข้า เจ้าทั้งสามคนดูสิ ดูนักรบที่ควบคุมเทพกรงเล็บทองคำนั่น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!