ตอนที่ 1382 : โอกาสในหอคอยวูฉี
ด้านในวังเงินข้างๆ หอคอยวูฉีในหุบเขาราชาเทพ ผู้นำทั้งสี่ต่างก็นั่งอยู่บนบัลลังก์ของตน พวกเขามองดูหน้าจอที่ลอยอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหอคอยวูฉี
“ฮ่า ฮ่า! เขาผ่านชั้นสามไปได้ง่ายๆ” หมอกดำพูดขึ้น “ในความเห็นข้าแล้วพลังจิตของเขาต้องอยู่ระดับเทพแท้จริงมิติถ้าเขาผ่านชั้นสามได้ง่ายแบบนี้ พลังจิตของเขาคงอยู่ระดับนั้นแต่เขาเป็นเพียงแค่ เจ้าแห่งกฏ เขานั้นโดดเด่นจริงๆ!”
ผู้นำผู้หญิงเกราะเงินได้พูดขึ้นมา “ดูเทคนิคดาบที่เขาได้แสดงออกมาตอนที่ใช้เทพกรงเล็บทองคำสิ…มันโดดเด่นจนอย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับเทพแท้จริงขั้นต้น”
“เทคนิคร่างกาย, เทคนิคดาบ และพลังจิต…เขาโดดเด่นในทุกด้าน แน่นอนว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเห็นมาตั้งแต่ได้เป็นผู้นำ” ผู้นำได้มองไปยังหน้าจอ “ข้าหวังว่าเขาจะขึ้นไปถึงชั้นบนของหอคอยได้! ถ้าเขาทำได้ งั้นเราก็จะได้ทำตามที่ราชาหวังไว้ได้”
ผู้นำอีกสามคนเงียบไป ความคาดหวังของ ราชาเทพ…
ทุกสายตาจับจ้องไปที่หน้าจอแสดงถึงชั้นสี่ของหอคอยวูฉี
“ชั้นสี่นั้นคือรางวัล ข้าสงสัยว่าเขาจะเลือกอะไร”
***
นักรบ 15 คนที่รอดมาบนชั้นสี่ต่างก็คาดหวังในเรื่องนี้ ตามที่หอคอยวูฉีได้บอกพวกเขามาก่อน มันมีกับดักเพียง 3 ชั้นแรกซึ่งหมายความว่ามีแค่ 3 ชั้นแรกที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตพวกเขา จากชั้น 4 ขึ้นไป มันจะมีแต่รางวัล จากนี้พวกเขาจะปลอดภัย นักรบทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความหวัง
“รางวัลในหอคอยวูฉี?”
“รางวัลแบบไหนกัน?”
เวลาและมิติสั่นไหว นักรบทั้ง 15 ได้ถูกย้ายมายังชั้นสี่ก่อนจะมองไปรอบๆ
“หือ?” หลัวเฟิง มองไปรอบๆ มีประตูอยู่รอบตัวเขา บนกำแพงข้างประตูนั้นมีต้นไม้ และร่างมากมาย มันราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตและศพนับไม่ถ้วนถูกผนึกไว้กับกำแพงข้างประตู
เขาวงกต?
หลัวเฟิง คิด มันมีประตูทางด้านซ้ายและขวาของข้า!
นักรบทั้ง 15 มองไปรอบๆ อย่างลังเล ไม่มีใครกล้าทำอะไร พวกเขากลับรอการแนะนำจากหอคอยวูฉี
แสงหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบเหล่านักรบเอาไว้
“นักรบผู้โชคดี! พวกเจ้านั้นโชคดีเพราะพวกเจ้าขึ้นมาถึงชั้น 4 ได้ และจากนี้พวกเจ้าจะปลอดภัย ห้ามให้สู้กันเอง ไม่งั้นแล้วจะโดนกำจัด!”
คำพูดแรกนี้ทำให้เหล่านักรบโล่งอก พวกเขาพากันมองไปที่ หลัวเฟิง พวกเขาไม่ได้เครียดหรือกลัวแบบแต่ก่อน กลับกันแล้วพวกเขาพากันโล่งอกแทน
“มันมีรางวัลมากมายในชั้น 4 ของหอคอย” เสียงนั้นพูดขึ้น “มันมีประตูสี่อันรอบตัวพวกเจ้า และพวกมันก็แสดงถึงรางวัลที่ต่างกันไป อันที่มีแสงสีขาวคือประตูแห่งสมบัติ เมื่อเข้าไปแล้วเจ้าจะได้สมบัติอย่างสมบัติเครื่องจักร และสมบัติที่ใช้ฟื้นฟูร่างเทพของพวกเจ้า”
“ประตูแสงสีทองคือประตูแห่งการสืบทอด มันมีเทคนิคพิเศษในประตูนั้น และถ้าพวกเจ้าโชคดี พวกเจ้าอาจจะได้รับเทคนิคที่โดดเด่น ประตูแสงม่วงคือเส้นทางเทพแท้จริง มันจะชี้แนะเจ้าถึงการทะลวงผ่านและกลายเป็นเทพแท้จริง มันคือเส้นทางแห่งกฎ ประตูแสงดำเองก็เป็นเส้นทางเพื่อเป็นเทพแท้จริงแต่มันเป็นเส้นทางแห่งพลังอมตะ เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นแต่มันยากกว่าเดิมหลายร้องเท่า พวกเจ้าสามารถเลือกหนึ่งในประตูนี้ได้! รางวัลที่พวกเจ้าจะได้มาจากประตูเหล่านี้จะตัดสินว่าเจ้าจะขึ้นไปยังชั้น 5 ได้หรือไม่ เลือกซะเหล่านักรบผู้โชคดี”
จากนั้นเสียงก็จางหายไป
หลัวเฟิง และคนอื่นๆ มองไปยังประตูทั้งสี่
สัตว์อสูรงูดำได้เลื้อยไปหาประตูทอง “เทคนิคในหอคอยวูฉีต้องโดดเด่นแน่ ด้วยเทคนิคพิเศษ ข้าจะมีพลังมากกว่าเดิมเมื่อสู้กับคนระดับเดียวกัน”
“ข้าติดอยู่ระดับ เจ้าแห่งกฏ มานานแล้ว” นักรบตัวเตี้ยพูดขึ้นมา “ข้าต้องเป็นเทพแท้จริง เส้นทางพลังอมตะนั้นยากเกินไป ดังนั้นข้าอาจจะไม่ได้อะไร”
เขาเข้าไปยังประตูม่วง
***
เหล่านักรบพากันเลือกประตูของตัวเองกันทีละคนๆ บางคนคิดว่าจะได้รับคำแนะนำ เพื่อเป็นเทพแท้จริงในกองทัพได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกเทคนิคหรือสมบัติ บางคนต้องการเป็นเทพแท้จริงให้เร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกเส้นทางเพื่อเป็นเทพแท้จริง
จาก 8 ใน 15 คนได้เลือกเส้นทางเพื่อเป็นเทพแท้จริง 6 คนเลือกเส้นทางแห่งกฎ ทุกคนรู้ว่าเส้นทางแห่งกฎนั้นเรียบง่ายกว่าเส้นทางพลังอมตะ พวกเขาไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสำเร็จในเส้นทางแห่งพลังอมตะหรือเปล่า ดังนั้นพวกเขาจังไม่กล้าจะเลือกเส้นทางพลังอมตะ ยังไงซะมันก็แค่การชี้แนะ
***
“เส้นทางพลังอมตะ?” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ลองดูว่ามันจะเป็นการชี้แนะพิเศษแบบไหนกันที่ ราชาเทพ จากโลกแห่งจินได้เตรียมเอาไว้”
หลัวเฟิง ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาเลือกเส้นทางพลังอมตะเพื่อ เป็นเทพแท้จริง
สมบัติ?
เขาได้มามากพอแล้ว หลัวเฟิง ไม่คิดว่าเขาจะได้สมบัติอะไรที่โดดเด่นหลังจากผ่านมาแค่ 3 ชั้น
เทคนิค?
เขามีเทคนิคที่แข็งแกร่งมากมายจากสายน้ำวูดูวง
เส้นทางแห่งกฎ?
เขาทิ้งเส้นทางนั้นมานานแล้ว
ตัวเลือกเดียวคือเส้นทางพลังอมตะ!
มันถูกทิ้งไว้โดย ราชาเทพ ดังนั้นมันอาจจะสร้างแรงกระตุ้นให้เขาก็ได้
***
ผู้นำทั้งสี่มองไปที่หน้าจอ ของนักรบคนอื่นๆ ที่ได้ก้าวเข้าไปในเส้นทางเพื่อเป็นเทพแท้จริง พวกเขาต่างก็พากันถอนหายใจออกมา ขณะที่มองไปที่หน้าจอของหลัวเฟิง ผู้นำทุกคนก็อุทานออกมา
“เลือกได้ดี”
“ประตูที่ล้ำค่าอย่างเดียวในชั้นสี่คือเส้นทางพลังอมตะ มันคือความสำเร็จสูงสุดของราชา”
“นักรบ ทางช้างเผือก เลือกได้วิเศษจริงๆ”
คนอื่นๆ ในกองทัพอาจจะไม่รู้เรื่องนี้แต่พวกเขาเป็นผู้นำของหุบเขาราชาเทพ ดังนั้นพวกเขาจึงรับหน้าที่ในการดูแลหอคอยวูฉี ผู้มีพรสวรรค์ที่ราชาต้องการต้องเป็นเทพแท้จริงตามเส้นทางของพลังอมตะ
ยังไงซะก็มีทางอื่นในการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะของราชาซึ่งคือการมียีนชีวิต 90,000 เท่าในเส้นทางพลังอมตะ และการแก้ปัญหาเกมวางแผน 10,081 แบบได้ในทันที ถ้าใครผ่านเงื่อนไขทั้งสองได้ พวกเขาจะถูกผนึกและได้รับเทพวูฉี!
จากข้อกำหนดสองข้อนี้มันจะมอบให้กับอัจฉริยะที่ควรจะเลือกเดินตามเส้นทางพลังอมตะ
ยังไงซะตอนที่หอคอยวูฉีถูกสร้างขึ้นมา มันก็มีแค่เส้นทางพลังอมตะเพื่อเป็นเทพแท้จริงที่ราชาออกแบบมาอย่างดีเพื่อช่วยผู้สืบทอด
***
หลัวเฟิง เดินไปในห้องโถง บนกำแพงทั้งสองฝั่งมีร่าง และสิ่งของมากมายได้ถูกผนึกเอาไว้ราวกับเป็นของตั้งโชว์
“การชี้แนะพลังอมตะ? มันอยู่ที่ไหนกัน?”
หลัวเฟิง ยังคงตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา และเขาก็มองไปที่กำแพงด้านหนึ่ง เขาพบว่าร่างและสิ่งของที่เหมือนจะเรียบง่ายนี้รวมกันเป็นภาพสลัก!
บวกกับบางส่วนที่นูนขึ้นมาจากกำแพงและบางส่วนบุ๋มลงไป พวกมันได้กลายเป็นภาพสามมิติ!
ภาพสามมิตินี้ได้สร้างแรงบัลดาลใจให้กับ หลัวเฟิง!
บางทีมันคงไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่นๆ แต่นี่คือ หลัวเฟิง เขาศึกษาโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตด้วยการใช้ร่างมหาสมุทรมาหลายครั้ง และร่างเทพของเขาก็ได้ขึ้นไปถึงระดับยีนสมบูรณ์แล้ว
“นี่…นี่คือโครงสร้างของร่างชีวิตสมบูรณ์ที่ละเอียดที่สุด!” หลัวเฟิง พูดขึ้น
เขาจดจำโครงสร้างนี้ได้ทันที ถ้าใครไม่เข้าใจโครงสร้าง งั้นไม่ว่าจะมองไปที่ภาพนี้กี่ครั้งแต่พวกเขาก็จดจำมันไม่ได้ แต่ หลัวเฟิง ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องโครงสร้างชีวิตมาระดับหนึ่งแล้ว และการศึกษาของเขาก็สูงกว่าภาพสามมิตินี้
“ทางซ้าย!”
หลัวเฟิง มองไปยังอีกด้าน ตอนที่ภาพทั้งหมดถูกมองรวมกันแล้ว พวกมันก็ได้กลายเป็นภาพสามมิติของร่างชีวิตสมบูรณ์
“อันที่อยู่ทางขวาเป็นร่างชีวิตแบบเลือดเนื้อ อันที่อยู่ทางซ้ายเป็นร่างต้นไม้”
หลัวเฟิง จดจำมันไว้ทั้งหมดแล้วเดินหน้าต่อ บนกำแพงทั้งสองด้านนั้นยังมีภาพสามมิติ และพวกมันต่างก็เป็นร่างชีวิตสมบูรณ์!
แต่แม้ว่ามันจะเป็นร่างชีวิตสมบูรณ์แต่พวกมันก็ยังมีความต่างกันอยู่ แม้แต่โครงสร้างยีนที่สมบูรณ์ของร่างชีวิตเลือดเนื้อก็ยังมีความต่างกันเป็นร้อยๆ
“เหลือเชื่อ ละเอียดจริงๆ”
หลัวเฟิง ทึ่งและยังคงเดินหน้าต่อ
หลังจากนั้นสักพักเขาก็มาถึงที่ปลายประตู มันมีประตูที่ปลายห้องพร้อมกับภาพสามมิติที่ไม่สมบูรณ์
“หือ?” หลัวเฟิง ยิ้มออกมา “แบบเลือดเนื้อ?”
หลัวเฟิง ชี้ออกไป และส่งพลังอมตะเข้าไปด้านใน เขาได้ทำให้ภาพนั้นสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว เขาได้ศึกษาสิ่งมีชีวิตสมบูรณ์มานับครั้งไม่ถ้วน ถ้ามันเป็นร่างชีวิตพลังงานมันอาจจะใช้เวลานานกว่านี้ แต่เขาคุ้นกับร่างชีวิตเลือดเนื้อเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงทำให้มันสมบูรณ์ได้ในแทบจะทันที!
ฮ่ง! ล่ง!
ประตูไม้เปล่งแสงสีฟ้าออกมาครอบคลุมตัว หลัวเฟิง เอาไว้
ซู่!
หลัวเฟิง หายตัวไป
***
“เขาเข้าไปแล้ว!”
“นี่มันผ่านไปเพียงไม่นานและเขาก็ทำมันเสร็จแล้ว”
“ร่างเทพของเขาต้องเกินกว่าระดับยีนสมบูรณ์ไปแล้ว” ผู้นำเกราะแดงพูดขึ้น “นอกจากนี้แล้วเขายังเดินในเส้นทางพลังอมตะ นักรบ ทางช้างเผือก นี้ทะเยอทะยานอย่างมาก เขาไม่ใช่แค่ต้องการเป็นเทพแท้จริง เขาต้องการมียีนชีวิตระดับสูงกว่านี้!”
เขาตะโกนออกมา
ผู้นำคนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นเต้น “มาดูกันว่าเขาจะได้ไปมากแค่ไหน”
แม้แต่ผู้นำก็ไม่มีสิทธิ์ดูส่วนลึกของเส้นทางพลังอมตะ หอคอยวูฉีนั้นมีความลับยิ่งใหญ่ ผู้นำทั้งสี่ทำได้แค่ตรวจสอบ แต่พวกเขาตรวจสอบได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับพื้นที่พิเศษอย่างชั้น 8 หรือ 9 นั้นพวกเขาไม่อาจจะดูได้เลย พวกเขาไม่อาจจะตรวจสอบพื้นที่ลึกของเส้นทางพลังอมตะได้ มันมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่ภายใน!
มันยากที่จะกลายเป็นเทพแท้จริง และการวิเคราะห์ร่างชีวิตก็เป็นความลับ!
หลัวเฟิง มีเทคนิคสืบทอดจากจักรวาลดั้งเดิมอย่างการสร้าง พวกมันไม่อาจจะตรวจสอบร่างชีวิตที่ทรงพลังได้ชัดเจน และพวกมันไม่อาจจะตรวจจับหยดเลือดบนปีกซือหวูได้
เทพแท้จริง, เทพแท้จริงมิติ และแม้แต่เทพแท้จริงนิรันดร์ไม่สามารถวิเคราะห์โครงสร้างสิ่งมีชีวิตได้ ความเข้าใจภาพสามมิตินั้นล้ำค่าเกินกว่าจะอธิบายได้ แน่นอนว่าพวกมันต้องใช้ความเข้าใจก่อนที่จะจดจำไว้ได้ ถ้าคนไม่อาจจะเข้าใจภาพเหล่านี้ได้ เขาก็ไม่อาจจะจดจำอะไรได้เลย ภาพสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็แค่ตัวช่วย แต่ไม่มีขุมกำลังจากสังคมโบราณที่เต็มใจจะแบ่งปันมัน…ไม่แม้แต่สายน้ำวูดูวง