ตอนที่ 1398 : หว่านแหจัดการทั้งหมด
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงยังคงคิดจะฆ่าเขาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้พวกเขาเกี่ยวข้องกับสงครามจักรวาลหลักที่ต้องการถอนรากและทำลายพื้นฐานของมนุษย์อีกครั้ง ตอนนี้พวกนั้นก็ยังต้องการทำลายเขาในโลกแห่งจิน
“โชคดี…โชคดีที่ข้าได้รับตำแหน่งมา ถ้าไม่งั้นแล้วข้าคงไม่ทันได้ระวังตัว การที่จะทำลายตัวเองเพื่อที่จะป้องกันร่างอื่นของข้า ข้าไม่มั่นใจว่าข้าจะรอด”
หลัวเฟิง กลัวขึ้นมานิดๆ หลังจากที่รู้ถึงสถานการณ์
ถ้าเขาไม่ได้รับตำแหน่งมา มันก็อาจจะมีผลลัพธ์อยู่สองอย่าง หนึ่งคือเขาโดน ราชินีหงส์ ฆ่าซึ่งเป็นการตายจริงๆ ที่ไม่มีโอกาสที่สองที่จะฟื้นคืนชีพ อีกผลลัพธ์คือด้วยพลังจิตของเขา เขาก็คงต้องระเบิดตัวเองก่อนที่จะตกอยู่ในภาพลวงตา!
ถ้าเขาระเบิดตัวเอง อย่างน้อยเขาก็ปกป้องตัวเองจากความตายแม้ว่าสองร่างจะโดนทำลายไปแต่สมบัติที่เขาเอามาด้วยอย่างดาบผีเลือดและเรือสุสานก็คงหายไปโดยเฉพาะเรือสุสานเพราะมันมีมิติสืบทอดอยู่ภายใน แน่นอนว่ามีแค่ผู้สืบทอดที่สามารถเข้าไปในมิติสืบทอดได้!
มิติสืบทอดอยู่ภายใต้การควบคุมของร่างอื่น แม้ว่าจะโดนศัตรูยึดไปแต่อีกฝ่ายก็ไม่อาจจะเข้าไปได้แต่เมื่อถึงอีกฝ่ายจะเข้าไปไม่ได้แต่ร่างหลักของเขาก็ไม่มีโอกาสเข้าไปเช่นกัน มีแค่ร่างพลังงานที่ยังอยู่ในมิติสืบทอดได้ต่อและมิติสืบทอดก็จะสูญหายไป
****
หิมะประสาน มองไปที่ หลัวเฟิง “ทางช้างเผือก ผู้สั่งการทั้งสอง ราชินีหงส์ กับ ปลุกไฟวู เจ้าคิดจะจัดการกับพวกเขายังไง?”
“ราชินีหงส์ กับ ปลุกไฟวู?” หลัวเฟิง คิ้วขมวด มันชัดแล้วว่ามันมาจากความโกรธ
หิมะประสาน ตอบกลับทันที “สองคนนี้ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเจ้ามาก่อน พวกเขาคิดว่าเจ้าเป็นนักรบทั่วไปซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้…ทางช้างเผือก เจ้าช่วย…”
“หิมะประสาน” หลัวเฟิง ขัดขึ้นมา “เจ้าสบายใจได้เลยว่าข้าไม่ได้ใจร้ายจนเอาชีวิตพวกเขา แต่สำหรับการที่พวกเขาต้องการฆ่าข้าแล้ว ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ”
หลัวเฟิง พยักหน้า “การลงโทษนั้นเรียบง่ายอย่างมาก…”
หลัวเฟิง เคยผ่านการลงโทษมาแล้วแต่สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้ หิมะประสาน ต้องกะพริบตาด้วยความเหลือเชื่อ มันแทบคิดไม่ได้เลยจากคนอย่าง ทางช้างเผือก ที่คิดวิธีแบบนั้นออก
“เจ้าเข้าใจรึเปล่า?” หลัวเฟิง ถาม
ปลุกไฟวู และ ราชินีหงส์ อยู่ในสภาพน่าอนาถ ทั้งสองคนโดนรัดด้วยเชือกอากาศ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะเคลื่อนไหวได้ ทั้งสองนอนอยู่ที่พื้น หากดูจากภายนอกแล้วดูน่าสงสาร แต่ในใจพวกนั้นรู้สึกกังวลและหงุดหงิด พวกเขาเห็นว่า หลัวเฟิง กับ หิมะประสาน อยู่ไม่ห่างออกไป แม้ว่าจะเห็นว่าสองคนคุยกันแต่พวกเขาก็ไม่อาจจะได้ยินบทสนทนาได้
“ราชินีหงส์ เจ้าน่ะทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากเข้าแล้ว” ปลุกไฟวู พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
“ข้าเองก็มีปัญหาด้วย” ราชินีหงส์ ไม่อาจจะยับยั้งอารมณ์ตัวเองได้อีก “ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน? จากที่ข้ารู้มา นายพลทั้งสี่นั้นมีตำแหน่งสูงสุดและมีอำนาจสูงที่สุดในโลกแห่งจิน ตอนนี้ เทพทางช้างเผือก โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้! โลกแห่งจินไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันลึกลับกว่าเดิม ข้าไม่คิดว่าเราจะมาเจอกับเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้”
ปลุกไฟวู ส่ายหน้าด้วยความโกรธ
ราชวงศ์จินอาจจะล่มสลายไปแล้ว แต่พวกที่ติดตามราชาออกไปสู้ตอนนั้นก็ยังแข็งแกร่งกว่านายพลทั้งสี่อย่างมาก บางที ทางช้างเผือก คนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในพวกนั้นที่เคยติดตามราชาออกไปทำสงครามและรอดมาได้…
“รอก่อน”
“ภาวนาว่าเราจะรอด”
ปลุกไฟวู และ ราชินีหงส์ ได้แต่หวัง ตอนนั้น หิมะประสาน ก็ได้เดินเข้ามาหา
“นายพล”
“นายพล”
ทั้งสองตาเป็นประกายขึ้นมา พวกเขาอยู่ภายใต้การสั่งการมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าจะรอดไปได้
หิมะประสาน เดินเข้ามามองที่ ปลุกไฟวู และ ราชินีหงส์ เขาพูดโดยไม่รีรอ “เจ้าทั้งสองโชคดี เทพทางช้างเผือก ไม่ต้องการจะเอาชีวิตของพวกเจ้า”
ราชินีหงส์ กับ ปลุกไฟวู ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่พวกเขารอด มันก็ถือว่าดีแล้ว!
ถ้าเป็นช่วงสงครามกับกลุ่มอื่น การตายของพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การตายในอาณาเขตตัวเองนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินกว่าจะรับได้
“เจ้าทั้งสองอาจจะไม่ได้รับโทษถึงตาย แต่แน่นอนว่าก็ต้องมีการลงโทษ” หิมะประสาน มองเข้าไปในตาของทั้งคู่ “เจ้าทั้งสองหาคะแนนมาจำนวนมากตลอดหลายปีและมีสมบัติกับตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ตอนนี้…พวกเจ้าจะถูกริบคะแนนและสมบัติทั้งหมดเป็นการลงโทษ”
“อ่ะ!” ทั้งสองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
สวรรค์!
เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?
มัน…มันช่าง…
“ไม่ได้ยินข้ารึ?” นายพลหิมะประสาน คิ้วขมวดแล้วสั่งการ “ทิ้งสมบัติของพวกเจ้าเอาไว้ ทำไมเจ้าทั้งสองยังไม่รีบไปอีก?”
เชือกที่รัดพวกเขาได้คลายตัวออกแล้วสลายไป
“ถ้าพวกเจ้าไม่คิดจะทิ้งสมบัติไว้แล้วรีบไป มันหมายความว่าพวกเจ้าคิดจะทิ้งชีวิตไว้แทนใช่รึเปล่า?” มันมีความเย็นชาในตาของ หิมะประสาน
ฐานะของ ทางช้างเผือก แตกต่างจากเขาแค่ไหน!
เขาได้รับการคาดหวังโดยราชา
สำหรับราชาแล้วการเสียนักรบคนอื่นไปไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แต่สถานการณ์นี้เปลี่ยนไปสำหรับผู้สืบทอด เทพแท้จริงมิติสองคนยังคงหวังที่จะต่อรองได้รึ?
“ได้ ได้ ได้!” ปลุกไฟวู เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “ขอบคุณ เทพทางช้างเผือกสำหรับความเมตตา ขอบคุณนายพลสำหรับความช่วยเหลือ”
ฮัวะ!
อยู่ๆ กองสมบัติก็โผล่มาข้างกายเขา ในพริบตาสมบัติเครื่องจักร, สมบัติวิญญาณ, เกราะ, อาวุธ และวัสดุอื่นๆ ก็โผล่มาตรงหน้าเขา เขาไม่ได้เก็บอะไรเอาไว้เลย แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าเกราะที่เหมาะกับเขาที่มีพลังอมตะอัดแน่นอยู่ภายในก็ยังถูกทิ้งไว้ด้วย
“หืม?” หิมะประสาน มองไปที่ ราชินีหงส์
แม้ว่าเธอจะดูไม่เต็มใจแต่เธอก็ไม่คิดจะตาย “ข้าจะทิ้งของข้าไว้ด้วย”
ไม่นานทั้งสองคนก็ได้ทิ้งสมบัติเอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็พากันบินกลับไป ท่าทีตอนที่พวกเขาบินออกไปไม่ได้ดูแข็งแกร่งแบบแต่ก่อน ราชินีหงส์ ไม่ได้ทิ้งเส้นแสงสีรุ้งเอาไว้แบบเคยในตอนที่บิน เธอกลับบินในท่าทีสิ้นหวัง ไม่มีนักรบคนอื่นรอบๆ ที่ได้เห็นฉากนี้
“พวกเขาไปแล้ว” หิมะประสาน พูดขึ้น
“อืม” หลัวเฟิง เดินเข้าไปหาและมองไปที่สมบัติที่พื้น เขาพยักหน้าและโบกมือเก็บทุกอย่างตรงหน้า
“สำหรับคะแนนที่ทั้งสองมีแล้ว ข้าจะส่งให้เจ้าเอง” หิมะประสาน ถอนหายใจออกมา “เจ้าใจดำจริงๆ สำหรับ เจ้าแห่งกฏ และเทพแท้จริง พวกเขายังคงได้คะแนนผ่านภารกิจที่กองทัพให้มา แต่เมื่อกลายเป็นเทพแท้จริงมิติแล้ว มันก็ไม่มีภารกิจแบบนั้นอีก ถ้าพวกเขาอยากได้คะแนน มันก็เป็นเรื่องยากอย่างมากแต่เจ้ากลับยึดเอาทุกอย่างของพวกเขาที่สั่งสมมาตลอดหลายปี”
หลัวเฟิง ยิ้มออกมา แน่นอนว่าเขารู้ มันเป็นความจริงในโลกแห่งจิน เจ้าแห่งกฏ และเทพแท้จริงจะถูกส่งไปทำภารกิจกองทัพ แต่ไม่ได้ส่งเทพแท้จริงมิติไป…เพื่ออะไร?
พวกเขาจะถูกส่งไปฆ่าเทพแท้จริงมิติคนอื่นในโลกแห่งจินรึไง?
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ถูกส่งไปทำภารกิจ นอกซะจากว่ามีเทพแท้จริงมิติโง่ๆ กล้าที่จะหาเรื่องกองทัพ งั้นก็จะมีการส่งเทพแท้จริงมิติออกไปจัดการกับสถานการณ์ นี่คือตอนที่จะได้รับคะแนน แต่การหาเรื่องกองทัพน่ะรึ?
จะมีเทพแท้จริงมิติสักกี่คนที่โง่พอจะทำแบบนั้น?
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมโดยทั่วไปแล้วทางเดียวที่เทพแท้จริงมิติจะได้คะแนนคือการสั่งการ, นำ, สั่งสอนและชี้แนะหน่วย การสั่งการเองจะมีคะแนนประจำ โดยทั่วไปแล้วแต่ละระดับของผู้สั่งการจะให้คะแนนต่างกัน แต่การหาคะแนนด้วยวิธีนี้มันช้าเกินไป
****
หิมะประสาน ก็ได้กลับไปด้วย
หลัวเฟิง มุ่งหน้าไปที่หน่วยอาวุธ ตอนที่เขาเข้าไปในห้องโถงนั้นโลกก็ได้เปลี่ยนไป
ฮัวะ!
ร่างหนึ่งพร้อมลำแสงสีทองได้โผล่มาตรงหน้า หลัวเฟิง และทักทายเขา “สวัสดี เทพทางช้างเผือก”
หลัวเฟิง ยิ้ม นักรบทุกคนที่มาที่นี่ได้พบกับร่างนี้ ในอดีตร่างนี้อาบด้วยแสงสีทองแต่ตอนนี้กลับดูจางลงไป
“มันไม่มีนักรบสักคนรอบๆ” หลัวเฟิง มองไปรอบๆ รอบๆ ข้างนั้นว่างเปล่า ปรากฏว่า หลัวเฟิง ได้ถูกนำมาขอบเขตแยก
“เทพทางช้างเผือก นี่คือวงแหวนของหน่วยอาวุธ” ร่างสีทองพลิกมือ ใจกลางฝ่ามือนั้นมีแหวนปรากฏขึ้นมา “เทพทางช้างเผือก ใช้มันเพื่อเข้ามาในหน่วยอาวุธตอนไหนก็ได้ที่ต้องการ ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกแห่งจิน เจ้าก็เข้ามาในหน่วยอาวุธตอนไหนก็ได้ มันไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
หลัวเฟิง ตาเป็นประกายขึ้นมา
“สิทธิ์ของ เทพทางช้างเผือก เริ่มขึ้นตอนที่ได้รับแหวนหน่วยอาวุธ”
แหวนลอยจากร่างนั้นมาหา หลัวเฟิง
หลัวเฟิง ยื่นมือออกไปรับแหวน
“ข้าอยากดูข้อมูลนักรบที่เป็น เจ้าแห่งกฏ และพวกที่เข้าร่วมสี่กองทัพใน 3 ยุคนี้” เขาพูดขึ้น “แล้วเจ้าจำลองออร่าของพวกนั้นได้รึเปล่า?”
“แน่นอน” ร่างสีทองพูดขึ้น “ออร่าจากร่างชีวิตเป็นสิ่งที่แม่นยำที่สุดในการแยกแยะตัวตนคน แน่นอนว่าเราทำการจำลองได้ เทพทางช้างเผือก มีสิทธิ์มากพอที่จะขอเช่นนั้น”
ทันใดนั้นเอง…
ฮัวะ! ฮัวะ! ฮัวะ!
ข้างตัวเขามีร่างต่างๆ ปรากฎขึ้นมาทีละร่างๆ ทั้งหมดเป็นร่างจำลองของนักรบที่เข้าร่วมกับสี่กองทัพใน 3 ยุคมานี้ มองตอนแรกทุกคนก็ดูแข็งแกร่ง
“นี่มันค่อนข้างเยอะเลย” หลัวเฟิง พึมพำกับตัวเอง “โชคดีที่มันแค่ 3 ยุค”
หลัวเฟิง คือคนที่มาจากชุดแรก ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในโลกแห่งจิน มันก็ผ่านมาแค่ 2 ยุค นักรบที่ถูกส่งมาโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงยังหาตัวได้อยู่ในช่วงเวลานี้
“มาเริ่มกันเลย”
หลัวเฟิง รีบทำการตรวจสอบ ความเร็วในการคำนวณและพลังอมตะของตัวตนยิ่งใหญ่จะดีแค่ไหน?
ไม่นานเขาก็ทำการเลือกได้เสร็จสิ้น
“มีทั้งหมด 96 คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงที่เข้าร่วมกับสี่กองทัพ” หลัวเฟิงพูดขึ้นมาเบาๆ
อันที่จริงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงได้ส่งคนมามากว่าที่เขาพบ แต่การถูกรับเข้ากองทัพนั้น เจ้าแห่งจักรวาล ต้องผ่านการคัดเลือกให้ได้ก่อน ไม่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงจะเตรียมตัวยังไงแต่มันก็ไม่มีทางที่จะผ่านได้ 100%
“96 คนนี้” หลัวเฟิง ชั่งใจ “ถ้าข้าต้องการจะฆ่าพวกนี้ทั้งหมด…ข้าต้องทำให้เสร็จในคราวเดียว ข้าไม่อาจจะเสียเวลาได้ ตอนที่พวกเขาตื่นตัว พวกเขาก็จะหนี”
“หืม? ไม่ถูกต้อง!” หลัวเฟิง คิดวิธีฆ่า เจ้าแห่งจักรวาล ทั้ง 96 คนจาก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หากข้าฆ่าพวกนี้ทั้งหมด มันจะไม่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงตื่นตัวงั้นรึ? จากนั้นเมื่อถึงยุคต่อไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงจะยังส่ง เจ้าแห่งจักรวาล มาที่นี่อีกรึ?”
****
จักรวาลหลักที่เขตหลักในมหาสมุทรก้าวกว้างไกล
“อาจารย์” ท่ามกลางคลื่นที่รุนแรงได้มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นมา มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลัวเฟิง
“หลัวเฟิง” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล มองมาที่เขา “เจ้าบอกว่าเจ้ามีสิทธิ์จะฆ่า เจ้าแห่งจักรวาล จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงในโลกแห่งจินรึ?”
“อาฮะ” หลัวเฟิง พยักหน้า
ภารกิจหอคอยวูฉี ข้อตกลงระหว่างราชากับตัวเขา มันไม่ใช่ว่า หลัวเฟิง จะบอกคนอื่นๆ ถึงองค์ประกอบเหล่านี้ได้
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงมักจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรามนุษย์” หลัวเฟิง พูดออกมาเบาๆ “ถ้าไม่ใช่ความจริงว่าข้ามีฐานะต่างจากเดิมและมีสิทธิ์ระดับหนึ่งในโลกแห่งจิน ข้ากลัวว่าข้าเองคงเป็นฝ่ายตาย ครั้งนี้ข้าจะแก้แค้น ให้พวกนั้นไม่อาจรักษาความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ได้ในอีกหลายยุค แต่ข้าคิดว่ายุคสองนั้นยังไม่จบลง มันผ่านไปแค่สักพักหนึ่ง ดังนั้นข้าเดาว่าพวกมันคนกลุ่มใหญ่มาในยุคสาม เมื่อยุคสามใกล้มาถึง เมื่อถึงเวลา ข้าจะหว่านแหและกำจัดพวกนั้นให้หมดในคราวเดียว!”
ตาของ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เป็นประกายขึ้นมาและรีบพยักหน้า “เยี่ยม! พวกนั้นใช้ยุคแรกในการหาสถานที่ ยุคสอง พวกเขาส่ง เจ้าแห่งจักรวาล ของพวกเขามาแค่ส่วนหนึ่ง เมื่อถึงยุคสาม พวกเขาต้องส่งอีกกลุ่มเข้ามา จากนั้นภายในทะเลจักรวาลเกือบครึ่งของทุกกลุ่มจะคิดเรื่องการเข้าไปในโลกแห่งจิน เพื่อการนี้เราต้องรอจนกว่าจะถึงยุคสาม! อีกอย่างแล้วไม่ใช่แค่เราต้องจัดการกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง แต่ยังต้องจัดการกับกองกำลังอื่นที่คิดอยากจะสู้กับพันธมิตรมนุษย์ เราอาจจะได้เปรียบแต่จริงๆ แล้วคือการได้เปรียบที่สุด ใครจะไปรู้ว่ามันจะกินเวลาอยู่นานแค่ไหน? เมื่อเจ้าอยู่ในโลกแห่งจิน งั้นก็จัดการกับพวกในโลกแห่งจินในคราวเดียว…พลังของปีศาจ, ทหารแมลง, เผ่าหุ่นยนต์ และอีกหลายๆ เผ่าแน่นอนว่าต้องอ่อนแอลง ชัดแล้วว่าพวกเขาจะไม่อาจจะต้านทานได้”
ตาของ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เป็นประกายด้วยความบ้าคลั่งและความคาดหวัง