Skip to content

Swallowed Star 1428

ตอนที่ 1428 : หลังการต่อสู้

หลัวเฟิง คิ้วขมวดและครุ่นคิด

“ไม่คิดเลยว่ามันจะยังหนีไปได้” หลัวเฟิง แสดงสีหน้าหนักใจ “และพลังของมันก็แข็งแกร่งกว่า เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว กับ บรรพบุรุษกล้วยไม้เลือด บอกมาอย่างมาก! ดูเหมือนว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานี้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เหตุการณ์ย่ำแย่ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้เป็นจริงแล้ว ด้วยการกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อย มันก็เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น”

หลัวเฟิง กดดัน อสูรทลายมิติ นี้แค่ต้องกินจุดกำเนิดและแข็งแกร่งขึ้นมา ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ยิ่งล่าช้าเท่าไหร่ อสูรทลายมิติ ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น

ในการต่อสู้นี้ หลัวเฟิง ไม่ได้มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ตั้งแต่แรก ยังไงซะสัตว์อสูรเขาทองก็เป็นคนที่สู้กับ อสูรทลายมิติ โดยใส่สมบัติเครื่องจักรแค่ไม่กี่ชิ้น สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดอย่างปีกซื่อหวู๋, เทพวูฉีและหอคอยดวงดาวต่างก็อยู่กับร่างมหาสมุทรและร่างโมชาน

“แม้ว่าจะใช้จักรวาลโซ่และโลกหิมะก็ยังไม่เพียงพอที่จะขังมันไว้ ตาเทพเองก็ไม่อาจทำให้พลังของมันลดลง…แต่สุดท้ายมันก็เผยร่างจริงออกมาเมื่อพบว่าไม่อาจจะหนีได้ นั่นเกิดขึ้นตอนก่อนที่มันจะออกมาจากจักรวาลโซ่”

หลัวเฟิง พยักหน้า จากนี้ไปเขาเดาว่า อสูรทลายมิติ คงจนมุม ก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กับ เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว แม้ว่าตอนที่มันหนี มันก็ไม่ได้แสดงร่างจริงออกมา ท่าที่ต้องใช้การเผยตัวจริงออกมาเพื่อจะใช้นั้นต้องเป็นท่าไม้ตาย!

แต่ หลัวเฟิง ไม่มั่นใจว่านี่คือท่าไม้ตายของ อสูรทลายมิติ หรือท่าธรรมดา!

ยังไงซะเขาก็ไม่อาจะเข้าใจมันได้และมันก็หนีไปได้อย่างปลอดภัย

มันอาจจะมีบางกลยุทธในการหนีที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา ตามแหล่งกำเนิดของมัน เมื่อ อสูรทลายมิติ เข้าสู่ช่วงเติบโต ฐานในตัวมันจะยกระดับ เป้าหมายหลักของมันคือให้กำเนิดนักรบที่แข็งแกร่งจำนวนมากเพื่อการต่อสู้ บทบาทของมันคือให้กำเนิดนักรบเพื่อการทำลายล้างคล้ายกับที่จักรวาลหลักได้ให้กำเนิดชีวิตเป็นล้านล้าน!

ดังนั้น อสูรทลายมิติ จึงมีพรสวรรค์ในการเอาตัวรอดมากมาย

“มันจะมีท่าอื่นอีกรึเปล่า?” หลัวเฟิง กังวล

หลังจากที่คิดอยู่นาน หลัวเฟิง ก็ส่ายหน้า

“ไม่ว่ายังไงก็ตามครั้งนี้ข้าก็จัดการบังคับให้มันเผยร่างจริงออกมาได้ซึ่งหมายความว่ามันเกือบเข้าถึงขีดจำกัดของมัน! และพลังของสัตว์อสูรเขาทองก็ไม่เพียงพอ ตอนที่ร่างมหาสมุทรและร่างโมชานมาถึงพร้อมกับสมบัติต่างๆ พวกเขาก็จะแสดงพลังออกมาได้มากกว่าเดิมอย่างมาก แค่ด้วยเทพวูฉีและดาบเงาเลือด พลังของข้าก็จะเพิ่มขึ้นสองขั้นทันที อีกทีมแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรเขาทอง ครั้งนี้ข้าสามารถบังคับให้มันถึงขีดจำกัด แม้ว่ามันจะมีกลยุทธอื่นๆ แต่ตอนที่อีกทีมลงมือ ท่าต่างๆ ที่มันใช้ออกมาข้าก็น่าจะรับมือได้ ข้ามั่นใจ 90% ว่าจะเข้าใจมันได้”

แค่เพียงมองไปที่เรือข้างกาย เขาก็บินเข้าไปทันทีพร้อมกับโซ่ด้านหลังที่ตามเข้าไปด้วย

ฮัวะ!

ทันใดนั้นเรือก็บินออกไปทันที

****

ในอีกพื้นที่ของมิติ โมโลซ่า กำลังหนี มันหนีพร้อมกับความกลัวในหัว เจ้าแห่งจักรวาล กลับมีการโจมตีพลังจิตที่แข็งแกร่งกว่ามัน!

หนึ่งในท่าที่ อสูรทลายมิติ เชี่ยวชาญคือการโจมตีวิญญาณ ก่อนหน้านี้ตอนที่เทพแท้จริง 9 คนรวมถึง เทพที่แท้จริงฟายลี่ ได้ล้อมมันไว้ แต่การกรีดร้องไร้เสียงก็ทำให้ทุกคนแม้แต่ เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว ได้รับผลกระทบ ในด้านของพลังจิตแล้ว โมโลซ่า เดิมนั้นเชี่ยวชาญการโจมตีวิญญาณและมันก็แข็งแกร่งกว่า เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว อย่างมาก เมื่อเป็นเรื่องการโจมตีแบบนี้แล้ว มันก็เข้าถึงระดับเทพแท้จริงนิรันดร์ มันก็เหมือนเทคนิคการเผาพลังอมตะ!

มันคือเทคนิคพลังจิต!

อีกอย่างแล้วสำหรับคนที่สร้างเทคนิคขึ้นมา พวกเขาถือว่าเป็นคนจากสังคมโบราณที่อยู่จุดสูงสุดในเวลานั้น มันเหมือนกับบรรพบุรุษทั้งสามและราชาจิน อสูรทลายมิติ นั่นต้องมีพรสวรรค์แต่พรสวรรค์ของมันนั้นไม่ได้ละเอียดเท่ากับเทคนิคตาเทพ ซึ่ง หลัวเฟิง ได้เข้าถึงระดับ 6 ได้

“ช่างเป็นพลังจิตที่แข็งแกร่ง ร่างอมตะที่ใหญ่โต ทั้งยังบังคับให้ข้าแสดงร่างที่แท้จริงออกมาได้” ตาของ โมโลซ่า แสดงความเคียดแค้น “มนุษย์ หลัวเฟิง นั้นแน่นอนว่าเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดที่ข้าพบมา เขาแข็งแกร่งกว่า เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว! แต่แม้ว่าเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าข้าแต่เขาก็ไม่อาจจัดการข้าได้ ข้ายังคงหนีมาได้ ข้าไม่มีเหตุผลต้องกลัวเขา ทำไมข้าต้องกลัวเขาด้วย?”

โมโลซ่า หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย มันอาจจะกลัว หลัวเฟิง แต่ หลัวเฟิง ก็ไม่อาจจะทำอะไรมันได้!

แค่การต่อสู้กับ หลัวเฟิง ครั้งเดียวและได้รับความเสียหายแบบนี้ โมโลซ่า คิด ครั้งหน้าที่ข้าเจอเขา ข้าควรจะหนีทันที…ในเวลาอันสั้น แม้ว่าพลังของข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแต่ข้าก็ยังคงอยู่ระดับเดียวกับเขา ลืมเรื่องการเท่าเทียมได้เลย แม้ว่าข้าจะแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อยแต่เขาก็ยังหนีจากข้าไปได้ ดังนั้นการสู้กับเขามีแต่จะเสียพลังงานไปเปล่าๆ ไม่คุ้ม!

“ครั้งนี้พลังที่ข้าใช้ไปในการสู้กับเขานั้นเท่ากับพลังที่ข้าได้มาจากการกินจุดกำเนิดสองแห่ง” โมโลซ่า พึมพำกับตัวเอง “ถ้าข้าเจอเขาอีก ข้าควรรีบหนี”

ไม่ใช่แค่เขาแต่ตัวตนยิ่งใหญ่ 8 คนของทะเลจักรวาล มันคิด เมื่อข้าได้เจอกับพวกนั้น ข้าควรที่จะหนี แม้ว่าข้าจะต้องเผชิญหน้ากับพวกนั้น ข้าก็ควรจะหนี จากนี้ข้าจะพยายามกลืนกินจุดกำเนิดให้ได้มากที่สุดเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ฮ่า ฮ่า…ไม่ว่ายังไงอย่างน้อยเมื่อเจอกับอันดับหนึ่งผู้นี้ ข้าก็สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้โดยไม่เกรงกลัว

ซู่!

ด้วยการเทเลพอร์ทโดยตรง โมโลซ่า ก็หายไปท่ามกลางอากาศที่ปั่นป่วน การต่อสู้นี้ได้สลัดความกังวลในหัว โมโลซ่า แม้ว่ามันจะเผชิญหน้ากับ หลัวเฟิง แต่มันก็ไม่กลัวเขาอีกต่อไป มันเชื่อว่าภายในทะเลจักรวาลนั้นไม่มีใครที่จะฆ่ามันได้!

****

จักรวาลจำลองในมิติของ หลัวเฟิง

ที่ลานตรงหน้าวังมีกลุ่มเทพแท้จริงมารวมตัวกันอยู่ มองผ่านๆ พบว่ามีกว่า 50 คน!

ปรากฏว่านอกจากเทพแท้จริงมนุษย์แล้ว พวกที่มารวมตัวกันก็ยังมีคนจากสำนักบรรพบุรุษอสูรเทพ, พันธมิตรสัตว์อสูรมิติ และเผ่าต่างๆ ของพันธมิตรหง

ทุกคนต่างก็พากันเงียบ ตรงหน้าพวกเขามี หลัวเฟิง ที่นั่งหลับตาไม่ขยับ ไม่มีสักคนที่ไปรบกวนเขาเพราะต่างก็รู้ว่าตอนนั้น หลัวเฟิง สู้กับ อสูรทลายมิติ อยู่ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่อยากรบกวน การต่อสู้กับอสูรทลายมิติ นี้เกี่ยวข้องกับการรอดชีวิตของเผ่านับไม่ถ้วนภายในทะเลจักรวาล

“ทางช้างเผือก จะฆ่า อสูรทลายมิติ นั่นได้รึเปล่า?”

“เขาต้องทำสำเร็จแน่”

“เขาคืออันดับหนึ่งในทะเลจักรวาล”

พวกเขาต่างก็ส่งข้อความหากัน ตั้งแต่ที่ข้อความจาก เทพที่แท้จริงทะเลคลั่ง ได้แจ้งมาว่า ทางช้างเผือก ได้อยู่ที่จักรวาลย่อยของเขาและสู้อยู่กับ อสูรทลายมิติ ความตึงเครียดก็ก่อตัวไปทั่วทะเลจักรวาล!

สำหรับเทพแท้จริงในจักรวาลหลัก ส่วนใหญ่รีบมาที่นี่ผ่านจักรวาลจำลองรวมไปถึง ตาสวรรค์ และ เจ้าแห่งดาวกระดูก พวกเขาต่างก็ใช้เหรียญสื่อสารรอฟังผลลัพธ์

ฮู่!

หลัวเฟิง ในชุดขาวลืมตาขึ้นมาและถอนหายใจ ทันใดนั้นเทพแท้จริงกลุ่มใหญ่ก็มองไปที่เขาด้วยความคาดหวัง คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุดคือ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล

“เป็นยังไง?” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล รีบถามขึ้นมา

เทพแท้จริงนับไม่ถ้วนรอบๆ รวมไปถึง บรรพบุรุษเทพอสูร ต่างกลั้นหายใจรอด้วยความคาดหวัง

หลัวเฟิง ส่ายหน้า “มันหนีไปได้”

“หนี!”

“อะไรกัน? มันหนีไปได้รึ?”

“แม้แต่ ทางช้างเผือก ก็ไม่อาจจะฆ่ามันได้! งั้นใครกันที่จะฆ่ามันได้?”

แค่ประโยคเดียวจาก หลัวเฟิง ก็ทำให้เทพแท้จริงหลายคนแทบทรุด ถ้า อสูรทลายมิติ ไม่ตายตอนนี้ งั้นในอนาคตคงเป็นพวกเขาที่ตาย ทุกเผ่าจะโดนกวาดล้าง

“ทุกคน!” หลัวเฟิง เงยหน้าขึ้นมา ตาของเขามองไปทั่วผู้คนตอนที่พูดขึ้น

ท่ามกลางความกังวลนี้เทพแท้จริงต่างก็พากันเงียบลง พวกเขาพยายามที่สุดที่จะยั้งความกังวลและตั้งใจฟัง หลัวเฟิง

“ก่อนหน้านี้ เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว และคนอื่นๆ ได้สู้กับมัน” หลัวเฟิง ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม และมองไปยังเทพแท้จริงตรงหน้า “ครั้งนี้มันเป็นข้าที่ไปสู้กับมัน ข้าพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับ อสูรทลายมิติ”

ทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังด้วยความตึงเครียด

“นอกจากข้อมูลที่เราพบก่อนหน้านี้” หลัวเฟิง พูดขึ้น “เรายืนยันได้จุดหนึ่ง อสูรทลายมิติ พึ่งการกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อยเพื่อเพิ่มพลังตัวเอง ตอนนี้พลังของมันเทียบได้กับ เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว และคนอื่นๆ ชัดแล้วว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน”

“อ่ะ!”

“แข็งแกร่งกว่าเดิม?”

“มันแข็งแกร่งขึ้นรึ?”

เทพแท้จริงพากันสลด มันคือข่าวร้าย นี่พิสูจน์ว่า อสูรทลายมิติ แข็งแกร่งขึ้นถ้ามันยังได้กินจุดกำเนิด การเพิ่มพลังนี้มีอัตราที่สูง!

หลัวเฟิง พูดต่อ “ข่าวร้ายที่สอง ก่อนหน้านี้ตอนที่ อสูรทลายมิติ สู้กับ เจ้าแห่งปีศาจเก้าหัว ร่างสีทองของมันคือร่างปลอมแปลง…ตอนที่ข้าสู้กับมัน ข้าบังคับให้มันเผยร่างจริงออกมา ภายนอกดูคล้ายแบบนี้”

หลัวเฟิง ชี้ไปข้างตัวและมีภาพแสดงภาพของร่าง อสูรทลายมิติ อันน่าเกลียดที่เป็นสีดำล้วน

“เมื่อแสดงร่างจริงออกมา ตาทั้งสองของมันในสองหัวจะปล่อยแสงสีแดงออกมาได้” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ลำแสงสีแดงทั้งสองทรงพลังอย่างมาก! พลังนี้มากกว่าพลังที่มันเคยแสดงออกมาสองระดับ ท่านี้คือท่าที่มันหนีจากข้าไปได้ มันมีสองจุดหลัก ข่าวดีคือเนื่องจากเราบังคับให้มันเผยร่างจริงออกมาได้ ข้าว่ามันน่าจะถึงขีดจำกัดของมัน”

เทพแท้จริงก็ยังคงรู้สึกหนักใจเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่มันฝันร้ายชัดๆ

หลัวเฟิง กำลังส่งข่าวให้กับ ตาสวรรค์, เจ้าแห่งดาวกระดูก, จือฮี, เจ้าแห่งดาวไบ่ชิง และคนอื่นๆ ชัดแล้วว่าทุกคนต่างก็กังวลและอึดอัดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น มันหมายความว่า อสูรทลายมิติ เติบโตอย่างรวดเร็ว อีกข่าวคือเมื่อ อสูรทลายมิติ เผยร่างจริงออกมา มันจะปล่อยลำแสงสีแดงออกมาได้ พลังของมันจะเพิ่มขึ้นสองระดับ

“แต่มันก็ไม่ต้องกังวลอะไร ทุกคน” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ข้ารู้สึกได้ว่าเรามีพลังอมตะ และ อสูรทลายมิติ ก็มีพลังของมัน พลังของมันตรงกันข้าม….มันได้วัดพลังกับข้า เมื่อใช้พลังมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็หมดพลังไป ดังนั้นมันจึงหนี จากจุดนี้เราเดาได้ว่าด้วยการที่เทพแท้จริงจำนวนมากรวมพลังกัน…หรือคนที่มีพลังอมตะจำนวนมากอย่าง เทพที่แท้จริงเก้ากว้างไกล เราจะสามารถจัดการกับมันได้ด้วยการใช้พลังอมตะเพียงอย่างเดียว อีกอย่างแล้วข้าก็มีหลายร่าง การสู้กับ อสูรทลายมิติ ในครั้งนี้สู้โดยร่างเดียวของข้าซึ่งไม่ได้เอาสมบัติที่แข็งแกร่งไปกับตัว ความหมายคือข้ายังไม่ได้เผยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองออกมา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!