Skip to content

Swallowed Star 1434

ตอนที่ 1434 : ไร้ประโยชน์

“ขั้นแรกของการเกิดใหม่…ข้าได้กลับมาสู่ขั้นเดิม ข้าควรทำยังไง?”

โมโลซ่า สิ้นหวัง มันเป็น อสูรทลายมิติ ที่ทะเยอทะยาน แม้แต่ในรังของตัวเองมันก็ถือว่ามีฐานะที่สูง สิ่งเดียวที่มันกลัวอยู่ในใจคือ อสูรทลายมิติ ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง แบ๊ดดี้ นอกจาก แบ๊ดดี้ แล้วมันไม่ได้กลัวอะไร

แบ๊ดดี้ นั้นรู้ดีว่ามีแค่พวกอย่าง โมโลซ่า ที่ก้าวมาถึงระดับ 3 ที่เป็นภัยต่อมัน มันจับตาดูการต่อสู้และการกระทำทุกอย่างของพวกระดับ 3!

“กลับมาที่ระดับแรก พลังที่ข้าเคยมีได้หายไปทันที ข้าต้องตกต่ำลงมาถึงระดับแรก ถึงมันจะเป็นขั้นสูงสุดของระดับแรกก็ตาม!”

โมโลซ่า สงสัย มันอาจจะบาดเจ็บหนักโดย หลัวเฟิง แต่มันก็ยังมีพลังที่มากกว่าพวกที่อยู่ระดับแรกอยู่มาก ถ้ามันรับไม่ได้ งั้นเป็นธรรมดาที่มันต้องสิ้นหวัง เมื่อมันอยูที่ขั้นสูงสุดของระดับแรก สำหรับในรังแล้วพลังระดับนี้ถือว่าเป็นพลังชั้นต่ำสุด

“ข้ายังมีโอกาส ยังมีโอกาสสุดท้ายอยู่…” โมโลซ่า พูดกับตัวเอง “มันมี อสูรทลายมิติ ที่เข้าสู่ระดับ 3 ได้ในรังแค่เพียงหยิบมือ ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับ 2 สำหรับพวกที่อยู่ขั้นสูงสุดของระดับ 1 ? บางทีมันอาจจะมี บางทีอาจจะไม่มีและแม้ว่ามี พวกนั้นคงเลือกจะซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ เพื่อหาทางหนีจากสถานการณ์อันน่าสิ้นหวังของตัวเอง พลังของข้านั้นเกือบถึงระดับ 2 นอกจากนี้ ข้า โมโลซ่า ก็อยู่จุดสูงสุดมาก่อน…หากรับรู้ได้ถึงออร่าของข้าจากไกลๆ คนอื่นอาจจะกลัวได้ พวกนั้นไม่รู้ความจริงที่ว่าข้าอ่อนแอลง”

หลายความคิดโผล่มาในหัว โมโลซ่า พร้อมกับคิดหาแผนการ ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ อสูรทลายมิติ ที่อ่อนแอสองตัวมาสู้กัน มันรอจนกว่าจะถึงช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะได้รับชัยชนะ มันจะแผ่ออร่าออกมาเพื่อขู่ตัวที่ชนะให้หนีไป และฆ่าฝ่ายที่แพ้แทน แม้แต่ฝ่ายที่แพ้ซึ่งอยู่ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็อาจจะแข็งแกร่งกว่าตัวมัน

“ข้าต้องลองและสู้ต่อไป ตอนนี้ข้าอยู่ขั้นสูงสุดของระดับ 1 ข้าแค่ต้องกิน อสูรทลายมิติ อีกตัวเพื่อเข้าสู่ระดับ 2 ข้าจะขึ้นไปเป็นระดับ 2 ได้ทันที แม้ว่าการเป็นราชาจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้แต่มันก็มีทางเป็นไปได้ที่จะเป็นภัยต่อทะเลจักรวาล”

โมโลซ่า คิดตามสถานการณ์และหาแผนการ “ถ้าข้าล้มเหลว ข้าจะบอกความลับเรื่องการกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อยว่าเพิ่มพลังของเราได้อย่างรวดเร็ว!”

“ทางช้างเผือก…ข้าจะกลับมา!” โมโลซ่า มองไปยังจักรวาลหลักก่อนจะเทเลพอร์ทและหายไป

****

หลังจากที่สู้จบ หลัวเฟิง ก็ขึ้นไปในหอคอยดวงดาวและมุ่งหน้ากลับไปที่จักรวาลหลัก ยังไงซะเขาก็ได้สิ่งที่เขาต้องการหลังจากการต่อสู้นี้แล้วซึ่งคือเลือดของ อสูรทลายมิติ เป็นธรรมดาที่ต้องเอามันกลับไปที่จักรวาลหลักเพื่อให้มหาสมุทรทำการวิเคราะห์และศึกษา บางทีครั้งนี้เขาอาจจะก้าวข้ามขั้นสุดท้ายและทะลวงระดับยีนชีวิตเกิน 90,000 เท่าได้

“เฮ้อ!” หลัวเฟิง ในชุดขาวถอนหายใจออกมา

ข้างๆ เขาคือ หง กับ โดมไฟ ทั้งสองได้เห็นการต่อสู้ หลังจากที่การต่อสู้จบลง หลัวเฟิง ได้ให้ทั้งสองคนเข้ามาพูดคุยถึงรายละเอียด ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ข้อมูลทั้งหมด

“เรามีปัญหาแล้ว!” หลัวเฟิง ส่ายหน้า “การต่อสู้นี้เกิดขึ้นโดยทีมหอคอยดวงดาว…ข้ากลัวว่าเทพแท้จริงในทะเลจักรวาลหลายคนคงรู้ข่าวแล้ว เผ่าต่างๆ ในทะเลจักรวาลแทบไม่ไหวกับการทนรับการโจมตีแต่ครั้งนี้ข้าล้มเหลวในการฆ่า อสูรทลายมิติ ข้าคิดว่ามันอาจจะทำให้เผ่าอื่นๆ ในทะเลจักรวาลล่มสลายไป”

หง พูดขึ้น “หลัวเฟิง อย่ากดดันตัวเองนัก เจ้าน่ะทำได้ดีพอแล้ว นอกจากนี้แล้วเจ้าไม่คาดหวังมากเกินไปหน่อยรึ? อสูรทลายมิติ นั่นได้กลับไปที่ระดับแรกจากระดับ 3 พลังของมันตอนนี้อ่อนแอลงอย่างมาก โอกาสที่มันจะฟื้นฟูพลังกลับมาแทบจะเป็นไปไม่ได้ เทพแท้จริงที่แข็งแกร่งสักหน่อยก็ฆ่ามันได้”

หลัวเฟิง ส่ายหน้า “พูดว่ามันไม่อาจจะฟื้นฟูพลังตัวเองได้นั้น มีแต่บอกถึงความผิดพลาดของข้า ข้าเดาว่ามันต้องกิน อสูรทลายมิติ ตัวอื่นเพื่อจะก้าวไปที่ระดับ 2 และสุดท้ายก็จะเข้าสู่ระดับ 3 แต่นั่นแค่ข้อคาดเดา! แม้ว่ามันจะง่ายที่จะฆ่ามัน ตอนนี้แต่มันไม่น่าจะโผล่มาตอนที่มันอ่อนแอ มันจะซ่อนตัวเพื่อฟื้นฟูพลังและหาทางเพิ่มพลังตัวเอง ตอนที่มันปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันจะยากกว่าเดิมที่จะรับมือได้!”

หง กับ โดมไฟ ต่างก็พยักหน้า น่าจะเป็นแบบนั้น ทุกชีวิตที่มีความฉลาดก็คงคิดแบบนี้ได้ ตอนที่อ่อนแอนั้นเป็นธรรมดาที่จะเลือกซ่อนตัว

“อาจารย์ ไม่ว่ายังไงก็ตามอย่างน้อยในเวลาอันสั้นนี้ อสูรทลายมิติ นั่นจะไม่โผล่มา” โดมไฟ พูดขึ้น

หลัวเฟิง พยักหน้าและพูดพร้อมกับถอนหายใจ “เอาล่ะ ข้าต้องไปและส่งข่าวนี้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่า….เทพแท้จริงคนอื่นของทะเลจักรวาลจะมีท่าทียังไงเมื่อได้ยินข่าวนี้?”

****

ภายในพื้นที่ของ หลัวเฟิง ในลานตรงหน้าวังที่ลอยอยู่ในมิติ มีเทพแท้จริงกว่า 50 คน จากสำนักพบรรพบุรุษอสูรเทพ, เผ่ามนุษย์, เผ่าอื่นๆ ของพันธมิตรหงและพันธมิตรสัตว์อสูรมิติ เทพแท้จริงต่างก็ถกเถียงกันผ่านการส่งข้อความ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวจะดึงสมาธิของ หลัวเฟิง ที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ครั้งนี้ระหว่างที่สู้กับ อสูรทลายมิติ ทีมหอคอยดวงดาวนั้นแข็งแกร่งกว่าอีกทีมอย่างมาก แน่นอนว่าต้องกำจัด อสูรทลายมิติ ได้ อสูรทลายมิติ นั่นสมควรตาย”

เทพแท้จริงต่างก็รอด้วยความคาดหวัง พวกเขารู้สึกว่าพวกเขากำลังเจอกับสถานการณ์เป็นตาย มากกว่านั้นสถานการณ์นี้ก็ทำให้ทุกคนกังวล!

อสูรทลายมิติ เป็นภัยต่อทุกอย่างที่พวกเขาปกป้อง ถ้ามันไม่มีใครสามารถหยุด อสูรทลายมิติ นี้ได้ งั้นไม่ว่าจะต้องการเกิดใหม่ที่เหนือกว่าหรือปกป้องเผ่าตัวเองหรือเพื่อนสนิท ทุกความพยายามจะสูญเปล่า ทุกคนจะถูกกำจัด

“ทางช้างเผือก ตื่นแล้ว”

“ทางช้างเผือก!”

อยู่ๆ มันก็มีการพูดคุยกันขึ้นมา จากจุดที่เขานั่งอยู่ หลัวเฟิง ได้ลุกขึ้นยืน เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นช้าๆ “ทุกคน หลังจากการต่อสู้นี้ อสูรทลายมิติ นั่นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาในเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานี้”

ทุกคนต่างก็ผงะด้วยความแปลกใจ

“ทางช้างเผือก จากที่เจ้าพูด…เจ้าหมายถึงอะไร?”

“เมื่อ อสูรทลายมิติ ตาย มันหมายความว่าหลังจากนี้ไป อสูรทลายมิติ ตัวอื่นจะออกมาจากรังงั้นรึ? ไม่ว่ายังไงก็ตามตราบใดที่เราฆ่าตัวหนึ่งได้ เราก็ต้องฆ่าตัวอื่นได้อย่างแน่นอน!”

เทพแท้จริงนับไม่ถ้วนต่างก็บอกความเห็นตัวเองออกมา พวกเขาคาดหวัง ถ้าพวกเขาฆ่า อสูรทลายมิติ ตัวหนึ่งได้ งั้นก็จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจขึ้นมาอย่างมาก

หลัวเฟิง ชี้นิ้วไปที่กลางอากาศและมีฉากการต่อสู้ปรากฏขึ้นมา “ทุกคน ดูดีๆ แล้วจะเข้าใจทุกอย่าง”

ฉากของการต่อสู้ระหว่าง หลัวเฟิง กับ อสูรทลายมิติ ฉายขึ้นมาต่อหน้าทุกคน สำหรับเทคนิคโลกน้ำวนแล้วมันได้แสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น สำหรับ หลัวเฟิง ที่เป็นตัวตนอันดับแรกของทะเลจักรวาล แม้ว่าเขาต้องการจะบอกถึงบางอย่างแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำเทคนิคแบบเขาได้

สำหรับบทสนทนาระหว่าง หลัวเฟิง กับ อสูรทลายมิติ แล้ มันไม่จำเป็น หลัวเฟิง แค่อธิบายสั้นๆ กับผู้คน

“มันถดถอยจากระดับ 3 เป็นระดับ 1” หลัวเฟิง พูดขึ้น “มันอ่อนแอจนเทพแท้จริงไม่ต้องกลัวมัน เทพแท้จริงที่แข็งแกร่งอยู่บ้างก็สามารถฆ่ามันได้ ดังนั้น อสูรทลายมิติ ตัวนี้จึงจะไม่ปรากฏตัวในเวลาอันสั้น”

ทุกคนต่างก็พากันเงียบ

เทพแท้จริงได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมด ทุกคนรู้สึกซับซ้อน ตอนที่ทึ่งกับพลังที่ หลัวเฟิง มี พวกเขาต่างก็รู้สึกช็อกไปด้วย วิธีการหนีของ อสูรทลายมิติ นั้นร้ายกาจ แม้ว่าจะโดนขังในมิติที่โดนผนึกแต่มันก็ยังสามารถใช้เทคนิคเอาตัวรอดที่สร้างประตูเพื่อหนีออกไปได้ทันที แม้ว่า อสูรทลายมิติ ดูเหมือนว่าจะต้องเสียหายกับการใช้เทคนิคนี้แต่อย่างน้อยมันก็ยังรอดไปได้ ถ้าหลัวเฟิงไม่ฆ่าศัตรูตัวเอง เมื่อศัตรูฟื้นฟูพลังทั้งหมดมาได้ มันก็จะกลับมาทวงคืน!

“ทุกอย่างเป็นแบบที่คาดเอาไว้”

หลัวเฟิง ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วเดินกลับไปที่วัง เขาได้พูดทุกอย่างที่จำเป็นไปแล้ว อะไรที่ต้องปกปิดก็ต้องปกปิดเอาไว้

ถ้าเทพแท้จริงของทะเลจักรวาลนั้นตัดสินใจจะเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ งั้นมันก็เป็นตัวเลือกของพวกเขาเอง

****

ในหมู่เมฆสูงขึ้นไปบนโลก มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา

“เหลือเชื่อ เขาทำไม่สำเร็จงั้นรึ?” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ นั่งอยู่บนเมฆพร้อมกับคิ้วขมวด “อสูรทลายมิติ นั่นดื้อด้านซะจริง! ภัย อสูรทลายมิติ นี้น่ากลัวกว่าที่ข้าคิดไว้ ตอนนี้ อสูรทลายมิติ ยังคงเติบโตอยู่และยังไม่ถึงช่วงสุดท้าย ในอนาคต…ข้าไม่มั่นใจว่าศิษย์ข้าจะหยุดพวกมันได้รึเปล่า ข้าได้ทุ่มเทลงไปจนไม่อาจะวัดค่าได้…”

ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ แสดงท่าทีกังวลออกมาผ่านสายตา

****

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง

บรรพบุรุษจันทราม่วง หลับตาคิดเรื่องต่างๆ เขารอฟังข่าว ข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ของ หลัวเฟิง กับ อสูรทลายมิติ

“หลัวเฟิง แม้ว่าข้าจะดีใจหากเจ้าตายแต่มันก็เป็นความจริงที่เราต้องพึ่งเจ้าในการจัดการกับ อสูรทลายมิติ! แม้ว่าเจ้าจะทำให้เราเกลียดแต่เจ้าก็ต้องจัดการกับมันเพื่อมนุษย์, เพื่อบ้านเกิดของเจ้า เจ้าต้องจัดการกับมัน…เจ้าต้องชนะ ต้องชนะ!”

บรรพบุรุษจันทราม่วง คิด ข้าได้บ่มเพาะและเกิดใหม่เหนือกว่ามา ตอนนี้ข้าได้เจอกับโอกาสครั้งใหญ่กว่าเดิม…ข้าแข็งแกร่งกว่าเดิมได้แต่จักรวาลย่อยของข้าต้องไม่ถูกกลืนกิน เมื่อเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ข้าคงจบสิ้น อีกอย่างแล้วมันก็ยังมีเผ่าพันธุ์ข้าที่ต้องนึกถึง…นี่คือความกังวลเดียวของข้า”

บรรพบุรุษจันทราม่วงหลับตาลง เขาเห็นมิติทั้งหมดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงได้อย่างชัดเจน เขาเห็นเด็กมากมายที่เกิดมาและพวกที่เติบโต เขาเห็นพวกที่บ่มเพาะทักษะตัวเอง…นี่คือเผ่าพันธุ์ของเขา เผ่าพันธุ์ที่ให้กำเนิดเขามานานมาแล้วเขาเองก็เป็นเพียงสมาชิกทั่วไปแต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเติบโตจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์ เขาได้ก่อตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาและโดนนับถือว่าเป็นบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์

“ทุกคน พวกเขาคือส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ข้า ความพยายามหลายปีนับไม่ถ้วนที่ข้าได้ใช้ไป ความยากลำบากที่ข้าผ่านมา…ทุกอย่างและทุกสิ่ง ตอนที่ อสูรทลายมิติ กินจักรวาลย่อยของข้าและทำให้จักรวาลย่อยของข้าพังลง จากนั้นทุกอย่างก็จะจบสิ้น หลัวเฟิง…ถ้าเจ้าฆ่ามันได้ เจ้าก็จะกลายเป็นภัยที่ใหญ่ที่สุดของข้า แต่ครั้งนี้เจ้าต้องฆ่า อสูรทลายมิติ เจ้าต้องทำให้ได้!”

บรรพบุรุษจันทราม่วง คาดหวังกับการตายของ อสูรทลายมิติ

อยู่ๆ คนนับไม่ถ้วนก็ได้ส่งข้อความกลับมา “บรรพบุรุษ เราได้ข่าวแล้ว”

จักรวาลจันทราม่วง ลืมตาขึ้นมาและมองไปยังคนด้านล่าง “หลัวเฟิง ฆ่า อสูรทลายมิติ ได้รึเปล่า?”

“ไม่” บางคนตอบกลับ “อสูรทลายมิติ นั่นไม่ตาย มันหนีไปได้”

สีหน้าของ บรรพบุรุษจันทราม่วง เปลี่ยนไป

อะไรกัน?

อสูรทลายมิติ ตัวเดียวที่หนีออกมาจากรังแต่ หลัวเฟิง ก็ยังฆ่ามันไม่ได้?

“จากข้อมูลที่ได้มา หลัวเฟิง เหนือกว่าอย่างมากและทำให้ อสูรทลายมิติ เสียพลังไปอย่างมากแต่สุดท้าย อสูรทลายมิติ ก็ตัดสินใจยอมจ่ายพลังจำนวนมากของตัวเองเพื่อใช้ท่าหนึ่ง มันคือท่าที่เหมือนกับเกี่ยวข้องกับบางอย่างที่เหมือนกับประตู จากประตูนั้นมันได้เคลื่อนย้ายตัวเองไปทันที!”

ลูกน้องนั้นต่างก็ดูกังวล พวกเขาได้พูดขึ้นมา “ตอนนั้นพลังของ อสูรทลายมิติ ไร้พิษภัยจนเทพแท้จริงไม่ต้องกลัวมันเลย”

“ไร้สาระ!” หน้าของ บรรพบุรุษจันทราม่วง ซีดไป “อสูรทลายมิติ ที่อ่อนแอมันจะให้เจ้าหาตัวพบรึไง? อสูรทลายมิติ นั่นต้องซ่อนตัวและหาทางฟื้นฟูพลังกลับมา!”

“อสูรทลายมิติ แค่ตัวเดียวก็ยังมีปัญหามากเช่นนี้”

“เราไม่รู้ว่ามันมีกี่ตัวในรังของมัน!”

“หลัวเฟิง นี่ไร้ประโยชน์!” บรรพบุรุษจันทราม่วง พูดขึ้นพร้อมกัดฟันแน่ ในใจเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!