Skip to content

Swallowed Star 1452

ตอนที่ 1452 : การเตรียมการสุดท้าย

“ศัตรูที่ยิ่งใหญ่?” หลัวเฟิง ตะลึง

“ใช่!” โมโลซ่า ตอบกลับ “นายท่าน ท่านควรรู้ว่า อสูรทลายมิติ ทุกตัวนั้นภูมิใจในตัวเอง ทุกตัวคิดว่าตัวเองสูงส่งที่สุดในทะเลจักรวาล แต่ข้านั้นมาเป็นทาสท่าน มันหงุดหงิดหรือหวั่นเกรงพลังของท่าน พวกมันจึงมองท่านเป็นศัตรูและพวกมันอาจจะร่วมมือกันในการสู้กับท่าน พวกมันได้พัฒนาพลังตัวเองเร็วกว่าเดิม นายท่านท่านจะเสียเวลาไม่ได้”

“เรามีเวลาเท่าไหร่กัน?” หลัวเฟิง ถามพร้อมคิ้วที่ขมวด

“ตอนแรกแล้วมันต้องใช้เวลาหลายล้านล้านยุคที่ราชาจะกำเนิดขึ้นมา” โมโลซ่าพูดขึ้น “ตอนนี้มันอาจจะใช้เวลาแค่ประมาณหลายแสนยุค นอกจากนี้แล้ว…ท่านควรลงมือให้เร็วที่สุดเพราะ อสูรทลายมิติ ที่จุดสุงสุดนั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แบ๊ดดี้ อยู่ระดับ 4 แล้วและถ้ามันยังกินตัวอื่นๆ อยู่ มันจะถึงระดับ 5 ใน 10 ยุคและในร้อยยุค มันก็น่าจะถึงระดับ 6! และเมื่อมันถึงระดับ 6 ได้ มันจะฆ่า อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆ ทุกตัวซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านถึงต้องรีบลงมือในยุคหน้า ยิ่งเร็วยิ่งดี”

หลัวเฟิง คิดตามที่ โมโลซ่า บอก

“ได้”

****

ในโลกแห่งจิน ร่างพลังอมตะของ หลัวเฟิง ยังคงอยู่ในแคมป์ กองทัพตะวันออก

“เริ่มแล้วรึ?” ร่างพลังอมตะกระซิบ “กฎทั้งห้าของ อสูรทลายมิติ มันคือภัยพิบัติที่แท้จริง”

เขาได้ใช้งานแหวนกองทัพ

เช้ง!

มิติรอบตัวเปลี่ยนไปและกลายเป็นโลกหน่วยอาวุธที่กว้างใหญ่ ร่างสีทองโผล่มาและพูดกับเขาด้วยความเคารพ “ท่าน ทางช้างเผือก”

ร่างพลังอมตะพยักหน้า “เอารายชื่อสมบัติขั้นเทพแท้จริงชั้นยอดทั้งหมดให้ข้าดูที”

แม้ว่าจะผ่านมากว่าล้านล้านยุคแต่ หลัวเฟิง ก็ยังมีคะแนนที่ยังไม่ใช้จำนวนมาก มีสมบัติมากมายในเผ่ามนุษย์แต่นั่นใช้คะแนนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาได้รับคะแนนก้อนใหญ่จาก ราชินีหงส์ และ ปลุกไฟวู แต่เขายังไม่ได้ใช้มันแลกกับสมบัติ เขาต้องการเตรียมตัวรับมือกับ อสูรทลายมิติ และหาสมบติที่มีประโยชน์ เมื่อเขาได้รับข้อมูลมาจาก โมโลซ่า ดังนั้นเขาจึงสามารถเปลี่ยนคะแนนแลกกับสมบัติเพื่อใช้จัดการกับ อสูรทลายมิติ นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังได้รับความชื่นชมจากราชาจินซึ่งทำให้เขาได้สมบัติมาไม่ยากนัก

******

ในดินแดนทางช้างเผือก

ฮ่ง! ล่ง! ล่ง!

มิติแตกออกราวกับมันจะถล่มลงมา ประตูมิติเวลาก่อตัวขึ้น หลัวเฟิง ในชุดขาวปรากฏขึ้นออกมา

“หยุดนิ่ง”

ประตูสีดำบานใหญ่ลอยอยู่ มันคือทางเข้าของประตูจักรวาลซึ่งนำไปสู่จักรวาลย่อยของ หลัวเฟิง

หลัวเฟิง สั่งการออกมา “คุ้มกันประตู ห้ามให้ใครทำให้มันเสียหาย”

“ได้” เทพแท้จริง 3 คนและ เจ้าแห่งจักรวาล 100 คนตอบกลับ

หลัวเฟิง พยักหน้าและรู้สึกโล่งใจ ตอนที่เขาได้ทำให้ โมโลซ่า กลายเป็นทาส เขาก็ได้สร้างประตูจักรวาลสามอันหลังจากที่กลับมายังจักรวาลดั้งเดิมและพวกมันก็คือประตูที่นำไปสู่จักรวาลย่อยของเขา สำหรับคนจากเผ่ามนุษย์ พวกเขาคิดว่า หลัวเฟิง มีโอกาสมากที่สุดที่จะเกิดใหม่เหนือกว่า!

จักรวาลย่อยของ หลัวเฟิง นั้นใหญ่โตจริงๆ มันใหญ่กว่าพวกระดับเดียวกันกว่าพันเท่า!

ซึ่งหมายความว่ามันจุคนได้มากกว่า ตอนที่ยุคจักรวาลนี้สิ้นสุดลง มนุษย์หลายคนก็จะย้ายมายังจักรวาลย่อยของ หลัวเฟิง ดังนั้นประตูสามบานนี้จึงถือว่ามากพอ

“เจ้าดูแลทุกอย่างในดินแดนทางช้างเผือก” หลัวเฟิง พูดขึ้น “เจ้าตัดสินใจเรื่องทั่วไปถ้า ถ้ามีเรื่องสำคัญก็ให้รายงานกับ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล จากนี้ไป ข้าจะไม่พบใครจนกว่าข้าจะออกมา”

“ได้” ทุกคนต่างก็ตอบกลับ

หลัวเฟิง หันกลับไปก่อนจะหายไปในมิติ เขาได้เข้าไปในหอคอยดาวดาวเพื่อฝึกฝนครั้งสำคัญ

ข้าต้องไปที่รังของ อสูรทลายมิติ ให้เร็วที่สุด เขาคิด ข้าควรออกไปในอีกหนึ่งยุคและในยุคนี้ ข้าต้องทำให้แม่น้ำ อมตะสมบูรณ์!

วิกฤตนี้เกี่ยวข้องกับพันล้านเผ่านในทะเลจักรวาล หลัวเฟิง ไม่ได้สนใจเผ่าอื่นๆ แต่เขาสนใจเผ่ามนุษย์และชาวโลก เพื่อปกป้องอาจารย์และครอบครัวของเขาแล้ว หลัวเฟิงยอมตายหากจำเป็น

ถ้าข้าทำให้แม่น้ำอมตะสมบูรณ์ได้ ข้าก็โล่งใจได้หากข้าถูกฆ่า ข้าจะไม่แพ้การต่อสู้นี้ ข้าต้องทำให้แม่น้ำอมตะสมบูรณ์

หลัวเฟิง หลับตาลงและเริ่มฝึกฝนหนึ่งในสามเทคนิคของสายน้ำวูดูวง แม่น้ำอมตะ

ก่อนที่จะทำให้แม่น้ำอมตะสมบูรณ์ หลัวเฟิง ไม่กล้าที่จะเดินทางไปยังรังของ อสูรทลายมิติ ยังไงซะมันก็มี อสูรทลายมิติ กว่าสิบล้านตัวที่นั่น ถ้าพวกมันร่วมมือกันโจมตีเขา เขาก็จะโดนกำจัดอย่างง่ายดาย เมื่อจำนวนมันมากพอ มันก็ทดแทนคุณภาพได้

****

เวลาผ่านพ้นไปหนึ่งปี

ข้างๆ จารึกที่เร่งเวลา 10 ล้านเท่า หลัวเฟิง ก็ยังทำการสำรวจร่างกายตัวเอง เขายังคงทำความเข้าใจและศึกษาเทคนิคตาสวรรค์และเทคนิคลี่หยวน แม้ว่าเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะฝึกฝนเทคนิคลี่หยวนแต่เขาก็จะเป็นต้องทำความเข้าใจมัน ตอนที่พลังจิตของเขาขึ้นถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาก็สามารถที่จะฝึกฝนมันให้เสร็จสิ้นในคราวเดียว

เทพวูฉี, ปีกซื่อหวู๋ และหอคอยดวงดาว…มันคือสามอย่างที่สำคัญที่สุดของเขา ดังนั้นเขาต้องศึกษามันดีกว่านี้

****

ในจักรวาลย่อยของ หลัวเฟิง

ด้านในอากาศปั่นป่วน หลัวเฟิง ในชุดขาวเดินอยู่ในอากาศ เขาได้เข้าไปยังจุดกำเนิดจักรวาลย่อยอย่างรวดเร็ว

หลัวเฟิง มองไปยังดาวแสนดวงที่ลอยอยู่ในมิติจุดกำเนิดและน้ำวนมิติที่อยู่ใจกลาง เขายิ้มและโบกมือก่อนจะมีหยดเลือดสีทองปรากฏขึ้นมา แสงสีทองส่องประกายมาจากเลือดและดูเหมือนว่ามันจะมีฉากแสงปกคลุมมันไว้ รอยสลักใหลไปมาในฉากแสงนั้น

“หยดเลือดนี้มีตราประทับชีวิตที่สมบูรณ์ของข้า” หลัวเฟิง พึมพำ “หากข้าตายหยดเลือดนี้ก็สามารถดูดซับพลังงานและข้าก็สามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้ ข้าทำได้แค่หยดเดียวจากแม่น้ำอมตะในตลอดพันปีที่ผ่านมา”

หลัวเฟิง มองไปที่หยดเลือดซึ่งลอยเข้าไปในน้ำวนมิติ มันหมุนวนในน้ำวนนั้นเหมือนกับดาวทั้งแสนดวง

“หยดเดียวก็เพียงพอ แม้ว่าข้าตาย ข้าก็ยังฟื้นขึ้นมาได้ ตอนที่ข้ากลับฟื้นขึ้นมา ข้าจะทำอีกหยดไว้เพิ่ม”

หลัวเฟิง หันกลับและออกจากมิติจุดกำเนิด

****

1,890 ปีหลังจากที่ หลัวเฟิง ทำให้ โมโลซ่า เป็นทาส มันก็มีสองร่างที่มายืนอยู่นอกมิติของดินแดนทางช้างเผือก

“เจ้าจะไปที่รังของ อสูรทลายมิติ เพียงลำพังโดยไม่บอกใครงั้นรึ?” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล แปลกใจ

“ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่น” หลัวเฟิง ส่ายหน้า “ถ้าข้าทำสำเร็จ งั้นค่อยบอกคนอื่นๆ หากไม่สำเร็จแล้วเราก็ไม่ควรบอกให้คนอื่นรู้…”

“เจ้าจะไม่บอกลาครอบครัวเจ้าหน่อยรึ?” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ถามออกมาด้วยความลังเล

“ไม่จำเป็น” หลัวเฟิง ส่ายหน้า “ข้าแค่มาบอกท่าน อาจารย์ ข้าเชื่อว่าข้าจะรอดมาได้ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภรรยาและครอบครัวข้า มีแค่ท่านที่รู้เรื่องนี้ อาจารย์”

ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พยักหน้า หลัวเฟิง หยุดพูดแล้วก้าวออกไปก่อนที่จะหายตัวไป

ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ยืนนิ่งอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็กระซิบออกมา “รอดมาให้ได้!”

แม้ว่า หลัวเฟิง จะบอกว่าเขามั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้แต่ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ก็ยังคงกังวล มันคือรังของ อสูรทลายมิติ

วันนั้น หลัวเฟิง ได้เดินทางออกไปยังรังของ อสูรทลายมิติ นอกจาก ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล แล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย

****

ในทะเลจักรวาลที่กว้างใหญ่ หอคอยดวงดาวกำลังเดินหน้าด้วยการเทเลพอร์ท จุดหมายคือโลกแห่งจิน เขาเลือกที่จะไปในปี 1,890 เพราะโลกแห่งจินจะเปิดอีกครั้งในตอนนั้นซึ่งหมายความว่าเขาไปได้อีกรอบ เขาตัดสินใจเข้าไปยังโลกแห่งจินเพื่อแลกคะแนนกับสมบัติก่อน

“โมโลซ่า” หลัวเฟิง มองไปที่ โมโลซ่า ข้างกาย ตอนนี้ โมโลซ่า คือทั้งหมดที่เขามี

“นายท่าน” โมโลซ่า พูดขึ้น “ท่านจะไปยังโลกแห่งจิน ข้าเดินทางไปที่นั่นกับท่านได้ แต่เมื่อเข้าไปยังดินแดนแห่งความมืดมิด ข้า ก็ไม่อาจจะเข้าไปได้อีก อสูรทลายมิติ ทุกตัวจะรับรู้ถึงตัวตนข้าได้…หากข้าไปที่นั่น มันหมายความว่าข้าบอกตำแหน่งของท่านให้ อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆ รู้ ข้าต้องอยู่ในทะเลจักรวาล ข้าจะสามารถตรวจสอบ อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆได้ จากนั้นข้าจะได้แจ้งมันกับท่าน”

หลัวเฟิง พยักหน้า

หลังจากที่เอาสมบัติจากโลกแห่งจิน เขาจะเก็บ อสูรทลายมิติ ไว้ในจักรวาลย่อยของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่ไกลแค่ไหนจากจักรวาลย่อยตัวเองแต่เขาก็สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้า โมโลซ่า พูดอยู่ในจักรวาลย่อย เขาก็จะรู้แม้ว่าเขาจะอยู่ในดินแดนแห่งความมืดมิดก็ตาม

“รอก่อน” หลัวเฟิง พูดขึ้นมา “โมโลซ่า ข้าจะไปยังดินแดนแห่งความมืดมิดแล้วถ้าเจ้าไม่ไปกับข้า เจ้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง ข้าจะจัดร่างพลังอมตะไว้ที่เรือสุสานด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง ไม่มีใครที่นั่นทำอะไรเรือสุสานได้…ในเรือสุสาน เจ้าก็กินดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงซะ ตอนที่เจ้ากินมัน เจ้าจะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรังของ อสูรทลายมิติ และเจ้าก็บอกร่างพลังอมตะของข้า ตอนที่ร่างพลังอมตะของข้ารู้ ข้าเองก็จะรู้ไปด้วย”

“ได้” โมโลซ่า ตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงอาหารอันโอชะ

หลัวเฟิง แสดงสีหน้าดุร้ายออกมา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงไม่มีประโยชน์ในเรื่องการจัดการกับ อสูรทลายมิติ เมื่อมันไร้ประโยชน์และเนื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงเป็นศัตรูกับเขาแล้ว เขาก็แค่กำจัดมันทิ้ง

“แต่มันต้องใช้เวลานานกับการกินจุดกำเนิดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง” โมโลซ่า พูดขึ้น “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงแข็งแกร่งกว่าจักรวาลย่อยของเทพแท้จริงทั่วไปและมันก็ใหญ่โต ข้าอาจจะใช้เวลานานกว่าจะกินมันได้หมด บางทีอาจจะเป็นแสนปี”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!