Skip to content

Swallowed Star 1459

ตอนที่ 1459 : ความเข้าใจของการทำลาย

หลังจากที่ แบ๊ดดี้ ได้เข้าสู่ระดับ 5 รอยสลักเลือดก็ก่อตัวขึ้นที่ผิวมัน ตอนที่แบ๊ดดี้กรีดร้องใช้การทำลายออกมา รอยสลักที่ผิวของมันก็เริ่มไหลวน จากนั้นมันก็ลอยออกจากผิวและเริ่มลอยอยู่ด้านหลังตัวมัน ภาพขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่หลังของ แบ๊ดดี้ มันไม่ได้มีรอยสลักที่ผิวมันอีกต่อไป

ฮู่!

เสียงกรีดร้องโบราณดังสนั่นและภาพด้านหลัง แบ๊ดดี้ ก็เริ่มเปล่งแสงออกมา ภาพนั้นเหมือนกับโครงกระดูกและแสงที่มันส่องประกายออกมาก็เหมือนกับเนื้อและผิว พวกมันก่อตัวเป็นเงาของ อสูรทลายมิติ ที่มีสองหัว มันคือ อสูรทลายมิติ ที่ก่อตัวขึ้นโดยภาพที่เปล่งแสงอันไม่รู้จบออกมา

“ทำลาย!” แบ๊ดดี้ คำราม

“ทำลาย!” เงาของ อสูรทลายมิติ เองก็คำรามออกมาด้วย

สองเสียงดังก้องพร้อมกัน การตะโกนของทั้งสองนี้ทำให้วิญญาณของ หลัวเฟิง สั่นไหว เขามองไปที่มันด้วยแค่คิดก็สร้างมิติ

อยู่ๆ แบ๊ดดี้ ก็ยื่นมือขวาออกมา

ฮัวะ!

ตอนที่นิ้วทั้งห้าขยับ มันก็เปิดการใช้งานมิติและเวลารอบตัวมัน

ฮ่ง! ล่ง! ล่ง!

น้ำวนสีขาวปรากฏขึ้นมา มันส่องประกายยิ่งกว่าดวงดาวเป็นพันล้านเท่า

“ไป!”

แบ๊ดดี้ ผลักมันด้วยมือขวา ภาพของ อสูรทลายมิติ ด้านหลังเองก็ผลักออกไปด้วย น้ำวนสีขาวหมุนตัวไปข้างหน้าทำลายทุกอย่างที่มันสัมผัส

หึ่ง!

ตอนที่น้ำวนลอยออกมานั้น มันก็ยังคงหมุนวนและพลังที่เกิดจากการหมุนนี้ก็สามารถบดขยี้ทุกอย่างได้

เพล้ง!

กิ่งก้านและใบต่างก็พังออก เถาวัลย์นับไม่ถ้วนต่างก็หดตัว กิ่งก้านและใบต่างก็สลายตัวกลับไปกลายเป็นสมบัติต้นไม้แทน

น้ำวนเหมือนจะขยับช้าๆ แต่นั่นเป็นเพราะเวลาที่แทบจะหยุดนิ่ง จริงๆ แล้วมันเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทะลุพ้นเถาวัลย์มาแล้ว มันก็ได้พุ่งเข้าหาหลัวเฟิง มันมีหอคอยเก้าชั้นในคลื่นสีทอง หลัวเฟิง ได้ไปในหอคอยดวงดาว แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาต้านทานการโจมตีนี้ได้แต่ หลัวเฟิง ก็ไม่กล้าที่จะประมาท

“ตาย!” แบ๊ดดี้ มองมาที่ หลัวเฟิง ตาของมันแสดงความคาดหวังออกมา

ในหอคอยดวงดาว หลัวเฟิง ยังคงมองน้ำวนที่ไหลเข้ามาหาเขา

“การทำลาย? นี่คือการทำลาย? นี่คือเทคนิคที่ทรงพลังที่สุดของระดับ 6 ซึ่งมีส่วนหนึ่งของจุดกำเนิดการทำลาย”

หลัวเฟิง ตื่นเต้นขึ้นมา เทพแท้จริงที่อ่อนแอคงได้แต่รู้สึกถึงพลังที่มหาศาล พวกนั้นไม่คิดกังวลเรื่องความลึกลับเบื้องหลังท่านี้ด้วยซ้ำ

สำหรับ หลัวเฟิง แล้ว เขาเข้าใจความลึกลับบางอย่างของมัน!

แม้ว่าเขาจะเป็นเทพแท้จริงแต่เขาก็เป็นเทพแท้จริงที่สร้างเทคนิคขั้น 11 ขึ้นมาได้ซึ่งหมายความว่าเขาแข็งแกร่งพอๆ กับเทพแท้จริงมิติทั่วไป!

ถ้าเขาตั้งใจ เขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนจักรวาลย่อยของตัวเองให้มีระดับสูงกว่าเดิมและกลายเป็นเทพแท้จริงมิติได้!

มันแค่อีกขั้นเดียวที่จะเป็นเทพแท้จริงมิติ ตราบใดที่สร้างเทคนิคขั้น 10 ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพแท้จริงมิติเหมือนกับ อาจารย์ต้นกำเนิด

สำหรับ ตาสวรรค์, จือหัว และ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พวกนั้นสร้างได้แต่เทคนิคขั้น 9 มันยากอย่างมากที่พวกเขาจะทะลวงผ่านได้!

เจ้าแห่งจักรวาลส่วนมากก็สร้างได้แต่เทคนิคขั้น 5 และมันยากที่พวกเขาจะก้าวหน้าต่อได้

หลัวเฟิง ได้กลายเป็นเทพแท้จริงหลังจากที่มียีนชีวิตแสนเท่าซึ่งยากกว่าการเป็นเทพแท้จริงนิรันดร์…นอกจากนี้เขายังมีพื้นฐานที่มั่นคงและได้ความเข้าใจการพัฒนาความปั่นป่วนอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างเทคนิคระดับ 11 ขึ้นมาได้…แต่หลัวเฟิง ยังไม่กล้าที่จะขึ้นเป็นเทพแท้จริงมิติในตอนนี้!

เมื่อเขากลายเป็นเทพแท้จริงมิติ เขาต้องทำการเกิดใหม่เหนือกว่าภายในเวลาอันสั้น มันหมายความว่าเขาจะเสียโอกาสในการต่อต้าน อสูรทลายมิติ และตอนที่เขาเกิดใหม่เหนือกว่า อสูรทลายมิติ จะเข้ากินจักรวาลย่อยของเขา พวกนั้นจะทำลายจุดกำเนิดจักรวาลและทั้งเผ่ามนุษย์ก็จะสูญสิ้น ชาวโลกและครอบครัวของเขาต้องตาย มันเป็นสิ่งที่ หลัวเฟิง ไม่ยอมให้เกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามในตอนนี้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทะลวงผ่าน เขายังคงอยู่ระดับเทพแท้จริง มันเป็นทางเดียวที่เขาจะมีเวลามากพอจะสู้กับ อสูรทลายมิติ ได้

****

“จุดกำเนิดของการทำลาย? และจุดกำเนิดจักรวาลคือจุดกำเนิดชีวิต…” หลัวเฟิง คิดเมื่อเห็นท่านี้ “ประตูน้ำวนนั่นแทนส่วนหนึ่งของจุดกำเนิดการทำลายแต่มันกลับสว่างและสดใสแบบนี้เลยรึ?”

ประตูน้ำวนเข้ามาหาเขา เขายังคงพบความลึกลับของน้ำวนนี้และไกลออกไปร่างพลังอมตะของเขาก็ทำการศึกษาและทำความเข้าใจในมิติเสาหินที่ซึ่งเวลาเร็วกว่าที่อื่นสิบล้านเท่าเพื่อพัฒนาตัวเอง

“การทำลาย…”

เขาไม่เคยเจอกับจุดกำเนิดการทำลายมาก่อน เขาเกิดขึ้นมาในจักรวาลดั้งเดิม ดังนั้นเขาจึงตะลึงกับท่านี้

เวลาเกือบจะหยุดนิ่งและน้ำวนได้ชนเข้ากับหอคอย 9 ชั้นทำให้หอคอยกระเด็นออกมา

“ช่างเป็นท่าที่น่าทึ่ง” หลัวเฟิง ตื่นเต้น “แบ๊ดดี้ ไม่ได้มีเทพทวูฉี, ปีกซื่อหวู๋ และดาบเงาเลือด นั่นคือพลังของมัน แต่มันก็ยังสามารถใช้พลังขนาดนี้ออกมาได้ ถ้าข้าไม่มีหอคอยดวงดาว ข้าคงเสียเปรียบแม้ว่าจะต้านทานการโจมตีไว้ได้”

น้ำวนอัดเข้ากับหอคอยดวงดาว หลัวเฟิง รู้สึกได้ชัดเจนว่ามันทรงพลังแค่ไหน เขาบอกได้ทันทีว่าเขาสามารถที่จะต้านทานมันได้ สิ่งที่เขาจำเป็นต้องมีในการรับมือคือเทพวูฉีและดาบเงาเลือด!

“ซ่อนอยู่ในหอคอยดวงดาวเท่าที่เจ้าต้องการเลย ไอ้คนขี้ขลาด!” แบ๊ดดี้ พูดขึ้นมา ภาพของ อสูรทลายมิติ ด้านหลังมันหายไปพร้อมกับรอยสลักที่หลอมรวมเข้ากับผิวของมัน

ซู่!

แบ๊ดดี้ หันกลับและเริ่มหนี มันไม่ได้โง่ หลัวเฟิง ต้านทานการทำลายได้ง่ายๆ ด้วยการซ่อนอยู่ในหอคอยดวงดาว ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อ

“เจ้าคือ อสูรทลายมิติ ที่แข็งแกร่งที่สุด แบ๊ดดี้” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ทำไมเจ้าถึงได้รีบหนีล่ะ?”

หอคอยดวงดาวบินเข้าหา แบ๊ดดี้ อย่างรวดเร็ว

ฮัวะ! ฮัวะ! ฮัวะ!

ทั้งไข่มุขทะเลทองคำและปีกซื่อหวู๋พยายามควบคุมคลื่นทองและเวลากับมิติให้หยุดนิ่ง พวกมันยับยั้ง แบ๊ดดี้ เอาไว้ หลัวเฟิง นั้นเร็วอย่างมากภายใต้ขอบเขตของตัวเอง และ แบ๊ดดี้ นั้นก็โดนยับยั้ง ดังนั้นทั้งสองจึงเข้าใกล้กันเรื่อยๆ

“บัดซบ” แบ๊ดดี้ แสดงสีหน้าดุร้ายออกมา มันหงุดหงิดจนกัดฟันแน่น

มันไม่ได้แยกร่าง มันรู้ว่าถ้าทำแบบนั้นไป ทั้ง 99 ร่างนั้นไม่อาจจะต้านทานหอคอยดวงดาวได้

ซู่!

หอคอยดวงดาวได้พุ่งเข้าหา แบ๊ดดี้ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“แบ๊ดดี้!” หลัวเฟิง ตะโกนขึ้นมา

ฮ่ง! ล่ง!

คลื่นพลังอมตะแผ่ออกมาครอบคลุมตัว แบ๊ดดี้ เอาไว้ แม้ว่าพลังอมตะจะไม่อาจทำให้มันช้าลงได้มากแต่มันก็เหมือนกับโยนเหล็กร้อนลงในน้ำ และตอนที่ทะเลพลังอมตะเข้าห้อมล้อมตัว แบ๊ดดี้ เอาไว้นั้น…

ชี่! ชี่! ชี่!

พลังอมตะและพลังของ อสูรทลายมิติ หักล้างกัน แบ๊ดดี้ โกรธขึ้นมา มันไม่เคยโดนยับยั้งแบบนี้เลยตั้งแต่เกิดมา ตอนนี้มันเข้าใจแล้วว่าพลังอมตะของ หลัวเฟิง นั้นมากกว่าที่มันมีซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้กล้าใช้ท่านี้

“เจ้าคิดจริงๆ รึว่าฆ่าข้าได้ด้วยท่านี้?” แบ๊ดดี้ มองไปที่หอคอยดวงดาว “ออกมาสู้กับข้าสิหากเจ้ากล้าพอ”

“ได้” ร่างสีขาวลอยออกมาจากหอคอยดวงดาว

แบ๊ดดี้ ตะลึง มันไม่คิดว่า หลัวเฟิง จะกล้าพอที่จะบินออกมาจากหอคอยดวงดาว

เขาไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเขารึไง?

แบ๊ดดี้ สงสัยและสับสน

แบ๊ดดี้ ตกที่นั่งลำบากและเกือบตัดสินใจที่จะใช้ประตูส่วนแสงที่เป็นท่าไม้ตายเพื่อจะหนีแต่เมื่อใช้ออกมาแล้ว มันจะเผาขอบเขตของตัวเองลดระดับของมันไป 1 ระดับเต็มๆ

แบ๊ดดี้ เป็น อสูรทลายมิติ ระดับ 5 ถ้ามันใช้ประตูส่วนแสงออกมา มันจะลดไปเหลือระดับ 4 ซึ่งหมายความว่ามันต้องกิน อสูรทลายมิติ ระดับ 4 กว่า 30 ตัวเพื่อจะขึ้นมาเป็นระดับ 5 มันไม่อาจจะใช้ท่านี้ได้นอกซะจากว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตมัน

“แบ๊ดดี้!” หลัวเฟิง บินเข้าหา แบ๊ดดี้ พร้อมกับดาบเงาเลือดในมือ “ข้าเคารพเจ้าและจะฆ่าเจ้าในการต่อสู้นี้”

“หยิ่งยะโส!” แบ๊ดดี้ โกรธมากกว่าเดิม

ทันใดนั้นรอยสลักเลือดก็ปรากฏที่ผิวของมันอีกรอบและหมุนวนรอบตัวมัน พวกมันบินไปด้านหลังและเริ่มเปล่งแสงออกมา แสงนั้นอัดแน่น รอยสลักเลือดเหมือนกับโครงกระดูกก่อตัวเป็นเงา อสูรทลายมิติ อีกครั้ง แบ๊ดดี้ และภาพ อสูรทลายมิติ ได้ใช้ท่าเดียวกันออกมา ทั้งสองได้ยื่นมือทั้งสองข้างของตนออกมา

“ทำลาย!”

แบ๊ดดี้ ใช้ท่าที่ทรงพลังที่สุดออกมาอีกครั้ง ถึงจะใช้พลังงานไปจำนวนมากแค่มันก็ไม่คิดที่จะใช้ประตูส่วนแสง

“ดี” หลัวเฟิง มองไปที่น้ำวนและพยายามจะศึกษามัน

ทำไม หลัวเฟิง ถึงออกมาสู้?

เพราะเขาต้องการเห็นท่าการทำลาย การทำลายนี้มีส่วนหนึ่งของจุดกำเนิดการทำลายและนอกซะจากว่าเขาจะสู้กับ อสูรทลายมิติ เขาก็ไม่มีโอกาสอื่นที่จะทำความเข้าใจมัน

“งั้นนี่ก็คือวิธีการทำงานของมันสินะ…”

ตอนที่ หลัวเฟิง มองดูนั้น ร่างพลังอมตะของเขาก็ทำการวิเคราะห์อยู่ในที่ที่เวลาเร็วกว่าเป็นสิบล้านเท่า

แบ๊ดดี้ มองไปที่ หลัวเฟิง และกัดฟันแน่น “ตายซะ!”

ฮ่ง!

น้ำวนบดขยี้ทุกอย่างที่ขวางทางและบินเข้าหา หลัวเฟิง มันได้ทำลายทุกอย่างที่มันสัมผัส ไม่มีอะไรหยุดน้ำวนที่แทนการทำลายนี้ได้แต่ หลัวเฟิง ก็ยังยืนนิ่งพร้อมกับดาบเงาเลือดในมือ

หลัวเฟิง สะบัดดาบในมือ “ปีกแสง!”

ดาบแสงได้พุ่งออกไปพร้อมมีมังกรขาวปีกใหญ่ปรากฏขึ้นมา มังกรนั้นยาวกว่า 100 ล้านกิโลเมตร เกล็ดของมันดูแหลมคม แต่ละเกล็ดนั้นสว่างยิ่งกว่าดวงดาวและตาของมันก็ไม่ได้ต่างกัน มันสะบัดปีกแล้วใช้หัวอัดเข้ากับประตูน้ำวน

ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง!

ประตูน้ำวนและมังกรได้เข้าปะทะกัน

หลัวเฟิง นั้นแข็งแกร่งพอๆ กับเทพแท้จริงมิติและเขาก็มี เทพวูฉี, ดาบเงาเลือด และเทคนิควูดูเหมย การโจมตีนี้ทรงพลังพอๆ กับเทพแท้จริงมิติขั้นสูงและสามารถทำลายจักรวาลย่อยได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!