Skip to content

Swallowed Star 16

ตอนที่ 16 ห้องขัง

ห้องว่างเปล่า มืดมิดและหนาวเย็น อากาสเย็นโชยเข้ามา อย่างต่อเนื่องจนอดสั่นสะท้านไม่ได้

“นี่คือห้องสอบสวนเหรอ?” หลัวเฟิงมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เขามองดูไปรอบๆ “พวกเขาโยนเราเข้ามาในห้องมืดแล้วตั้ง อุณหภูมิแอร์ซะเย็น คงกำลังเล่นสงครามจิตวิทยาซินะ?”

ก่อนที่ ‘การสอบสวน’ จะเริ่มขึ้น หลัวเฟิงก็ชนะไปแล้ว!

หลัวเฟิงผ่านการทดสอบเตรียมนักสู้ไปแล้ว เขาจึงไม่กลัว ลูกไม้ของตำรวจอีกต่อไปแล้ว

ด้านนอกภายในห้องรักษาความปลอดภัย ตำรวจสองสามนาย มองเข้าไปด้านในห้องนั้นผ่านกล้องรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งทำท่าทางแปลกใจ “หัวหน้าคะ ทำไมเด็ก หนุ่มคนนี้ถึงดูไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ?”

ปกติเมื่อมีใครซักคนที่ต้องเข้า ไปในห้องสอบสวนแล้วอยู่ในนั้นซักครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็จะเริ่มตื่นตระหนกเนื่องจากความกังวลของตัวเอง

“อย่าเพิ่งดูแคลนเขา ข้อมูลส่วนตัวของเขาคือเขาเป็นสมาชิกระดับหัวกะทิของสำนักฝึก! และเขายังทำร้ายสมาชิกระดับหัวกะทิได้ถึง 4 คน!” ชายศีรษะล้านวัยกลางคนหัวเราะ

“1 ต่อ 4? ถ้าเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น เป็นไปได้ไหมครับที่เขา จะเป็นเตรียมนักสู้? แล้วถ้าเขาเป็น มันจะมีปัญหาอะไรไหมครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มถามขึ้นบ้าง

“เขาไม่ใช่เตรียมนักสู้หรอก ข้อมูลบอกอย่างชัดเจน”

ชายศีรษะล้านวัยกลางคนกล่าว “ไปเถอะเซียวหยาง เข้าไป สอบสวนเขาสักหน่อย”

“ครับ หัวหน้า”

………….

ภายในห้องสอบสวน หลัวเฟิงนั่งรออยู่เกินครึ่งชั่วโมงแล้ว

“มาแล้วเหรอ?” หลัวเฟิงยิ้มขณะที่เห็นตำรวจสองนายเดินเข้ามา

เจ้าหน้าที่ศีรษะล้านวัยกลางคนชะงักงันไป เด็กหนุ่มคนนี้ยังคง สงบนิ่งอย่างคาดไม่ถึง เขาเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่ง และก็เข้ามานั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะสอบสวนนั่น เขาล่งยิ้มให้ แล้วพูดขึ้น “โทษที เรามัวแต่สอบสวนคนอื่นอยู่ เพราะงั้นเราเลยมาช้าไปหน่อย”

“ไม่มีปัญหาครับ” แล้วหลัวเฟิงก็ถามขึ้น “คนงาน 3 คนจาก บริษัทรับเหมาเป็นไงบ้างครับ พวกเขาไปหรือยัง?”

“เราปล่อยพวกเขากลับบ้านไปแล้ว” ชายศีรษะล้านดูท่าทางเป็นมิตร

หลัวเฟิงพยักหน้า

ในกรณีนี้ หลัวหงกั๋วกับพวกตกเป็นเหยื่อ ดังนั้นพวกเขาเลย ไม่ได้ติดร่างแหไปด้วย

“คนงาน 3 คนจากบริษัทรับเหมาและจางฮ่าวไป๋กับบอดี้ การ์ดของเขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ความจริงไม่ดีกับนายเลย นายมีอะไรจะพูดมั้ย?” ชายศีรษะล้านวัยกลางคนจ้องเขม็งมาที่หลัวเฟิง โดยปกติแล้ว เมื่อใครซักคนได้ยินว่าความจริงไม่ดีกับเขา เขาก็จะพยายามอธิบายตนเอง

หลัวเฟิงยิ้ม “ไม่มีอะไรมากครับ จางฮ่าวไป๋กับบอดี้การ์ดของ เขา 3 คน ไอ้สวะ 4 ตัวนั่น! พวกมันกล้าทำร้ายพ่อผม ผมก็แค่สั่ง สอนพวกมันเท่านั้น”

“หือ?” เจ้าหน้าที่ศีรษะล้านวัยกลางคนและเจ้าหน้าที่หนุ่มงงงัน

ไป

“ปัง!” เจ้าหน้าที่หนุ่มทุบโต๊ะแล้วตะคอกใส่ “หลัวเฟิง บอก ความจริงมา นี่คือสถานีตำรวจ หยุดโอหังได้แล้ว!”

“โอหังเหรอ? ผมกำลังบอกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นะ” หลัวเฟิงยิ้ม “นั่นแหละ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องพูด”

เจ้าหน้าที่ศีรษะล้านวัยกลางคนขมวดคิ้ว “หลัวเฟิง ความโอหัง ของนายไม่ได้ช่วยอะไรนายหรอกนะ นายตั้งใจเล่นงานพวกเขาซะ ขนาดนั้น ถ้านายจะติดคุกซัก 2 ปีก็คงไม่แปลก นายเล่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโดยละเอียดจะดีกว่า”

“ผมไม่มีอะไรจะพูดมากหรอกครับ” หลัวเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว

เจ้าหน้าที่ศีรษะล้านวัยกลางคนขมวดคิ้ว เขามองดูหลัวเฟิงผู้ ยังคงสงบนั่งอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ศีรษะล้านนั้น

ก็โบกมือแล้วพูดว่า “โอเค อย่ามาเสียใจก็แล้วกัน เอาตัวเขาลงไป!”

หลัวเฟิงยิ้มขณะที่ลุกขึ้น แล้วเจ้าหน้าที่ชาย 2 คนก็รุดเข้ามา ในห้องนั้นแล้วเข้าคุมตัวเขาออกไป

……………

คุกของเขตอี๋อันอยู่ถัดไปจากสถานีตำรวจนั้นเอง อิทธิพลของนักสู้ทำให้สังคมทุกวันนี้ต้องต่อสู้และทะเลาะกันมากมาย ตังนั้นจึง มีผู้คนจำนวนมากถูกขังอยู่ที่นี่ แต่ละเขตต่างก็มีคุกเป็นของตัวเอง เพื่อขังคนเหล่านี้ และหลัวเฟิงก็จะต้องเข้าไปอยู่ในคุกวันนี้ด้วย

หลังจากที่เปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบนักโทษแล้ว หลัวเฟิงก็ถูกขัง เอาไว้

“299 ห้องนี้แหละ เข้าไป” ผู้คุมผลักหลัวเฟิงเข้าไปแล้วก็ล็อคลูกกรง คนที่ถูกขังอยู่ในห้องนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นขโมย คนเมาแล้วขับ พวกทะเลาะวิวาท และอาชญากรที่กำลังรอการตัดสิน

คดีวิวาทของหลัวเฟิงเป็นเรื่องธรรมดามากที่นี่

จะว่าไป มันก็แต่การต่อสู้เล็กๆ ระหว่างคนไม่กี่คน อย่างไรก็ตาม ถ้าคดีนี้ถูกนำขึ้นศาลจริงๆ ล่ะก็ ก็อาจจะมีโอกาสเป็นไปได้ที่หลัวเฟิงจะต้องโทษจำคุกสองสามปี เหตุก็คือแน่ล่ะ…หลัวเฟิงไม่ใช่เตรียมนักสู้

ภายในห้องขัง

“เฮ้ เด็กใหม่เหรอ?” เจ้าหัวเหม่งรอยสักเต็มตัวกำลังนอน เอกเขนกอยู่บนเตียง ถัดจากเขาก็เป็นชายแก่ซึ่งเป็นลูกน้องกำลัง นวดเฟ้นให้อยู่ เจ้าหัวเหม่งจ้องหลัวเฟิงเขม็ง “ไอ้หนู แกมันผีตายซากชัดๆ แต่ก็ดูท่าทางไม่เลวนี่หว่า ฮ่าๆๆ มาๆ แน่จริงมาวัดกันซักหน่อยไหมน้อง!”

หลัวเฟิงจ้องตรงไปที่เจ้าหัวเหม่งนั่น เขาเคยได้ยินข่าวลือเรื่อง การข่มเหงรังแกกันในคุกอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือ นี่เป็น ครั้งแรกที่เขาประสบเหตุการณ์แบบนี้

“เวรเอ๊ยหูหนวกหรือไง?” เจ้าหัวเหม่งลุกขึ้นพรวดพราด

“เอาสิ เอาสิ” หลัวเฟิงชักจะคันไม้คันมือขึ้นมาเหมือนกัน

“อยากลองดีงั้นเหรอ?” พอเจ้าหัวเหม่งรู้ว่าหลัวเฟิงไม่ให้ความเคารพ ก็ซัดฝ่ามืออันหนาใหญ่ราวกับใบตาลตรงมาที่หัวของหลัวเฟิง

ด้วยการขยับแค่เล็กน้อย แขนของหลัวเฟิงก็พุ่งออกไปราวกับ งูฉกและคว้าหมับไปที่ข้อมือของเจ้าหัวเหม่ง

“หือ? หือ?” เจ้าหัวเหม่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขารู้สึกเหมือน แขนถูกคีบด้วยคีมเหล็ก เขาไม่สามารถสำแดงเดชอะไรออกมาได้เลย แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขารู้แล้วว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหนักทีเดียว

“แกอยากวัดกับฉันอย่างนั้นเหรอ?” นิ้วมือขวาของหลัวเฟิง ขยํ้าแรงขึ้นและบิดข้อมือของเจ้าหัวเหม่ง เขาทรุดลงกับพื้นด้วย ความจํบปวดแล้วร้องคร่ำครวญออกมา “พี่ชาย..ผมดูพี่ผิดไป พี่ ชาย..โปรดให้อภัยผมเถิด…อ๊าก…อ๊าก” เขาแหกปากร้องด้วยความ เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

หลัวเฟิงออกแรงโยนเจ้าหัวเหม่งจนลอยไปติดฝาผนัง

“บอกฉันมาได้เลยว่าแกอยากวัดกับฉันตอนไหน” หลัวเฟิงพูด อย่างน่ากลัว จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นโดยใช้แขนขวาช่วยท้าว แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเรียบร้อย

เจ้าหัวเหม่งนั่งอยู่ที่มุมห้องลูบข้อมือป้อยๆ

ทั้งคนแก่และชายหนุ่มร่างผอมที่อยู่บนเตียงในห้องขังต่างก็ มองไปที่เจ้าหัวเหม่งนั่น แล้วมองมาที่หลัวเฟิง

“เจ้าเหม่งหวง เป็นอะไรไป?” ผู้คุมที่ยืนอยู่หน้าห้องขังแอบขำ “ใครอัดแกวะ? เป็นไปได้ยังไง? โอ้ จำใส่กะลาหัวแกด้วยนะ เจ้าเด็ก ใหม่นั้นที่เข้ามาอยู่กับแกก็เพราะมันเพิ่งอัดสมาชิกระดับหัวกะทิ ของสำนักมาซะเละ ระวังนะเว้ย อย่าไปแหย่เขาล่ะ”

หลังจากที่พูดอย่างนั้น ผู้คุมพึมพำอีกเล็กน้อยแล้วก็จากไป

“ก็น่าจะบอกกันก่อน..” เจ้าหัวเหม่งมองไปยังเตียงนอนอย่างกลัวๆ “คนคนเดียวอัดสมาชิกระดับหัวกะทิของสำนักถึง 4 คนเลยเหรอ? เลอะเทอะแน่ๆ”

ขณะนั้นหลัวเฟิงกำลังนึกถึงเรื่องที่เขาได้อ่านตอนอยู่ที่ที่ทำ การสมาคมขีดสุด เกี่ยวกับ ‘เทคนิคการใช้พลังพันธุกรรม’

“อืม.. เราเองก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้วนี่นา เดี๋ยวพอค่ำๆ ลองฝึกพลัง พันธุกรรมดูดีกว่า!”

เหล่านักสู้ต่างก็ใช้พลังพันธุกรรมเพื่อความแข็งแกร่งอันไร้ขีดจำกัด

…………

ขณะที่หลัวเฟิงกำลังวางแผนที่จะฝึกพลังพันธุกรรมในเซลล์ ของเขาอยู่นั้น ภายในห้องคาราโอเกะใกล้กับสถานีตำรวจเขตอี๋อัน เด็กหนุ่ม 2 คนที่กำลังคลอเคลียสาวๆ กันอย่างสนุกสนาน หนึ่ง ในนั้นกำลังแหกปากร้องเพลงอย่างโหยหวน และก็คือจางฮ่าวไป๋นั่นเอง

“เอาล่ะ เธอ 2 คนออกไปได้แล้ว” จางฮ่าวไป๋โบกมือ คนที่ เหลืออยู่ในห้องนั้นก็คือจางฮ่าวไป๋กับวัยรุ่นอีกคนซึ่งสวมแว่นตา

“พี่โจว ผมมีเรื่องอยากให้ช่วยครับ” จางฮ่าวไป๋กล่าว

“มีเรื่องก็รีบพูดมา” วัยรุ่นสวมแว่นหัวเราะ “ถ้าฉันช่วยได้ ฉัน จะทำให้ทันที”

“คืออย่างนี้ครับ มีคนคนหนึ่งที่ชื่อหลัวเฟิง! ไอ้สารเลวนั้นมัน คอยขัดขาผมอยู่เรื่อย” ขณะที่พูดจางฮ่าวไป๋ก็ถ่มน้ำลายด้วยความ เคียดแค้น “ครั้งนี้มันทำร้ายบอดี้การ์ดของผม 3 คนแล้วยังมาอัดผมอีก พี่ครับ ผมรับไม่ได้! ไอ้คนที่พูดถึงตอนนี้มันอยู่ในคุก เพราะ งั้นผมก็เลยมาขอให้พี่โจวฝากผู้คุมเข้าไปสั่งสอนไอ้หลัวเฟิงให้ผมหน่อยน่ะครับ”

“โอ้? ไม่มีปัญหา ว่าแต่ว่าฉันที่ต้องใช้เงินซักจำนวนหนึ่งให้ไอ้ พวกผู้คุมมันยอมให้ความร่วมมือ” วัยรุ่นสวมแว่นยักคิ้วให้

“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้ผมมีอยู่แสนนึง! หลังจากเสร็จ งานเดี๋ยวผมจะให้พี่อีกแสนนึงเลย” จางฮ่าวไป๋โยนกระเป๋าเงินของ เขาตรงไปที่วัยรุ่นคนนั้น

“ฮ่าๆ ยอดเยี่ยม” วัยรุ่นสวมแว่นคนนั้นไม่แม้แต่มองดูกระเป๋า เงินนั้นแล้วพยักหน้าให้ “สองแสน… เราทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ ไม่ให้มันตาย บอกมาเลย จะให้พี่ทำอะไร?”

“หักขาและแขนมันอย่างละข้าง!” จางฮ่าวไป๋กัดกรามแน่น

“ได้..ง่ายมาก” วัยรุ่นสวมแว่นพยักหน้าหงึกๆ

จางฮ่าวไป๋เตือน “พี่โจว ไอ้หลัวเฟิงคนนี้มันไม่ง่ายนะพี่ มันอัด ผมกับบอดี้การ์ด 3 คนมาแล้ว”

“ไม่ต้องห่วง” วัยรุ่นสวมแว่นหัวเราะอย่างมั่นใจ “นายทำใจให้ สบายได้เลย รอฟังข่าวดีละกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!