Skip to content

Swallowed Star 30

ตอนที่ 30 สังหารครั้งแรก

ในเมืองปิดนี้ เตรียมนักสู้ทั้ง 1,680 คน กระจายตัวไปอย่างรวดเร็วและเริ่มออกล่าเหยื่อของพวกเขาทันที

“พี่หยาง พี่จะเข้าไปลุยคนเดียวเลยเหรอ?” หลัวเฟิงและหยางอู่ ยืนอยู่ด้วยกันที่ข้างกำแพงซุปเปอร์มาร์เกตเล็กๆ แห่งหนึ่ง หยางอู่ พยักหน้าอย่างหนักแน่น “เจ้าบ้า ตอนนี้เป็นการทดสอบการต่อสู้จริง ไม่ใช่แค่การสอบ ที่สำคัญกว่านั้น นี่เป็นที่ที่เราจะฝึกความกล้าหาญด้วย! เมื่อนายเข้าไปใน ‘เขตอันตราย’ เพียงลำพัง อันตรายที่นายจะต้องเผชิญมันจะมากกว่าที่นี่นับสิบนับร้อยเท่า! ถ้าแค่เมืองนี้ฉันยังต้องการความช่วยเหลือจากนาย แล้วต่อไปใน อนาคตฉันจะทำยังไง?”

หลัวเฟิงพยักหน้า “พี่พูดถูก พี่หยาง ระวังตัวด้วย”

“โอเค เจ้าบ้า นายต้องคว้าโอกาสให้ได้เหมือนกันนะ” หยางอู่ เตือนสติ “เมืองนี้เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดชั้นต่ำสุดระดับ H อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้ทดสอบวิชาดาบกับสัตว์ประหลาดระดับ ต่ำสุดแบบนี้อีกแล้ว”

“ผมเข้าใจแล้ว นี่เป็นโอกาสที่หายากในการทดสอบวิชาดาบ ของพวกเรา” หลัวเฟิงยิ้มและพยักหน้า

“โอเค เจอกันในเมืองพรุ่งนี้เช้า” หลังจากกล่าวเสร็จ หยางอู่ก็ มองทั้ง 4 ทิศอย่างระมัดระวังและกระโดดลอยออกไปจากที่นั่น

หลัวเฟิงก็วิ่งพุ่งเข้าไปในพื้นที่อึมครึมแห่งหนึ่ง

……….

เมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงค่ำ ก็มีดวงไฟขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นที่เขต พรมแดนของตัวเมือง ทำให้ตัวเมืองส่วนใหญ่สว่างจ้าขึ้น แต่ก็ ยังคงเหลือมุมมืดเอาไว้ให้ซุกซ่อนอีกมากมาย

“จากสิ่งที่เหล่านักสู้คุยกันในพื้นที่สัตว์ประหลาดจะแบ่งเป็น ตัวทหาร ตัวสั่งการ และตัวผู้นำ” หลัวเฟิงถือโล่หกเหลี่ยมด้วยมือ ซ้ายและถือดาบปีศาจด้วยมือขวาขณะที่ยืนขึ้นอย่างเงียบๆ ในซากปรักหักพังอันเต็มไปด้วยฝุ่น

“ตัวทหาร หรือ สัตว์ประหลาดระดับ H มันแข็งแกร่งพอๆ กับ นักรบขั้นต้น”

“ถึงจะมีสัตว์ประหลาดอยู่มากมายในเมืองนี้ แต่ก็มีประเภทหลักอยู่ 3 ประเภท ‘แมวเงาพิฆาต’ จะเป็นประเภทใช้ความเร็ว ‘หมูป่าขนเหล็ก’ จะเป็นประเภทจอมพลัง และ ‘หมาพยัคฆ์’ จะเป็นพวก มีทั้งพลังและความเร็วยอดเยี่ยม” หลัวเฟิงมองไปรอบๆ พื้นที่นั้น

ทันใดนั้น มีเงาหนึ่งเคลื่อนใกล้เข้ามาจากซากตึกขนาด 2 ชั้น ไม่ไกลนัก ด้วยสายตาอันเฉียบคมของหลัวเฟิง เขาสังเกตเห็นว่า ขนของเงานั้นแหลมคมเหมือนเข็มและมีความสูงอย่างน้อย 1.5 เมตร ที่ปากของมันมีเขี้ยวขนาดใหญ่ 2 ข้าง สะท้อนกับแสงไฟที่ สาดส่องมาจากพรมแดนเมือง สิ่งนั้นทำให้เขาชะงักไปอึดใจทีเดียว

หมูป่าทั่วไปที่มนุษย์กินเป็นอาหารอาจจะสูงได้เพียง 60-70 เซ็นติเมตร

ว่าง่ายๆ คือ สัตว์ประหลาดหมูป่าตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าหมู ทั่วไปอย่างน้อย 2 เท่า ตัวมันเกือบเท่ารถบรรทุกขนาดเล็ก

“หมูป่าขนเหล็ก? เหยื่อรายแรกของฉันก็คือแก” หลัวเฟิงเฝ้าดู หมูป่าขนเหล็กตัวนั้นเดินออกมาจากซอย แล้วมันก็เห็นเขาเหมือนกัน

“โกร้ววว…”

ขณะที่เขาจ้องตากับเจ้าหมูป่าขนเหล็กตัวนั้น เขาก็ยกโล่และดาบขึ้น เจ้าสัตว์ประหลาดแผดคำรามดังกึกก้องแล้วออกวิ่งเหยียบพื้นคอนกรีตพุ่งเข้ามาทันที ฝุ่นคลุ้งตลบไปหมด กลิ่นสาบสางโชย มาขณะที่มันพุ่งมาที่หลัวเฟิง พุ่งตรงมาหาเขาราวกับค้อนมหายักษ์

เขี้ยวแหลมพุ่งตรงเข้ามาเหมือนดาบยักษ์

“วูบ..!” ทันทีที่เจ้าหมูป่าพุ่งใส่ หลัวเฟิงก็หลบออกไปด้านข้าง อย่างรวดเร็ว หมูป่าขนเหล็กพุ่งใส่พลาดไป ตาของเขาก็เป็นประกาย เขาทุ่มพลังทั้งหมดลงไปที่แขนข้างขวาแล้วกระหน่ำฟัน ด้วยดาบปีศาจอย่างไม่ยั้งมือ! ดาบปีศาจฟันคอหมูป่าขนเหล็กขาดสะบั้น!

“ฉัวะ”

หัวของหมูป่าขนเหล็กหลุดออกจากร่างปลิวกระเด็นสูงขึ้นไป เลือดสดๆ พุ่งทะลักไปเป็นทางยาวจากที่ที่มันถูกตัดออกจากร่าง ลอยขึ้นไปราว 10 เมตรก่อนจะตกลงมา ร่างของมันหมุนกลิ้งไปบนพื้นเล็กน้อยก่อนที่จะตาย

หลัวเฟิงสูดหายใจลึก หัวใจของเขาสั่นเล็กน้อยหสังจากที่เพิ่งผ่านฉากนองเลือดมา

การฆ่าสัตว์ประหลาด……

การฆ่าสัตว์ประหลาดเป็นครั้งแรกทำให้ใจเต้นได้จริงๆ

“ไม่แปลกใจเลยที่อาอูพูดว่าเตรียมนักสู้หลายคนไม่สามารถ นำความแข็งแกร่งออกมาใช้ได้เมื่อต้องนองเลือด” หลัวเฟิงนึก ทบทวนการต่อสู้ “การหลบหลีกเมื่อกี้เราทำได้ดี แต่ว่า…การฟันคอ หมูป่าขนเหล็กอาจเป็นการหมดแรงโดยไม่จำเป็น แต่อย่างไรก็ตาม เตรียมนักสู้ทั่วไปอาจจะไม่สามารถแม้แต่จะตัดหัวของหมูป่าขนเหล็กก็ได้”

การโจมตีของหมูป่าขนเหล็กทรงพลังมาก แต่นั่นก็เป็นเพียง ระดับของเตรียมนักสู้ทั่วไปเท่านั้น

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหลัวเฟิงเทียบเท่ากับนักสู้ในระดับนักรบขั้นกลาง การต่อสู้กับหมูป่าขนเหล็กแบบนี้ก็ไม่ต่างกับ หมาหยอกไก่เท่านั้น

“ตามที่รุ่นพี่นักสู้ในเขตหมิงเยว่กล่าวไว้ เราไม่สามารถใช้แต่ แรงตอนที่ต้องรับมือกับสัตว์ประหลาด เราจะต้องมองหาจุดอ่อนของมัน

เราเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะปล่อยให้จิตใจหวั่นไหว ตอนที่ฟันคอหมูป่าขนเหล็กนั่น เราจะต้องชินกับสิ่งนี้! ในอนาคต เราจะต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอยู่ตลอดเวลาในทางเดินของชีวิตเรา ถ้าใจเราไม่พร้อม เราอาจจะตายในสถานการณ์สำคัญได้” หลัวเฟิงเข้าใจแล้วว่ายิ่งในช่วงเวลาสำคัญ ตนยิ่งต้องสงบให้มากที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม สภาพจิตใจของหลัวเฟิงค่อนข้างดี เพราะ คนทั่วไปก็มักจะมีปฏิกิริยาต่อการฆ่าครั้งแรกมากอยู่แล้ว

หลัวเฟิงเดินตรงไปที่หัวของหมูป่าขนเหล็ก และด้วยการสับมือ แค่ครั้งเดียว….

เขาก็ตัดใบหูข้างซ้ายหมูป่าแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าที่เขาถือมา “อันแรก! เอาล่ะไปต่อดีกว่า!” ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย หลัวเฟิงก็หายออกไปจากถนนตรงนั้น เหลือเพียงซากศพของหมูป่าขนเหล็กเท่านั้นที่นอนจมกองเลือดอยู่บนถนน

……….

ทุกวินาทีที่ผ่านไปในเมืองปิดนี้ มีการต่อสู้นองเลือดกันทุกมุม! ถึงแม้จะเป็นสัตว์ประหลาดระดับ H ที่มีพลังใกล้เคียงกับเตรียมนักสู้ แต่มนุษย์มีข้อได้เปรียบอยู่หนึ่งประการ…ความฉลาด! สัตว์ ประหลาดพลังต่ำสุดระดับ H ไม่ได้เฉลียวฉลาดอะไรนัก มันใช้เพียงสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานของสัตว์ป่าเท่านั้น

เวลาราว 2 ทุ่ม

บนตึกสูงขนาด 6 ชั้น เงา 2 เงากำสังต่อสู้กันด้วยความรวดเร็ว

“ฉับ…!”

แสงสะท้อนวาบจากดาบ หลัวเฟิงโดดลงคุกเข่าบนพื้นดาดฟ้า คราบเลือดปรากฏชัดบนดาบปีศาจที่เขาถืออยู่ ส่วนอีกเงาหนึ่งถูก ทิ้งให้นอนจมกองเลือดอยู่ด้านหลัง

“แมวเงาพิฆาตตัวนี้เร็วที่สุดในบรรดาสัตว์ประหลาดทุกชนิด แม้ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดระดับ H มันก็มีความเร็วถึง 40 เมตรต่อวินาที” หลัวเฟิงลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไป แมวเงาพิฆาตที่นอนอยู่บนพื้นมีขนสีเทาล้วนและตัวของมันก็ไม่ได้ใหญ่นัก ตัวยาวราวๆ ครึ่งเมตรเห็นจะได้ ที่ท้องของเจ้าแมวตัวนี้มีรอยแผลขนาดใหญ่ อวัยวะภายในไหลออกมาจากการโจมตีของหลัวเฟิง

“สำหรับเตรียมนักสู้ทั่วๆ ไป แมวตัวนี้อาจเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง แต่แย่หน่อยที่แกเจอกับฉัน” หลัวเฟิงส่ายหัวแล้วก็ตัดใบหู ซ้ายของมันออก

ความเร็วของหลัวเฟิงเร็วกว่าเจ้าแมวเงาพิฆาตนี้เสียอีก

เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะหลัวเฟิงบรรลุถึงระดับนักรบขั้นกลางแล้ว และหลัวเฟิงก็นับว่าแข็งแกร่งกว่ามาก

“อันที่ 5”

หลัวเฟิงค่อยๆ ตัดชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาดออก “โดยปกติ มี โอกาส 100% ที่จะผ่านการทดสอบถ้าฆ่าสัตว์ประหลาดได้ 3 ตัว ตอนนี้เราฆ่าไป 5 ตัวแล้ว เพราะงั้นเราผ่านแน่ๆ! หลังจากนี้…เราเริ่มฝึกฝนความคล่องตัวและก็วิชาดาบดีกว่า” ก่อนหน้านี้เขาฆ่า สัตว์ประหลาดเพื่อคะแนน และตอนนี้เขาก็ได้คะแนนพอแล้ว

“เราใช้พลังหมัด 1000 กิโลกรัมและความเร็ว 30 เมตรต่อวินาที เพื่อเริ่มต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้”

หลัวเฟิงรังแกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไปแล้ว เพราะพวกมันระดับต่างจากเขามาก

แต่ตอนนี้ หลัวเฟิงกำหนดความแข็งแกร่งของเขาให้เท่ากับ พวกมันแล้ว ดังนั้นมันจะเป็นการฝึกฝนอย่างแท้จริง เพราะเมื่อเข้า ไปในเขตอันตรายในอนาคต จะไม่สามารถเลือกสู้กับสัตว์ ประหลาดที่อ่อนแอกว่าได้ตลอดเวลานั้นเอง

“เริ่ม!”

หลัวเฟิงยืนอยู่บนระเบียงของตึกอยู่อาศัยขณะที่มองไป ข้างล่างเขารอบๆ

“หือ? ตัวแรก!” หลัวเฟิงมองเห็นหมาพยัคฆ์ลายจุดตัวหนึ่ง ด้วยหางตา มันอยู่ใกล้ๆ ยอดซากปรักหักฟังของตึกขนาด 3 ชั้น หลัวเฟิงพุ่งทะยานเข้าใส่มันหันที ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว จากระเบียงตรงนั้น เขาทะยานไปไกลกว่า 10 เมตรและเหยียบลงไป บนยอดซากปรักหักพังที่หนึ่ง แม้แต่พื้นก็สะเทือนอย่างรุนแรงจาก การเหยียบของเขา

หลัวเฟิงม้วนตัวไปบนพื้นด้วยแรงเฉื่อยนั้น และพุ่งตรงเข้าไปที่ หน้าหมาพยัคฆ์ตัวนั้นทันที

“โฮก…” หมาพยัคฆ์ก็พุ่งตรงเข้ามาทันทีเช่นกัน

………..

วัยรุ่นหน้าเคร่งขรึม เสื้อของเขาเปรอะไปด้วยคราบเลือด ใน มือถือดาบจันทราดำขณะที่เดินแปลกๆ อยู่บนถนน

“ฉันสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าหลัวเฟิงนั้นมันฆ่าสัตว์ประหลาดได้ เท่าไหร่แล้ว” วัยรุ่นหน้าเคร่งขรึมคิดกับตัวเอง เขาเป็นเพียงคน เดียวในบรรดานักสู้ทั้ง 1,680 คนที่แข็งแกร่งใกล้เคียงกับหลัวเฟิง อัจฉริยะที่ถูกจับตาจากทางสำนักลายฟ้า ‘ว่านตง’

แม้ว่าตอนนี้ จะมี 3 คนที่ถูกจับตามองอยู่

แต่ทว่า หนึ่งในนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการยิงปืนซึ่งระดับ สมรรถภาพร่างกายของเขาไม่ได้สูงนัก

มีเพิยงหลัวเฟิงและว่านตงคนนี้เท่านั้น ที่เป็นอัจฉริยะด้าน สมรรถภาพร่างกายเหมือนๆ กัน

“หือ?” ว่านตงจ้องไปยังที่แห่งหนึ่ง

เขาเห็นเพียงเงาหนึ่งกำลังต่อสู้ติดพันอยู่กับแมวเงาพิฆาต 2 ตัว แมวเงาพิฆาต 2 ตัวขู่ฟ่อและเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วด้วยกรง เล็บของพวกมัน แต่อย่างไรก็ตาม เงานั้นก็หลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วข ณะที่เข้าต่อสู้กับแมวเงาพิฆาต 2 ตัว

“หลัวเฟิง! แค่ฆ่าแมว 2 ตัวนั้นมันไม่นานไปหน่อยเหรอ? ฉัน ล่ะผิดหวังในตัวนายจริงๆ” ว่านตงตะโกนพร้อมกับหัวเราะ

“ฉับ!”

“ฉับ!”

เร็วปานสายฟ้า ดาบปีศาจในมือของหลัวเฟิงฟันฉับ 2 ครั้ง และแมวเงาพิฆาตก็ร่วงลงสู่พื้นในทันที หลังจากที่ดิ้นอยู่เล็กน้อย พวกมันก็นิ่งสนิท

“เร็วมาก” ว่านตงตกใจและคิดกับตัวเอง “ดาบนั้นฟันไปที่ จุดอ่อนของแมวเงาพิฆาตอย่างหมดจด” ว่านตงดูจากการฟันของ หลัวเฟิงก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของหลัวเฟิงไม่ใช่เล่นๆ เลย

“ฉันว่าจะเล่นกับพวกแกต่ออีกซักหน่อยแล้วจะไปฝึกที่อื่นต่อ” หลัวเฟิงมองดูศพแมวเงาพิฆาตสองตัวนั้น “แต่ก็เอาเถอะ หมอนั่น มันน่ารำคาญและเราก็ไม่อยากให้เขาเห็นการฝึกความคล่องตัวและวิชาดาบของเรา” หลัวเฟิงตัดหูของแมวเงาพิฆาตสองตัวนั้น แล้วหยิบใส่กระเป๋าของเขา แล้วหายวับไปโดยไม่ได้หันมามองว่าน ตงเลยแม้แต่น้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!